px

เรื่อง : เพลิงพิโรธสวรรค์
บทที่ 39 วางเดิมพัน


ฝ่ามือระเบิดแก่นแท้พลังอนุญาตให้ผู้ฝึกฝนรวบรวมแก่นแท้พลังของผู้ฝึกไว้ในฝ่ามือ มันใช้วิธีการไหลเวียนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะเพื่อระเบิดแก่นแท้พลังออกมาและสร้างแรงกระแทกที่แข็งแกร่งเพื่อสร้างความเสียหายให้กับศัตรู แต่…มันจะรวมแก่นแท้พลังได้อย่างไร!

 

บาดแผลของเจียงอี้เกือบจะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์หลังจากพักฟื้นประมาณเจ็ดหรือแปดวัน เจียงอี้ยังคงอยู่ในห้องของเขาเพื่อบ่มเพาะหรือค้นคว้าเกี่ยวกับฝ่ามือระเบิดแก่นแท้พลังนั่น

 

ในช่วงเวลาเหล่านี้เขาขอให้ทหารยามหุ้มเกราะสีดำคอยลาดตระเวนหาข่าวให้เขา เขาพบว่าตระกูลเจียงอยู่ในความเงียบสงบและไม่มีความวุ่นวายใดๆ

 

เจียงอี้เข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าเพราะอะไร เขาสันนิษฐานว่ามีความสับสนอลหม่านอย่างใหญ่หลวงภายในตระกูลเจียง แต่มันถูกปราบปรามไว้โดยเจียงหยุนซาน

 

ด้วยการคัดเลือกของสำนักจิตอสูรและกองทหารตะวันตกที่กำลังจะเริ่มขึ้น ตระกูลเจียงไม่ต้องการให้เรื่องอื้อฉาวดังกล่าวแพร่กระจายไปสู่คนนอกตระกูล

 

เจียงอี้เข้าใจอย่างชัดเจนว่าถ้าเขาจะแพร่ข่าวลือในเมือง สมาชิกของตระกูลเจียงจะปรากฏขึ้นภายในหนึ่งชั่วโมงเพื่อกำจัดเขา

 

การที่ตระกูลเจียงปิดข่าวให้สงบอยู่ในตอนนี้ ความกังวลของเจียงอี้เกี่ยวกับ เจียงเสี่ยวนู๋จึงผ่อนคลายลง เจียงเสี่ยวนู๋จะปลอดภัยอย่างน้อยก็ก่อนการคัดเลือกของ สำนักจิตอสูร หากใครกล้าสร้างความหายนะใดๆในตระกูลเจียง พวกเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานจากการลงโทษของเจียงหยุนซานอย่างสาสม

 

เจียงอี้ฟื้นฟูร่างกายอย่างสงบสุขในห้อง ขณะที่เกิดความวุ่นวายขึ้นข้างนอก เหล่านายน้อยและคุณหนูต่างมาตามตื๊อผู้ดูแลหยางอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการคัดเลือกกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วัน

 

พวกเขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยกระดับการบ่มเพาะ แต่มันจะสมบูรณ์แบบถ้าพวกเขาสามารถเพิ่มทักษะศิลปะการต่อสู้ของพวกเขาได้แม้เพียงเล็กน้อย นายน้อยและคุณหนูต่างพากันเพิ่มราคาสามเท่าหรือแม้กระทั่งห้าเท่าของราคาปกติ ผู้ดูแลหยางถูกตื๊อมากจนเขาไม่ต้องการที่จะปรากฏตัวในห้องซ้อมประลองยุทธอีกต่อไป

 

เฮ่อ…ข้าเข้าใจทุกอย่างแล้วยกเว้นแต่ส่วนของการบีบอัดของฝ่ามือระเบิดแก่นแท้พลัง หากไม่มีทักษะที่จะบีบอัดแก่นแท้พลังของข้าออกไป ข้าก็ไม่สามารถทำการบ่มเพาะพลังฝ่ามือระเบิดแก่นแท้พลังได้อย่างสมบูรณ์

 

เฮ้อ…หลายวันผ่านไปแล้วและข้าก็ดูเหมือนจะไม่เข้าใจมันเลย ดูเหมือนว่ากระบวนท่านี้จะไม่สามารถสานต่อได้อีกต่อไป

 

