หลังจากที่พบกันที่ไนท์คลับ เจียงซูหลันก็ไม่คุยกับเฉินฟานอีกเลย แม้เมื่อพวกเขาพบกันที่โรงเรียน พวกเขาแค่พยักหน้าให้กันโดยไม่พูดอะไร
แม้จะมีระยะห่างที่เพิ่มขึ้นระหว่างเขากับเจียงซูหลัน แต่เฉินฟานก็เริ่มที่จะสนิทสนมกับเจียงทันชิอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะไม่ชอบใจที่มีเฉินฟานเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะ แต่อย่างน้อยเขาก็ยินดีที่จะพูดคุยกับเพื่อนคนใหม่ และออกไปเที่ยวกับเขาเป็นครั้งคราว ในสายตาของเพื่อนร่วมชั้น เจียงทันชิเป็นคนที่สนิทกับเฉินฟานที่สุดในห้องเรียน
วันหนึ่ง หัวหน้าห้องชางเหวินขึ้นมาหาทั้งสอง และพูด “ทีมบาสเก็ตบอลของโรงเรียนจะฝึกซ้อมตอนเที่ยง ฉันต้องการให้พวกนายทั้งสองคนไปช่วยแจกเครื่องดื่มให้กับทีมหน่อย”
ก่อนที่ชายหนุ่มทั้งสองคนจะมีโอกาสได้พูดอะไร ชางเหวินก็หันหลังกลับ และเดินจากไป
เจียงทันชิบ่นพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมา “เธอทำดีกับซือหยินเซียราวกับเทพเจ้า และปฏิบัติต่อเราเหมือนสุนัข!”
เขาหันกลับ และเห็นว่าเฉินฟานยังคงนิ่งเงียบซึ่งทำให้เจียงทันชิคิดว่านี่เป็นการยอมรับ
“นายจะดีกับเธอมากเกินไปแล้ว! แล้ววันหนึ่งนายจะเสียใจ!”
เฉินฟานแกล้งทำเป็นว่าเขาไม่ได้ยินคำบ่นของเพื่อน และยังคงนิ่งเงียบ
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จทั้งสองก็มาถึงสนามบาสเก็ตบอล พวกเขาพบว่าที่นั่งส่วนใหญ่เป็นของผู้หญิง พวกเขาตรวจสอบสนามบาสเก็ตบอลอย่างคาดไม่ถึงในขณะที่กระซิบกันเป็นครั้งคราว ผู้เล่นสำรองเป็นคนแรกที่เดินเข้าสู่สนาม แต่ไม่มีใครสนใจเขา อย่างไรก็ตามเมื่อซือหยินเซียปรากฏตัวขึ้น สนามบาสเก็ตบอลก็เต็มไปด้วยเสียงเชียร์ และเสียงกรีดร้อง
“เชี่ย! นี่เรามาดูถ่ายโฆษณากันอยู่เหรอไงวะ?”
แม้ว่าเฉินฟานจะรู้ว่าซือหยินเซียเป็นไอดอลของเหล่าหญิงสาว แต่เขาก็รู้สึกหงุดหงิดจากความระริกระรี้ของผู้หญิงเหล่านี้
“แม่งจะฮ็อตเกินไปแล้ว” เจียงทันชิถอนหายใจ “ฉันได้เห็นแฟนคลับของเขาที่สวยมากกว่าสี่คนซึ่งอย่างน้อยก็สวยแทบจะเท่าหัวหน้าห้องของเรา แต่เขากลับไม่สนใจพวกเธอคนใดคนหนึ่งเลย”
เฉินฟานส่ายหัวแล้วถอนหายใจ
เขาไม่ได้ถอนหายใจเพราะอิจฉาซือหยินเซีย ใน 500 ปีที่ผ่านมาเขาได้เดินทางไปในกาแลคซี่หลายแห่ง และทำให้เทพธิดาหลายคนต้องเสียน้ำตา ผู้หญิงเหล่านี้ไม่สามารถเทียบได้แม้แต่ความงามเพียงเล็กน้อยจากเหล่าเทพธิดาได้แม้แต่นิด
สิ่งที่เขาคร่ำครวญคือภาพของหยางเฉา
พวกเขาทั้งสองถูกล้อมรอบด้วยเหล่าหญิงสาว เห็นได้ชัดว่าทั้งหยางเฉา และซือหยินเซียต่างก็ฮ็อตมากในหมู่สาวๆ
“นายเห็นคนที่ตัวสูงๆคนนั้นไหม? เขาคือหยางเฉา กัปตันทีมโรงเรียน”
เจียงทันชิชี้ไปที่หยางเฉา และพูด “พ่อของเขาคือซีอีโอของเทียนเฉิงแกรนด์โฮเต็ล ที่โรงแรมนั่นแม้แต่อาหารที่ถูกที่สุดก็มีราคาอย่างปาไปอย่างน้อยสามพันหยวนแล้ว มีใครบางคนเคยยั่วยุเขา และจบลงด้วยการถูกหักขา ลองเดาดูสิว่าเกิดอะไรขึ้นกับกัปตันหยางของเรา? ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย!”
