บทที่ 217 : องครักษ์เสื้อแพร!
ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดในใจอยู่ไม่นาน ในที่สุดเขาก็คาดเดาถึงตัวตนชายวัยกลางคนผู้นี้ออก
นอกจากอัครมหาเสนาบดีกู้โหย่วถิงแล้ว ยังจะมีใครที่มีการวางตัวและสามารถยืนเคียงข้างองค์ราชาแห่งอาณาจักรนภาล่องนี้ได้อีก
‘กู้โหย่วถิง เจ้ากล้าคิดสังหารข้างั้นหรือ ...’ ต้วนหลิงเทียนคิดในใจ แน่นอนว่าเขาย่อมพอคาดเดาถึงเหตุผลได้
ตอนนี้หาใช่แค่ภายในสถาบันบ่มเพาะขุนพลอีกต่อไป แต่เป็นทั่วทั้งเมืองหลวงที่กำลังกล่าวเปรียบเทียบบุตรชายของกู้โหย่วถิงอย่างกู้เชวียน กับตัวเขาต้วนหลิงเทียน แน่นอนว่าทั้งหมวดล้วนกล่าวรุมประณามหยามหยัน กระทั่งสาปแช่งกู้เชวียนราวมิใช่คน ส่วนตัวเขานั้นล้วนมีแต่คนยกย่องสรรเสริญเทิดทูน
ต้วนหลิงเทียนสันนิษฐานได้ว่า กู้โหย่วถิงต้องคิดฆ่าเขาเพราะเรื่องนี้เป็นแน่!
อัครมหาเสนาบดีแห่งอาณาจักรนภาล่อง กลับเป็นผู้มีจิตใจคับแคบเช่นนี้! ...
ในใจของต้วนหลิงเทียนบังเกิดความระแวดระวังขึ้นมาอย่างถึงขีดสุด
เขาสามารถมองออกได้ทันทีว่ากู้โหย่วถิงผู้นี้ ยากที่จะจัดการไม่น้อย อีกทั้งมันยังเป็นคนที่ปิดซ่อมอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างมิดชิดนัก
หลังจากที่จิตสังหารของมันเล็ดลอดเผยออกมาให้เขาจับสัมผัสได้เสี้ยวพริบตา มันก็ทำตัวเป็นปกติไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาอีกแม้แต่น้อย บุคคลที่มีความสามารถในการงำประกาย รวมทั้งสะกดข่มอารมณ์ตนได้ถึงขั้นนี้ นับว่าไม่ใช่ตัวตนที่เรียบง่ายธรรมดาแล้ว
"ถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆปี" จ่านฉงกล่าวคำแสดงความเคารพองค์ราชาแห่งอาณาจักรนภาล่อง พร้อมคำนับเบาๆ
องค์ราชาเองก็ยิ้มแล้วเปิดปากกล่าววาจา "รองผู้อำนวยการจ่านฉง ท่านมากพิธีไปแล้ว"
"องค์ราชา" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังองค์ราชา ก่อนที่จะพยักหน้าเบาๆ เขาไม่คิดจะทำความเคารพแบบจ่านฉงที่กระทำราวกับพบเจอ ฮ่องเต้ ในสมัยโบราณของประเทศหัว
องค์ราชาเพียงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยหลังเห็นการกระทำของต้วนหลิงเทียน แต่กลับเป็นกู้โหย่วถิง ที่ยืนข้างๆ กล่าวตะโกนวาจาเสียงดังออกมา “โอหังนัก ต้วนหลิงเทียน! เหตุใดเจ้าไม่คุกเข่าลงเมื่อพบอยู่ต่อหน้าองค์ราชา? หรือเจ้าคิดว่ายามนี้ตัวเจ้ามีความดีความชอบ รวมทั้งคุณวุฒิเทียบเท่ารองผู้อำนวยการจ่านฉงได้แล้ว จึงไม่คุกเข่าลง?”
