"มันคืออะไรกันล่ะ?"
"ฉันจะเป็นคนลงไปโน้มน้าวผู้ดูแลระบบลบข้อมูลด้วยตัวเอง"
"จะบ้าหรือไง เขาเสียความทรงจำของเขาไปแล้วนะ แล้วนายจะไปคุยให้มันได้อะไรขึ้นมาอีก!"
ความเสี่ยงมันมากเกินไป...
ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นเป็นบ้า และไม่อาจคาดเดาอะไรได้ สามัญสำนึกเขาหายไปหมดสิ้นแล้ว
ท็อปเปลอร์พยายามสงบสติอารมณ์ และก็รอให้เชลท์เองใจเย็นลงครู่หนึ่ง ก่อนที่จะกดไมค์แล้วกล่าวต่อไปอีกว่า
"ถึงยังไงตอนนี้เขาก็ได้กุญแจไปแล้ว พวกเราก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก หนทางเดียวที่ทำได้ก็คือนำเขามาที่นี่เพื่อ รีเซ็ท"
"บ้าไปแล้ว เขาพยายามจะฆ่าพวกเราทุกคนที่เขาเจอทุกครั้ง แล้วนายจะไปชวนเขามาได้ยังไงกัน! ไอพวกคำพูดมีเหตุผลอะไรนั่นของนาย มันใช้กับคนบ้าไม่ได้หรอกนะ "
"ฉันจะไปโน้มน้าวเขาเอง นายไม่ต้องห่วง"
“...... .”
เชลท์จ้องท็อปเปลอร์ตาเขม็ง ทางด้านท็อปเปลอร์เองก็ไม่ได้หลบตาจ้องกลับไปอย่างไม่ยอม
"ฉันต้องชวนเขาได้แน่ ปล่อยให้ฉันลงไปที่โลกเถอะ"
“...... .”
"เชลท์...เอาตรงๆนะ ตอนนี้นายคิดว่าเรายังมีทางเลือกอื่นเหลืออยู่อีกเหรอ?"
“อึก... .”
มันก็อาจจะถูกของท็อปเปลอร์
"...ฉันคงต้องเอาเรื่องนี้ ไปคุยกับสภาเพื่อหามติก่อน ... "
“เปิดสปีคเกอร์ไปที่สภา...”
ท็อปเปลอร์ที่ได้ฟังพลันตะโกนออกมาด้วยความโกรธ ห้ามเชลท์ไว้ทันที
"เชลท์! นายคิดที่จะเป็นคนฆ่าพวกเราให้ตายกันทั้งหมดหรือยังไง? เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่พวกเราจะมาลังเลอะไรไร้สาระแล้ว เราต้องทำเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด! มัวมาเสียเวลากับสภาห่าเหวนั่นมันไม่ทันการแล้ว"
ตอนนี้พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน..
เอียลโลได้ปรากฏตัวเร็วกว่ากำหนด ซ้ำคังวูชินเองก็ยังไม่ได้รับกุญแจครบสมบูรณ์ แต่เขากลับไปเผชิญหน้ากับเอียลโล และยังสามารถบรรลุผลลัพธ์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ขึ้นมา...เขาชนะ
สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะมีหลายอย่าง แต่การตัดสินใจที่ยอมให้ ดร.ท็อปเปลอร์ไปพบเขาตอนแรกๆอาจจะมีส่วนสำคัญที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้
"จะยังไงก็ตามเหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นเพราะนายตั้งแต่แรก ดังนั้นนายต้องเป็นคนไปแก้ไขมันให้ได้!"
“เออ... เข้าใจแล้วหน่า”
"ทหาร ...เปิดประตู ให้ท็อป"
เมื่อเชลท์กดไมค์ตัวหนึ่งที่อยู่ด้านข้างและออกคำสั่งออกไป ประตูกระจกที่ขังท็อปเปลอร์อยู่ก็เปิดออก ..ในที่สุดเขาก็ได้รับอิสระอีกครั้ง
เมื่อท็อปเปลอร์เดินออกมาจากห้อง เขาก็หันไปคุยกับทหารด้านข้างประตูพร้อมสั่งการทันทีอย่างไม่รอช้า
"ช่วยไปเตรียมยานผมให้หน่อย"
เขาต้องรีบไปยังโลกให้เร็วที่สุด
เขาต้องไปให้ถึงโลกก่อนที่ผู้ดูแลระบบหลักจะไปถึงโลก
***
ซ่าๆๆ แกร๊กก!
