ณ ห้องประชุมบนหอควบคุมของปราการลอยฟ้า ...ปราสาทของบีบี
หน้าจอขนาดใหญ่กำลังฉายภาพข่าวอยู่ โดยมีเสียงของผู้ประกาศข่าวในจอทีวีดังก้องไปทั่วทั้งห้องที่เงียบไร้เสียงสนทนาของผู้คน
「ด้วยการระเบิดที่ไม่ทราบสาเหตุ ณ บริเวณทะเลทรายโกบี ทำให้เกิดพายุทรายขนาดมหึมาขึ้น ทีมตรวจสอบได้ถูกส่งเข้าไปประเมินสถานการณ์ ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับการแตกออกของดันเจี้ยนหรือไม่ และนี่เป็นภาพถ่ายดาวเทียมก่อนที่จะเกิดแรงระเบิดมหาศาลขึ้น ... ส่วนในเรื่องถัดไป..... 」
ในอดีตเรื่องนี้คงจะเป็นข่าวด่วนประเด็นร้อนพาดหัวกันใหญ่โตคึกโครมและมีคนตื่นตระหนกกันอย่างมาก เพราะโลกเกิดภัยธรรมชาติที่น่าสะพรึงขนาดนี้ แต่ตอนนี้มันก็เป็นแค่ข่าวธรรมดาๆ ที่ไม่ได้มีความน่าสนใจมากมายอะไร...
ตอนนี้มีข่าวดันเจี้ยนแตกออกรายงานมาทุกวัน และรายงานแทบจะมาจากทั่วทุกมุมของโลก หากเรื่องราวมันไม่ร้ายแรงถึงขั้นมีผู้ปกครองมิติปรากฏตัวออกมาล้างประเทศ ข่าวอื่นๆก็ไม่ถือว่าเป็นข่าวด่วนประเด็นร้อนอะไร
ทว่าคนของอแลนดัลที่กำลังเฝ้าดูภาพถ่ายจากดาวเทียมที่จับภาพที่เกิดขึ้นได้อยู่ตรงหน้าจอนั้น สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่นัก
"เฮ่ พวกนายดูสิ นี่ไม่ใช่หัวหน้าของพวกเราหรอ คล้ายเขามากเลยนะเนี่ย?"
“อืมมม ... .”
คำพูดของวูซังฮุนดังขึ้นทำลายความเงียบ...และเมื่อทุกคนหันกลับไปมองจอภาพ ทุกคนก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
“หือ? ในเน็ทยังมีรายละเอียดเพิ่มเติมอีกด้วย "
ข้อมูลของแรงระเบิดที่เกิดขึ้น ณ ทะเลทรายโกบีมันมีความรุนแรงเทียบเท่าแรงระเบิดของระเบิดนิวเคลีย ทำให้ในเน็ทเริ่มโพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้กันไม่น้อย
นอกจากนี้ยังมีคลิปวิดีโอภาพถ่ายจากดาวเทียมที่ตัดมาถกกันอีกด้วย
「เฮ่ยดูนั่นดิ! นั่นตัวบ้าอะไรอีกวะน่ะ? รูปร่างแบบนั้น นั่นมันเพกาซัสไม่ใช่รึไง」
คนที่จับภาพนี้ได้กล่าวออกมาหลังจากที่บันทึกภาพอาชาแห่งความมืดบินข้ามท้องฟ้า
"เดี๋ยวๆ นั่นไม่ใช่ฉิงฉิง รึไงน่ะ?"
"ชัดเจนเลยล่ะ…."
"คลิปนี้มันถ่ายมาจากที่ไหน?"
คำอธิบายใต้คลิปบอกว่าจับภาพได้จากจีน
"เอาล่ะ จากภาพแล้ว ดูเหมือนเขากำลังมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก "
“... .”
จุงมินชานเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะกล่าวถามออกมา
"เขายังไม่ตายใช่ไหม?"