"อัครมหาเสนาบดีกู้ กระทั่งฝ่าบาทของท่านยังไม่กล่าววาจาอะไรสักคำ ...แต่ท่านกลับกล่าววาจาเสียงดังเขื่องโขข้ามหน้าข้ามตาฝ่าบาทเสียอย่างนั้น หรือว่าท่านคิดว่าตัวเองมีตำแหน่งและคุณวุฒิเทียบเท่าฝ่าบาทถึงกล่าววาจาสอดคำและกล้าตัดสินใจแทนราชาออกมาเช่นนี้? อีกอย่างข้าจะทักทายอย่างไรก็เป็นเรื่องของข้า ...มันไปหนักส่วนใดของหัวเจ้า? "
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงจิตสังหาร ที่อัดแน่นไปด้วยความต้องการฆ่าฟันของกู้โหย่วถิง เขาก็ไม่คิดจะญาติดีกับมัน แต่มองมันเป็นศัตรูที่ต้องกำจัดคนหนึ่งทันที และเมื่อตอนนี้กู้โหย่วถิงมันคิดเอ่ยปากสอดคำกล่าววาจาสั่งสอนเขา เขาก็จะตอกหน้ามันกลับไปเช่นกัน
สีหน้าของกู้โหย่วถิงหมองคล้ำลง ประกายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารของมันกลับมาอีกครั้ง ...
ตอนนี้กระทั่งนี่เหวี่ยและนี่เฝินเองยังทำได้เพียงเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมาที่มุมปาก
เทียนน้อยของพวกมันนับว่าห้าวหาญเหลือเกิน! ขนาดอยู่ต่อหน้าองค์ราชาผู้ปกครองสูงสุดแห่งอาณาจักรนภาล่องยังไม่มีความหวั่นเกรงหรือแสดงความหวาดกลัวออกมาแม้แต่น้อย ซ้ำยังกล้ากล่าววาจาหักหน้าอัครมหาเสนาบดีตั้งแต่แรกพบเช่นนี้!
แต่เนื่องจากพวกเขายืนอยู่ตรงนี้ จะอย่างไรต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีวันได้รับอันตราย
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ…." ทันใดนั้นเอง องค์ราชาเริ่มหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน ใบหน้าชราของเขาเผยรอยยิ้มสดใสออกมาก่อนที่จะมองไปยังต้วนหลิงเทียน แล้วกล่าววาจา "เจ้าคือต้วนหลิงเทียนหรือ?"
"ข้าเอง" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำเบาๆ ต่อหน้าองค์ราชา จะอย่างไรเขาก็ต้องสำรวมท่าที และแสดงความสุภาพไม่น้อย
"เจ้าเป็นคนเดียวที่กล้าเผชิญหน้ากบอัครมหาเสนาบดีกู้เช่นนี้ต่อหน้าข้า ...คลื่นลูกใหม่ย่อมเหนือกว่าคลื่นลูกเก่าแล้ว! เมื่อคลื่นลูกเก่าโรยราคลื่นลูกใหม่ย่อมมาแทนที่!" รอยยิ้มบนใบหน้าองค์ราชายังคงฉายออกมาไม่หายไปไหน ราวกับเขาคาดคิดถึงฉากนี้เอาไว้แล้วตั้งแต่แรก
กู้โหยวถิงรู้สึกคับแค้นใจเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้กล่าววาจาอะไรออกมา
"ฝ่าบาท ท่านก็ยกย่องข้าเกินไปแล้ว ข้าเพียงรู้สึกว่าอัครมหาเสนาบดีออกจะจริงจังเกินไปก็เท่านั้น จะอย่างไรทั้งหมดก็เป็นเพียงพิธีรีตรองเท่านั้น เหตุใดต้องยึดติดมันถึงเพียงนั้น?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างช้าๆ ด้วยท่าทีที่ไม่หยิ่งยโสหรืออ่อนน้อมจนเกินไป เขาวางตัวได้ยอดเยี่ยมนัก
