ตอนที่ 4 ไก่ตัวใหญ่
จู่ๆก็ถูกอาจารย์ปลุก และยังได้ยินคำพูดแบบนี้ ทั้งตัวจึงตื่นขึ้นมาทันที
หลังจากนั้นอาจารย์ก็รีบส่งชุดให้ผม “รีบใส่นี่ก่อน!”
เมื่อมองดู กลับพบว่ามันเป็นผ้าห่อศพสีเทา ตัวผ้ายังมีรอยต่างๆอยู่ด้วย
เมื่อเห็นสิ่งนี้ วินาทีนั้นฉันก็เผยสีหน้าอึดอัดใจออกมาทันที “อาจารย์ นี่มันชุดที่คนตายใส่ไม่ใช่เหรอ จะเอามาให้ผมใส่ทำไม”
อาจารย์มกรอกตามองบนใส่ผม จากนั้นก็พูดด้วยความหงุดหงิด “บอกให้ใส่ก็ใส่ซิ ต่อไปนี้ แกต้องทำตัวเป็นคนตาย”
“ทำไมละครับ”
“ไอ้เด็กนี้จะพูดมากทำไมฮะ จะบอกแกให้ ผ้าห่อศพผืนนี้จะปิดกั้นพลังหยางในร่างแกได้ ไม่อย่างนั้นถ้ารอจนให้ผีชาวประมงมา แกก็ออกไปอาบน้ำที่ริมแม่น้ำกับพวกมันได้เลย!”
เมื่อได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น หน้าของผมก็ซีดทันที ไม่กล้าบ่นเพิ่มอีกต่อไป ผมรีบคว้ามันมาใส่ทันที
ในเวลาเดียวกัน อาจารย์ยังเขียนวันเดือนปีเกิดของผมแล้วยัดเข้าไปในท้องของไก่เรียบร้อย
จากนั้นเขาก็รีบผูกเชือกสีแดงที่เท้าไก่ ส่วนปลายอีกด้านหนึ่งผูกติดไว้กับนิ้วก้อยซ้ายของผม
เมื่อทำเรื่องพวกนี้เสร็จ อาจารย์ก็ให้ผมอุ้มไก่ไว้ จากนั้นก็พาผมเดินออกไปด้านนอก
ผมถามอาจารย์ว่าจะไปไหน อาจารย์กลับตอบว่าไปสุสาน
บอกว่าที่นั้นพลังหยินแรง สามารถปกปิดพลังในร่างกายผมได้ง่าย และจะได้ไม่ถูกจับได้ง่ายๆด้วย
เมื่ออาจารย์พูดเช่นนี้ ผมก็ไม่มัวพูดมากอีกต่อไป เดินตามอาจารย์มายังสุสานทันที
พวกเราพึ่งมาถึงที่นี่ ก็เห็นเหล่าฉินออกมาต้อนรับทันที
เหล่าฉินเป็นเพื่อนสนิทของอาจารย์ เขาก็พอรู้เรื่องศาสตร์ฮวยจุ้ยเสริมมงคลและหลบเลี่ยงจากสิ่งชั่วร้ายอยู่บ้าง
เมื่ออาจารย์เห็นเหล่าฉิน เขาก็ไม่พูดอ้อมค้อมแต่อย่างใด พูดออกมาตรงๆ “เหล่าฉิน ฉันพาลูกศิษย์มาหลบภัยร้าย”
เหล่าฉินพยักหน้า “ที่นี่ไม่มีใครอยู่แล้ว มีแค่ฉันคนเดียว!”