เจียงทันชิพูดด้วยความริษยา และความเกลียดชังในน้ำเสียงของเขา “ถ้าฉันเป็นแบบเขาได้เมื่อไหร่ นั่นคงจะยอดเยี่ยมน่าดู”
เมื่อพูดจบเขาก็หันไปมองเฉินฟานอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถอนหายใจ “ลืมมันไปเถอะ ฉันกำลังคิดบ้าอะไรอยู่? เฮ้อ เรากับหยางเฉาราวกับอยู่คนละโลก”
เฉินฟานยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร
ตระกูลของเจียงทันชินั้นมีสภาพการเป็นอยู่ที่ดี แต่มันก็ห่างไกลเมื่อเทียบกับทรัพย์สินหลายร้อยล้านของตระกูลหยาง
การแข่งฝึกซ้อมได้เปลี่ยนเป็นการโชว์เดี่ยวของซือหยินเซียอย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่เขาควบคุมบอล เขาจะพุ่งซิกแซกผ่านการป้องกันของฝ่ายตรงข้าม และทำคะแนนไปได้อย่างง่ายดาย และทุกครั้งที่เขาทำคะแนนได้ โรงยิมจะเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของเหล่าผู้หญิง
การแข่งฝึกซ้อมจบลงด้วยชัยชนะที่ 82 ต่อ 22 คะแนน ซือหยินเซียเพียงคนเดียวก็ทำคะแนนไปถึง 30 คะแนน จาก 82 คะแนน
เมื่อการแข่งฝึกซ้อมจบลง ชางเหวินก็รีบไปหาซือหยินเซียแล้วส่งขวดน้ำเย็นให้กับเขา จากนั้นเธอก็หยิบผ้าเช็ดตัวนุ่มๆอุ่นๆออกมาแล้วเช็ดหน้าผากที่เต็มไปด้วยเหงื่อของซือหยินเซียอย่างแผ่วเบา
ในขณะเดียวกันซือหยินเซียงก็ปลีกตัวออกไป และไม่พูดอะไรกับหญิงสาว
“เจียงทันชิ เฉินฟาน พวกนายสองคนกำลังจ้องมองอะไรกันอยู่? ผู้เล่นคนอื่นๆกำลังต้องการน้ำ!” ชางเหวินมองไปยังชายหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่ข้างสนาม และพูดด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง
“ไปกันเถอะ” เฉินฟานตบไหล่ของเจียงทันชิ และยกถาดเครื่องดื่มขึ้นมา
“ขอบใจ” หยางเฉาหยิบเครื่องดื่มขึ้นมาก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้มองเห็นคนที่ส่งขวดน้ำให้กับเขา เมื่อเขาเห็นว่าเป็นเฉินฟาน เขาก็รู้สึกประหลาดใจ อารมณ์นับร้อยที่แตกต่างกันตั้งแต่ช็อคไปจนถึงความลำบากใจได้ผสมปนเปอยู่ในตัวกัปตันทีม และแต่ละคนก็เดินมาหาเขา
“เกิดอะไรขึ้น?” ผู้เล่นที่อยู่ถัดจากหยางเฉาสะกิดเขาเบาๆ
“อ่า ไม่มีอะไร” หยางเฉายิ้มอย่างงุ่มง่าม
“ไม่เจอกันนานเลยนะ” เฉินฟานพยักหน้าให้เขา
“อ่า ชะ ใช่แล้ว” หยางไม่ต้องการพูดคุยกับเฉินฟานในขณะที่เขายังคงต่อสู้กับอารมณ์ที่วุ่นวายภายในตัวเขา
เฉินไม่ต้องการที่จะเสียเวลากับเขาเช่นกัน หลังจากที่เขาแจกเครื่องดื่มเสร็จ เขาก็รีบออกไปกับเจียงทันชิทันที