แม่น้ำฮานที่ถูกแช่แข็งเริ่มละลายอย่างช้าๆ น้ำแข็งที่หอหุ้มต้นไม้หนามเองก็เริ่มละลาย ก่อนที่ชิ้นส่วนจะตกลงมาแตกกรายบนพื้นราวกับกระจก... แม้แต่วิหารน้ำแข็งที่สวยงามของเอียลโลก็ค่อยๆละลายก่อนที่จะพังครืนลงมา
ฟู่มมมมมมมม!
เหล่าไฮดราโลกันตร์ก็พ่นเปลวเพลิงออกมาไม่หยุดราวกับจะเร่งกระบวนการนี้อย่างไรอย่างนั้น
“ฮ่า”
วูชินได้ใช้พลังเวทย์ไปจนหมดสิ้น...และแน่นอนว่าสิ่งแรกที่เขาต้องทำก็คือ การรวบรวมเหล่าวิญญาณที่อยู่รอบๆสนามรบ เพื่อใช้ในการเติมเต็มพลังเวทย์ของเขา
“ซู่มมมมม
เขาดูดซับวิญญาณทั้งหมดในครั้งเดียว และในที่สุดพลังเวทย์ของเขาก็ฟื้นฟูจนเต็มเปี่ยมอีกครั้ง
ร่างกายของเอียลโลตอนนี้ละลายลงไปจนไม่เหลือรูปร่างเหมือนมนุษย์อีกต่อไป...ไม่สิมันไม่เหลืออะไรเลยมากกว่าเพราะตอนนี้...เหลือแค่เพียงความชื้นบนผิวดินเท่านั้น
อยู่ดีๆ วูชินก็กระทืบพื้นออกมาราวกับเสียสติ
"ฉันไม่ได้บอกหรอไง ว่าจะฆ่านาย?"
แม้ว่าเงื่อนไขในการเปิดใช้สกิลนี้จะอันตราย แต่การลงทัณฑ์ของแทรซนี่ก็นับว่ามีประสิทธิภาพสูงมาก ร่างกายที่ยังเป็นสสารจับต้องได้จะมีปัญญามาต่อต้านการลงทัณฑ์แห่งแทรซ อันเป็นส่วนหนึ่งของเทพแห่งการทำลายล้างได้ยังไง?
ตอนนี้กองทัพมอนสเตอร์และผู้ปกครองมิติที่เต็มไปหมดรอบๆในตอนแรก ก็ถูกกำจัดไปจนหมดสิ้นไม่มีเหลือด้วยฝีมือของเหล่าอัศวินแห่งความตาย
การที่เขาสามารถเพิ่ม Level จนถึง 99 ได้นั้น จะว่าไปก็ต้องยกความดีความชอบให้การกำจัดมอนสเตอร์และผู้ปกครองมิติรอบๆด้วยความเร็วของเหล่าอัศวินแห่งความตายนี่ล่ะ ถึงทำให้ค่าประสบการณ์ของเขาพุ่งไวถึงขนาดนี้
ครืนนนนน ซู่วววว!
ควันสีดำค่อยๆลอยมาตรงหน้าวูชิน ก่อนที่จะหลอมรวมเป็นร่างของเจนิส
[แล้วการประหารล่ะ ว่าอย่างไร?]
"ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจ"
ตอนนี้มันยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดปรากฏขึ้นมา
วูชินเปิดหน้าต่างสถานะของเขาและก็มองดูอย่างละเอียด level ของเขาเปลี่ยนเป็น 99 และค่าสถานะต่างๆก็เพิ่มขึ้นมา นี่เป็นสิ่งที่เขาเห็น
"ฉันคิดว่าเรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกับ level หรือว่าฉันต้องรวบรวมชุดเซ็ทเครื่องป้องกันแห่งแทรซให้ครบก่อนกัน? "
เขาได้ตรวจสอบด้วยสายตาดูแล้วในตอนแรก ด้วยจำนวนมอนสเตอร์และผู้ปกครองมิติมากมายขนาดนี้ มันต้องทำให้เขาได้แต้มความสำเร็จมากมายมหาศาลและต้องเพียงพอแน่ๆ เขาไม่รอช้าอีกต่อไปเขารีบเปิดร้านค้าความสำเร็จขึ้นมาและซื้อส่วนผสมทั้งหมดที่จำเป็นในการสร้าง ความรุ่งโรจน์แห่งแทรซ
"ฉันคิดว่าตอนนี้แต้มที่ใช้ในการซื้อของน่าจะพอแล้วนะ .. "
ถ้าเกิดเขาสามารถซื้อวัตถุดิบทั้งหมดด้วยการใช้แต้มความสำเร็จ เขาก็ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยที่จะทำสงครามชิงมิติเพื่อรวบรวมแต้มร้านค้ามิติอีกต่อไป...ถึงแม้คนที่เหนื่อยจะเป็นแจมินก็ตาม
แม้จะเป็นตอนนี้ แจมินก็ยังคงลุยเดี่ยวกวาดชัยชนะในสงครามชิงมิติอย่างต่อเนื่อง คะแนนมิติของเขาพุ่งปรี๊ดเรื่อยๆไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ... ทั่วทั้งจักรวาลจะหาเผ่าพันธ์ไหนมาเล่นเกมส์วางแผนแบบนี้แข่งกับเด็กเกาหลีได้กัน?
"เอ่าละ มาลองดูกัน"
วูชินนำวัตถุดิบที่ซื้อมาทั้งหมด รวมถึงไอเทมศักดิ์สิทธิ์วางไว้ในกล่องหลอมรวมผสานในหน้าต่างเมนู
เมื่อเขาเลือกหัวข้อหลอมรวม ส่วนผสมทั้งหลายก็ลอยหมุนวนเป็นวงกลม ก่อนที่จะหลอมรวมเป็น มงกุฎ ที่มีหัวกะโหลกประดับประดาเอาไว้
"ความรุ่งโรจน์แห่งแทรซ"
วูชินหยิบมันออกจากช่องเก็บของๆเขา และเลือกคำสั่งสวมใส่ทันที
ความรุ่งโรจน์, การป้องกัน, ท่วงท่า, เกียรติยศ และการลงทัณฑ์แห่งแทรซ
เขาได้สวมใส่ไอเทมทั้ง 5 อันเป็นชุดเซ็ท ทำให้ผลลัพธ์ของชุดเซ็ทเริ่มทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพทันที
ตอนนี้ค่าสถานะควบคุมของเขาพุ่งสูงขึ้นมาก อีกทั้งยังเพิ่มขีดจำกัดของข้ารับใช้ขึ้นมาอีกถึง 5 เท่าตัว นั่นหมายความว่าเขาสามารถปลุกกองทัพโครงกระดูกได้มากกว่าเดิมถึง 5 เท่า อีกทั้งตอนนี้เขายังสามารถกางอาณาเขต หรือเขตแดนแห่งความตาย ที่เป็นเขตแดนที่เหมาะและเพิ่มประสิทธิภาพการรบของเหล่ากองทัพอมตะอย่างถึงขีดสุด
นอกเหนือจากอำนาจพวกนี้แล้ว ความสามารถพื้นฐานและสกิลต่างๆที่เขาเคยใช้งานได้ตอนอยู่อัลเฟ่นก็ถูกปลดล็อค ให้กลับมาใช้ได้ทั้งหมดอีกครั้ง
แต่ทว่าท่าทางของเขาพลันเปลี่ยนเป็นแข็งค้าง...ก่อนที่ความรู้สึกหงุดหงิดมากมายมหาศาลจะแผ่ออกมา
"มันไม่เกิดอะไรขึ้น"
[การประหาร ...... .]
เขาได้รวบรวมชุดเซ็ทแห่งแทรซทั้งหมดจนครบแล้ว อีกทั้งเขายังเก็บ Level ของเขาจนเต็ม 99 อีกด้วย แต่หนทางได้รับ การประหารแห่งแทรซ ยังไม่มีวี่แววว่าจะโผล่ออกมา
[รหัสหลักของแผ่นโลก ... .]
"พอ"
อย่างไรก็ตามเขาเลือกที่จะห้ามไม่ให้เจนิสพูดคำต่อไปออกมา
"ไม่ต้องพูดแล้ว"
[ ...... .]
