px

เรื่อง : Seoul Station’s Necromancer จบแล้วอ่านฟรี!!!
SSN บทที่ 200 : ทราเน็ท (5)


 

 

ดร.ท็อปเปลอร์รู้สึกอึดอัดและตึงเครียดอย่างถึงขีดสุด ไหล่ของเขาห่อลงและสั่นเล็กน้อย

แรงกดดันที่น่าหวาดกลัวของวูชินแทบทำให้เขาหายใจไม่ออก

วูชินที่ยืนมาหยุดตรงหน้าของดร.ท็อปเปลอร์ ก่อนที่จะจับจ้องไปที่เขาตาเขม็ง

เพียงแค่วูชินเหวี่ยงหมัดออกไป เขาก็จะซัดดร.ท็อปเปลอร์จนมีอาการสาหัสทันที

คิมคังชุลได้แต่รู้สึกสับสน เขาไม่รู้ว่าควรจะพุ่งไปหยุดหรือรอดูสถานการณ์ต่อไปดี...แต่จะอย่างไรด้วยแรงกดดันมหาศาลของวูชินมันก็สะกดให้เขาไม่สามารถขยับตัวได้อยู่ดี

ตอนนี้ทุกอย่างในห้องราวกับถูกกักขัง ...

สสาร ...

อากาศ….

ทุกอย่างดูเหมือนจะถูกสะกดให้หยุดนิ่งต่อหน้าพลังของวูชิน

ในที่สุดเขาก็เปิดปากออกมา

"ฉันจะให้เวลาแก 5 นาที ถ้ามันไม่สามารถทำให้ฉันสนใจได้ แกตาย "

นี่เป็นโอกาสที่ได้รับมาอย่างไม่คาดฝัน ดร.ท็อปเปลอร์กระพริบตาปริบๆ ด้วยความตกตะลึง ก่อนที่จะรีบพูดออกมาทันที

"โลกใบนี้ ที่เราอาศัยอยู่เป็นแค่โลกเสมือน"

"ฉันขอยกเลิกข้อเสนอที่พูดไปเมื่อกี้"

วูชินพูดออกมาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เขาเขาไม่สนใจว่าเมื่อครู่เขาพึ่งจะรับปากให้โอกาสดร.ท็อปเปลอร์พูดถึง 5 นาที ...วูชินไม่คิดจะฟังเรื่องไร้สาระอะไรนั่นเป็นเวลา 5 นาทีหรอกนะ

"เอ่อ... แล้วผมยังสามารถพูดต่อได้อีกรึเปล่า?"

"แกใช้ไป 20 วินาทีแล้ว"

เมื่อได้ฟังคำพูดของวูชิน ท็อปเปลอร์รีบกล่าวคำของเขามาอีกครั้ง ตอนนี้อนาคตของโลกใบนี้ และ โลกจันทรา ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เขาจะพูดมันออกมา

"ในปี ค.ศ. 2529 ทรัพยากรธรรมชาติของโลกเริ่มร่อยหรอลงจนแทบจะหมดสิ้น นั่นทำให้เกิดสงครามแย่งชิง และผลของสงครามก็ยิ่งทำให้สถานการณ์ในโลกเลวร้ายจนถึงขีดสุด และในที่สุด ถึงจุดๆหนึ่ง มนุษย์บนโลกก็แทบจะไม่สามารถอยู่รอดต่อไปได้ ... "

ดร.ท็อปเปลอร์กล่าวออกมาอย่างเคร่งเครียด แต่ท่าทางของวูชินเองก็บิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อได้ฟังคำพูดของ ดร.ท็อปเปลอร์  คิมคังชุลที่นั่งฟังอยู่ด้วยนั้น ก็ประสาทจะกินเช่นกัน

