px

เรื่อง : The Strongest System จบแล้ว!!!
บทที่ 80 : จุดเริ่มต้นแห่งความวุ่นวาย...


 บทที่ 80 : จุดเริ่มต้นแห่งความวุ่นวาย...

 

"ศิษย์พี่เมิ่ง ท่านว่าท่านประมุขเขาจะเชื่อข้ารึเปล่า?" หลินฟ่านหันไปกล่าวถามเมิ่งหยางกวน หลังจากที่ประมุขนิกายนั้นได้เห็นแล้วว่าหลินฟ่านนั้นมีวิชาพรางตัวอัศจรรย์ถึงเพียงใดและน่าจะสืบข่าวมาได้จริง เขาก็ให้หลินฟ่านและเมิ่งหยางกวนกลับมาทันที... ตอนนี้เมิ่งหยางกวนนั้นกำลังกังวลกับมหันตภัยที่กำลังจะบังเกิดขึ้นอย่างมาก เขาไม่อาจสงบใจลงได้ เขาเลยไม่ได้ตอบคำหลินฟ่านออกมาทันที

"ท่านประมุข ย่อมต้องเชื่อเจ้า" เมิ่งหยางกวนพยักหน้าหลังจากที่หลินฟ่านกล่าวถามไปสักพัก

“ศิษย์พี่เหตุใดท่านประมุข ไม่กล่าวออกมาทำนองว่า นิกายร่วมใจต่อต้านภัยร้าย อะไรแบบนี้ล่ะท่าน?” หลินฟ่าน กล่าวถามเมิ่งหยางกวนออกมาด้วยความสงสัย ‘ประมุขไม่รู้จักการร่วมแรงร่วมใจสามัคคีหรืออย่างไร’ โลกเก่านั้นหากมีปัญหาไม่ว่ามันจะหนักหนาสาหัสแค่ไหน ขอเพียงทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันฟันฝ่า จะอย่างไรทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ

"ศิษย์น้อง ... "

"ครับ?" หลินฟ่านหันไปมองเมิ่งหยางกวนด้วยความสงสัย เขาเองก็ไม่รู้ว่าเมิ่งหยางกวนจะพูดอะไร

“จริงๆ แล้วเหตุที่ท่านประมุขไม่กล่าวอะไรทำนองให้พวกเราร่วมกันต้านภัย นั้นเป็นเพราะตัวท่านย่อมรู้ดีว่ามันไร้ประโยชน์อย่างถึงที่สุด การโจมตีครั้งนี้เป็นการผนึกกำลังกันจากหลายๆนิกาย เช่นนั้นพวกมันย่อมส่งแต่ผู้ฝึกตนระดับศักดิ์สิทธิ์มาเท่านั้น  พวกศิษย์นิกายเขตนอก รวมทั้งศิษย์เขตในที่ยังมีระดับบ่มเพาะเพียงแค่ขั้นก่อเกิด ล้วนแล้วไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น ความแตกต่างด้านพลังมันมากมายจนเกินไป..เช่นนั้นความสามัคคีของเจ้ามันจะมีความหมายอันใดเล่า” เมิ่งหยางกวนกล่าวตอบออกมา

นิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์นั้นหากนับจริงๆนับว่าเป็นนิกายที่แข็งแกร่งอย่างมาก มันเหนือกว่านิกายอื่นๆ อยู่ไม่น้อย แต่ครานี้มันเป็นศึกที่นิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์ถูกกลุ้มรุม จะอย่างไรก็เป็นเรื่องยากเกินต้านทาน

"อะไรกัน?" หลินฟ่านอยู่โลกนี้มานาน แต่เขาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ...เพราะจะอย่างไรมันก็เป็นคนจากโลกในยุคปัจจุบัน เรื่องราวบางอย่างมันก็ลืมไป

ผู้บ่มเพาะระดับศักดิ์สิทธิ์เพียงคนเดียวนั้น สามารถสังหารผู้บ่มเพาะระดับก่อเกิดนับพันลงได้ในพริบตาโดยไม่ยากเย็นอะไร โลกนี้นั้นคุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ มีจำนวนมากมายไปก็ไร้ประโยชน์ หลินฟ่านนั้นมันอยู่ในโลกเก่ามานานทั้งชีวิต มันย่อมชินกับคำว่า มดมหาศาลก็กัดคชสารตายได้ แต่ที่นี่มันไม่ใช่...