"เอาล่ะในเมื่อเจ้ากล่าวเช่นนี้ก็ช่างมันเถิด แต่ข้าอยากรู้นัก เจ้ามีเหตุผลอันใดอีกหรือไม่ถึงไม่คุกเข่า?" ราชา กล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
"ฝ่าบาท ในสายตาของข้าภายใต้ผืนฟ้าแห่งนี้ นอกจากสวรรค์และโลกแล้ว มีเพียงบิดามารดาของข้าเท่านั้นที่ข้าจะคุกเข่าให้ ... เช่นเดียวกับคำที่กล่าวเอาไว้ ใต้เข่าของลูกผู้ชายมีค่าดั่งทอง เพียงบิดามารดาแลสวรรค์และโลกเท่านั้นที่คู่ควรให้คุกเข่า! " ต้วนหลิงเทียนกล่าว
"ใต้เข่าของลูกผู้ชายมีค่าดั่งทอง เพียงบิดามารดาแลสวรรค์และโลกเท่านั้นที่คู่ควรให้คุกเข่า .... " องค์ราชาถึงกับตกตะลึงกับคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน เขาค่อยๆคิดเรื่องนี้ก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างเป็นกันเองและสนุกสนาน "อย่าที่ข้าหวังเอาไว้มิมีผิดเพี้ยน บุรุษหนุ่มที่สามารถคุมกองทัพจำนวน เรือน 100,000 บุกยึดเมืองชัยชนะของพวกหนันหมันได้ในเวลาครึ่งวัน โดยไม่สูญเสียงทหารแม้แต่นายเดียว หาใช่ธรรมดาจริงๆ... แท้จริงแล้วตัวเจ้ากลับมีความคิดทระนงเช่นนี้! จะอย่างไรก็ตามนับว่าตัวเจ้ามีดีพอให้กระทำเช่นนั้น"
"เอาล่ะ เช่นนั้นข้าจะอนุญาตให้เจ้าไม่จำเป็นต้องคุกเข่าเมื่อพบข้าตลอดไปในอนาคต เรื่องนี้เจ้าว่าเป็นอย่างไรบ้าง" อารมณ์ขององค์ราชาดูเหมือนจะเบิกบานไม่น้อย
ส่วนทางด้านกู้โหย่วถิงนั้นตรงกันข้าม ยามนี้มันบังเกิดความหดหู่และแค้นเคืองต้วนหลิงเทียนไม่น้อย บางครั้งมันก็ใช้สายตามุ่งร้ายมองไปยังต้วนหลิงเทียน
แต่ความมุ่งร้ายของกู้โหย่วถิงนี้ถูกตัวมันปิดซ่อนเอาไว้อย่างดี ผู้อื่นไม่อาจสังเกตเห็นได้โดยง่าย ยกเว้นแต่มีมีคนจ้องตามันและตรวจสอบอย่างใกล้ชิดจริงจัง
"ขอบคุณฝ่าบาท" ต้วนหลิงเทียนประสานมือพยักหน้าลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ
องค์ราชามองต้วนหลิงเทียน ด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะกล่าวออกมา "เอาล่ะ ที่วันนี้ข้าเรียกเจ้ามาเข้าเฝ้าเพราะหมายจะตบรางวัลใหญ่ให้เจ้า ...เพราะคราวนี้เจ้าถึงกลับ สามารถคุมกองทัพจำนวน เรือน 100,000 บุกยึดเมืองชัยชนะของพวกหนันหมันได้ในเวลาครึ่งวัน โดยไม่สูญเสียงทหารแม้แต่นายเดียว นี่นับเป็นบรรณาการที่เลอค่าหาผู้ใดเปรียบสำหรับข้า และเป็นเกียรติยศอันสูงส่งของอาณาจักรเราอย่างแท้จริง! เจ้าบอกมาเถิดว่าเจ้าต้องการอันใด? "
จ่านฉง และกระทั่งนี่เหวี่ย,นี่เฝินสองพ่อลูกยังอดตะลึงพรึงเพริดไม่ได้ กับวาจาที่กล่าวมาครั้งนี้ขององค์ราชา
"ฝ่าบาท ท่านไม่ควร!" กู้โหย่วถิงกล่าวออกมาทันควัน "เด็กน้อยนี่ยังเยาว์วัยนัก มันยังมิค่อยรู้เรื่องราวละเอียดอ่อนบางอย่าง ท่านไม่ควรกล่าว... "
"อัครมหาเสนาบดี ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ท่านคิดอ่านแทนข้า?"
