"เขาอยู่ที่ไหนล่ะ?"
เมื่อกระจกยานเปิดออก ท็อปเปลอร์ก็ถอดหมวกนิรภัยและกล่าวถามออกมาทันที
กับตันลีโอเน่มองศาสตราจารย์ด้วยสายตาเศร้าสร้อยก่อนที่จะกล่าวตอบออกมาด้วยใบหน้าขื่นขม
"เขาอยู่ในห้องพักฟื้นครับ"
ดร.ท็อปเปลอร์เองก็อ่านสถานการณ์ได้ทันทีหลังจากเห็นสีหน้าของกัปตันลีโอเน่ เขาจึงได้แต่เปิดประตูห้องพักฟื้นด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง
“ศะ ...ศาสตราจารย์”
ดร.ท็อปเปลอร์มองคิมคังชุลด้วยสายตาของผู้อาวุโสที่ผ่านโลกมามาก คิมคังชุลเองก็รับรู้ได้ทันที...
ว่าตอนนี้เขาได้ลืมตาตื่นขึ้นมาในโลกแห่งความจริงอย่างแน่นอนแล้ว..
"แล้วเรื่องรหัสของโลกล่ะ มันเกิดอะไรขึ้น?"
"... ผมพลาดครับ ผม..ทำภารกิจล้มเหลว"
“เฮ่อ”
ดร.ท็อปเปลอร์ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรที่จะปลุกคังวูชินขึ้นมา เพราะสุดท้ายเขาก็มีแค่รหัสกู้คืนเท่านั้น? หากพวกเขาต้องการย้อนเวลา หรือรีเซ็ตโลก พวกเขาต้องได้รหัสของโลกมาด้วย
"ท่านศาสตราจารย์พวกเราต้องทำการย้อนเวลาของโลกกลับไปเท่านั้นเหรอครับ?"
"ทำไมหรือ?"
"ท่านไม่สามารถช่วยเหลือคนอื่นๆ ได้แบบเดียวกันกับที่ช่วยเหลือผมเหรอครับ"
“เฮ่อ....”
เมื่อได้ฟังคำถามของคิมคังชุล ท็อปเปลอร์ได้แต่ส่ายหัวไปมาก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทรัพยากรบนโลกหมดสิ้นไปแล้ว อีกทั้งตอนนี้เหล่าผู้คนก็เรียกได้ว่าไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่แต่ในบ้านได้อีกด้วย แล้วในปัจจุบันที่สถานการณ์มันเป็นแบบนี้ หากฝืนปลุกคนนับหมื่นขึ้นมาพร้อมกันมันจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ?
แม้จะไม่มีเรื่องราวอะไรกระตุ้น...แต่สุดท้ายผู้คนเหล่านั้นก็จะทำลายกันเองเพราะความแร้นแค้น
มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ไปแล้ว แม้จะอยู่ในโลกเสมือนเหล่ามนุษย์ก็ยังไม่เคยหยุดที่จะแย่งชิง รบราฆ่าฟันก่อสงครามรบพุ่งกันไปมาเพื่อช่วงชิงทรัพยากรและอำนาจ
ท่าทางสงสัยของคิมคังชุลบ่งบอกว่า เขายังไม่เข้าใจในสถานการณ์ปัจจุบันสักเท่าไร
“เฮ่อ เอาเถอะ เมื่อพวกเราไปถึงศูนย์บัญชาการที่ดวงจันทร์ เดี๋ยวนายค่อยไปเข้าคอร์สเรียนรู้แล้วกัน... "
ดร.ท็อปเปลอร์กล่าวจบก็หันไปมองนาฬิกาที่แขวนอบยู่บนผนังอย่างอ่อนใจ
ทำไมทุกๆอย่างมันถึงผิดเพี้ยนวุ่นวายโกลาหลไปหมดแบบนี้?
หรือเขาควรจะทำตามคำแนะนำของสภาตั้งแต่แรก? เขาควรที่จะเตรียมการหลายๆรูปแบบโดยใช้การทดสอบอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป?
การพบกับคังวูชินครั้งนั้นมันกลายเป็นเหตุการณ์เล็กๆ แต่มันแทบจะเหมือนกับเหตุการณ์ผีเสื้อกระพือปีก ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างมันกระทบกันเป็นลูกโซ่จนเกิดผลลัพธ์ลุกลามใหญ่โต
"เอาล่ะ นายตั้งใจฟังผมให้ดี"
"ครับท่านศาสตราจารย์"
คิมคังชุลตั้งใจฟังคำพูดของดร.ท็อปเปลอร์ราวกับเป็นสาวกอย่างไรอย่างนั้น เขาให้ความนับถือกับท็อปเปลอร์อย่างมาก เขามองท็อปเปลอร์ราวกับเป็นพระเจ้าเลยทีเดียว
"เมื่อเชื่อมต่อกับโลกเสมือน หรือที่เรียกกันว่าการ เข้าระบบ อวตาลของพวกเราจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ชีวิตโลดแล้นในโลกเสมือนแห่งนั้น "
คิมคังชุลพอเข้าใจเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่เขาไม่ได้คิดว่าโลกเสมือนจริงจะมีค่าอะไรมากมายสักเท่าไร เขายังคิดอีกว่ามันเป็นแค่เกมส์เท่านั้น ไม่สิ..การที่เขายังมีชีวิตจริงๆอยู่ตรงนี้ก็เป็นการยืนยันที่ดีที่สุดแล้ว
"และในที่สุดผมเองก็ออกจากระบบได้"
“ก็ใช่”
คิมคังชุลย้อนไปคิดเกี่ยวกับการพยายามออกจากโลกเสมือน แต่ดูเหมือนว่าในโลกแห่งความเป็นจริงมันก็ไม่ได้ดีเด่และเหมาะกับการดำรงชีวิตสักเท่าไร
ประการแรกเลยในโลกแห่งความเป็นจริงนี้ต้องดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอด มันเป็นโลกที่สิ้นหวังไปแล้ว
"ลองเปิดใจและคิดถึงความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ดู จะเกิดอะไรขึ้นหากตัวตนที่ทรงพลังในโลกเสมือน ออกจากระบบและออกมาใช้ชีวิตอยู่ในความเป็นจริง? "
"อะไรนะครับ?"
