px

เรื่อง : เพลิงพิโรธสวรรค์
บทที่ 37 จากไป


ไม่มีอะไรที่น่าเศร้าไปกว่าความสิ้นหวัง แม้แต่ความตายก็ยังเป็นรองเรื่องนี้!

 

นี่คือความรู้สึกที่เจียงอี้รู้สึกในตอนนี้...เขาเติบโตมากับตระกูลเจียง และมักจะคิดอยู่เสมอว่าที่นี่คือบ้านของเขา บ้านหลังนี้เป็นสิ่งที่เขาภูมิใจและเป็นที่ที่คุ้มค่าแก่การปกป้อง

 

เมื่อเขาอายุเจ็ดขวบเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงความเย็นชาจากผู้อื่น แต่เขาไม่เชื่อและคิดว่าเป็นเพราะเขาเองที่ไร้ประโยชน์ เขาคิดว่าถ้าเขายังคงเป็นอัจฉริยะและสามารถฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว ผู้อาวุโสและคนอื่นๆที่เคยนับถือเขาจะเริ่มยกย่องเขาและปฏิบัติต่อเขาอย่างจริงใจ

 

เมื่อเขาอายุเก้าขวบ ผู้อาวุโสไฮ่ก็หายตัวไปและตระกูลเจียงก็เริ่มที่จะไม่สนใจและทำให้เขาเสียความรู้สึก ตั้งแต่นั้นมาสมาชิกคนอื่นๆของตระกูลเจียงเริ่มรังแกเขา แต่ร่องรอยแห่งความหวังยังคงอยู่ในใจของเขา

 

จนถึงทุกวันนี้เขาก็ยังคงวาดฝันไว้ว่าตระกูลเจียงจะยกย่องเขาอีกครั้ง เลี้ยงดูเขา ให้ตำแหน่งที่เขาสมควรได้รับและหาน้ำอุ่นให้เขาอาบราวกับเป็นครอบครัวเดียวกันเช่นเดิม

 

แต่ความเป็นจริงในตอนนี้ ตั้งแต่เขาสร้างความปั่นป่วนในวันนี้และพยายามฆ่าตัวตายเพื่อรวบรวมผู้อาวุโสทั้งหมด เขามีความคิดในการทำลายตราประทับของเขาขึ้นและแสดงวิธีการบ่มเพาะอันลึกลับของเขาที่เพิ่มความสามารถแก่นแท้พลังออกมาให้ทุกคนได้เห็น

 

แต่ตอนนี้เขาละทิ้งความหวังทั้งหมดที่มีต่อตระกูลเจียงแล้ว อย่างไรก็ตาม สายเลือดของตระกูลเจียงไม่ได้ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา และเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรนอกจากหมาป่าตาขาวเพียงตัวเดียวในสายตาของตระกูลเจียงผู้ยิ่งใหญ่ สำหรับพวกเขาแล้ว เจียงอี้คงเป็นเพียงลูกเสือที่อาจเป็นภัยต่อพวกเขาได้ในอนาคต

 

ความตายเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยกลัว!

 

ตั้งแต่เขายังเด็ก ผู้อาวุโสคิดว่าเขาเป็นเด็กที่หลักแหลม หากเขาต้องการเป็นนักรบที่แท้จริงและเป็นที่น่าเกรงขาม เขาต้องมีใจเช่นนักรบ เขาไม่กลัวใครหรืออะไรก็ตาม....แม้แต่ความตาย ความเสียใจอย่างเดียวของเขาคือเขาไม่สามารถปกป้องเจียงเสี่ยวนู๋ได้ และจะไม่สามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้อีกต่อไป

 

"ดี! เนื่องจากไม่มีใครที่สามารถเป็นพยานได้ เรื่องนี้กลายเป็นที่ชัดเจนแล้ว หากเหล่าผู้อาวุโสไม่มีการคัดค้านใดๆ ข้าจะออกกฎของตระกูลเดี๋ยวนี้"

 

ในไม่ช้าเสียงของ เจียงหยุนสือก็ดึงสติของเจียงอี้กลับคืนมา แต่ในเวลานี้เขาไม่ได้โต้กลับ เขาไม่ต้องการพูดอีกต่อไป เขาไม่ต้องการอยู่ในสถานที่ที่น่าขยะแขยงนี้อีกต่อไป!