เจียงอี้ถอนหายใจ ถ้าปราศจากฝ่ามือระเบิดแก่นแท้พลังไป เขาก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถคว้าตำแหน่งของผู้ผ่านการคัดเลือกที่สำนักจิตอสูรได้ แม้ว่าสำนักจิตอสูรจะเป็นเพียงการสรรหาผู้เยาว์ที่อายุต่ำกว่าสิบแปดปี

 

เมืองเทียนอวี่มีประชากรจำนวนหลายแสนคน จะต้องจอมยุทธรุ่นเยาว์ที่ยอดเยี่ยมนับไม่ถ้วน ซึ่งสิบอันดับต้นๆของเมืองเทียนอวี่ อย่างน้อยก็อยู่ในขั้นที่เจ็ดหรือแปดของขอบเขตฉูติ่ง นี่เป็นเพียงข้อมูลที่เปิดเผย ใครจะรู้ว่าจะมีอัจฉริยะที่ซ่อนอยู่หรือไม่กัน?

 

เจียงอี้ไม่ต้องการรอให้ขาที่หักของเขาหายดีเป็นปกติอีกต่อไป เม็ดยานี้เป็นเม็ดยาระดับสูงและหลังจากได้รับการปรับปรุงโดยแก่นแท้พลังสีดำแล้ว ความเร็วในการฟื้นตัวของเขาก็ทำให้ผู้ดูแลหยางตกใจ หากเขาไม่ตั้งใจระงับความเร็วในการฟื้นตัวเพื่อให้มีเวลาพักเพิ่มสักสองสามวัน เขาคงจะมีร่างกายที่สมบูรณ์ไปแล้ว

 

สามวันต่อมา เจียงอี้ฟื้นสภาพอย่างสมบูรณ์ ซึ่งปลุกพลังของเหล่านายน้อยและคุณหนูที่รอเขามานาน เจียงอี้ถูกบังคับให้เพิ่มช่วงซ้อมของเขาจากสามคู่ต่อวันเป็นห้าคู่ต่อวัน นอกจากนั้นค่าธรรมเนียมการซ้อมของแต่ละรอบเพิ่มขึ้นจากหนึ่งร้อยตำลึงทองเป็นสองร้อยตำลึงทองอีกด้วย

 

ถึงกระนั้น จำนวนผู้คนที่ขอให้เจียงอี้เป็นคู่ซ้อมก็ยังคงเอ่อล้นอยู่ดี นอกจากนี้ทุกครั้งที่ประลอง พวกเขาทั้งหมดมีการพัฒนาขึ้นเล็กน้อยในกระบวนท่าการต่อสู้

 

ห้าวันต่อมา เจียงอี้ก็ได้ดึงดูดแขกพิเศษมา ซึ่งเป็นผู้ที่เขาไม่ต้องการเจอมากที่สุด

 

เจียงเฮิ่นซุ่ย!

 

เจียงเฮิ่นซุ่ยนั้นมีความสามารถโดยธรรมชาติที่ค่อนข้างดีอยู่แล้ว ถ้าไม่เช่นนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะบรรลุไปสู่ขั้นที่เก้าของขอบเขตฉูติ่งได้ เขามีสัญชาตญาณที่ดีเช่นกัน....

 

ซึ่งมันดีพอสำหรับเขาที่จะสำเร็จขั้นบรรลุสำหรับวรยุทธของตระกูลเจียง เหตุผลที่เขาขอเป็นคู่ซ้อมกับเจียงอี้ก็เพื่อดูว่าเขาจะสามารถบรรลุกระบวนท่าระดับพิภพที่เรียกว่าท่าก้าวผสานหมอกได้หรือไม่ ซึ่งเขาเพิ่งได้มันมาจากตระกูลเจียง

 

"สวัสดี หมาป่าเดียวดาย! สำหรับการซ้อมประลองนี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะโจมตีข้าอย่างเต็มที่ หากข้าสามารถผ่านขั้นบรรลุของท่าก้าวผสานหมอกได้ ข้าจะมอบรางวัลอันยิ่งใหญ่ให้แก่เจ้า เพื่อแสดงความขอบคุณอย่างแน่นอน"

 