เพราะคิมคังชุลรู้สึกเหมือนกำลังเข้าฟังคำบรรยายน่าเบื่อ ในคาบเรียนที่มีอาจารย์แก่ๆพูดสอน จนทำให้เขาอยาก จะหลับตาลงให้รู้แล้วรู้รอด...ติดที่ตอนนี้เวลา 5 นาที ที่สามารถใช้พูดได้มันเกี่ยวพันถึงชีวิตของเขานี่ล่ะ เลยทำให้เขากังวลอย่างมาก

ท็อปเปลอร์นั้นกำลังกล่าวถึงการล่มสลายของโลกและความเห็นแก่ตัวของประชากร... อีกทั้งดร.ท็อปเปลอร์ยังใส่อารมณ์กับเรื่องนี้และดูท่าจะลากยาวไม่รู้จบ คิมคังชุลทนไม่ไหวจึงต้องกล่าวเตือนสติเขาออกมา

“เอ่อ ขอโทษนะครับ ศาสตราจารย์  แต่คุณควรจะเล่าเรื่องให้มันกระชับอีกหน่อย ...”

"เอ๋?"

ด้วยคำพูดที่แทรกขึ้นมาของคิมคังชุล ทำให้ท็อปเปลอร์ที่กำลังอินจัด ถึงกับได้สติขึ้นมาทันที

"แกเหลือเวลาอีก 3 นาที"

“เอื๊อก”

หลังจากกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ท็อปเปลอร์รีบจัดเรียงคำพูดในหัวอย่างด่วนจี๋ ก่อนที่จะเริ่มกล่าวออกมาอย่างกระชับและได้ใจความสำคัญ

"โลกแห่งความจริงใบนี้ได้ถูกทำลายจนหมดสภาพ พวกเราจึงจำเป็นต้องหาที่อยู่ใหม่ "

วูชินย้อนคิดไปถึงความรู้สึกแปลกๆ ที่เขารู้สึกเมื่อไปถึงวิหารในอัลเฟ่นทันที

"ที่นั่นคงไม่ใช่อัลเฟ่นหรอกนะ?"

"คุณเดาได้ถูกแล้ว โชคร้ายในขณะที่เราพยายามสร้างหนทางไปสู่ที่นั่น เราก็พบว่ามันต้องใช้เวลามากมายมหาศาลอีกทั้งยังต้องเตรียมที่อยู่เพื่อรองรับให้มนุษย์ชาติสามารถอยู่รอดได้ นั่นเพราะสภาพอากาศและอุณหภูมิต่างๆมันไม่เหมาะสมกับสิ่งมีชีวิตอย่างมนุษย์ พวกเราจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องรอให้ปรับสภาพดวงดาวเสร็จสิ้นสถานเดียว และนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เราสร้างทางเลือกนี้ขึ้นมา...โลกเสมือนจริง"

"พูดให้ง่ายๆหน่อย"

"ก็คือในขณะที่รอให้สภาพบนดาวอัลเฟ่นพร้อมอยู่อาศัยแบบโลก เราก็แค่นอนรอในโลกแห่งความจริงและเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริง ...อันที่จริงแล้วเราควรจะอยู่ในโลกเสมือนจริงเพียงเพื่อรอเวลาให้ ที่อยู่ใหม่บนดาวอัลเฟ่นของเราสร้างเสร็จสิ้นเท่านั้น "

"โลกเสมือนจริงที่ว่านั่น คือที่ๆเราอยู่ตอนนี้?"

"ถูกต้อง"

"แล้วไงต่อ?"

"อะไรนะ?"

เมื่อได้ฟังเรื่องราวน่าเหลือเชื่อแบบนี้ ปกติมันต้องถามอะไรออกมาสักหน่อยไม่ใช่เหรอ?

เมื่อเจอคำถามที่คาดไม่ถึง ดร.ท็อปเปลอร์ เองจึงได้แต่ตอบคำถามด้วยคำถามไปอย่างน่าสงสาร...

"ก็แล้วแกจะเสนออะไรต่อ? แกจะพาเราออกจากโลกใบนี้? หรือแกต้องการที่จะให้เราไปอยู่บ้านหลังใหม่อะไรแบบนั้น?