 

ทุกคนยังคงนิ่งเงียบ ประมุขเจียงยังคงเมินเฉยและดื่มชาของเขาต่อ เขาไม่มีเจตนาที่จะแสดงความคิดเห็นใดๆ แต่คำที่เขากล่าวออกมาเมื่อตอนที่เขาเข้าไปถึงตำหนักลงทัณฑ์เป็นเสียงที่มาจากความโกรธภายในใจของเขาจริงๆ เขาไม่พอใจอย่างมากกับความจริงที่ว่าเจียงหยูหลงได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

ใบหน้าของผู้อาวุโสสองกระตุกเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่พูดอะไรออกมา เขาและผู้อาวุโสมีสายเลือดเดียวกันและพวกเขาก็สามารถสั่งตระกูลเจียงได้เสมอ แต่เนื่องจากผู้อาวุโสไฮ่หายไป สายเลือดของพวกเขาก็ดูอ่อนแอลง

 

เขามีเวลาอีกไม่กี่ปีที่จะมีชีวิตอยู่และไม่ต้องการที่จะบาดหมางกับใครเพียงเพื่อเจียงอี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อลูกหลานของเขาในอนาคตได้

 

"เดี๋ยวก่อน!"

 

นั่นไม่ใช่เสียงของผู้อาวุโสสอง แต่กลับเป็นเสียงของเจียงหยุนเหมิ่งที่พูดออกมาซึ่งเขาเป็นสายเลือดเดียวกันกับเจียงหยุนซาน เขาเป็นคนที่มีความหุนหันพลันแล่นและเป็นคนที่ไม่สามารถซ่อนความรู้สึกใดๆไว้ในใจของเขาได้

 

ตั้งแต่เขากลับมาจากตำหนักฝึกยุทธ เขาอยากรู้เรื่องราวของเด็กที่ชื่อเจียงอี้เป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าเจียงอี้กำลังจะถูกประหาร เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจียงอี้ เกิดอะไรขึ้นกับพลังของเจ้า? ทำไมเจ้าจึงพัฒนาได้ไวเช่นนี้? เจ้าทำเยี่ยงไรถึงชนะเจียงหยูหลงได้?”

 

“เฮอะ…”

 

เจียงอี้ทำหน้าตาเย้ยหยันและไม่ต้องการอธิบายอะไร เนื่องจากคำพูดของเจียงหยุนเหมิ่งดูเหมือนจะมีความตั้งใจที่จะปกป้องเขา เขาจึงหาคำพูดอื่นเพื่อโกหกขึ้นมา "ข้าพบโสมดำโลหิตพันปีบนหุบเขาพรากวิญญาณ! สำหรับวิธีที่ข้าเอาชนะ เจียงหยูหลงน่ะรึ? มันยากมั้ยน่ะหรือขอรับสำหรับคนไร้ค่าเยี่ยงข้า? ข้าสามารถเอาชนะหยูหลงได้อย่างง่ายดายโดยการใช้อุบายบางอย่างก็เท่านั้น! ฮึ "

 

"โสมดำโลหิตพันปี?"

 

ทุกคนยกเว้นเจียงหยุนซานมองด้วยความประหลาดใจและตามด้วยถอนหายใจอย่างผิดหวัง เจียงหยุนซานยกศีรษะเล็กน้อยและจ้องมองไปที่เจียงอี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

 

"โสมดำโลหิตพันปี!"

 

สมุนไพรวิญญาณระดับสวรรค์เป็นส่วนผสมหลักสำหรับการกลั่นเม็ดยาระดับสวรรค์ ซึ่งเป็นมูลค่าที่ไม่สามารถตีราคาได้ ถูกค้นพบโดยเด็กเหลือขอเจียงอี้ที่โชคดีผู้นี้งั้นรึ? เขากล้าดียังไงที่จะไม่บริจาคสมุนไพรอันมีค่าเช่นนี้ให้กับตระกูล และดันกินมันทั้งหมดเพื่อตัวเองได้อย่างไร? หากเจียงเฮิ่นซุ่ยบริโภคสมุนไพรนี้ เขาอาจจะบรรลุขอบเขตจื่อฝู่ได้เลย ใช่ไหมนะ?

 

"ฮึ่ม!"

 

เจียงหยุนเฉอคำรามเสียงดังและเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับคำพูดของเจียงอี้เกี่ยวกับลูกชายของเขา เจียงหยุนสือจึงได้สติจากความตกใจของเขาและออกคำสั่งอย่างไม่แยแส “พอแล้ว ไม่มีอะไรที่จะต้องทบทวนแล้ว นำเจียงอี้ไปที่ด้านหลังหุบเขาแล้วประหารมันทันที มันสมควรจะต้องกลายเป็นตัวอย่างเพื่อตักเตือนทุกคน!”

 

"หยุดก่อน!"