เจียงเฮิ่นซุ่ยดูวางมาดเหมือนเช่นเคย เขางุนงงเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นเจียงอี้ครั้งแรกและรู้สึกคุ้นเคย แต่เขาส่ายหัวปฏิเสธ เมื่อเขาเห็นดวงตาที่รุนแรงและเปล่าเปลี่ยวภายใต้หน้ากากนั่น

 

นิสัยของเจียงอี้นั้นอ่อนโยนและเชื่อฟังเสมอ คนที่อยู่ในระดับต่ำเช่นนั้นจะเปลี่ยนเป็นคนที่มีดวงตาที่คมกริบเช่นนี้ได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น ปัจจุบันเจียงอี้ควรซ่อนตัวอยู่ที่ไหนซักแห่งและพักฟื้นมากกว่าไหม? มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเช่นนี้

 

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเจียงเฮิ่นซุ่ย เจียงอี้ก็ปลดปล่อยความโล่งใจอย่างเงียบๆ เมื่อเขาเห็นเจียงเฮิ่นซุ่ยครั้งแรก เขาก็ปล่อยแรงกดดันที่แสดงความสามารถออกมาทันทีและดูเหมือนว่ามันจะใช้งานได้ดี

 

ที่เหลือเขาคงต้องระมัดระวัง เขาพยักหน้าอย่างหยิ่งยโสและไม่พูดอะไร เขาเริ่มใช้ท่าก้าวเทวะ และใช้ฝ่ามือที่มีลักษณะเหมือนกรงเล็บและข่วนไปที่เจียงเฮิ่นซุ่ย ซึ่งมันเหมือนกับกรงเล็บมายา

 

"ได้เวลาแล้ว!"

 

ดวงตาของเจียงเฮิ่นซุ่ยเบิกโพรงขึ้นขณะที่เขาขยับขาทั้งสองเล็กน้อยเพื่อหนี เมื่อมองจากไกลๆ มันดูเหมือนว่าขาของเขาไม่ได้เคลื่อนไหวมากมาย แต่ร่างกายของเขาล่องลอยและถอยไปข้างหลังอย่างลึกลับ

 

"หวด!"

 

เจียงอี้เหวี่ยงฝ่ามือของเขาอย่างเด่นชัดและยังคงจู่โจมออกไป เจียงเฮิ่นซุ่ยไม่ได้ตอบโต้ เพียงแต่หลบด้วยการล่องลอยไปมาตลอด ด้วยกระบวนท่าฝีเท้าที่แปลกประหลาด ร่างของเขาลอยไปรอบๆและการโจมตีของเจียงอี้ยังคงไม่สามารถแตะต้องเสื้อคลุมของเขาได้มานานกว่าสองนาทีแล้ว

 

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาเป็นอัจฉริยะ ท่าก้าวผสานหมอกระดับพิภพขั้นต่ำนี้จะต้องฝึกฝนยากมากๆใช่ไหมนะ? แต่เจียงเฮิ่นซุ่ยกลับบรรลุสิ่งนี้ในช่วงเวลาสั้นๆ กระบวนท่าระดับพิภพนั้นน่าเกรงขามยิ่งนัก แม้ความเร็วของท่าก้าวเทวะของข้าซึ่งอยู่ขั้นบรรลุแล้วยังด้อยกว่าเล็กน้อย

 

แม้ว่าแก่นแท้พลังของเราจะถูกผนึกในขณะนี้ แต่เจียงเฮิ่นซุ่ยซึ่งอยู่ในขั้นที่เก้าของขอบเขตฉูติ่งนั้นช่างมีความแข็งแกร่งทางร่างกายที่เหนือกว่ามากเมื่อเทียบกับข้า...

 

เจียงอี้คร่ำครวญเงียบๆ เขาเริ่มใช้แก่นแท้พลังสีดำและแสงสีดำก็วาบเข้ามา หากเขาไม่ได้ใช้มันเขาอาจจะไม่สามารถแตะต้องแม้กระทั่งเสื้อคลุมของเจียงเฮิ่นซุ่ยได้เลยถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปทั้งวันก็ตาม

 

"หวด!"

 

ด้วยการใช้แก่นแท้พลังสีดำ ทำให้วิสัยทัศน์ของเจียงอี้ได้รับการพัฒนาให้มีระดับที่น่ากลัว การซ้อมประลองของเจียงเฮิ่นซุ่ยและวิถีการเคลื่อนไหวทั้งหมดนั้นชัดเจนขึ้นในสายตาของเขา

 

เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เป็นก้าวที่เจียงเฮิ่นซุ่ยจะหลบไปตรงนั้นและส่งฝ่ามือไปที่หน้าอกของเจียงเฮิ่นซุ่ยโดยไม่ใช้กระบวนท่าใดๆ

 

"ฮะ?"