"... ผมเองก็ต้องการแบบนั้น แต่ว่ามันก็มีปัญหาอยู่ไม่น้อย "

แน่นอน ปัญหามักเกิดขึ้นเพื่อทำให้เรื่องราวทุกอย่างมันยุ่งยากเสมอ

"บางคนในหมู่พวกเราเกิดความโลภและลุกขึ้นมาทรยศ และพวกมันก็สร้างโลกเสมือนจริงขึ้นมาเพิ่ม พวกมันมีจำนวนทั้งหมด ... "

"72 คน ?"

"…ถูกต้อง โลกเสมือนจริงเหล่านั้นที่ถูกพวกมันสร้าง พวกมันก็จะมีความสามารถและอยากทำอะไรก็ได้ไม่ต่างไปจากพระเจ้า... และเมื่อบางคนได้ลิ้มลองอำนาจของพระเจ้าพวกมันก็เกิดความโลภ จนพวกมันอยากจะเป็นพระเจ้าที่แท้จริงขึ้นมา และแหล่งที่มาของพลังอำนาจก็มาจากรหัสส่วนตัวที่พวกมันถือครอง และเมื่อฆ่ากันในโลกเสมือน รหัสเหล่านี้ก็จะถูกส่งต่อมาอีกคน ...พอมีคนๆหนึ่งที่มีอำนาจเพิ่มขึ้นมากกว่าคนอื่น ที่เหลือทั้งหมดก็เกิดความโลภ,ความอิจฉา สุดท้ายก็บานปลายกลายเป็นสงครามมิติขนาดใหญ่ ... "

"สุดท้ายพวกมันก็ตีกันเองไปๆมาๆ"

"…ถูกต้อง"

"แล้วปัญหานี้ไม่ใช่มันแก้ไขง่ายๆหรอกเหรอ แค่ปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้นมาในโลกแห่งความจริงมันก็จบแล้วไม่ใช่หรือไง? แล้วทำไมพวกนายถึงลังเลที่จะทำ? "

"เรื่องนี้มันก็มีปัญหาสำคัญเหมือนกัน"

"อะไรล่ะ?"

"การสร้างโลกใหม่ให้พร้อมอยู่อาศัยยังทำไม่เสร็จน่ะสิ"

“...... .”

วูชินมองจนท็อปเปลอร์ถึงกับสะดุ้ง

"...แต่พวกเราก็พบหนทางอีกอย่าง"

"อะไรอีกล่ะ?"

“ทราเน็ท...มันคือเครือข่ายที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยเหลือในการขนส่งระหว่างดาวเคราะห์ ถ้าเราสามารถขนส่งสิ่งของอุปกรณ์ต่างๆได้ การสร้างโลกใหม่ให้อยู่อาศัยจะเป็นเรื่องง่าย ... .. "

"พูดให้ฉันเข้าใจง่ายๆ"

"ก็เหมือนกับว่าเราย่อข้อมูลของคนหรือสิ่งของจากโลกแล้วบีบอัด หลังจากนั้นก็ส่งมันไปด้วยความเร็วเหนือแสง และไปจัดเรียงข้อมูลและประกอบใหม่ที่อัลเฟ่น "

“...... .”

"ก็เหมือนคุณเลือกที่จะเข้าระบบที่โลก และไปออกจากระบบที่อัลเฟ่นอะไรแบบนั้นล่ะ"

"นี่แกกำลังพูดถึง ประตูมิติ รึเปล่า"

"เราใช้แนวคิดประตูมิติเป็นพื้นฐานเพื่อคิดค้นสิ่งนี้ขึ้นมา เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาการขนถ่ายครั้งนี้นั่นแหล่ะ แต่น่าเสียดายนี่ไม่ใช่การเคลื่อนย้ายข้ามมิติ การเคลื่อนย้ายข้ามมิติมันเป็นไปได้แค่ในโลกเสมือนเท่านั้น"

วูชินแหงนมองนาฬิกาบนผนัง

" 5 นาที ของแกหมดแล้ว"

"...... คุณจะฆ่าผมจริงๆเหรอ?"