เมื่อเฉินฟานหายไปจากสนามบาสเก็ตบอล หยางเฉาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกด้วยความกลัวเมื่อที่ยังคงสั่นไหวในดวงตาของเขา
“นั่นไม่ใช่นักเรียนที่ย้ายมาใหม่หรอกเหรอ?” ซือหยินเซียถามหยางเฉาขณะจิบน้ำ
“นายรู้จักเขางั้นเหรอ?” หยางเฉาถามด้วยความสับสน
“เขาชื่อเฉินฟาน นักเรียนใหม่ในห้องของเรา ฉันไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเขา ฉันขอให้เขามาช่วยแจกเครื่องดื่มให้กับทีมบาสเก็ตบอลของเราเท่านั้นเอง” ทันใดนั้นชางเหวินก็พูดขึ้นมาอย่างแผ่วเบา
ในสายตาของเธอ เฉินฟานไม่ได้มีเสน่ห์หรือน่าหลงไหลเท่ากับซือหยินเซีย และหยางเฉา หากเธอไม่ได้เป็นหัวหน้าห้องที่ซึ่งต้องรู้จักเพื่อนร่วมชั้นทุกคน เธอก็จะไม่มีวันเข้าไปพูดคุยกับเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
หยางเฉาหน้าบึ้ง และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาคิดว่าไม่พูดอะไรออกไปจะดีกว่า เพราะท้ายที่สุดแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นที่ KTV ก็เป็นเรื่องที่น่าอับอายมากเกินไป
เฉินฟานได้ยินการพูดคุยของพวกเขา และเขาก็ไม่ค่อยประทับใจกับคำพูดที่ไม่สุภาพของชางเหวิน
เวลาผ่านไป และก่อนที่เฉินฟานจะรู้ตัว เวลาก็ผ่านไปสองสัปดาห์แล้ว
เย็นนี้เหมือนตอนเย็นก่อนหน้านี้ เฉินฟานนั่งไขว่ขาบนหลังคา และเริ่มบ่มเพาะ เขาพบคอขวดนับตั้งแต่เริ่มเข้าเดือนกันยายน อย่างไรก็ตามวันนี้เขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างในตัวเขาที่แตกต่างไปจากเดิม อุปสรรคในการบ่มเพาะของเขากำลังถูกทลาย
“หวังว่าฉันจะก้าวเข้าสู่สร้างรากฐานขั้นกลางหลังจากผ่านคืนนี้ไป”
เขานั่งนิ่ง และเปิดใช้เทคนิคกลั่นร่างไร้สิ้นสุด พลังวิญญาณฉีที่ซ่อนอยู่ในอากาศรอบตัวเขากลายเป็นพลังงานนับไม่ถ้วน และพุ่งเข้าสู่หลุม และรอยแยกบนร่างของเฉินฟาน
ในขณะที่เขารวบรวมพลังงานเพื่อเจาะผ่านคอขวด เทคนิคกลั่นร่างไร้สิ้นสุดก็เพิ่มความเร็วขึ้นจนทำให้ร่างกายของเขาดูดซับพลังงานไว้ในแก่นแท้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ดวงจันทร์บนท้องฟ้าก็ดูเหมือนจะตอบรับการเพรียกหาของเทคนิคกลั่นร่างไร้สิ้นสุดเพราะมันกำลังส่องแสงสีขาวนวลลงบนตัวของเฉินฟาน เมื่อมองจากระยะไกลร่างกายของเฉินฟานราวกับถูกกลืนหายไปด้วยแสงสีขาวนวล