ถึงแม้ว่าองค์ราชาจะชราแล้ว ทว่ายามที่สายตาของเขาหรี่ลงพร้อมกล่าววาจาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไม่แยแส กลับทรงอำนาจสะกดข่มจนกู้โหย่วถิงต้องหน้าซีดรีบคุกเข่าลงโดยพลัน
"ฝ่าบาท ตัวข้าผู้ต้อยต่ำหาได้มีเจตนาเช่นนั้น!"
“ฮึ่ม! ข้าเชื่อว่าเจ้าหาได้มีขวัญกล้าเช่นนั้นอยู่แล้ว อัครมหาเสนาบดี! อย่างไรก็ตาม อัครเสนาบดี ดูเหมือนว่าวันนี้เจ้าจักวุ่นวายมากเกินไปแล้ว นี่เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าตัวเจ้ายังมีความผิดอยู่!” องค์ราชากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ตั้งแต่เขารู้ว่ากู้เชวียน บุตรชายของอัครมหาเสนาบดี นำพาทหารไปตายอย่างไร้ค่าถึง 10,000 คน โดยที่ไม่อาจสังหารอีกฝ่ายได้แม้แต่ 1,000 เดียว ไฟโทสะจากความอัปยศนี้ยังสุมอยู่ในอกของเขา
และนั่นทำให้ยามที่เขาเห็นหน้ากู้โหย่วถิง ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงตัวอุบาทว์กู้เชวียนนั่น! นี่ทำให้เขาอยากลงทัณฑ์บิดาอย่างมันที่มีลูกสารเลวนัก!
เพราะจะอย่างไรบาปของบุตร ผู้เป็นบิดาสมควรแบกรับเอาไว้!
"ฝ่าบาท ข้าน้อยรับทราบความผิดของตัวเองดี ข้าน้อยเพียงคิดถึงบุตรชายมากไปเท่านั้น หวังว่าฝ่าบาทจะทรงอภัยให้ข้าน้อยด้วย" กู้โหย่วถิงรีบกล่าวอ้อนวอนออกมา
"ลุกขึ้น" องค์ราชากล่าวคำออกมาอย่างไม่แยแส น้ำเสียงเองก็ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ
"ขอบพระทัย ฝ่าบาท" กู้โหย่วถิงลุกขึ้นยืนทันที
ต้วนหลิงเทียนกลอกตาเล็กน้อยก่อนจะกล่าวออกมาย่างไม่แยแส “อัครมหาเสนาบดีกู้ จากที่ข้ารู้มา ไม่ใช่ว่ากู้เชวียนบุตรชายท่าน ทนความอับยศจากความโง่งมตัวเองไม่ไหว เลยรีบหนีหัวซุกหัวซุนมาตั้งแต่ 2 เดือนก่อนแล้วไม่ใช่หรือไร? เหตุใดยามนี้ท่านยังกล่าวว่าคิดถึงบุตรชายเล่า ข้าสงสัยนักว่ามันหมายความว่าอย่างไร? หรือว่าฝ่าบาท ทนความผิดใหญ่หลวงของมันไม่ไหวจึงสั่งขังมัน หวังให้กู้เชวียนสำนึกผิดที่พาพี่น้องทหารไปตายเปล่า สร้างความอัปยศให้แก่อาณาจักรจนผู้คนทั่วทั้งอาณาจักรรุมประณามสาปแช่งถึงเพียงนี้...อ่า”
หลังจากที่กล่าววาจาเย้ยหยันอย่างถึงขีดสุดจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่แยแสกู้โหย่วถิงที่กำลังใช้สายตาราวกับจะถลกหนังจ้องมองมา เขาหันไปกล่าวกับราชาทันที "ฝ่าบาทปรีชานัก!"