"แกก็รู้จักฉันดี"

"คุณทำแบบนี้ไม่ได้"

"ทำไมจะไม่ได้? แกควรจะรีบหนีเหมือนที่เคยทำนะ "

"ไม่ว่าผมจะหนีหรือไม่หนีก็ไม่สำคัญ เพราะชีวิตผมไม่ได้มีค่าอะไร แต่เราต้องช่วยเหลือผู้คนในโลกเสมือนแห่งนี้เพื่อให้พวกเขามีชีวิตรอดในโลกแห่งความจริง ไม่อย่างนั้นคนที่เสียรหัสไปจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้แค่ในโลกเสมือนนี่เท่านั้น...พวกเขาจะไม่มีวันฟื้นขึ้นมาอีกในโลกแห่งความจริง"

"ก็ให้พวกมันอยู่ไป ใครตายก็ช่างหัวมัน"

พวกเขาจำเป็นต้องสร้างความแตกต่างของโลกเสมือนกับโลกแห่งความจริงด้วยงั้นเหรอ?

จากประสบการณ์ส่วนตัวของวูชินเรื่องนี้มันไร้สาระ ไม่ว่าจะเป็นโลกจริงหรือโลกเสมือน เมื่อพวกมันตายไปแล้ว พวกมันก็สมควรที่จะตายต่อไป...

โลกของคุณและโลกของผมกำลังตกอยู่ในอันตราย

นี่เป็นคำพูดสุดท้ายของดร.ท็อปเปลอร์ เมื่อครั้งที่แล้ว

ดร.ท็อปเปลอร์กล่าวว่าเป้าหมายของพวกเขาเป็นเรื่องเดียวกัน และคำพูดเหล่านั้นก็ดังขึ้นมาในหูของวูชินอีกครั้ง ...ครั้งที่แล้วตอนที่ได้ยินรู้สึกแย่ยังไง ครั้งนี้ที่ได้ยินอีกครั้งมันก็รู้สึกแย่อย่างนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปสักนิด

เขารู้สึกราวกับถูกผู้ชายคนนี้บีบบังคับ และมันก็พยายามขีดเส้นทางและจูงจมูกให้เขาเดินไปตามทางของมัน ทำยังกับว่าเขาไม่ต่างอะไรไปจาก ลาที่ถูกเอาแครอทไปแขวนล่ออยู่ด้านหน้า

"แกมีอะไรจะคายออกมาอีก"

วูชินมั่นใจว่ายังมีอะไรบ้างอย่างที่ท็อปเปลอร์ปิดบังไว้จากเขา อย่างไรก็ตามหากเขาไปเรียกร้องให้มันบอกออกมา เขาก็จะรู้สึกอึดอัดเพราะเหมือนเขาไปขอความร่วมมือจากไอบ้านี่ ตอนนี้เขาแค่อยากได้ยินว่าเรื่องอันตรายอะไรที่เขาต้องเจอหรือเผชิญในอนาคตอันใกล้นี้เท่านั้น

"พวกเราเองก็ได้จับตาดูรวมทั้งเฝ้าระวังผู้ที่มีโอกาสจะได้รับรหัสของผู้ดูแล ...พวกเราได้ทำตามแผนมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ทุกครั้งมันต้องมีใครสักคนที่มุ่งมั่นจะเป็นผู้ที่อยู่เหนือสรรพสิ่ง "

"ผู้อยู่เหนือสรรพสิ่ง ... "

มันคือการจบเกมส์? นี่คือสิ่งที่ผู้ปกครองมิติทุกคนกำลังดิ้นรนเพื่อเข้าถึง? คนที่ต้องจับตาดูคือคนที่ใกล้เคียงที่สุดที่จะบรรลุเป้าหมาย

"ฉันเดาว่าแกกำลังหมายถึง บัลลังก์ที่ 72"

"ถูกแล้ว และผมเองก็มั่นใจว่าคุณก็เคยพบเขามาก่อน"

"อะไร? ฉันเนี่ยนะ?"

