px

เรื่อง : Seoul Station’s Necromancer จบแล้วอ่านฟรี!!!
SSN บทที่ 195 : โลกจันทรา (2)


“นายจะพักสักหน่อยไหม”

"ก็ดีครับพี่"

"พวกเราชนะมาเท่าไรแล้วนะ?"

"เมื่อกี้ก็เป็นการชนะติดต่อกันครั้งที่ 75 ของเราครับพี่"

แจมินดูไม่ค่อยเหน็ดเหนื่อยหรือเบื่อหน่ายสักเท่าไร นั่นทำให้วูชินประหลาดใจมาก

"นายไม่เบื่อหรือเหนื่อยบ้างเหรอไง?"

"แหะๆ จะไปเหนื่อยหรือเบื่อได้ยังไงล่ะพี่ ผมพึ่งเล่นเกมส์นี้ไปแค่วันเดียวเอง "

"อ่าเกมส์... "

วูชินหัวเราะเจื่อนๆเมื่อได้ฟังคำพูดของแจมิน...สมกับเป็นวัยรุ่นเกาหลี

"งั้นเราเริ่มกันต่อเลยไหม?"

"เอาสิพี่ เดี๋ยวถ้าเหนื่อยแล้วผมจะขอพี่พักเอง "

"อ่า ตามใจนายเลย..”

ตอนนี้วูชิยมีงานอย่างเดียวคือการประลองกับผู้ปกครองมิติ ที่ยืนคำร้องขอประลองตัวต่อตัวในนัดล้างตา

แต่นั้นก็มีผู้ปกครองมิติไม่กี่คนเท่านั้นที่ยืนคำท้าประลองตัวต่อตัว เพราะพวกเขาทั้งหมดล้วนกลัวที่จะสูญเสียเพิ่มเติมหรือตายในนัดล้างตา ซึ่งนั่นจะทำให้เสียเวลาไปอย่างมาก

เมื่อเห็นว่าแจมินกำลังใช้สมาธิกับเกมส์...การทำสงครามชิงมิติ วูชินก็ลุกขึ้นยืน

ตอนที่เขานั่งอยู่บนบัลลังก์นั้น เขาก็ได้ซื้อพวกวัตถุดิบสำคัญต่างๆเอาไว้ทันทีที่แต้มของเขามีเพียงพอ แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้เริ่มผสมวัตถุดิบทำชุดเซ็ทแต่อย่างไร

เพราะหลังจากที่โลกถูกเชื่อมต่อโดยสมบูรณ์แล้วมันจะไม่มีความแตกต่างด้านเวลาอีกต่อไป หากเขาใช้เวลาในพื้นที่มิตินี้เป็นเวลา 1 วัน เวลาภายนอกของโลกเองก็จะไหลผ่านไป 1 วันเช่นเดียวกัน     

"ฉันควรกลับไปเยี่ยมไหมนะ?"

พื้นที่มิติ หรือ ช่องว่างมิติระหว่างดวงดาวนั้นมีความสามารถอย่างหนึ่ง

นั่นก็คือเขาสามารถส่งข้อความตอบโต้กับข้ารับใช้ที่อยู่ในการปกครองของเขาทั้งหมดในขณะที่เขาอยู่ในพื้นที่มิตินี้ ไม่ว่าจะเป็นเมโลดี้บนอัลเฟ่น หรือจะเป็นบีบีที่โลกก็ตาม  แต่ดูเหมือนตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรสำคัญเกิดขึ้นสักเท่าไร เพราะไม่มีใครติดต่อมาหาเขาสักคน

ถ้าเป็นคำทาประลอง คิบะเองก็สามารถรับคำท้าแทนเขาได้

และถ้าคิบะพ่ายแพ้ วูชินก็สามารถกลับมาแก้แค้นให้เขาได้

วูชินมาหยุดลงตรงหน้าประตูมิติที่จะพาไปยังอาณานิคมในหุบเขาซัวรอสที่อยู่บนดาวอัลเฟ่น

วิ้งงงงง

หลังจากที่เขาเดินผ่านประตูมิติมาโผล่ที่อาณานิคมในหุบเขาซัวรอสเขาก็มีสีหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย เพราะดูเหมือน..ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร

"อะไรกัน? นายยังอยู่นี่อีกหรอ? "

เปลวไฟขนาดใหญ่ยังคงเผาไหม้อยู่เรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะดับ วูชินได้แต่ส่ายหัวเมื่อมองไปที่มัน

ซังกูโลภมากเกินไปแล้ว เขายังคงเผาไหม้หลอมรวมเพิ่มพูนพลังเวทย์อย่างไม่รู้จักพอ

"เฮ่ ถ้านายได้ยินฉันล่ะก็ ออกมาได้แล้ว พอได้แล้ว "

ฟู่มมมม

วูชินเองก็ไม่รู้ว่าซังกูได้ยินคำพูดของเขาหรือเปล่า เพราะเปลวไฟมันพูดไม่ได้...

ในขณะที่ทุกคนกำลังสับสนเพราะอยู่ดีๆผู้อมตะก็ปรากฏตัวออกมาคุยกับกองไฟ เมโลดี้ที่รับรู้การมาถึง ก็รีบแหวกฝ่าฝูงชนออกมาทันที

“ผู้อมตะ”.