เมื่อพูดจบ เหล่าฉินก็พาพวกเราเข้าไปข้างในทันที
สุดท้ายพวกเราก็มาหยุดอยู่หน้าห้องเก็บศพ อาจารย์บอกว่าที่ห้องเก็บศพนี้มีพลังหยินมากที่สุดในสุสาน การซ่อนตัวอยู่ที่นี่ จะสามารถสร้างความสับสนให้กับผีชาวประมงพวกนั้นได้มากที่สุด
จากนั้นเขาก็บอกให้เหล่าฉินกลับไปพักผ่อน ก่อนออกไปดูเหมือนเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ขณะที่คำพูดกำลังจะออกจากปากเขากลับกลืนมันลงไปอีกครั้ง
เหล่าฉินรู้ดีว่าคืนนี้พวกเราจะต้องเจอกับอะไร ถึงเขาจะอยู่ที่นี่ ก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี
ดังนั้นจึงบอกให้คืนนี้พวกเราระวังตัวกันดีๆ จากนั้นเขาก็เดินออกไปจากที่นี่เพียงลำพัง
หลังจากเหล่าฉินออกไป อาจารย์ก็จุดธูปในห้องเก็บศพ
บอกให้ผมบอกกล่าวลุงๆป้าๆที่อยู่ที่นี่ให้ดี จากนั้นก็ให้ผมโรยข้าวสารจำนวนมากในห้อง และบอกว่านี่คือค่าผ่านทาง
ในเวลาเดียวกัน อาจารย์ยังบอกให้ผมไหว้ไก่ตัวนั้นด้วยความเคารพถึงสามครั้ง
บอกว่าทุกสิ่งมีจิตวิญญาณ คืนนี้ไก่เหลืองตัวนี้จะสละชีวิตให้ผม นี่คือตัวรับเคราะห์แทนผม บอกให้ผมขอบคุณมันดีๆ
สำหรับคำพูดของอาจารย์ ผมย่อมทำตาม เพราะทั้งหมดนี้มันเกี่ยวข้องกับชีวิตของผม
เมื่อทำสิ่งเหล่านี้เรียบร้อย เวลาก็ล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืนกว่าๆแล้ว
อาจารย์ยังพูดเตือนสติผมอีกนิดหน่อย ความหมายก็คล้ายๆกับที่เขาพูดเมื่อวาน
ก็คือห้ามพูด ห้ามอ้าปากมั่วซั่ว ทำตัวเองให้เหมือนคนตาย
สุดท้าย อาจารย์ก็ชี้ไปที่โลงศพสีดำที่อยู่ในห้องเก็บศพ “เสี่ยวฝาน คืนนี้แกต้องอุ้มไก่ซ่อนตัวอยู่ใต้โลงนั่น!”
โลงศพนั้นถูกวางไว้บนม้านั่ง ข้างใต้เปิดโล่ง ไม่มีแม้แต่ผ้าชิ้นเดียว สถานที่แบบนี้จะซ่อนคนได้เหรอ แค่มองผ่านไปก็ถูกเจอตัวแล้วมั้ง
ผมรู้สึกแปลกใจ จึงถามออกมา “อาจารย์ พูดผิดรึป่าวครับ ใต้โลงนั้นไม่มีอะไรปิดเลยนะ จะซ่อนตัวได้เหรอครับ”
อาจารย์ไม่ได้ทำหน้าหงุดหงิดใส่ฉัน และเขายังอธิบายให้ฉันฟังด้วย “คนเห็นได้ แต่ไม่ได้เแปลว่าผีชาวประมงนั้นจะมองเห็น รอให้เธอมาถึง แกก็ปล่อยไก้ตัวนี้ไปก็พอแล้ว!”
เมื่อได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น ผมก็สบายใจทันที
จึงทำเสียง “อือ” เพื่อเป็นการตอบรับ จากนั้นผมก็เดินเข้าไปอยู่ใต้โลงสีดำ ในมือยังจับไก่ตัวนั้นไว้แน่นจนตอนนี้มันไม่กล้าขยับตัวเลยสักนิด
ในเวลาเดียวกัน อาจารย์ยังยื่นกระจก 8 ทิศให้ผม บอกว่าถ้าเกิดเหตุสุวิสัยขึ้น ก็ให้ผมเอามันออกมาใช้ป้องกันตัวเอง
เมื่อเห็นอาจารย์ยังยืนอยู่ ผมจึงถามว่าแล้วอาจารย์จะไปซ่อนตัวที่ไหน
แต่อาจารย์กลับพูดว่า ถ้าเขายังอยู่ที่นี่ต่อ พลังหยางจะแข็งแกร่งขึ้น และมันจะทำให้ผมถูกเปิดเผยตัวได้ง่าย