เพราะในขณะที่หลินฟ่านมีระดับอยู่ที่ระดับก่อเกิด ไม่ว่ามันจะพยายามอย่างไร มันก็ไม่อาจสังหารโม่อี้ซวนกับหนี่หมันเทียนได้ มันพยายามจู่โจมอยู่ตั้งนานแต่ไม่ระคายผิวทั้งสองคนเลยสักนิด และนี่คือความแตกต่างของระดับบ่มเพาะ

หากใครจะลบล้างความต่างนี้ได้คงต้องใช้อาวุธระดับ...เซียน

"อีกไม่นานท่านประมุขคงเริ่มออกประกาศในนิกาย" เมิ่งหยางกวนถอนหายใจออกมา

“ศิษย์พี่เมิ่ง หากประกาศออกไปมันจะไม่เป็นไรหรอ หากว่ายังมีพวกสายลับแฝงตัวอยู่ในนิกายของเราล่ะ” หลินฟ่านกล่าวถามออกมา

เมิ่งหยางกวนส่ายหัว "มันหาใช่เรื่องสำคัญอันใดไม่ พวกมันจะรู้หรือมิรู้หามีข้อแตกต่างกัน เพราะจะอย่างไร ประมุขนิกายก็มิได้เป็นผู้ที่หลบหนี"

“ศิษย์พี่ แล้วทำไมประมุขนิกายไม่รีบให้ทุกคนในนิกายหนีไปหลบซ่อนก่อนล่ะ?  รอจนพวกเราแข็งแกร่งมากพอค่อยกลับมาเอาคืนพวกมันอะไรแบบนี้” หลินฟ่านกล่าวถามออกมา เพราะหนังจีนที่มันเคยดูนั้น มีคำกล่าวไว้ว่า ลูกผู้ชาย 10 ปีล้างแค้นไม่สาย 'ก็ในเมื่อตอนนี้มันสู้ไม่ได้เพราะถูกรุม ก็แค่หลบออกไปก่อน ถ้าสู้ได้ค่อยออกมาสู้ ค่อยๆหาโอกาสเอา ทำไมไม่ทำแบบนี้กันหว่า?’

แต่ทว่าเมิ่งหยางกวนพลันแสดงอารมณ์รุนแรงออกมา "ศิษย์น้องหลิน จักให้นิกายที่เต็มไปด้วยเกียรติยศยิ่งใหญ่ดั่งเช่นนิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์ใช้กลยุทธ์เต่าหดหัวเช่นนั้นหรือ พวกเรามิสามารถกระทำตัวขี้ขลาดเยี่ยงนั้นได้ ศิษย์น้องหลินเจ้ายังเด็กนัก โปรดจำเอาไว้ว่าโลกนี้นั้นดำรงอยู่ด้วยกฎแห่งป่า เจ้ารีบไปหาหนี่หมิงหยางแล้วเตรียมพร้อมหลบหนีกันเสียเถิด"

"แล้วศิษย์พี่เมิ่งล่ะ?" หลินฟ่านเห็นใบหน้าของเมิ่งหยางกวนนั้นเต็มไปด้วยความกังวลแล้วกังวลอีกไม่รู้จะกังวลมากไปกว่านี้ยังไงแล้ว

"ตัวข้านั้นเป็นศิษย์นิกายเขตใน อีกทั้งตัวข้านั้นได้ถูกประมุขชุบเลี้ยงมาตั้งแต่อายุ 2 ขวบปี ข้ามิมีวันจากนิกายนี้ไปได้ หากแม้นนิกายจะล่มสลายข้าจักอยู่ปกป้องมันจวบจนลมหายใจสุดท้ายของข้า หากแม้นนิกายนี้สามารถคงอยู่ต่อไปได้ข้าก็จะอยู่เพื่อเฝ้ามองความสำเร็จของมัน และถึงแม้นข้าจักตกตายแต่ขอเพียงนิกายยังคงอยู่ข้ายินยอมสละได้แม้แต่ชีวิต" เมิ่งหยางกวนกล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ ก่อนที่มันจะแหงนหน้ามองฟ้าแล้วเดินจากไปด้วยความเร็ว

"ศิษย์พี่ ... " หลินฟ่านได้แต่มองแผ่นหลังของเมิ่งหยางกวนที่เดินจากไป เขาไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี แล้วหลินก็รู้สึกว่าตอนนี้ตัวมันเองก็รู้สึกอึดอัดจนถึงขั้นหายใจไม่ทั่วท้องเพราะสถานการณ์นั้นไม่ค่อยสู้ดีนัก

...