 

คราวนี้ แม้แต่ตัวเจียงอี้เองก็ตกตะลึง คนที่พูดมันออกมาคือประมุขเจียง...เจียงหยุนซาน

 

เจียงหยุนซานวางถ้วยน้ำชาของเขาและยืนขึ้น เขาพยักหน้าให้ผู้อาวุโสสอง จากนั้นเขาก็เดินไปที่ทางออกและหยุดอยู่หน้าเจียงอี้ เขาถอนหายใจ “เฮ่อ...ผู้เฒ่าไฮ่หายไปหกปีแล้วและตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ชะตากรรมของเขาเลย เจียงอี้ เราทุกคนรู้ว่าผู้เฒ่าไฮ่มองเจ้าเป็นคนสำคัญ ถึงแม้ว่าผู้เฒ่าไฮ่จะไม่ได้อยู่กับเรานานนัก แต่การช่วยเหลือของเขาที่มีต่อตระกูลเจียงนั้นถูกจารึกไว้ในใจของเรา เพื่อผู้เฒ่าไฮ่ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าในวันนี้...เจ้าจะได้รับการอภัยโทษประหารชีวิต แต่เจ้าก็ยังต้องเจอกับบทลงโทษอย่างสาสม”

 

“หยุนสือ หักขาข้างหนึ่งของเขาเพื่อเป็นคำเตือน หากเขากล้าสร้างปัญหามากกว่านี้ เขาจะถูกประหารทันที ส่งคำสั่งออกไปว่าหากตระกูลเจียงมีอะไรที่เกิดขึ้นแบบนี้อีกก่อนการรับสมัครของสำนักจิตอสูรและกองทัพทหารตะวันตก ตำหนักยุทธสามารถประหารชีวิตได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุญาตจากตำหนักลงทัณฑ์ เมื่อตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ..... พวกเจ้าก็ควรกลับกันได้แล้ว”

 

เมื่อเจียงหยุนซานสิ้นคำของเขาแล้ว เขาจ้องไปที่เจียงอี้แล้วเดินออกไปและหายไปจากสายตาของทุกคน ผู้อาวุโสในตำหนักลงทัณฑ์ไม่ได้พูดอะไรและพากันตามออกไปอย่างรวดเร็ว

 

เจียงหยุนเฉอและเจียงหยุนสือมองหน้ากันอย่างมีเลศนัย ซึ่งทิ้งร่องรอยอันเยือกเย็นไว้ในดวงตาของเขา ขณะนี้ตำหนักลงทัณฑ์อันยิ่งใหญ่เหลือเพียงเจียงหยุนสือและชาวบ้านตระกูลเจียงที่เฝ้าดูจากข้างนอก

 

ช่วยชีวิตข้าน่ะเรอะ? หึหึ!

 

เจียงอี้ยังคงนิ่งเฉย แต่เขาหัวเราะอย่างเยือกเย็นอยู่ในใจ เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกถึงจิตสังหารอย่างรุนแรงจากการจ้องมองที่ไม่แยแสของเจียงหยุนซานก่อนที่เขาจะจากไป

 

เจียงหยุนซานกำลังพยายามทำตัวเหมือนเป็นกลางในขณะที่เขาจ้องจะฆ่าเจียงอี้

 

เหตุการณ์ในวันนี้ค่อนข้างมีความหมาย หากเจียงอี้ถูกประหารจริง มันจะเกิดการซุบซิบนินทาภายในตระกูลเจียงและหลังจากนั้น พวกเขาส่วนใหญ่จะไม่มีความมั่นใจกับตระกูลอีกเลย เพราะท้ายที่สุดแล้ว เจียงหยูหู่และลูกน้องของเขาก็ทุบตีเจียงอี้จริงๆ และตอนนี้ เจียงเสี่ยวนู๋ก็นอนอยู่บนเตียงของชุนหยา

 

เจียงหยุนซานทำทีท่าราวกับว่าเขากำลังให้เกียรติผู้อาวุโสด้วยการไว้ชีวิตเจียงอี้  มันจะแสดงให้เห็นถึงความใจดีของเขาและยังสามารถปิดปากทุกคนได้ด้วย

 

หึ ข้าเดาว่าหลังจากสำนักจิตอสูรรับสมัครศิษย์เสร็จสิ้น ข้า เจียงอี้ผู้นี้จะต้องตายอย่างลึกลับแน่นอน

 