กระทั่งองค์ราชาเองยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน เด็กน้อยผู้นี้นับว่ามีฝีปากร้ายกาจที่สุดเท่าที่เขาเคยได้พบมา!
"เอ่าละต้วนหลิงเทียน เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าต้องการอันใด?" องค์ราชาหลังได้สติ ก็กลับมาถามต้วนหลิงเทียนด้วยคำถามเดิมพร้อมรอยยิ้ม
ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะมองไปยังราชา "ฝ่าบาท ข้าอยากขอให้ท่านมอบอำนาจเบ็ดเสร็จในการจัดตั้งกองกำลังพิเศษกองกำลังหนึ่ง และอนุญาตให้ข้าเป็นผู้บัญชาการกองกำลังพิเศษนี้ ... "
"โฮ่?" องค์ราชาได้ฟังก็ชมชอบความคิดแปลกใหม่นี้ไม่น้อย และสงสัยว่ากองกำลังพิเศษที่ว่านี้จะเป็นอะไรกัน "เจ้าบอกได้หรือไม่ ว่าเจ้าอยากก่อตั้งกองกำลังใด และทำหน้าที่อันใดกัน?"
"ข้าอยากจัดตั้งกองกำลัง องครักษ์เสื้อแพร!" ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกล่าววาจาออกมาคราวนี้ดวงตาของเขาทอประกายวาวโรจน์ออกมา
องครักษ์เสื้อแพร!
มันเป็นความฝันในโลกเก่าของต้วนหลิงเทียน ครั้งที่ยังเป็นเด็กน้อย!
เมื่อเขาคิดถึงชุดที่มีลักษณะเด่นและเป็นเอกลักษณ์ และความเท่ห์ของหน่วยองครักษ์เสื้อแพร จากภาพยนต์ที่ได้ดูสมัยเด็กๆ ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกตื่นเต้นเร้าใจอยากลองเป็นเช่นนั้นบ้าง!
องครักษ์เสื้อแพรนี้ กล่าวได้ว่าเป็นหน่วยงานหรือกองกำลังที่มีความยิ่งใหญ่ไม่น้อยในช่วงราชวงศ์หมิง กล่าวได้ว่ามันเป็นดาบที่แหลมคมขององค์ฮ่องเต้ก็ว่าได้ เป็นกองกำลังที่มีอำนาจมหาศาล
อันที่จริงแล้วต้วนหลิงเทียนแค่นึกสนุก และอยากทำตามความฝันในวัยเด็กก็แค่นั้น...
เพราะในอนาคตหลังจากนี้อีกไม่นาน ตัวเขาก็คงต้องออกเดินทางลาจากอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้ไปแล้ว และเขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะได้มีโอกาสลองละเล่นตามความฝันเช่นนี้อีกหรือไม่ฝนอนาคต และต่อให้ในอนาคตเขามีโอกาสเช่นนี้อีก ก็ไม่รู้ว่าเขายังจะมีอารมณ์ละเล่นแบบเด็กน้อยอยู่อีกหรือไม่
"องครักษ์ชุดแพรงั้นหรือ?" ตอนนี้ไม่ใช่แค่องค์ราชาคนเดียวที่สงสัย แต่แม้กระทั่งนี่เหวี่ย,นี่เฝินรวมถึงจ่านฉง และแม้กระทั่งกู้โหย่วถิงเอง ก็แสดงสีหน้าท่าทางสงสัยออกมา
เมื่อเห็นองค์ราชาแสดงความสงสัยออกมา ต้วนหลิงเทียนก็ยิ้มและกล่าววาจาตอบไป "ฝ่าบาท องค์รักษ์เสื้อแพรที่ข้ากล่าวนี้ เป็นกองกำลังที่อยู่ภายใต้ความควบคุมของฝ่าบาท นอกจากฝ่าบาทแล้วจะไม่มีใครมีอำนาจสั่งการกองกำลังนี้ได้อีก! สำหรับหน้าที่ ที่องครักษ์เสื้อแพรจะรับผิดชอบนี้ก็คือ การแบ่งเบาภาระของฝ่าบาท ในเรื่องของการลงโทษผู้มีความผิด และกำจัดพวกชั่วร้าย ล้มล้างความอยุติธรรมทั้งหมดภายในอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้ ยกตัวอย่างเช่นกำจัดผู้ที่คิดคดทรยศต่อท่าน ผู้ที่กล่าววาจาดูหมิ่นเหยียดหยามท่าน รวมไปถึงผู้ที่หาญกล้าวางยาพิษต่อท่าน! ... "
เมื่อต้วนหลิงเทียนกล่าววาจาถึงจุดนี้ นอกจากสีหน้าขององค์ราชาแล้ว อีก 4 คนที่เหลือล้วนแสดงสีหน้าเคร่งขรึมออกมา!