แล้วมันก็เป็นอย่างที่ศิษย์พี่เมิ่งกล่าวไว้ไม่มีผิดเพี้ยน ภายในเวลาต่อมาแค่ไม่นาน ประมุขนิกายก็ประกาศให้เหล่าสาวกที่มีระดับบ่มเพาะต่ำกว่าขั้นศักดิ์สิทธิ์ รีบเดินทางออกจากนิกายทันที คราแรกที่เหล่าศิษย์สาวกทั้งหลายได้ยินคำประกาศพวกมันพลันตื่นตระหนก ตกอกตกใจกันอย่างมากเพราะพวกมันคิดว่าทางนิกายจะละทิ้งพวกมัน

แต่ทว่าพอพวกมันได้ยินว่านิกายกำลังจะถูกนิกายอื่นๆกลุ้มรุมโจมตีเพื่อหวังทำลายนิกาย พวกมันก็ได้แต่เงียบ สาวกหลายคนที่มีระดับบ่มเพาะต่ำกว่าระดับศักดิ์สิทธิ์ล้วนรีบกลับที่พักไปเก็บข้าวของเตรียมอพยพกันทันที และมีบ้าง สำหรับเหล่าศิษย์ที่เต็มใจจะอยู่ร่วมจมหัวจมท้ายไปกับนิกาย

"ศิษย์พี่หนี่ ศิษย์พี่หยิน แล้วพวกท่านคิดจะทำยังไงกัน?" หลินฟ่านกล่าวถาม

หยินโม่เฉินส่ายหัว "หากข้าออกจากนิกายไปแล้วข้าจะไปที่ใดได้  ข้าคิดว่านิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นบ้านมาเนิ่นนานแล้ว ข้าจะอยู่เพื่อปกป้องมาตุภูมิของข้าจวบจนข้าสิ้นลม"

"เมื่อศิษย์พี่เมิ่งมิจากไปไหน ข้าเองก็มิคิดจากไปเช่นกัน ศิษย์พี่เมิ่งนั้นดูแลข้ามาตั้งแต่วันแรกที่ข้าเข้ามาในนิกายแห่งนี้ ข้าจะต่อสู้เคียงข้างกับศิษย์พีเมิ่งให้ถึงที่สุด" หนี่หมิงหยางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์

"ศิษย์น้องหลิน เจ้าควรรีบหนีไปเสีย แค่เจ้าสามารถนำข่าวนี้มาแจ้งให้นิกายได้มีเวลาเตรียมตัวถือว่าเจ้าทำเพื่อนิกายนี้อย่างมากแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องตายเพื่อนิกาย" หนี่หมิงหยางพยายามกล่าวโน้มน้าวให้หลินฟ่านรีบหนี หลินฟ่านเองก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง 'จะไปหรือจะอยู่ดีล่ะเรา? จะยังไงทุกคนก็มีเพียงชีวิตเดียวเท่านั้น เขากลัวตายไหม? แน่นอนว่ากลัว

แต่บางครั้งลูกผู้ชายก็ถึงจุดที่ต้องแสดงความกล้า...

"ศิษย์พี่ถ้าพวกท่านไม่ไป ข้าก็ไม่ไป" แฟน หลินฟ่านกล่าวออกมาอย่างแน่วแน่

"ศิษย์น้อง เจ้ารีบไปหนีไปเถิด ที่พวกเราไม่จากไปนั้นเพราะพวกเรามีความทรงจำดีๆมากมาย แต่เจ้านั้นพึ่งเข้าร่วมนิกายเมื่อไม่นานมานี้เอง ถึงแม้เจ้าคิดจากไปพวกเราเองก็ไม่คิดตำหนิเจ้า ซ้ำยังเป็นเรื่องดีเสียอีก เพราะพวกเราอยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป" หนี่หมิงหยางกล่าว

เพราะถ้านิกายอื่นๆนั้นมากลุ้มรุมโจมตีนิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์จริงๆนั้น หนทางในการรอดชีวิตนั้นไม่มีเหลือเลย

สิ้นหวังแล้ว

"ไม่ต้องพูดแล้วศิษย์พี่ ยังไงคนเราเกิดมาสักวันก็ต้องตาย อยู่ที่ว่าจะตายก่อนตายหลังเท่านั้นเอง แล้วพวกเราจะไปกังวลอะไรกับมันให้วุ่นวาย แล้วเนี่ย พวกท่านอะ มองโลกในแง่ร้ายกันไปรึเปล่า บางทีประมุขนิกายเราอาจจะมีไพ่ตายเอาไว้พลิกสถานการณ์ก็ได้" หลินฟ่านกล่าวออกมา