เจนิสที่เห็นใบหน้าไร้อารมณ์ของวูชินก็เข้าใจ และไม่คิดจะพูดอะไรออกมาอีก เขาสัมผัสได้ถึงความโกรธที่คุกรุ่นของวูชินได้อย่างดี
เจนิสเป็นอาจารย์ที่สอนวูชินมากับมือและทั้งคู่ก็ได้ร่วมศึกสงครามกันมานาน ถ้าไม่งั้นป่านนี้เจนิสคงได้ประจักษ์ถึงโทสะของวูชินด้วยตัวเอง จากการไปถามซ่อกแซ่ก..
"พวกเราค่อยๆตามหามันแล้วกัน .. "
[ข้าน้อมรับบัญชานายท่าน]
ฟู่มมม!
รางของเจนิสเริ่มสลายกลายเป็นไอแห่งความมืดและก็หายไปจากการรับรู้
วูชินได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ เมื่อเห็นโซลพังพินาศ
นี่เป็นนรกที่เขาเคยได้เผชิญมาแล้ว
ซากศพเป็นภูเขามีทั้งมอนสเตอร์อัปลักษณ์และรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับมนุษย์ และตอนนี้เขาเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่ยังยืนอยู่ท่ามกลางกองซากศพเหล่านี้...
ก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีสักเท่าไร แต่ยังไงมันก็เป็นความรู้สึกที่เขาคุ้นเคยที่สุด...
"ลุกขึ้น"
เมื่อสิ้นคำสั่งของวูชินเหล่าซากศพก็ปะทุออกเป็นกองทัพโครงกระดูก ตอนนี้เขาสามารถควบคุมสั่งการกองทัพโครงกระดูกได้มากกว่าเดิมถึง 5 เท่า เขาส่งมอบโครงกระดูกนักรบให้แก่กองทัพอัศวินแห่งความตายของเขา และค่อยๆเติมเต็มกองทัพอมตะของเขาให้สมบูรณ์
[องค์ราชาแห่งข้า]
คิบะเดินเข้ามาก่อนที่จะเผชิญหน้ากับเขา
แววตาสีแดงที่เข้มแข็งราวฉายชัดออกมาถึงความกังวลไม่น้อย เมื่อได้เห็นท่าทางหงุดหงิดของวูชิน
"ครั้งหน้าฉันจะเรียกนายมาอีก"
[ข้าน้อมรับบัญชานายท่าน]
ฟู่วววววว!
คิบะเป็นผู้เริ่มต้น ก่อนที่อัศวินแห่งความตายทั้งหมดจะค่อยๆกลายเป็นไอแห่งความมืดและหายไป
ตึงงงงง!
เสียงอะไรบางอย่างปะทะดังก้องขึ้นมา บอกไม่ถูกว่ามันเป็นการลงจอดหรือตกลงมากระแทกพื้นกันแน่... แต่เขาก็มองไปยังมังกรโลหิตที่ทุกลักทุเลเล็กน้อย
[ ...... .]
มังกรโลหิตเองก็เงียบอย่างที่มันเคยเป็น วูชินจึงยกเลิกการอัญเชิญทันที
วิ้งงงงง
โลหิตรอบตัวของมังกรโลหิตค่อยๆระเหยออกไปก่อนที่จะเหลือเพียงหัวใจของโกเลม แกนกลางของโดลเซ่มาหมุนวนรอบๆวูชินราวกับจะปลอบประโลม สักครู่ก่อนที่จะสลายหายไป...
แม้แต่มังกรกระดูกเองก็ค่อยๆสลายกลายเป็นควันสีดำและหายไปด้วยเช่นกัน สุดท้ายคนยังเหลืออยู่นอกจากวูชินก็คือ บีบี
“นายท่าน กลับกันเถอะเมี๊ยวว "
"... ได้สิ"
วูชินเรียกฉิงฉิงออกมา และบินขึ้นไปบนฟ้าเพื่อกลับไปยังปราการลอยฟ้า ส่วนเบาะแสของ การประหารแห่งแทรซ ...
เขายังหามันไม่พบ
ไม่สิ ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ได้รับคำตอบ แต่มันก็ไม่สำคัญหรอก...
***
ยานของท็อปเปลอร์พุ่งทะลุผ่านชั้นบรรยากาศสีดำทมิฬลงมา ก่อนที่จะลงจอดยังบนพื้นดินที่ไร้สิ้นวี่แววของความมีชีวิต...
ฟู่ววววววว! ซึบบบ! ตุบ!
เครื่องยนต์ไอพ่นเริ่มดับลงเมื่อยานลงจอด
ชื้ดดดดด!