วูชินเอียงศีรษะของเขาด้วยความสับสน

เมื่อถูกวูชินใช้สายตาคาดคั้นจ้อง ท็อปเปลอร์เองก็ได้แต่กลืนน้ำลาย ก่อนที่จะบอกกล่าวออกไป...ทุกอย่างถูกเผยออกไปอย่างง่ายดายเพียงแค่เขาจ้องมา...

"ผมกำลังพูดถึง ผู้ดูแลระบบหลัก"

ผู้ดูแลระบบหลักเป็นผู้ดูแลทุกสิ่งทุกอย่าง และเมื่อเขาสามารถรวบรวมรหัสทั้งหมดได้แล้วนั้น เขาสามารถที่จะทำอะไรก็ได้ และเมื่อถึงเวลานั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เขาถือกำเนิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งในฐานะผู้อยู่เหนือสรรพสิ่ง

เขาจะผสานรวมทุกมิติเข้าด้วยกัน ... และเขาจะกลายเป็นพระเจ้าของทุกสรรพสิ่ง

"... ผู้ดูแลระบบ?"

วูชินถึงการพบหน้ากับใครคนหนึ่งที่เขาเคยพบมาก่อน ในตอนแรกเขาถูกเรียกมายังอัลเฟ่นโดยไม่รู้ตัวและในที่สุดเขาก็พยายามทำทุกสิ่งอย่างสุดกำลังเพื่อที่จะกลับมายังโลก

หากจะกล่าวไป ความพยายามทั้งหมดที่เขาเคยทำมาเมื่อก่อน ก็เหมือนจากการดิ้นรนออกจากหลุมๆหนึ่งและไปพบกับผู้ดูแลระบบ

และด้วยความช่วยเหลือองผู้ดูแลระบบ วูชินก็สามารถเดินทางกลับมายังโลกได้

"คำพูดของแกดูไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ไม่งั้นทำไมไอบ้านั่นมันต้องส่งฉันกลับมาโลกด้วย.... "

ก่อนที่วูชินจะกล่าวจบประโยค ดร.ท็อปเปลอร์ก็กล่าวตอบแทรกออกมา ...เขาเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ตอนนี้กัปตันลีโอเน่คงใกล้จะมาถึงสถานีโซลเต็มทีแล้ว

"เพราะคุณมีรหัสและกุญแจที่เขาต้องการ"

“...... .”

"รหัสที่เกิดขึ้นมันกระจัดกระจายกันออกไป...แต่คุณมีรหัสลบข้อมูล... นั่นหมายความว่าผู้ดูแลระบบได้เตรียมที่จะควบคุมรหัสลบข้อมูลของคุณเอาไว้แล้ว "

"แกกำลังพูดถึงพลังของแทรซ"

"ถูกต้อง เขาต้องการครอบครองรหัสทั้งหมด "

ในโลกเสมือนจริงแห่งนี้ มนุษย์ก็เป็นได้แค่ไฟล์ๆนึงเท่านั้น เมื่อมีใครตาย คนๆนั้นก็จะถูกลบข้อมูลออกไป

และมีที่ว่างที่เหล่าคนตายจะไปรวมกันอยู่ วูชินเป็นตัวตนที่สามารถย้อนกลับการลบข้อมูลได้ โดยการดึงผู้ที่ตายออกมาจากที่ว่างแห่งนั้น

เนโครแมนเซอร์

ความแปลกประหลาดและเรื่องราวความขัดแย้งที่ซับซ้อนนี่ทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่าย นั่นเพราะจนถึงตอนนี้เป้าหมายที่เขาต้องการยังไม่ได้รับการตอบให้กระจ่างเลยไม่ใช่เหรอไง?