 

เจียงเฮิ่นซุ่ยหรี่ตาของเขาและแสดงออกอย่างแปลกใจ เจียงอี้ที่ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้ดูเป็นภัยก็เปลี่ยนเป็นอีกคนทันที เจียงอี้ก้าวไปในทิศทางที่เขาจะหลบไป นอกจากนี้การโจมตีนั้นมาจากมุมแปลกๆที่ทำให้เจียงเฮิ่นซุ่ยรู้สึกว่าไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงได้

 

"เหอะ!"

 

ขั้นที่เก้าของขอบเขตฉูติ่งไม่ได้มีไว้เพื่อแสดงเท่านั้น เจียงเฮิ่นซุ่ยเอี้ยวร่างกายของเขาอย่างแรงเพื่อเอนไปข้างหลังและหลบจากการโจมตีของเจียงอี้

 

"ฮึ่ม!"

 

เจียงอี้ส่งเสียงเย้ยหยัน เจียงเฮิ่นซุ่ยผู้นี้ทำแค่เพียงหลบและไม่ได้จู่โจมอะไรกลับมา นี่เขาไม่ได้ประเมินตัวเองสูงไปใช่หรือไม่?

 

เมื่อมีคนอาสาที่จะถูกทรมาน เขาจึงไม่ควรถอยกลับ เมื่อเจียงเฮิ่นซุ่ยหลบฝ่ามือของเขา ขาของเขาก็เตะออกไปด้วยความเร็วสูงราวกับสายฟ้า และเป้าหมายคือเป้าของเจียงเฮิ่นซุ่ย

 

"เจ้า…"

 

การแสดงออกของเจียงเฮิ่นซุ่ยเปลี่ยนไปอีกครั้ง หมาป่าเดียวดายเป็นคนโหดร้ายเช่นนี้จริงๆหรือ? การเตะครั้งนี้อาจยุติการสืบสายเลือดในอนาคตของเขาได้เลย! ร่างกายของเจียงเฮิ่นซุ่ยยังคงเอนตัวไปข้างหลังและดูเหมือนจะไม่สามารถหลบไปด้านข้างได้ เขาใช้ปลายเท้าของเขาและหันกลางอากาศและกลิ้งไปด้านข้าง

 

"หวด!"

 

เจียงอี้วิ่งไปราวกับงูพิษและเตะอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วสูง เจียงเฮิ่นซุ่ยทำได้เพียงกลิ้งไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีโอกาสคืนสติ

 

ความเร็วในการตอบสนองของหมาป่าเดียวดายผู้นี้บ้าเกินไปแล้ว! ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขากลายเป็นคู่ซ้อมระดับป้ายทอง!

 

ในใจของเจียงเฮิ่นซุ่ยเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ตอนแรกเขาประกาศไว้ว่าเขาจะไม่โจมตี ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่เขาโต้กลับไม่ได้ ด้วยความเร็วในการจู่โจมที่บ้าคลั่งของเจียงอี้ เขาจะถูกกดขี่อย่างไม่สุภาพต่อไปหากเขายังไม่ตอบโต้ เขาไม่เคยถูกทารุณเช่นนี้ในชีวิตของเขาเลย

 

"ฟึ่บ!"

 

ตอนนี้ เจียงอี้พอใจกับสถานการณ์ปัจจุบันมาก เขาเตะลูกเตะด้วยความเร็วเท่าเดิมออกไปอย่างต่อเนื่อง เขาจะไม่อนุญาตให้เจียงเฮิ่นซุ่ยมีโอกาสได้หายใจเลย เจียงอี้ไม่ได้ใช้กระบวนท่าใดๆ

 

แต่เขาใช้ความเร็วในการจู่โจมที่บ้าคลั่งแทนเพื่อทำนายทิศทางหลบหลีกของ เจียงเฮิ่นซุ่ยล่วงหน้า เขากดขี่ข่มเหงเจียงเฮิ่นซุ่ยอย่างง่ายดายในขณะที่เขาส่งเสียงอย่างไม่หยุดหย่อน