"ก็ตามที่ฉันพูดนั่นล่ะ ฉันไม่ได้พูดถึงการออกจากระบบของมนุษย์ที่เข้าสู่ระบบ แต่ฉันพูดว่า ถ้าเหล่าตัวตนที่ทรงพลังในโลกเสมือนออกมาโลดแล่นในโลกแห่งความเป็นจริงนี้ได้จะเกิดอะไรขึ้น"
"เอ่อนั่นมัน……"
ทำไมโลกเสมือนจริงถึงเป็นได้แค่โลกเสมือนล่ะ?
เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่มีอยู่จริง ไม่อาจจับต้องได้ในทางกายภาพ มันเป็นสิ่งที่มีแต่ในโลกที่จำลองขึ้นมาเท่านั้น
"เราสามารถเข้าสู่ระบบที่เรียกได้ว่าเป็นเรื่องจริงของพวกเขา จะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาเข้าสู่ระบบ ที่เป็นโลกจริงๆนี่ของพวกเราได้เช่นกัน? "
“...... .”
นี่นับว่าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของคิมคังชุลไปไกล และไม่ต่างอะไรไปจากฝันเฟื่องสำหรับเขา
ถ้าคนจากในโลกเสมือน เข้าสู่ระบบในโลกแห่งความจริงนี้ได้ จะเรียกมันว่ายังไงดีล่ะ? มันเป็นการสร้างอะไรจากความว่างเปล่าอย่างนั้นหรือไง? แล้วมันจะมาอยู่ในโลกนี้ได้ยังไงกันล่ะ?
"มันก็คล้ายๆกับการที่เราเข้าไปยังโลกเสมือนนั่น แต่พวกเราจะพยายามนำ สิ่งที่อยู่ในโลกเสมือนนั่นออกมาสู่ความเป็นจริง "
"เอ่อ ถ้าเรื่องนี้เป็นไปได้ผมว่า..."
"พวกเรากำลังพยายามที่จะนำโลกเสมือนนั่น ออกมาสู่ระบบสุริยะจักรวาลแห่งนี้ และหากทำได้โลกเสมือนแห่งนั้น ก็จะกลายมาเป็นโลกใบใหม่ของพวกเราไปเลย "
ตอนนี้โลกแห่งความจริงได้หมดสิ้นทรัพยากรทั้งหมดไปแล้ว คงเหลือแต่เพียงซากอาคารปรักหักพัง ไร้ซึ่งความมีชีวิตชีวา และนี่เป็นการพยายามครั้งสุดท้ายที่จะช่วยเหลือมวลมนุษย์ชาติ
เป็นการสร้างดาวดวงใหม่จากโลกเสมือน
ตอนนี้เวลาที่ทุ่มเทไปกับการทำให้เรื่องนี้กลายเป็นจริงนั้นค่อนข้างมากพอสมควร
"แล้วโลกใบนี้จะเป็นยังไงต่อไปล่ะครับ?"
"มันก็จะยังคงอยู่แบบนี้นี่ล่ะ"
โลกนี้ไม่ได้เป็นเป้าหมายสำหรับการสร้างโลกขึ้นมาใหม่อีกต่อไป โลกใบนี้เป็นแค่หีบที่ใช้บรรจุคนไว้จนกว่าโลกใหม่จะเสร็จสิ้นเท่านั้น
"การสร้างโลกใหม่และปรับสภาพพื้นผิวให้พร้อมอยู่อาศัยจนเหมือนในโลกเสมือนจะถูกทำที่ดาวอังคาร"
"อา…. ถ้ามันเป็นไปได้ล่ะก็ ... "
มวลมนุษย์ชาติจะได้ที่อยู่ใหม่ และเมื่อพวกเขาออกจากระบบโลกเสมือน พวกเขาก็จะสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ พวกเขาจะดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมานั่น
"นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไม เราถึงต้อง รีเซ็ท โลกเสมือนนั่นยังไงล่ะ"
“...... ?”
"อะไรเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้โลกเสมือนที่คุณพึ่งออกมา ใกล้จะถึงจุดจบล่ะ?"
การแพร่กระจายของดันเจี้ยน ... .
สงครามที่เลวร้ายได้ทำลายโลกเสมือนแห่งนั้นจนแทบย่อยยับ ตอนนี้โลกเสมือนนั่นกำลังถูกทำลายจนแทบจะจบสิ้น
นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่พวกเขาต้องการที่จะรีเซ็ตโลกเสมือนนั่น
"…ผมเข้าใจแล้ว "
คิมคังชุลกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมชีวิตของเขาต้องวนลูปซ้ำไปซ้ำมาเมื่อก่อน แทนที่เขาจะรู้สึกโล่งใจ กลับกันเลย ตอนนี้เขามีความรู้สึกว่างเปล่าไม่เหลืออะไรเ