"แน่นอนว่าต้องยัง ราชาของเราต่อให้โดนนิวเคลียก็ไม่เป็นอะไรหรอก จำครั้งก่อนไม่ได้รึไง ขนาดขีปนาวุธอะไรนั่น ยังทำอะไรเขาไม่ได้สักนิด"
คำพูดติดตลกของวูซังฮุนทำให้ทุกคนผ่อนคลายลงมาไม่น้อย
"นายท่านยังมีชีวิตอยู่แน่นอนเมี๊ยวว ฉันสัมผัสได้ชัดเจนมาก เมี๊ยววว"
"อ่า จริงด้วยสิ"
คนในห้องเริ่มวางใจเมื่อได้ยินคำพูดยืนยันของบีบี
“เฮ่อ ก็นะ เดี๋ยวนี้ผมเองก็ไม่รู้เป็นอะไรไป กังวลมันไปได้ซะทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องน้อยอะไรก็ตาม "
ตอนนี้มินชานแทบไม่สามารถสงบใจของเขาลงได้ ความรู้สึกมันก็คล้ายๆ ปล่อยเด็กไปเล่นกันใกล้ๆริมแม่น้ำนั่นล่ะ ตอนนี้ไม่ว่าวูชินจะไปไหน มินชานย่อมรู้สึกกังวลไม่น้อย
"เขาจะไปโลกจันทราอะไรนั่นรึเปล่า?"
แต่ก่อนวูชินก็มักจะไปพื้นที่มิติของเขาหรือไม่ก็อัลเฟ่นเสมอๆ พวกเขาจึงไม่ค่อยแปลกใจเท่าไร แต่ตอนนี้พวกเขากลับกังวลว่าเขาจะไปสถานที่ใหม่ที่เขากล่าวถึง...พวกเขากลัวความจริงที่วูชินจะนำกลับมา
"ฉันว่าก็เป็นไปได้นะ เฮ่อ แล้วมันจะเป็นยังไงกันล่ะเนี่ย ถ้าเกิดโลกใบนี้เป็นแค่โลกเสมือน อย่างที่เขาบอกจริงๆ? "
เมื่อไดยินคำถามที่เต็มไปด้วยความกังวลของซังฮุน มินชานกล่าวตอบออกมาด้วยเสียงต่ำ
"นั่นก็คงหมายความว่าพวกเรา ไม่ใช่คนจริงๆล่ะมั้ง"
“อืมม ... ”
เขาบอกว่าหากโลกเสมือนจริงแห่งนี้หายไป จะมีแต่ผู้มีพลังเท่านั้นที่สามารถตื่นขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงใช่ไหม?
มินชาน, ซังฮุนและแฮมิน ไม่ใช่ผู้มีพลัง ...สีหน้าของพวกเขาทุกคนจึงฉายความกังวลและความรู้สึกซับซ้อนยากจะกล่าวได้ออกมา
「ข่าวด่วน! ทีมสำรวจจากกิลด์หลิงซั่งที่ส่งไปสำรวจพื้นที่เกิดแรงระเบิด ณ ทะเลทรายโกบี ได้ขาดการติดต่อไปทั้งหมด ภาพนี้เป็นภาพสุดท้ายที่ส่งมาก่อนการติดต่อจะขาดหาย ... 」
เมื่อผู้ประกาศข่าวพูดจบ ภาพบนหน้าจอก็ตัดไปยังภาพที่ถ่ายเอาไว้
ทีมสำรวจกำลังเดินไปข้างหน้าท่ามกลางลมกรรโชกในทะเลทราย ทุกทิศทางมองเห็นแต่ทรายไปหมดไม่ต่างอะไรจากเดินในหมอก
「อั๊วะสัมผัสพลังเวทย์ได้ข้างหน้าทาง11 นาฬิกา」
「ไอเหม่ง ลื๊อลองตรวจสอบดูซิ」
ซังฮุนที่นั่งฟังอยู่นั้น เข้าใจภาษาจีนที่พูดในคลิปวีดีโอได้ราวกับเป็นภาษาบ้านเกิดเขาอย่างไรอย่างนั้น
ผู้มีพลังหัวเหม่งคนนั้นเริ่มใช้ความสามารถของเขาออกมา เขาหยุดกระแสอากาศ ก่อนที่จะดูดฝุ่นไปไว้ข้างๆ
และเมื่อทัศนะวิสัยกระจ่างขึ้นมา เขาก็เห็นร่างสิ่งมีชีวิตที่ราวกับหุ่นขนาดใหญ่ยืนตระหง่านอยู่ มันสวมใส่เกราะที่ดูคล้ายๆกับเสื้อกั๊ก
"นั่นใช่ โกเลมรึเปล่า?"