เมื่อเจียงอี้รับรู้ถึงเจตนาที่มืดมนนี้ จิตใจของเขารู้สึกถึงความหนาวสั่น แต่เนื่องจากเขาไม่ต้องตายในตอนนี้ เขาคงจะโง่มากหากร้องขอความตายอีกครั้ง ตราบใดที่ยังเหลือความหวัง เขาก็จะต่อสู้เพื่อมัน เขาไม่ได้กลัวความตาย เขากลัวเพียงว่าเจียงเสี่ยวนู๋จะปลิดชีพตามเขาไป

 

"เมื่อท่านประมุขเจียงมอบการตัดสินนี้ด้วยความใจดีของเขา ข้าจะต้องปฏิบัติตาม พวกเจ้าสักคนจงไปทำลายขาของเจียงอี้ซะ หากเขากล้าสร้างความเดือดร้อนอีกครั้ง เขาจะถูกประหารชีวิตโดยไม่มีการให้อภัย!"

 

เจียงหยุนสือเข้าใจความหมายอย่างรวดเร็ว เขารู้จักพี่น้องของเขาทุกคนเป็นอย่างดีและเจียงอี้ก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานอย่างแน่นอน ตระกูลเจียงจะไม่เก็บเสี้ยนหนามไว้นานพอให้พวกมันสร้างปัญหาให้ตระกูลได้อีกครั้งหรอก

 

"ไม่จำเป็น!"

 

เมื่อเห็นทหารที่กำลังจะเข้ามา เจียงอี้ก็ตะโกนออกมา ทุกคนมีสายตาที่ประหลาดใจ เขาหมุนเวียนแก่นแท้พลังและยกฝ่ามือขึ้นเพื่อสับลงไปที่ขาซ้ายของเขาอย่างรวดเร็ว

 

"กร๊อบ!"

 

เสียงที่ดังกังวานและชัดเจนของการแตกร้าวของกระดูกของเจียงอี้ดังขึ้น ซึ่งหมายความว่าขาซ้ายของเจียงอี้หักไปแล้ว ขาซ้ายของเขาห้อยไปมา

 

เจียงอี้ไม่ได้ร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดตั้งแต่ต้นจนจบ แม้ว่าหน้าผากของเขาจะเปียกโชกไปด้วยเหงื่ออันเย็นเยียบและแก้มของเขาก็บิดเบี้ยวเล็กน้อย ดวงตาของเขายังคงสงบนิ่งอย่างน่ากลัว

 

"อึก…‘ท่านรอง’ผู้อาวุโส ตอนนี้ข้าออกไปได้แล้วใช่หรือไม่ขอรับ?"

 

เจียงอี้สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปถามเจียงหยุนสือและเน้นคำว่า "ท่านรอง" เมื่อเขากล่าวออกไป

 

"จงไปที่ตำหนักกิจการภายในเพื่อเบิกเม็ดยาสองเม็ดและกลับไปสำนึกความผิดของตัวเองที่บ้านซะ ไสหัวไป!" ใบหน้าอันโหดร้ายของเจียงหยุนสือปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่มันก็กลายเป็นใบหน้าเย้ยหยันอย่างรวดเร็ว เขาไม่คิดว่ามันคุ้มค่าที่จะโกรธเด็กเหลือขอที่จะต้องตายอีกในไม่ช้า

 

เจียงอี้กระโดดออกไปด้วยขาเดียว แต่ล้มก็ลงกับพื้นเพราะความเจ็บปวดจากไหล่ซ้ายและขาซ้ายทำให้เขาสูญเสียจุดศุนย์ถ่วงของเขาไป

 

เขาปฏิเสธความช่วยเหลือจากคนรับใช้ตระกูลเจียงและลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง เขาเอื้อมมือไปที่ต้นไม้เล็กๆและหักกิ่งไม้ออกเป็นชิ้นๆ

 

เขาต้องอดทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นจากความเจ็บปวดและการสูญเสียเลือดอย่างรุนแรง  เขาพยุงตัวเองด้วยกิ่งไม้ที่เขาหักมา และเดินกะเผลกกลับไปที่ลานบ้านของเขาและทิ้งรอยเลือดสดไว้ตามทางเดินตลอดทาง

 

ตำหนักลงทัณฑ์ของตระกูลเจียงนั้นไม่ไกลจากที่พักของเจียงอี้ ซึ่งโดยปกติจะใช้เวลาเพียงสามนาที แต่เจียงอี้ใช้เวลาไปกับการเดินกลับมาร่วมหนึ่งชั่วโมง  เขาล้มลงไปหลายครั้งและเกือบจะสลบไป

 

"ปึง!"