กู้โหย่วถภิงมองไปยังต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ต้วนหลิงเทียน อย่าได้กล่าววาจาเหลวไหล ไร้สาระ! ฝ่าบาทเป็นผู้สูงส่งที่สุดในอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้ ยังจะมีผู้ใดหาญกล้าทรยศดูหมิ่นรวมถึงวางยาพิษพระองค์!”
อย่างไรก็ตามคำกล่าวต่อมาขององค์ราชาทำให้กู้โหย่วถิงแทบเป็นใบ้
องค์ราชาจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสนใจ ก่อนที่จะกล่าวถามว่า "เจ้า... เจ้าสามารถดูออกเช่นนั้นหรือว่าข้าถูกวางยาพิษ?"
"ฝ่าบาท ไม่เพียงแต่ข้าสามารถดูออกว่าทานถูกวางยาพิษ ข้ากระทั่งสามารถระบุได้ว่าท่านถูกพิษอะไรมา และข้าก็ยังดูออกอีกด้วยว่าตัวท่านสมควรติดพิษมาเป็นระยะเวลา 2-3 ปีแล้ว ... หากไม่ใช่ว่าระดับบ่มเพาะของฝ่าบาทลึกล้ำ เกรงว่าฝ่าบาทคง... " แม้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้กล่าวจนจบ แต่ทุกคนย่อมรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนหมายถึงอะไร
"ฝ่าบาท! " นี่เหวีย,นี่เฝินและจ่านฉง มองไปยังองค์ราชาด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
หรือว่าองค์ราชาจะถูกลอบวางยาพิษมาจริงๆ?
ความเย็นเยือกเริ่มบังเกิดในจิตใจของพวกเขา โทสะอารมณ์เริ่มก่อเกิดขึ้นมา ไอ้สารเลวบัดซบตัวใดมันกล้าถึงขั้นวางยาพิษองค์ราชาแห่งอาณาจักรนภาล่อง!