มันดูไม่เหมือนมนุษย์ ทั้งยังไม่คล้ายคลึงกับสิ่งมีชีวิตหรือมอนสเตอร์ที่พวกเขาเคยพบเจอมาก่อน...ไม่สิมันดูเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีรูปร่างตายตัวมากกว่า
และมันก็ดูคล้ายๆ โดลเซ่ ที่เป็นโกเลม
แต่ลักษณะพื้นผิวมันดูหนึบๆ ราวกับมันถูกสร้างมาจากเยลลี่ ,หรือก้อนน้ำมันสีดำ ดูด้วยตาไม่อาจบอกได้ว่าร่างกายของมันเป็นของแข็งหรือของเหลว...แต่เวลามันขยับมวลในร่างมันกระเพื่อมราวกับน้ำมัน
อีกทั้งยังปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็คล้ายๆกลุ่มเมฆสีดำที่อัดแน่นรวมตัว
แต่จะอย่างไรก็ตาม ส่วนที่สำคัญไม่ได้อยู่ที่รูปร่างของมัน แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น
ซู่มมมม ผัวะ! อ๊ากกกก!
อยู่ดีๆมอนสเตอร์ลึกลับนั่น ก็เหวี่ยงมือของมันออกมา และสมาชิกในทีมที่อยู่ด้านหน้าก็ถูกฟาดกระเด็นลอยละลิ่วไปคนละทิศละทาง เป็นตายไม่รู้
「เคี๊ยกๆๆๆๆ」
เสียงหัวเราะน่าขยะแขยงดังขึ้น และหลังจากนั้นตากล้องที่ถ่ายภาพก็ถูกมันฆ่าตาย กล้องถูกปล่อยให้ตกอยู่ที่พื้น ก่อนที่ภาพจะขาดหายไป...
「เจ้าหน้าที่ของจีนสงสัยว่านี่จะเป็นผู้ปกครองมิติรายใหม่ พวกเขากำลังอยู่ในระหว่างรวบรวมทีมรบพิเศษ นอกจากนี้พวกเขายังคิดที่จะใช้ยุทธวิธีจู่โจมด้วยระเบิดนิวเคลียอีกด้วย ... 」
“ฮะ บ้าอะไรกันวะเนี่ย? พวกมันคิดจะยิงนิวเคลียใส่ง่ายๆแบบนี้เลยงั้นเหรอ?
ในขณะที่มินชานกำลังตื่นตระหนกกับข่าว เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามา
"ท่านนายกรัฐมนตรีครับ ตอนนี้ทางรัฐบาลจีนขอกำลังสนับสนุนและความช่วยเหลือจากทางเราครับ "
"เพราะเรื่องนี้งั้นเหรอ?"
มินชานชี้ไปยังหน้าจอ ก่อนที่จะกรอภาพให้เจ้าหน้าที่คนนั้นดู เมื่อเจ้าหน้าที่คนนั้นดูเขาก็พยักหน้าเล็กน้อย
"ผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องนี้ล่ะครับ อันที่จริงสถานการณ์มันเลวร้ายกว่าในรายงานข่าวมากเลยทีเดียว มอนสเตอร์ลึกลับตัวนั้นมันได้ทำลายทุกเมืองที่มันบินผ่านจนราบพนาสูร และตอนนี้มันก็บินเข้าเขตตะวันตกของเมืองจางเจียโกวแล้วด้วยครับ"
"... อะนะ มันเดินทางด้วยความเร็วขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?"