"เอาล่ะ แล้วแกต้องการอะไร"

"เขากำลังจะสอดมือเข้ามา ความจริงพวกเราต้องทำตามแผนให้สำเร็จ แต่โชคร้ายที่พวกเราได้พลาดมันไปซะแล้ว ตอนนี้โลกเสมือนจริงแห่งนี้ไม่หลงเหลือความหวังใดๆอีกต่อไป พวกเราต้อง รีเซ็ท มันใหม่อีกครั้ง "

"บอกมาแกจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จได้ยังไง"

"คนของโลกจันทราจะให้คุณออกจากระบบ และเมื่อคุณตื่นขึ้น ความทรงจำที่ถูกฝังอยู่ในรหัสจะให้ความกระจ่างแก่คุณทุกอย่างเอง "

มันก็คงเหมือนๆกับการเปิดหนังสือสกิล อารมณ์ประมานเดียวกันกับเรื่องที่ อยู่ๆความรู้ก็ถูกยัดใส่เข้าไปในหัวอะไรประมาณนั้น ...แม้มันจะมีส่วนที่เหมือนกันแต่มันก็ยังมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด...หากจะพูดให้ถูกจริงๆมันเหมือนกับกุญแจที่ผนึกความทรงจำอยู่ถูกคลายออกไปมากกว่า...

"วิธีการต่างๆ จะถูกฝังอยู่ในรหัสกู้คืน ที่คุณได้รับจากเอียลโล"

เมื่อเขาฆ่าเอียลโล รหัสกู้คืน ก็ถูกถ่ายโอนมาที่เขา

"แต่คุณต้องทำอะไรบางอย่างก่อนที่คุณจะทำขั้นตอนนั้นได้"

“มันคืออะไร?”

"เมื่อการกู้คืนเริ่มขึ้น เหล่าคนตายจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง"

มันเหมือนเวลาจะดำเนินการถ่ายโอนข้อมูลสิ่งที่ผ่านมาแบบถอยหลัง...พูดง่ายๆก็คือการย้อนกลับนั่นเอง ทุกสิ่งทุกอย่างจะกลับไปสู่จุดที่ได้บันทึกเอา... ในขณะเดียวกันกระบวนการนี้ก็จะมีการสร้างสิ่งตกค้างขึ้นมาโดยอาจจะเกิดผู้ลี้ภัยมิติ หรือสิ่งมีชีวิตที่มีรูปแบบต่างไปจากเดิม หรือแม้กระทั่งสถานที่ๆไม่รู้จัก ...

"และถ้าหากคุณต้องการที่จะกู้คืนโลกใบนี้ คุณก็ต้องใช้ รหัส ของโลก"

“...... .”

"คุณจำเป็นต้องใช้มัน"

วูชินยืนนิ่งและไม่ขยับแม้แต่ปลายนิ้ว

"เธอจะเกิดใหม่อีกครั้ง คุณไม่จำเป็นต้องลังเลหรือเป็นห่วง "

“ฮ่าๆๆๆ”

วูชินที่ฟังคำกล่าวเชิญชวนที่ราวกับวิงวอนของดร.ท็อปเปลอร์พลันหัวเราะออกมา

ความโกรธของเขาพุ่งขึ้นมามากเกินจนเริ่มเปลี่ยนเป็นความเย็นชาถึงขีดสุด ...นี่ทำให้ดร.ท็อปเปลอร์ถึงกับหายใจติดขัดเพียงแค่ถูกวูชินจ้องมองเท่านั้น

"แกคิดคำสั่งเสียไว้ได้เลย"

"ได้โปรด คิดทบ ...... "