บริเวณส่วนท้องของยานท็อปเปลอร์เริ่มเปิดออก ก่อนที่จะมีบันไดค่อยๆเลื่อนออกมา
วื๊ดดดดดดด ตึง!
อากาศของโลกไม่เหมาะแก่การหายใจอีกต่อไป ดร.ท็อปเปลอร์จึงต้องลงมาทั้งๆที่ใส่ชุดอวกาศ
ตุบ!
เมื่อเขาก้าวลงมาถึงพื้นโลก ทหารที่มากับยานเลโอเน่ ก็เดินเข้ามาหาเขา
"กระผมได้รับทราบข่าวแล้วครับ ศาสตราจารย์"
"พวกเราไม่มีเวลาเหลืออีกแล้ว กัปตันเลโอเน่"
"พวกเรายังรักษาอุโมงค์ที่นำไปสู่เป้าหมายไว้ได้อยู่ครับท่าน"
กัปตันเลโอเน่ได้ดูแลจัดการเรื่องราวเอาไว้อย่างดี นั่นทำให้ดร.ท็อปเปลอร์พยักศีรษะเล็กน้อย
"แผนของผมก็ไม่มีอะไรมาก ก่อนอื่นผมจะเข้าไปพบกับเขา และถ้าหากผมสามารถโน้มน้าวเขาได้สำเร็จ โปรดเตรียมการช่วยเหลือเขาเอาไว้ให้พร้อม..."
" ถ้าเราดึงเขาออกมาทันทีเลย จะไม่ดีกว่าเหรอครับ?"
"เรายังไม่สามารถรับปากได้ว่าเขาจะตกลงเป็นพันธมิตรกับเราแน่ๆ แม้แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร ยังไงผมก็คงต้องคุยกับเขาดูก่อน"
“อา ครับท่าน ความผันผวนของพลังงานตรงนี้ค่อนข้างรุนแรง ผมคิดว่าผู้ดูแลระบบหลักกำลังเตรียมตัวที่จะเข้ามาจัดการแล้วครับ"
“ผมเข้าใจแล้ว แล้วตอนนี้ที่อยู่ปัจจุบันของเขาคือที่ไหน? "
กัปตันลีโอเน่ใช้มือเลื่อนไปที่แท็ปเล็ตไฮเทคที่ติดอยู่กับข้อมือของเขา ก่อนที่มันจะฉายภาพโฮโลแกรมขึ้นมา ภาพโฮโลแกรมแสดงแผนที่ 3 มิติออกมาอย่างละเอียด และปรากฏจุดสีแดงอยู่ในนั้น กัปตันเลโอเน่ที่อ่านแผนที่เสร็จก็กล่าวออกมาว่า
"เป็นบริเวณเหนือทางออกที่ 1 ของสถานีโซลครับ อัตราการสูญเสียพลังงานอยู่ในระดับ 28% "
“เข้าใจแล้ว”.
"เอ่อ...แล้วถ้าท่านไม่อาจชักชวนเขาได้ล่ะครับ?"
“...... .”
รหัสที่จำเป็นในการ รีเซ็ท ไม่ได้อยู่กับเอียลโล่อีกต่อไป ตอนนี้คังวูชินเป็นผู้ที่ครอบครองมัน หากพวกเขายังต้องการกอบกู้โลกที่กำลังย่อยยับให้กลับคืน พวกเขาต้องได้ตัววูชินสถานเดียว
"เรายังไงเราก็ต้องได้ตัวเขา แม้ว่าจะต้องบังคับเขาก็ตาม"
“ครับท่าน เอาล่ะ "
"ลงมือเถอะ"
กัปตันเลโอเน่ทำความเคารพท็อปเปลอร์ 1 ครั้ง ก่อนที่จะเตรียมออกเดินทาง
ยานเลโอเน่ล็อคเป้าหมายปลายทาง... แววตาท็อปเปลอร์ที่อยู่ในยานเดินทางระนาบมิติฉายชัดออกมาถึงความมุ่งมั่น
***
ณ ป้อมปราการลอยฟ้า ปราสาทของบีบี
บรรยากาศกดดันหนักหน่วงอึมครึมรอบๆตัววูชิน ทำให้จุงมินชานถึงกับพูดไม่ออก เขาตัดสินใจชะลอการรายงานสถานการณ์ออกไปก่อน ถึงแม้ว่ามันจะสำคัญมากก็ตาม
การต่อสู้ระหว่างคังวูชินกับเอียลโลที่พึ่งจบไปได้ไม่นานนั้น ก่อให้เกิดปัญหาเล็กน้อย ...เพราะจะอย่างไรเอียลโลและทางญี่ปุ่นก็ได้จับมือเป็นพันธมิตรกันไปแล้ว ตอนนี้พวกมันจึงออกมาเรียกร้องให้อแลนดัลออกมาอธิบายการกระทำครั้งนี้