"บ้าเอ๊ย แล้วมันดันมาตอนที่ราชาเราไม่อยู่ด้วยนะ"
"นั่นสิ ทำไงดีล่ะเนี่ย"
คิมแฮมินที่ดูข่าวจบรีบพับหน้าจอก่อนที่จะเปิดแผนที่ และเขาก็ลองลากเส้นทางตามการเคลื่อนไหวของมอนสเตอร์ลึกลับนั่นดู
"นี่มันเดินทางเป็นเส้นตรง ดิ่งลงมาเลยนี่หว่า"
จุงมินชานหรี่ตามองเส้นสีแดงที่คิมแฮมินลากขึ้นมา
“อืมม ถ้าพุ่งตรงแบบนี้ต่อไปมันต้องผ่านปักกิ่ง ฉันก็ว่าแล้วทำไมรัฐบาลจีนถึงร้อนรนขนาดนี้ "
"ไม่ๆมินชาน นายลองมองดีๆสิ ...ดูเส้นทางของมันดีๆ"
คิมแฮมินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง เส้นทางการเคลื่อนไหวของมอนสเตอร์ตัวนี้...ถ้ามันผ่านเมืองทุกเมืองไปเรื่อยๆ
ท่าทางของมินชานพลันเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
“กรุงโซล ... นี่เป้าหมายที่แท้จริงของมัน คือพวกเรางั้นเหรอ? "
มันเป็นแค่การคาดการณ์เท่านั้น แต่มันก็ทำให้เขาลำบากใจมาก... เพราะว่ามันน่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ
"ไอมอนสเตอร์ประหลาดนี่ อยู่ๆมันก็โผล่ขึ้นมาพร้อมแรงระเบิด และราชาของเราก็ดันหายตัวไป... "
ตอนนี้เขาแทบไม่อาจระงับความวิตกกังวลและหวาดหวั่นในใจได้ และทันใดนั้นเองเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น
เจ้าหน้าที่อีกคนรีบร้อนวิ่งเข้ามา
"ท่านนายกรัฐมนตรีครับ ตอนนี้มีสายเข้ามาจากทางเกาหลีใต้ ตอนนี้มีการแตกออกครั้งใหญ่ในปูซานครับ แนวป้องกันของพวกเขากำลังจะพินาศแล้ว เขาขอความช่วยเหลือจากทางเราโดยด่วนที่สุด "
"ท่านนายกรัฐมนตรีครับ มีสายเข้ามาจากทางนิวยอร์ก ... "
พนักงานที่ถือโทรศัพท์ค้างไว้ ได้แต่หยุดพูดเมื่อเห็นท่าทางมินชานไม่ค่อยสู้ดีนัก ทั้งมินชานยังกำลังกุมขมับพร้อมกับจ้องมองมาทางเขาด้วยสายตาจนปัญญา
"ตอนนี้หัวหน้าไม่อยู่แล้วพวกเราจะทำยังไงดี ... "
คังวูชินคนเดียว มีอำนาจเทียบเท่ากองทัพของโลกใบนี้...ตอนนี้ทันทีที่คังวูชินขาดการติดต่อไป มอนสเตอร์ทั้งโลกดันพร้อมใจกันเฮโลแห่ออกมาอย่างพร้อมเพรียง ราวกับนัดกันมาอย่างไรอย่างนั้น
ถ้าหากโลกนี้เป็นโลกแห่งความจริงแล้วมีเหตุการณ์เช่นนี้คงเหมือนนรกแตก...แต่มันคงเป็นแค่ปัญหาเล็กน้อยถ้าโลกนี้เป็นแค่โลกเสมือน
***
เขารู้สึกราวกับว่า...ขาของเขาหายไป...
ไม่สิ..ไม่ใช่แค่ขา...ร่างกายของเขาหายไปงั้นเหรอ?
ทั้งตอนนี้เขายังเห็นภาพหลอนและหูแว่วอีก
ช่วยหนูด้วย...
ได้โปรดอย่าทิ้งพวกเราไป...
ท่านสามารถปกป้องพวกเขาได้....
ได้โปรด อย่าไป!
ผมไม่อยากตาย... ช่วยผมด้วย
ใบหน้าต่างๆลอยขึ้นมา กล่าวคำอ้อนวอนเขา
รูปร่างและน้ำเสียงเหล่านี้มันดูคุ้นเคย ...
นี่เขากำลังฝันอีกแล้วเหรอ?
เขาถูกเหล่าวิญญาณร้ายมารบกวนอีกแล้วเหรอ?
ตอนนี้สายตาของเขาพร่าเลือนและมองอะไรไม่ชัด แต่เขาก็เห็นว่าเหล่าวิญญาณที่ทรมานและค่ำครวญเหล่านี้กำลังสัมผัสร่างกายของเขา..คังวูชิน ดวงวิญญาณเหล่านี้พยายามแย่งกันพุ่งมาสัมผัสร่างกายเขา ทั้งพวกมันยังผุดขึ้นมามากมายราวกับออกมาจากนรกอย่างไรอย่างนั้น
มันรู้สึกร้อนและก็ระคายนิดๆ...