ผู้บ่มเพาะไม่สามารถดูดซับพลังงานจากสรรพสิ่งบนท้องฟ้าเช่นดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ได้หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเทคนิคกลั่นร่างไร้สิ้นสุด เทคนิคอันทรงพลังนี้สามารถกลั่นสรรพสิ่งจากท้องฟ้าให้เป็นพลังงานที่ผู้บ่มเพาะสามารถดูดซับได้
ในขณะที่เฉินฟานกำลังบีบอัดพลังงานในแก่นแท้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง เขาก็รู้สึกว่าเขาเกือบพร้อมที่จะทลายคอขวดแล้ว
เกือบแล้ว แต่ยังไม่พอ แม้แต่การรวบรวมพลังวิญญาณฉี และพลังงานจากดวงจันทร์ก็ยังไม่เพียงพอที่จะเอาชนะการต่อต้านได้
“โชคดีที่ฉันเก็บเม็ดยาที่มอบให้กับเว่ยฝูไว้บางส่วน”
เขาหยิบเม็ดยาฟื้นฟูความแข็งแกร่งขึ้นมา 3 เม็ด และโยนลงไปในปาก ทันทีที่เม็ดยาไหลลงไปถึงหน้าท้อง เฉินฟานก็รู้สึกถึงคลื่นความร้อนที่พุ่งเข้ามา และไหลเวียนอยู่ในร่างกาย
ในที่สุดด้วยเสียง ‘เป๊าะ’ เบาๆ เขาก็ก้าวผ่านคอขวด และมาถึงขั้นต่อไปของการบ่มเพาะ
ไม่เพียงแต่แก่นแท้ภายในร่างกายของเขาจะได้รับการปรับปรุง แต่ร่างกายของเฉินฟานก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน
ดังนั้นผู้บ่มเพาะหลายคนจึงมองว่าการฝึกฝนเป็นรูปแบบหนึ่งของการวิวัฒนาการ มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่สามารถยกระดับตัวเองจากร่างกายมนุษย์เพื่อเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล และท้ายที่สุดก็คือความอมตะซึ่งเป็นเป้าหมายสุดท้ายของการวิวัฒนาการ
แม้ว่าเฉินฟานจะมาถึงระดับสร้างรากฐานขั้นกลาง แต่ภายนอกเขาก็ดูเหมือนกับก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามภายในร่างของเฉินฟานนั้นต่างออกไป เขาราวกับเป็นคนใหม่
เฉินฟานถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
หลังจากผ่านการบ่มเพาะอย่างหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือน ในที่สุดเขาก็ก้าวเข้าสู่ระดับสร้างรากฐานขั้นกลาง
“ถ้าไม่ใช่เพราะเม็ดยาฟื้นฟูความแข็งแกร่ง ฉันคงต้องดิ้นรนไปอีกครึ่งเดือน ดูเหมือนว่าฉันจะต้องมุ่งเน้นไปที่การสร้างรายได้มากขึ้นเพื่อที่ฉันจะสามารถหาซื้อสมุนไพรต่างๆได้”
เฉินฟานคิดกับตัวเอง
วันต่อมา โทรศัพท์ของเฉินฟานดังขึ้น และเมื่อเขามองดูรายชื่อผู้ที่ติดต่อเข้ามา เขาก็รู้สึกประหลาดใจ ‘โจวเทียนฮ่าว’
โจวเทียนฮ่าวเชิญเขามาร้านอาหารหมิงตูตอนเที่ยง โดยบอกว่าเขาต้องการที่จะขอโทษเฉินฟานด้วยตนเอง
หลังจากได้รับคำเชิญ เฉินฟานก็ตอบตกลง