 

หลังจากการโจมตีที่วุ่นวาย เจียงเฮิ่นซุ่ยก็ไม่สามารถแม้แต่จะนับได้ว่ามีการโจมตีกี่ครั้งที่เจียงอี้ลงมาที่เขา อย่างไรก็ตามเจียงอี้สามารถควบคุมพลังของเขาได้ดีและไม่ทำร้ายเขาเลย

 

แต่มาดนายน้อยของเขาดูทรุดโทรมเพราะผมที่ยุ่งเหยิงและเสื้อคลุมของเขา เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เขาเห็นขาที่บึกบึนของเจียงอี้กำลังเหยียบย่ำหน้าตาของเขา

 

เขารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป และเขาก็เกรงว่าเขาจะไม่สามารถหลบได้อีกต่อไป เจียงเฮิ่นซุ่ยจึงตะโกนขึ้นว่า "หยุดก่อน!"

 

ขาของเจียงอี้หยุดกลางอากาศทันที ขณะที่เจียงเฮิ่นซุ่ยลุกขึ้น เขายิ้มด้วยหน้าตาที่เหยเกและป้องแขนออกมา "ท่านหมาป่าเดียวดายช่างมีความเร็วในการตอบสนองที่บ้าคลั่ง เฮิ่นซุ่ยยังขาดความแข็งแกร่งอยู่มาก เราสิ้นสุดการซ้อมวันนี้ก่อน! ข้าจะกลับมาให้ท่านชี้แนะอีกครั้ง... "

 

เจียงเฮิ่นซุ่ยจัดแต่งทรงผมและเสื้อคลุมของเขา เขาคืนรูปลักษณ์ที่สงบและเดินออกไป เจียงอี้ยืนอยู่ในห้องซ้อมประลองโดยไม่พูดอะไรสักคำเดียว เขาคร่ำครวญกับความคิดที่ว่าเจียงเฮิ่นซุ่ยอาจจะกำลังวางแผนเช่นเดียวกับพ่อของเขา

 

เห็นได้ชัดว่าเจียงเฮิ่นซุ่ยเกลียดเขา แต่ทำตัวสุภาพและเรียบร้อย คนหน้าซื่อใจคดแบบนี้ ผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังรอยยิ้มของพวกเขาช่างน่ากลัวกว่าคนอย่างเจียงหยุนเฉอนัก

 

เขาเตรียมพร้อมที่จะออกไปข้างนอก แต่เจียงอี้ก็เห็นนายน้อยสวมชุดดำสวมหน้ากากเดินเข้ามา เขามีรูปร่างที่แข็งแกร่งและรูปหล่อ....น่าเสียดายที่ผิวของเขาคล้ำเล็กน้อย ซึ่งจริงๆแล้วสิ่งนี้นำความเป็นลูกผู้ชายออกมา เขาเห็นรอยยิ้มมาแต่ไกล “ท่านหมาป่าเดียวดาย เป็นผู้ที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ แม้กระทั่งเฮิ่นซุ่ยก็ยังยกยอท่าน เฮยฉีเพิ่งได้กระบวนท่าใหม่มาด้วยเช่นกัน และเขาก็หวังว่าท่านหมาป่าเดียวดายจะใจกว้าง!"

 

หม่าเฮยฉี?

 

เจียงอี้จ้องด้วยสายตาเย็นชา หากเขาหมดกำลังใจต่อตระกูลเจียงแล้ว แล้วต่อด้วยตระกูลหม่าอีก มันจะเป็นความเกลียดชังที่สมบูรณ์ มันเป็นเพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นครั้งเดียว...ที่เจียงเสี่ยวนู๋ถูกตีจนเกือบตายด้วยคนของตระกูลหม่า

 

หากในอดีต เขาก็คงไม่รังเกียจที่จะเป็นคู่ซ้อมเพียงไม่กี่รอบให้กับคนตระกูลหม่าได้ แต่ตอนนี้เขากำลังมุ่งไปที่การคัดเลือกของสำนักจิตอสูร จริงๆแล้วเขาไม่สามารถทำให้ความแข็งแกร่งของหม่าเฮยฉีได้รับการปรับปรุงได้

 

ยกเว้นเจียงเฮิ่นซุ่ยและจีทิงยวี่ ส่วนที่เหลือในสิบอันดับอัจฉริยะ รวมถึงหม่าเฮยฉี ทุกคนล้วนเป็นคู่แข่งของเขา หัวใจของเขาขัดแย้งกันอย่างมาก

 

"ข้าขออภัย!"