ส่วนที่น่าตลกก็คือตอนนี้..เขาไม่มีร่างกาย
เขายังมีสติและความสามารถในการรับรู้ ทว่าเขาไม่อาจรู้สึกถึงร่างกายของเขาได้ ราวกับว่าตอนนี้เขากำลังละลายกลายเป็นหมอกควันล่องลอยอยู่ในอากาศ และสิ่งเดียวที่เขามองเห็น ก็คือเหล่าวิญญาณร้าย
เขาเฝ้ามองเหล่าวิญญาณพุ่งไปมาในอากาศที่ว่างเปล่า และเขาก็สัมผัสถึงอารมณ์ที่ไม่อาจอธิบายได้ที่อยู่ๆก็เอ่อล้นขึ้นมา ...บางทีนี่อาจเป็นความปรารถนาที่เขาต้องการมาตลอดเวลา
'อิสรภาพ'
ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองได้ปลดปล่อยเหล่าพันธนาการที่ฉุดรั้ง รวมถึงภาระหน้าที่ที่เขาต้องแบกรับเอาไว้บนบ่าออกไป...
ปลดปล่อย..
ในสภาพนี้เขารู้สึกว่า ถ้าเขาต้องการ เขาสามารถหลีกหนีจากเสียงคร่ำครวญของเหล่าวิญญาณร้ายพวกนี้ได้..
'ฉันจะทิ้งพวกมัน'
เขาพยายามที่จะทิ้งพวกมัน...เขาเกือบที่จะทิ้งพวกมันได้แล้ว แต่ทว่า ...
ผับๆ...
ผีเสื้อตัวหนึ่งบินมาอยู่ตรงหน้าของวูชิน มันกระพือปีกไปมาอย่างช้าๆ ก่อนที่ร่างของมันจะเริ่มสลายเป็นละออง...ไม่นานนักละอองเหล่านั้นก็รวมตัวกันกลายเป็น เด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่ง...
ใบหน้าของเธอช่างคุ้นเคยนัก ...เธอเป็นเด็กหญิงที่สังเวยชีวิตให้กับการโจมตีที่โหดร้าย
ขอบคุณนะคะ..
ซากศพไร้แขนที่กำลังคลานอยู่บนพื้นดินปรากฏขึ้นมาอยู่ตรงหน้าของวูชิน ... ศพร่างนั้นค่อยๆกลายเป็นละอองก่อนที่จะรวมตัวกันใหม่และกลายเป็นเด็กหญิงที่มีรูปร่างสมบูรณ์แขนที่เคยขาดก็กลับมาเหมือนเดิม...
ร่างชายคนหนึ่งที่แหลกเหลวค่อยหลอมรวมขึ้นมาจากละอองแสง...
เป็นเกียรติที่ได้ร่วมรบกับท่านครับ...
เขาจำชายคนนี้ได้
ในวันนั้นเขาได้จ้างทหารรับจ้างคนหนึ่ง...คนๆนั้นเป็นอัศวินที่ตกอับ ...และเขาก็ได้ร่วมต่อสู้กับอัศวินคนนั้นในสนามรบ
ควันเริ่มรวมตัวปรากฏเป็นชายชราคนหนึ่งที่ศีรษะเต็มไปด้วยเลือด...และเขาก็โค้งคำนับวูชิน
ข้าไม่คิดโทษหรือแค้นเคืองเจ้า...
ในความทรงจำที่เลือนลางของวูชิน คนๆนี้ตายด้วยมือเขา
พวกข้าไม่คิดโทษเจ้า...
...
..
เหล่าวิญญาณร้ายที่กรีดร้องคร่ำครวญเริ่มกลับสู่รูปลักษณ์ในสมัยที่พวกเขายังมีชิวิต...และพวกเขาก็เริ่มปรากฏออกมาแก่สายตาวูชิน
พวกเขาทั้งหมดยิ้มและก็โค้งคำนับให้เขา ตอนนี้วูชินบังเกิดอารมณ์ความรู้สึกประการหนึ่งเอ่อล้นขึ้นมา และเขาเองก็ไม่สามารถอธิบายว่ามันคืออะไรกันแน่..และเขาไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองและแสดงออกมาอย่างไร
ขอบคุณที่ไม่ยอมแพ้ในตัวพวกเรา
แต่ละคนล้วนพูดคำๆนี้กับเขา
เขารู้สึกเสียใจ เพราะไม่อาจปกป้องคนเหล่านี้ได้
...นี่คือพื้นที่แห่งความว่างเปล่า...