"ถ้าข้าอนุญาตให้เจ้ากระทำตามที่เจ้าขอ แล้วเจ้าจะช่วยหาตัวผู้ที่ลอบวางยาพิษให้ข้าได้หรือไม่?" สายตาขององค์ราชารวมทั้งกลิ่นอายของเขากำลังกดทับไปยังต้วนหลิงเทียน
อันที่จริงตัวเขาเองก็ลอบหาผู้บงการและผู้ลงมือวางยาพิษตัวเขามาเป็นเวลานานแล้ว แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว
ต้วนหลิงเทียนยังคงนิ่งไม่ไหวติง ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล “หากฝาบาทตอบรับคำขอของข้า ไม่เพียงแต่ข้าจะช่วยหาตัวคนร้ายที่ลงมือวางยาพิษมาให้ท่านสำเร็จโทษ ...แต่กระทั่งรักษา ไถ่ถอนพิษที่ฝ่าบาทได้รับมา ข้าก็สามารถกระทำได้”
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจในความคิด
โอสถกวาดจิตพิสุทธิ์นับว่าสำคัญนัก ... และไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็สามารถใช้ได้ดีเสมอ
"อะไรนะ!?" ท่าทีสงบนิ่งดั่งภูผาขององค์ราชานั้นอดได้ที่จะเปลี่ยนไป เมื่อได้ยินคำกล่าวอันน่าตื่นตระหนกครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียน
เพราะหลังจากที่ตัวเขาได้พยายามทำทุกวิถีทาง! แม้แต่หัวหน้าสมาคมผู้หลอมโอสถสาขาหลัก ที่เป็นถึงผู้หลอมโอสถระดับ 6 ก็ยังไม่อาจทำอะไรกับพิษที่เขาได้รับมา
เขาทำได้เพียงยอมรับชะตากรรมแล้ว
จากการประเมิน ตัวเขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้มากที่สุดอีกเพียงครึ่งปีเท่านั้น เมื่อถึงยามนั้นเขาจะประกาศต่อประชาชนว่าป่วยหนักจนตาย ไม่ใช่เพราะถูกพิษ ...
แต่หากมองไปที่ระดับบ่มเพาะของเขาแล้ว เขาจะป่วยได้อย่างไร?
"เจ้าสามารถช่วยข้าถอนพิษ รวมถึงรักษาข้าได้จริงๆ เช่นนั้นรึ?" องค์ราชาสูดลมหายใจเข้าลึกๆและจ้องมองไปยังต้วนหลิงเทียน ด้วยสายตาและอารมณ์ที่ตื่นเต้น ราวกับเขากำลังคว้าจับฟางเส้นสุดท้ายที่อาจต่อชีวิตเขาได้
หากพิษที่เขาได้รับมานี้ถูกรักษา ตัวเขาอาจจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกหลายสิบปี!
"ฝ่าบาท หากท่านยังไม่เชื่อ เช่นนั้นข้าจะหลอมโอสถถอนพิษ เพื่อระงับพิษที่อยู่ภายในร่างกายของท่านต่อหน้าท่านตอนนี้เลย ... และโอสถนี้น่าจะเพียงพอที่จะกำจัดพาออกจากร่างกายท่านได้ส่วนหนึ่ง ทำให้ท่านสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อได้อีกหลายปีโดยไร้ความเจ็บปวด" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยท่าทางมั่นใจไร้กังวล สีหน้าของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
"อะไร! เจ้า ...เจ้าเป็นผู้หลอมโอสถ?" องค์ราชาตกตะลึง
ฟู่ม!
ต้วนหลิงเทียนเพียงหงายฝ่ามือออกมา ก่อนที่จะจุดเปลวเพลิงหลอมโอสถให้ปะทุขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงนี้นอกจากนี่เหวี่ยและนี่เฝินล้วนประหลาดใจอย่างถึงขีดสุด สองตาทั้งหมดเบิกกว้างออกมา
ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ นอกเหนือจากเป็นอัจฉริยะไร้ผู้ต้านที่มีพรสวรรค์ในเชิงยุทธ์ และมีพรสวรรค์และมันสมองที่เลิศล้ำในการวางแผนการอันเป็นวิถีแห่งนักยุทธ์ศาสตร์แล้ว กระทั่งพรสวรรค์ในด้านผู้หลอมโอสถเขายังมีอีกเช่นนั้นหรือ?!
ซ้ำยังเป็นผู้หลอมโอสถ ด้วยอายุเพียง 18 ปี!
สายตาของกู้โหย่วถิงยิ่งมายิ่งมืดมน เขาทำได้เพียงกล่าววาจาเย้ยหยันออกมา "ต้วนหลิงเทียน หากผู้หลอมโอสถระดับ 9 สามารถถอนพิษให้แก่ฝาบาทได้ แล้วเจ้ายังจะมีโอกาสเช่นนี้อีกหรือ?"
รีวิวของคุณ
คุณจะให้ดาวนิยายเรื่องนี้หรือไม่