 

หลังจากเงียบไปชั่วครู่ เจียงอี้ก็พูดอย่างไม่แยแสว่า "ในระหว่างการประลองก่อนหน้านี้ บาดแผลของนายน้อยผู้นี้ก็กลับมาเปิดใหม่อีกครั้ง ข้าเกรงว่าข้าจะไม่ไม่สามารถเป็นคู่ซ้อมให้ท่านได้!"

 

"ฮะ?"

 

รอยยิ้มของหม่าเฮยฉีก็แข็งขึ้น เขามองเจียงอี้ด้วยสายตาที่สงสัยและถามว่า "มันเป็นไปไม่ได้จริงๆหรือ?"

 

เจียงอี้พยักหน้า "จริงที่สุดขอรับ."

 

"เช่นนั้นก็ได้!" หม่าเฮยฉีหันกลับไปทันทีและเดินออกไป เขาหันหลังกลับมาและพูดว่า "ข้าจะกลับมาอีกในวันพรุ่งนี้ พี่หมาป่าเดียวดายโปรดพักผ่อนให้เต็มที่!"

 

ไม่นานหลังจากที่หม่าเฮยฉีเดินออกไป ผู้ดูแลหยางก็เข้ามา เขาปิดประตูและวิพากษ์วิจารณ์ว่า "หมาป่าเดียวดาย มีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าหรือไม่ บาดแผลของเจ้ายังไม่หายเป็นปกติหรือ? นายน้อยเฮยฉีเป็นนายน้อยของตระกูลหม่า การขัดใจเขานั่นหมายถึงการขัดใจคนทั้งตระกูลหม่าเลยนะ....."

 

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เจียงอี้ก็เงยหน้าขึ้นแล้วตอบว่า "ผู้ดูแลหยาง ข้าไม่มีทางเลือก หากข้าทำให้เขาขุ่นเคือง งั้นก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นเช่นนั้นไป แล้วข้าก็จะไม่เป็นคู่ซ้อมให้กับพวกเขา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้าจะไม่เป็นคู่ซ้อมให้กับสิบอันดับอัจฉริยะคนใดเลย! "

 

สายตาของผู้ดูแลหยางมีอาการหนาวสั่น เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งครัด "ทำไม?เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? จงอย่าลืมสถานะของเจ้า!"

 

"ฮึฮึ ข้าบอกท่านตรงๆนะ ข้ากำลังคิดที่จะเลิกเป็นคู่ซ้อม และข้าต้องการเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์ของสำนักจิตอสูร ข้าต้องการเป็นผู้ถูกคัดเลือกของสำนักจิตอสูร!"

 

เจียงอี้พูดทุกอย่างที่เขาคิดในใจ เมื่อเห็นว่าผู้ดูแลหยางโกรธมากและกำลังจะอ้าปาก เจียงอี้จึงยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “ผู้ดูแลหยาง...อย่าเพิ่งรีบบ่นและฟังสิ่งที่ข้าจะพูดก่อน ข้าไม่ใช่เด็กเหลือขอที่เนรคุณใคร และข้าจะจำไว้เสมอว่าครั้งหนึ่งโถงวรยุทธเคยเลี้ยงดูข้า นี่คือเหตุผลที่ข้าต้องการเดิมพันกับโถงวรยุทธ”

 

"โถงวรยุทธจะอนุญาตให้ข้าเข้าร่วมการคัดเลือกของสำนักจิตอสูร ถ้าข้าสามารถเข้าไปได้สำเร็จ เราจะแก้ไขข้อตกลงการเป็นคู่ซ้อมที่เรามีแน่นอน หากข้า เจียงอี้ ประสบความสำเร็จในอนาคต ข้าจะตอบแทนโถงวรยุทธเป็นร้อยเท่า แต่หากข้าล้มเหลวในการคัดเลือก ข้าจะเป็นคู่ซ้อมที่ยอดเยี่ยมของโถงวรยุทธเป็นเวลาสิบปีเลย! ว่าอย่างไรล่ะ"

รีวิวผู้อ่าน