แม้ตอนนี้เขาจะไม่แน่ใจว่าตัวเขามีร่างกายหรือเปล่า ... เพราะเขาไม่อาจรับรู้และสัมผัสถึงร่างกายของเขาได้ แต่เหล่าวิญญาณโดยรอบที่โผล่ออกมาให้เห็นนั้น ยืนยันว่า...เขายังมีตัวตนอยู่...
นี่คือเหล่าชีวิตที่สองมือของเขาไม่อาจปกป้องคุ้มครองเอาไว้ได้...พวกคนเหล่านี้กำลังจับจ้องมายังเขา
ราวกับว่าพวกมันกำลังคอยปกป้องปลอบประโลมเขา ...
***
ยานของลีโอเน่ลงจอดในพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่ง
วื๊ดดดด
ประตูของยานเปิดออก และเหล่าทหารติดอาวุธที่สวมใส่หน้ากากป้องกันแก๊สพิษก็ก้าวลงมาจากยาน
“เราพร้อมที่จะเข็นเปลออกมาแล้วครับ กัปตัน”
เตียงหนึ่งลอยอยู่ในอากาศ มันดูเหมือนจะเป็นอุปกรณ์ที่ดูเหมือนจะมีไว้เพื่อให้คนนอนลงไปในนั้น แม้จะดูแปลกๆที่เรียกมันว่าเปลก็ตาม...นี่เพราะว่ามันมีเครื่องไม้เครื่องมืออะไรเยอะแยะไปหมด...ตอนนี้ทุกอย่างได้เตรียมการเสร็จเรียบร้อยแล้ว...
"ศาสตราจารย์ ได้ติดต่อเข้ามารึยัง?"
"ศาสตราจารย์ติดต่อมาแล้วครับ ท่านบอกว่า...ท่านไม่สามารถโน้มน้าวเขาได้ ครับปักตัน"
“ฮึ่มมม ว่าแล้วไงล่ะ”'
กัปตันลีโอเน่ได้แต่ส่งเสียงคร่ำครวญออกมา ก่อนที่จะเปิดใช้งานอุปกรณ์ไฮเทคบริเวณข้อมือของเขา และไม่นานภาพโฮโลแกรมของใบหน้าของศาสตราจารย์ท็อปเปลอร์ก็ถูกฉายขึ้นมากลางอากาศ
"ศาสตราจารย์ ถ้าเขาไม่มีรหัส มันก็ไม่มีความหมายอะไรที่พวกเราจะนำเขาออกจากระบบ "
「ผมก็รู้ และนี่ก็เป็นเหตุผล ที่ผมแอบให้ภารกิจชิงรหัสคิมคังชุลไปยังไงล่ะ อ่อใช่เราต้องนำเขาออกจากระบบด้วยอีกคนนะ」
“โอ้! เข้าใจแล้วครับท่าน เอาล่ะงั้นพวกผมจะไปเก็บกู้รหัสกู้คืนก่อนก็แล้วกัน "
「โอเค ตามนั้น ถ้าเขาได้รับรหัสโลกมาเมื่อไหร่ผมจะแจ้งทางคุณไปเองกัปตัน」
พวกเขาต้องการทั้งรหัสโลกและรหัสกู้คืน
"ร่างคิมคังชุลนี่อยู่ที่ไหนนะ?"
"...อยู่ที่สถานีโซลเหมือนกันครับ"
โชคดีที่พวกเขาอยู่ในละแวกเดียวกัน
"เอาล่ะ งั้นไปเตรียมเปลอีกอันไว้ให้พร้อม"
"ครับท่าน"
เปลอีกตัวหนึ่งถูกเข็นออกมาจากยานลีโอเน่ เมื่อลูกทีมทั้งหมดพร้อมเดินทาง ลีโอเน่ก็ก้าวนำไปข้างหน้า
ถนนและพื้นที่โดยรอบมันดูรกร้าง ไร้สิ่งมีชีวิต ป้ายบอกทางทรุดโทรมผุพังไปตามกาลเวลา....และหลังจากที่เดินกันอยู่ราวๆ 10 นาที บันไดลงไปชั้นใต้ดินก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา บันไดมันมีสภาพเสียหายทรุดโทรมและแลดูสับปะรังเค แต่อย่างไรก็ตามมันยังแข็งแรงพอให้คนเดินผ่านลงไปยังชั้นใต้ดินได้