บอกให้ผมซ่อนตัวอย่างสบายใจ เพราะเขาจะคอยจับตาดูอยู่ข้างนอก
หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็เดินออกไปจากที่นี่
ในเวลานี้ห้องเก็บศพเงียบมาก ทั้งมืดทั้งเย็น และต้องซ่อนตัวอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยโลงศพ ความรู้สึกแบบนั้นควรเรียกว่าลุ้นระทึกจริงๆ
หลังจากรออยู่ที่นี่ประมาณ 1 ชั่วโมง ภายในห้องปิดตาย จู่ๆก็มีลมเย็นพัดเข้ามา
แต่เดิมก็เป็นห้องที่เย็นอยู่แล้ว ในวินาทีนั้นมันยิ่งเพิ่มความเย็นขึ้นอีกสองสามองศา
หลังจากผ่านประสบการณ์เมื่อคืน ผมก็รู้ทันที ว่ามันจะต้องเป็นผีชาวประมงผู้หญิงนั้นเข้ามาแน่นอน
ดวงตาของผมเบิกกว้าง หันไปมองรอบๆไม่หยุด สีหน้าเคร่งเครียด
ทันใดนั้น ผมก็ได้ยินเสียงประตูเปิดออกเบาๆ “แอ๊ด...” จากนั้นก็เห็นประตูห้องเก็บศพที่อยู่ไม่ไกลนั้น ถูกคนนอกเปิดออก
ช่วงเวลานี้ผมหน้าดำคร่ำเครียด เมื่อเห็นว่าประตูถูกเปิดออก ผมก็เครียดขึ้นมาทันที
และไก่ในมือของผม ในเวลานี้มันดันดิ้นทุรนทุรายขึ้นมา มันกระวนกระวายมาก
วินาทีต่อมา ผมก็เห็นร่างของผู้หญิงที่มีผมเผ้ายุ่งเหยิงเดินเข้ามา
เหมือนกับผู้หญิงคนเมื่อคืนแป๊ะ สวมชุดสีขาว เดินเขย่งเท้า เดินเข้ามาด้วยลักษณะแปลกๆ
เมื่อเห็นภาพนี้ ผมก็หยุดกลืนน้ำลายทันที นี่ นี่มันผีชาวประมงผู้หญิง ในที่สุดก็ปรากฎตัว
ผมรู้สึกกลัวอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ลืมเรื่องที่ต้องปล่อยไก่ออกไป
ผมรีบปล่อยไก่ที่มีท่าทางกระวนกระวายออกจากใต้โลงทันที ไก่ก็ร้อง “กะต๊าก” ออกมาสองครั้ง จากนั้นมันก็กระพือปีกและวิ่งออกไป
แต่เนื่องจากที่เท้ายังมีด้ายแดงผูกอยู่ ดังนั้นมันจึงไม่สามารถวิ่งหนีไปได้
ในเวลาเดียวกัน จู่ๆผีผู้หญิงที่อยู่หน้าประตูก็หันมามองที่ไก่ ใบหน้าขาวซีดที่ไร้ชีวิตชีวา ทันใดนั้นก็เผยรอยยิ้มที่น่าสยองขวัญออกมา
ดวงตาเหมือนตาปลาที่ตายแล้ว จับจ้องมาที่ไก่เหลืองตัวใหญ่
เมื่อเห็นท่าทางของผีผู้หญิง ผมก็กลัวจนไม่กล้าหายใจเลยทีเดียว ปิดปากและโน้มตัวให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
ส่วนผีผู้หญิงตนนั้นกลับเขย่งเท้า เดินเข้ามาด้วยท่าทางที่แปลกมากๆ ทันใดนั้นเธอก็พูดออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง “ซนจริงๆนะเจ้าเด็กน้อย ทำพี่สาวคนนี้หาตัวตั้งนาน!”
เมื่อพูดจบ ผีผู้หญิงก็เดินเข้ามาหาไก่ตัวนั้นทันที
ส่วนเจ้าไก่ตัวนั้นเหมือนกับมันรับรู้ได้ถึงอันตรายมันจึงแสดงท่าทางกระวนกระวายออกมา และยังพยายามหลบหนีไปจากผีผู้หญิงตนนั้นด้วย
แต่สุดท้ายมันก็ถูกผีผู้หญิงตนนั้นต้อนเข้ามุม แม้สุดท้ายมันก็ยังพยายามดิ้นรนต่อไป
ผีผู้หญิงเผยรอยยิ้มที่น่าขนลุกออกมา “เด็กน้อย เธออย่าได้กลัวไป มาให้พี่สาวจับหน่อยนะ!”