เขาไม่มีวันเปลี่ยนความคิดแน่ๆ เสียงนี้ดังก้องขึ้นมาในใจของดร.ท็อปเปลอร์ทันที ที่มองไปยังท่าทางและแววตาของวูชิน อีกทั้งเขายังรู้สึกถึงชะตากรรมสุดท้ายที่เขากำลังจะเผชิญอีกด้วย...ความตาย

"มันไม่มีหนทางอื่นแล้ว นอกจากการ รีเซ็ท .. "

ท็อปเปลอร์ไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ แต่เขายังมีแผนสำรองที่เตรียมไว้แกไขในกรณีที่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดอย่างเช่นตอนนี้... มันเป็นหนทางเดียวที่ทุกอย่างจะดำเนินต่อไปได้

เวลาต้องถูกหมุนย้อนกลับ และปัญหาทุกอย่างต้องได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องอีกครั้ง

ซู่มม

วูชินเหวี่ยงหมัดออกไป

แทนที่จะต้องมาทำการทดสอบหรือลองทำอะไรอีกครั้งซ้ำๆ เขาเลือกที่จะล้มการทดสอบหรือลองทำอะไรนั่นให้จบสิ้นไปจะดีกว่า

หมับ!! ฟุ่บบ!

"รีบไปเร็วเข้า!"

คิมคังชุลพุ่งเข้ามารั้งขาของวูชินเอาไว้ด้วยแรงทั้งหมด ...แต่ดร.ท็อปเปลอร์คงไม่มีเวลามามัวขอบคุณหรือซาบซึ้งในการกระทำอะไรของคิมคังชุลทั้งนั้น...เพราะคิมคังชุลเป็นแค่ผู้มีพลังระดับ A เขาจะรั้งคนระดับวูชินไว้ได้นานสักเท่าไร 1 วินาทีงั้นเหรอ?

ท็อปเปลอร์รีบวิ่งไปจับลูกบิดประตูห้องน้ำทันที

"พวกเราจะดึงนายออกจากระบบเร็วๆนี้ โปรดอย่าลืมคำพูดที่ฉันบอกนายเอาไว้ด้วย "

แอ๊ดด!!!

ประตูห้องน้ำเปิดออกก่อนที่ดร.ท็อปเปอลร์จะรีบเข้าไป วูชินเตะคิมคังชุลที่กอดขาเขาแน่นจนกระเด็น

"ปล่อยฉัน"

ผัวะ!!

คิมคังชุลถูกเตะกระเด็นไปติดผนังก่อนที่จะร่วงแผละลงไปกองที่พื้น

“อั๊คคค”

อาการบาดเจ็บมันรุนแรงกว่าที่คิมคังชุลคิด แตคิมคังชุลไม่คิดยอมแพ้ เพียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเท่านั้น

เมื่อสลัดออกไปได้วูชินก็รีบพุ่งไปจับประตูห้องน้ำที่ดร.ท็อปเปลอร์กำลังจะปิดมันด้วยความเร็วสูง

หมับ!

แต่ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกว่าขาของเขาถูกคนฉุดรั้งเอาไว้อีกครั้ง และเมื่อก้มลงไปเขาก็เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดของคิมคังชุล ดูเหมือนหัวของเขาจะแตก แต่เขายังคงกอดขาวูชินไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

"มีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น  โปรดช่วยผมด้วย "

ใครจะช่วยอะไรใครได้?

เพราดูเหมือนแต่ละคนก็ล้วนคิดถึงแต่ตัวเอง

วูชินเตะคิมคังชุลออกไปอีกครั้ง และพุ่งไปเปิดประตูห้องน้ำอย่างรุนแรง จนดูเหมือนประตูมันถูกฉีกกระชากออกอย่างไรอย่างนั้น

ปังงง!

อย่างไรก็ตามด้านหลังประตูก็ไร้วี่แววดร.ท็อปเปลอร์แล้ว ไอ้เวรไร้วิญญาณนั่นกลับไปโลกของมันซะแล้ว

เขาสามารถใช้การย้ายมิติโดยที่ไม่ต้องพึ่งดันเจี้ยน ...ไมสิ...ไอแบบนี้ใช่สิ่งที่มันเรียกว่าออกจากระบบรึเปล่า?