แน่นอนล่ะว่าเรื่องนี้มันต้องตกมาใส่หัวของเขา ...จุงมินชานที่เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก
ที่สำคัญ ตอนนี้ทางญี่ปุ่นยังแสดงท่าทีราวกับว่าต้องการเริ่มสงครามกับอแลนดัลอย่างไรอย่างนั้น ทำให้ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกมากนัก เรื่องเดียวที่ทำได้ ก็คือปล่อยมันไว้ก่อน
เพราะขืนถ้าเกิดเขารายงานเรื่องนี้ให้วูชินฟังตอนที่เขาอารมณ์ไม่ดีแล้วล่ะก็ มีหวังเขาได้โมโหจนไปบุกญี่ปุ่นแน่นอน ...และสุดท้ายทั้งเขาและคนของอแลนดัลเอง ก็คงได้เป็นพยานในการหายไปจากแผนที่โลกของญี่ปุ่นแน่ๆ....
"มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่าครับท่านบีบี?"
"ตอนนี้ ควรปล่อยให้นายท่านอยู่คนเดียวก่อนนะ เมี๊ยวว"
"ครับ"
แม้กระทั่งบีบีเองยังแสดงท่าทางว่าตอนนี้ วูชินกำลังอารมณ์ไม่ดีหนักมาก จุงมินชานเลยได้แต่ยอมรับสถานการณ์เทานั้น
เมื่อวูชินกลับมาถึงป้อมปราการลอยฟ้า คนแรกที่เขาไปเยี่ยมไม่ใช่แม่หรือน้องสาวของเขา แต่เป็นคิมคังชุล
แอ๊ดดดด..ปัง!
คิมคังชุลนั่งอยู่เฉยๆ แต่ทว่าวูชินกลับปราดเข้าไปชกหน้าเขาเต็มเหนี่ยว จนเขากระเด็นไปติดฝาก่อนที่จะร่วงลงมา
ผัวะ!! ตึง! โครมม !
“อั่ค..โอ๊ย ทำผมทำไม”
คิมคังชุลถูกวูชินอัดหมดสภาพอย่างไร้ต่อต้านเพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น..ไม่ทันที่จะได้ยืนขึ้นวูชินพลันเคลื่อนร่างมาโผล่หน้าคิมคังชุลก่อนที่จะกระชากคอเขาเขาจนขาของคิมคังชุลลอยขึ้นจากพื้น
"ฉันจะพบกับไอพวกเวรจากโลกจันทราได้ยังไง?"
“อึกก ถึงคุณจะถามผมแบบนั้น...... "
โครมม!
คิมคังชุลถูกวูชินระบายอารมณ์โดยการเหวี่ยงลงพื้นอย่างแรง ก่อนที่จะถามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"เรียกไอพวกเวรนั่นให้ฉัน"
"ผมไม่รู้...ไม่ใช่ว่าคุณควรไปถามเรื่องนี้จากสตรีศักดิ์สิทธิ์ของโลกหรอกเหรอ?"
เมื่อคิมคังชุลพูดถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์ของโลก วูชินก็คว้าคอของคิมคังชุลด้วยมือข้างเดียว ก่อนที่จะบีบและยกร่างคิมคังชุลลอยขึ้นจากพื้นอย่างง่ายดาย ขาของคิมคังชุลได้แต่ส่ายไปส่ายมาจากความอึดอัด
"แกอยากตายมากนักหรือไง?"
“อ่ออค อึก พ...พระเจ้าของโลกก็ ยะ..อยู่ในโลกของพวกเขา ... "
เมื่อเห็นท่าทางของคิมคังชุลดูทรมานจากการหายใจไม่ออก วูชินก็ปล่อยมันลงมาก่อนที่จะหรี่ตามองมันและนึกถึงคำพูดเมื่อกี้นี้ของมัน
"พระเจ้าของโลก อยู่ที่โลกจันทรา?"