หลังจากพูดจบ ผีผู้หญิงก็เอื้อมมือที่ขาวซีดออกมา ไม่เพียงเท่านั้นบนนิ้วของเธอยังมีเล็บที่แหลมคมอยู่ด้วย
ไก่ตัวนั้นไม่สามารถวิ่งหนีไปไหนได้อีก มันร้อง “กะต๊าก” ออกมาสองครั้ง จากนั้นกูถูกผีผู้หญิงจับตัวไว้ได้
ไก่ยังคงไม่หยุดดิ้นรน แต่ผีผู้หญิงก็ไม่ยอมคลายมือออก กอดรัดไก่ที่อยู่ในมือตลอดเวลา โดยเฉพาะที่คอของมัน
เธอยังพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น “เจ้าเด็กน้อยเธอนี่มันเซ็กซี่จริงๆ ขนหนานุ่ม สมกับที่เป็นลูกผู้ชายจริงๆ……”
เดิมทีผมยังรู้สึกกลัว แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้ ผมก็เกือบจะกระอักเลือดออกมาทันที ยัยผีนี่มีรสนิยมแบบนี้นี่เอง
ในเวลาเดียวกันผมก็แอบพูด คุณไก่ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่คืนนี้ผมต้องมาทำเรื่องเลวร้ายกับคุณ
เมื่อผมคิดถึงจุดนี้ ผีผู้หญิงตนนั้นก็ค่อยๆอ้าปาก จากนั้นก็เข้าไปสูดดมที่หัวไก่
พูดแล้วก็แปลก ในวินาทีสุดท้ายไก่ยังคงดิ้นรนไม่หยุด มันพยายามกระพือปีก แต่ขณะนั้นเองมันเหมือนหมดกำลังใจ มันท้อแท้ จนแม้แต่คอของมันยังห้อยลง
เมื่อเห็นฉากนี้ ผมก็รู้สึกสิ้นหวังมาก จากนั้นขนของผมก็ค่อยๆลุกจนเหมือนหนังของไก่ที่ถูกถอนขน
ยัยผีนี่กำลังดูดพลังหยาง เมื่อก่อนเคยได้ยินอาจารย์พูดว่า การที่ผีร้ายต้องการมาเอาชีวิตก็เพื่อดูดซับพลังหยางนี้
และถ้าโดนดูดไปหนึ่งครั้ง สิบวันหรือครึ่งปีก็อย่าหวังว่ามันจะฟื้นขึ้นมาได้
ถ้าโดนดูดออกไปมาก อาจทำให้เสียชีวิตได้ทันที
แต่มันก็เป็นสิ่งที่เคยได้ยินมาเท่านั้น ผมยังไม่เคยเห็นมันมาก่อน เหตุการณ์ตอนนี้ถือว่าเป็นการได้เพิ่มความรู้อีกหน่อย
หลังจากนั้นไก่ก็เริ่มอิดโรย จู่ๆสีหน้าของผีผู้หญิงตนนั้นก็เปลี่ยนไป เธอเผยสีหน้าโกรธแค้นออกมา
เธอพูดด้วยความโกรธ “ไม่ได้เรื่อง คิดว่าเป็นผู้ชายแข็งแกร่งซะอีก คิดไม่ถึงจะห่วยได้ขนาดนี้! มีพลังหยางน้อยแค่นี่เนี่ยนะ”
หลังจากพูดจบ ผีผู้หญิงตนนั้นก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เธออ้าปากกว้าง แล้วกัดเข้าไปที่คอของไก่ทันที
วินาทีนั้น ไก่ร้อง “กะต๊าก” ออกมาสองครั้ง กระพือปีกอีกสองที จากนั้นมันก็หมดลมหายใจ
ตอนนี้ที่ปากของผีผู้หญิงเต็มไปด้วยหยาดเลือด เธอก็โยนไก่ทิ้งลงพื้น
หลังจากมองมันด้วยสายตาที่อาฆาต ไม่นานเธอก็หันหลังจากไป
เมื่อเห็นว่าผีผู้หญิงจากไปแล้ว ผมก็แสดงสีหน้าดีใจออกมา มองไปข้างหน้า หวังว่ายัยผีนั้นจะออกไปเร็วๆ ตัวเองจะได้ผ่านพ้นคืนนี้ได้ซะที
แต่ตอนที่ยัยผีนั้นเดินมาถึงประตู ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทันที
จู่ๆ ด้านนอกประตูก็มีผู้ชายเดินเข้ามา
ตอนที่ผู้ชายคนนั้นปรากฎตัว ฉันก็รู้ทันทีว่าเขาเป็นใคร ชายคนนั้นก็คือผู้ชายที่กลายเป็นศพไปเมื่อสองวันก่อน สามีของผีผู้หญิงนั้นเอง
เมื่อผีผู้ชายเดินเข้ามา เขาก็มองไปที่ผีผู้หญิงทันที “เมียจ๋า ไปเก็บวิญญาณของเจ้าเด็กนั้นมารึยัง”
ผีผู้หญิงตนนั้นพยักหน้า “เก็บแล้ว แต่ว่าพลังหยางของมันน้อยมาก ไม่พอให้ฉันดูดถึงหนึ่งลมหายใจด้วยซ้ำ!”
หลังจากพูดจบ ผีผู้หญิงตนนั้นก็ชี้มาที่ไก่ตัวนั้น
ผีผู้ชายจึงมองตาม แต่เมื่อเขาเห็น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
เขาพูดด้วยความโมโห “อีเมียโง่ โดนชาวบ้านมันหลอกอีกแล้ว……”