วูชินมองไปยังคิมคังชุลที่ไม่ถือว่ามีความผิดอะไร

“...... .”

แต่ความโกรธของเขานั้นแผ่กระจากออกมาตั้งแต่หัวจรดเท้า...เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก

"ความต้องการของเราไม่เหมือนกัน"

เป้าหมายของพวกมันคือการป้องกันไม่ให้เกิดผู้อยู่เหนือสรรพสิ่งและช่วยเหลือโลก?

เท่าที่เขาได้ยินมาความต้องการของอีกฝ่ายมีเท่านี้ อย่างไรก็ตามเป้าหมายของพวกมันก็ไม่ใช่เป้าหมายของเขา ถ้าพวกมันคิดได้แค่นั้นพวกมันก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนหลงทาง

“รีเซ็ท? เหอะ!"

มันไม่ใช่ทางออกสำหรับเขาสักนิด จะย้อนกลับไปทำซากอะไร จะให้เขาเดินผ่านช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานถึง 20 ปีนั่นอีกรอบ หลังจากนั้นก็ให้เขากลับมายังโลก เพื่อเฝ้าดูมันพังทลายลงอย่างนี้อีกครั้ง?

เป้าหมายของเขาต่างออกไป

"ฉันจะจบเรื่องนี้"

เขาไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรกับโลกจันทรา

เขาจะปกป้องโลก เขาจะทำลายดันเจี้ยนทั้งหมด เขาจะตัดความเชื่อมโยงระหว่างมิติออก และเขาจะทำให้โลกใบนี้เป็นเอกเทศ... และเขาจะคอยปกป้องมันด้วยตัวเอง

"ฉันจะฆ่าพวกมันให้หมด"

เขาจะยึดมั่นในหนทางและวิธีการที่เขาเชื่อมั่นมากที่สุด

หากวิธีการเดียวที่จะได้รับการประหารแห่งแทรซคือการทำให้โซอาหลั่งเลือด?

"ฉันไม่ต้องการมัน"

เขาไม่สนใจการประหารแห่งแทรซอีกต่อไป เขาไม่จำเป็นต้องใช้มันถึงแม้ว่ามันจะเป็นทางเดียวของเขา

เขาจะกลายเป็นเทพแห่งการทำลายล้าง และเขาจะฆ่าไอพวกสารเลวนั่นให้หมด

โอออออออออออออ

เมื่อวูชินเต็มไปด้วยความโกรธจนถึงขีดสุด เขาจะมองเห็นวิญญาณชั่วร้ายอาฆาตที่ลอยอยู่รอบๆตัวเขาทั้งหมดได้

เสียงร้องโหยหวนของพวกมันฟังดูเจ็บปวดทรมานจนทำให้ผู้ฟังเหน็บหนาวไปทั้วหัวใจ ทว่าวูชินคิ้วไม่กระตุกสักนิด

มีวิญญาณชั่วร้ายอาฆาตนับพันๆดวงที่ติดอยู่กับเขา

เขาไม่อาจนับได้ว่ามันมีจำนวนเท่าไร

แต่เขาแบกรับภาระนี้เอาไว้เสมอ

วิญญาณอาฆาตชั่วร้ายรอบๆตัวเขาเริ่มหายไปและซ่อนตัวอีกครั้ง อย่างไรก็ตามตอนนี้สถานการณ์ของเขามันต่างไปจากเมื่อก่อนเล็กน้อย ...

เขาแบ่งพวกมันบางส่วนแล้วนำไปเก็บไว้ในชุดเซ็ทแห่งแทรซที่เขาสวมใส่อยู่

ครืนนนน

คังวูชินก้าวเดินออกจากห้อง

 

รีวิวผู้อ่าน