เมื่อวูชินเห็นเมโลดี้เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อย เพราะเธอดูเหมือนว่าจะดีใจมากที่เห็นเขาอีกทั้งเธอยังดูร่างเริงขึ้นมาบ้างแล้ว

เมโลดี้ถูกเทพธิดาที่เธอรับใช้มาตลอดชีวิตทอดทิ้ง อีกทั้งยังเสียพลังทั้งหมดไป  นี่จึงทำให้เขากังวลเกี่ยวกับเธออยู่เล็กน้อย

"มีอะไรผิดปกติไหม?"

"ค่ะท่าน ตอนนี้จำนวนผู้ปกครองมิติที่อยู่ในดันเจี้ยนของดาวอัลเฟ่น กำลังลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วอย่างเห็นได้ชัด"

มีดันเจี้ยนอยู่มากมายหลายแห่ง

การจัดตั้งยังคงมีขึ้นเป็นครั้งคราว แต่ตอนนี้ดันเจี้ยนส่วนมากถูกซื้อโดยผู้ปกครองมิติระดับต่ำ พวกที่ซื้อดันเจี้ยน แบบนี้เป็นพวกที่แทบจะไม่เหลือทรัพยากรอะไรหลังจากซื้อดันเจี้ยนด้วยซ้ำ

และพวกแบบนี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกองกำลังพันธมิตรและเหล่าผู้กล้าเลยสักนิด

"ก็ไม่ได้เข้าใจยาก ไอพวกผู้ปกครองมิติเวรนี่ไม่ว่าจะปีกกล้าขาแข็งหรือยังเป็นละอ่อนหัดเดิน ตอนนี้ก็มุ่งหน้าไปที่โลกกันหมด เพื่อหวังแย่งผลประโยชน์ "

ความสามารถโดยรวมของผู้มีพลังบนโลก รวมถึงอาวุธที่ล้ำหน้ามีเทคโนโลยีสูง ทำให้กำลังรบของโลกมากกว่าดาวอัลเฟ่น

ตอนนี้ยังดูเหมือนว่าโลกกำลังต้านทานได้อย่างดี แต่สุดท้ายจะอย่างไรฝ่ายที่ชนะก็คงเป็นผู้ปกครองมิติอยู่ดี

เพราะถ้าใครรู้เรื่องราวเกี่ยวกับศึกสงครามที่มีมายาวนานกว่า 200 ปี บนดาวอัลเฟ่น ก็จะเข้าใจได้ว่าไอพวกนี้มันถนัดการทำสงครามยืดเยื้อและคอยผลาญทรัพยากรเก่งขนาดไหน

พวกมันมีเวลาตราบเท่าที่พวกมันต้องการ

คนเดียวที่จะหมดหวังก็คือคนที่พยายามปกป้องโลก...หรือแม้กระทั่งคนที่เดินทางจากโลกมายังอัลเฟ่น ก็ยังสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวังอันนี้ได้

"ทำความเคารพท่านราชา!"

วูชินยิ้มให้กับคำทักทายเจ้ายศเจ้าอย่างของบลังก้าและหน่วยเงามรณะ

"แฮซอลเป็นยังไงบ้างล่ะ?"

"เธอฟื้นแล้วครับ"

เมื่อวูชินได้ฟังคำพูดของ จุนยัง ที่เป็นผู้บัญชาการหน่วยเงามรณะ เขาก็มองหาแฮซอลทันที

"แล้วเธออยู่ไหนล่ะ?"

"... เธอหายตัวไป โดยทิ้งจดหมายฉบับนี้เอาไว้อย่างเดียวครับ"

"หืม?"

จุนยัง ยื่นจดหมายในมือส่งให้วูชิน

จดหมายนั้นสั้น แต่มันก็ได้ใจความ

- ตอนนี้ฉันค่อนข้างไร้ประโยชน์ ฉันควรจะตายแทนที่จะกลายเป็นภาระแบบนี้ ฉันจะกลับมาอีกครั้งหลังจากที่แข็งแกร่งกว่านี้ -

วูชินที่ได้อ่านข้อความก็หัวเราะออกมา

"ไม่ใช่นี่เป็นจดหมายฆ่าตัวตายหรอครับ?"

"ผม ... ผมไม่คิดว่าจะเป็นไปได้"

"ไม่ได้มีความหมายอะไรแบบนั้นหรอก... "

วูชินไม่ได้ต้องการให้แฮซอลแข็งแกร่งหรือมีความสามารถส่วนตัวมากขึ้นสักเท่าไร เธอมีความรู้เกี่ยวกับยุทธวิธีและยุทธศาสตร์เป็นอย่างดีอยู่แล้ว นอกจากนี้ความสามารถจิตสื่อสาร ที่ใช้ในการส่งกระแสจิตของเธอยังช่วยให้เธอสามารถใช้สั่งการกองทัพผู้มีพลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ถ้าเธอต้องการเพิ่มความสามารถในการสู้รบของเธอ เธอควรเพิ่มความสามารถของหน่วยเงามรณะมากกว่า...

"พวกนายมีอะไรที่ต้องทำในวันนี้รึเปล่า?"

"เรื่องที่ต้องทำหรอครับ? ผมคิดว่า…. น่าจะ... "

"งั้นกลับกันเถอะ"

"อะไรนะครับ?"

บลังก้าที่ฟังอยู่เงียบๆ ได้เอ่ยถามขึ้นมา

"แล้วพวกเราจะช่วยอัลเฟ่นได้ยังไงล่ะครับ? ตอนนี้เราเป็นพันธมิตรกับพวกเขาแล้ว ?

รีวิวผู้อ่าน