 

เขาเคาะไปที่ประตูลานบ้านของเขา หลังจากล้มลงไปในสนามหญ้า เขาก็ไม่สามารถพยุงตัวเองได้อีกต่อไป เขานั่งขัดสมาธิพร้อมกัดฟันและพยายามฟื้นฟูตนเองขณะนั่งสมาธิ หากเขาไม่เริ่มฟื้นฟูตัวเอง เขาจะเสียชีวิตจากการสูญเสียเลือดมากไปอย่างแน่นอน

 

“ไม่นะ! นายน้อยเจียงอี้ ท่าน...เกิดอะไรขึ้นกับท่านเจ้าคะ?”

 

หนึ่งชั่วโมงต่อมา เจียงอี้ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงตะโกนที่ดูหวาดกลัว ชุนหยาออกไปซื้อเม็ดยาโดยใช้ตำลึงทองที่เจียงอี้มอบให้นางไว้ ในทางกลับกันทั่วทั้งตำหนักตะวันตกก็กำลังพูดถึงเหตุการณ์ของเจียงอี้ นางไม่ได้มีความคิดที่จะกลับบ้านตัวเองแต่กลับวิ่งตรงไปยังลานบ้านของเจียงอี้

 

เจียงอี้ลืมตาขึ้น สายตาเขาดูอ่อนแอ เขาเห็นขวดลายครามบนมือของชุนหยาและยิ้มขอบคุณ เขาส่ายหัวและกล่าว "ข้าไม่เป็นไร ชุนหยา ข้าขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยดูแลเสี่ยวนู๋! โอ้ ใช่แล้ว...แล้วเสี่ยวนู๋รู้หรือไม่ว่าข้าได้รับบาดเจ็บเช่นนี้?"

 

"นางยังไม่รู้เจ้าค่ะ...ข้ายังไม่ได้กลับไปที่บ้านเลยเจ้าค่ะ!" ชุนหยาส่ายหัวแล้วส่งขวดลายครามให้กับเจียงอี้ทันที "นายน้อยเจียงอี้ นี่คือเม็ดยาฟื้นฟูอย่างดีเยี่ยม ท่านควรที่จะใช้มันรักษาตัวเอง ข้ายังมีเงินเหลือพอที่จะไปซื้อยาเพิ่มสักสองสามเม็ดให้เสี่ยวนู๋ด้วยเจ้าค่ะ"

 

"ไม่!"

 

เจียงอี้ส่ายหัว เขาหยิบเม็ดยาหนึ่งเม็ดจากขวดลายครามและบอกกับชุนหยาด้วยท่าทางที่แน่วแน่ "ชุนหยา ฟังข้านะ! เจ้าน่าจะได้ยินเหตุการณ์ในวันนี้ใช่หรือไม่ เจ้าสามารถบอกทุกอย่างกับเสี่ยวนู๋ได้ แต่อย่าบอกนางว่าข้าได้รับบาดเจ็บ เจ้าสามารถบอกนางได้ว่า ... หลังจากที่ข้าได้รับการปล่อยตัวจากตำหนักลงทัณฑ์ ข้าก็ออกจากตระกูลเจียงไป เจ้าบอกเสี่ยวนู๋ให้รักษาอาการบาดเจ็บของนางโดยไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งใดเลย ประมุขเจียงได้ให้คำสั่งลงมาแล้วและจะไม่มีใครกล้าแตะต้องนางในช่วงเวลานี้ ข้าจะกลับมาในอีกหนึ่งเดือน เจ้าเข้าใจไหม? "

 

"เอ่อ?"

 

ชุนหยาตกใจและถามด้วยความสงสัยว่า "นายน้อยเจียงอี้กำลังจะหายไปอีกหนึ่งเดือน!! แต่…ท่านจะเดินไปเช่นนี้หรือเจ้าคะ?"

 

"เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะออกไปคืนนี้ แต่ข้าสัญญาว่าจะกลับมาในอีกหนึ่งเดือนแน่นอน!"

 

เจียงอี้ไม่ได้อธิบายอะไรมาก เขาสั่งชุนหยาสั้นๆและขอให้นางกลับไปดูแล เจียงเสี่ยวนู๋ต่อ จากนั้นเขาก็ดูดซับเม็ดยาและเริ่มพักฟื้น เขารู้ว่าเม็ดยานี้ไม่เพียงพอที่จะรักษาบาดแผลของเขา

 

แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องออกจากที่นี่ภายในคืนนี้ หากเขาไม่ออกจากที่นี่วันนี้ เขาเกรงว่าจะไม่สามารถออกไปไหนได้อีกแล้วและต้องยอมรับชะตากรรมของเขาซะ ความโหดเหี้ยมที่แฝงไว้นั่น.....

รีวิวผู้อ่าน