หลินฟ่านนั้นไม่ได้โง่ เขาเข้าใจดีถึงเหตุผลที่ประมุขนิกายนั้นออกคำสั่งให้คนที่มีระดับบ่มเพาะต่ำกว่าระดับศักดิ์สิทธิ์เร่งจากไป เพราะประมุขนิกายนั้นต้องการหาข้ออ้างให้พวกศิษย์เหล่านั้นหลบหนี พากกล่าวเพียงว่าจะมีศัตรูบุกจู่โจมนิกายโดยไม่สั่งให้ใครหลบหนี เมื่อมีผู้ที่หวาดกลัวและหลบหนีไปมันจะเป็นตราบาปในใจของคนผู้นั้นตลอดไป อีกทั้งมันจะดูเป็นคนเลวร้ายในสายตาผู้อื่นอีกด้วย ประมุขนิกายจึงต้องออกคำสั่งเพื่อให้เหล่าศิษย์ระดับต่ำมีข้ออ้างในการหลบหนีเช่นนี้

"ศิษย์น้อง ... " หนี่หมิงหยางและหยินโมเฉินมองไปยังหลินฟ่านด้วยแววตาชื่นชมและเต็มไปด้วยความถูมิใจ พวกมันต่างจับไหล่หลินฟ่านเอาไว้โดยไม่กล่าวอะไรออกมา

...

ศาลาซินฉิง ...

"ศิษย์น้องหญิง เจ้าเองก็รีบหนีไปกับคนอื่นๆเถิด" เมิ่งหยางกวนมองไปยังมู่เฉินหยูด้วยสายตาอ่อนโยน

นิกายกำลังเผชิญวิกฤติ เขาไม่สามารถรั้งนางเอาไว้ข้างกายได้ เพราะเขาคงไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะปกป้องนาง เขาต้องการให้นางจากไปเพื่อที่นางจะได้มีชีวิตอยู่

"ศิษย์พี่ ท่านเชื่อเด็กคนนั้นจริงๆงั้นหรือ มันต้องเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้นแหล่ะ ข้าจะลองกล่าวถึงมุมมองและความเป็นไปได้ให้ท่านฟัง เผื่อท่านจะเปลี่ยนใจ" มู่เฉินหยูกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ในใจของนางโกรธแค้นหลินฟ่านนัก

"ศิษย์น้องหยินอย่าได้ดื้อรั้นแล้ว เจ้ารีบหนีไปเถิดหากข้าสามารถรอดชีวิตไปได้ข้าจะรีบไปหาเจ้า" เมิ่งหยางกวน กล่าวออกมาก่อนที่มันจะหลับตาลง...เขาและมู่เฉินหยู นั้นอยู่ด้วยกันมานานแล้ว

...เรื่องราวมันเริ่มตั้งแต่วันนั้น วันที่เขาบังเอิญผ่านนิกายเขตนอกแล้วเห็นนางร่ายรำกระบี่...ตั้งแต่วันนั้นราวกับหัวใจเขาถูกนางขโมยเอาไป ไม่กี่วันต่อมาเขารีบละทิ้งสถานะศิษย์นิกายเขตใน เพื่อมาเป็นศิษย์นิกายเขตนอกทันที โดยหวังที่จะตามหานาง เขาใช้เวลาตามหานางอยู่พักหนึ่งแต่กลับไม่เจอ แต่ทว่าอยู่มาวันหนึ่งอาจเป็นเพราะสวรรค์มีตาหรือพรหมลิขิตบันดาลชักพาก็แล้วแต่ นางกลับเป็นฝ่ายเดินเขามาขอคำชี้แนะเกี่ยวกับการฝึกวิชากับเขาด้วยตัวนางเอง...

นั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราว...

และ

...มันกำลังจะถึงจุดสิ้นสุดลงใน ...ตอนนี้

"ศิษย์พี่ถ้าท่านไม่ไป ข้าก็ไม่ไป" มู่เฉินหยูส่ายหน้าออกมาอย่างดื้อดึง

"ไปให้พ้นจากหน้าข้า" ทว่าครานี้เมิ่งหยางกวนที่อ่อนโยน เอาใจใส่นางด้วยความอบอุ่นทะนุถนอมมาโดยตลอด พลันตวาดเสียงแข็งพร้อมทำท่าทางดุร้ายใส่นาง

มู่เฉินหยูถึงกับตกตะลึงและหวาดกลัวกับทีท่าที่เปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือของเขา

"ศิษย์พี่ท่าน...พูดว่าอะไร?" มู่เฉินหยูไม่เชื่อในสิ่งที่นางได้ยิน นางได้แต่มองไปยังเมิ่งหยางกวน ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาพร้อมทั้งมองว่าเมื่อครู่เขากลั่นแกล้งหรือไม่

"ข้าบอกว่า ไปให้พ้นหน้าข้า!"

 

รีวิวผู้อ่าน