px

เรื่อง : The Strongest System จบแล้ว!!!
บทที่ 95 : ไม่มีการค้าที่เอาเปรียบใดๆ ที่ไม่เจ็บปวด!!


บทที่ 95 : ไม่มีการค้าที่เอาเปรียบใดๆ ที่ไม่เจ็บปวด!!

 

บนขุนเขาต้านติ่งแห่งนี้นั้น หากเป็นลูกศิษย์ส่วนตัวของผู้อาวุโสสูงสุดหยางเฉินแล้วล่ะก็ ทุกคนล้วนได้รับการรับรองว่ามีความสำเร็จในเชิงโอสถอยู่ไม่น้อย พวกมันแต่ละคนสามารถหลอมโอสถได้อย่างแน่นอนหากมีวัตถุดิบที่มากพอตามที่พวกมันกำหนด อีกทั้งเหล่าศิษย์พวกนั้นนับว่าเป็นบุคคลที่หยิ่งยโสอย่างมากเพราะพวกมันคิดว่าตนเองนั้นสูงส่งและมิมีผู้ใดสามารถนำตัวมาเทียบเทียมได้

ตอนนี้นั้นมีเหล่าศิษย์จำนวนมากมายมารวมตัวกันอยู่หน้าอาคารหลังหนึ่ง เหล่าศิษย์พวกนี้ส่วนมากเป็นเหล่าศิษย์สายนอกทั้งสิ้น บางคนนั้นขาดความรู้ในการหลอมโอสถ บางคนก็เป็นผู้หลอมโอสถที่ขาดความชำนาญ บางคนก็เป็นเพียงผู้ฝึกตนที่ไม่สนใจการหลอมโอสถเลยแม้แต่น้อย และอย่างสุดท้ายนับว่ามีจำนวนเยอะที่สุดในหมู่ที่ยืนรวมกันอยู่ พวกมันล้วนมาออกันเพื่อวิงวอนให้เหล่าศิษย์ของขุนเขาต้านติ่งหลอมโอสถให้พวกมัน

“ศิษย์พี่ลี่ ได้โปรดหลอมโอสถให้ข้าด้วยเถิด”

“ศิษย์พี่ลี่ได้โปรดช่วยข้าด้วย ข้าสามารถให้ท่านได้ 70%” ศิษย์คนหนึ่งร้องตะโกนออกมา

“ศิษย์พี่ลี่ออกมาช่วยเหลือข้าหน่อยเถิด ข้าเตรียมวัตถุดิบมาถึง 20 ชุด ขอเพียงท่านหลอมโอสถซูหยวนให้ข้าเพียง 1 ถาดเต็ม หรือ 12 เม็ดเท่านั้น”

...

ศิษย์พี่ลี่ที่เหล่าศิษย์กำลังร่ำร้องเรียกขานกันอยู่นั้นแท้จริงแล้วชื่อของมันคือ ลี่ชุน ตัวมันนับเป็นศิษย์เก่าแก่คนหนึ่งของขุนเขาต้านติ่งแห่งนี้ ในอดีตลี่ชุนผู้นี้เคยบรรเลงขลุ่ยผิวไผ่หลิวประสานกับอาวุโสสูงสุดหยางเฉินอย่างรื่นเริง เมื่ออาวุโสสูงสุดเห็นลี่ชุนผู้นี้ใช้การได้และชมชอบฝีมือในการบรรเลงเพลงขลุ่ยผิวไผ่หลิวของมันอยู่ไม่น้อย จึงนำมันมาเป็นศิษย์ของขุนเขาต้านติ่งแห่งนี้ อย่างไรก็ตามลี่ชุนผู้นี้นั้นหาได้มีความสามารถในด้านโอสถเท่าเชิงขลุ่ยของมันไม่ เหล่าศิษย์ที่ร่ำเรียนมาพร้อมกันกับมันนั้นต่างก็เลื่อนระดับและเข้าสู่หุบเขาชั้นในไปหมดสิ้นแล้ว นี่เพราะทุกคนมีความสำเร็จในการหลอมโอสถที่เหนือล้ำนำหน้ามันไปไกลโข ตัวมันจึงยังรั้งอยู่บริเวณเชิงเขาด้านล่างเท่านั้น ส่วนผู้อื่นนั้นได้ร่ำเรียนกับผู้อาวุโสสูงสุดหยางเฉินจนมีความสำเร็จถึงขั้นที่สามารถสามารถหลอมโอสถสำหรับผู้อาวุโสชั้นสูงและศิษย์สายในได้จนหมดสิ้น

แต่จะอย่างไรสำหรับลี่ชุนนั้น สถานะของมันนับว่าเพียงพอแล้วที่จะอยู่เชิงเขาแห่งนี้และหลอมโอสถให้เหล่าศิษย์สายนอก เพราะจะอย่างไรตัวมันนั้นก็ถือว่าโด่งดังมากที่สุดในบรรดาศิษย์สายนอก

"ถ้าหากพวกเจ้าต้องการให้ข้าหลอมโอสถให้ จำเป็นต้องให้ข้า 80%"

"แม้โอสถซูหยวนจะเป็นเพียงโอสถระดับส่องประกายขั้นต่ำ แต่ความยากในการหลอมนั้นมิต่างอันใดกับโอสถระดับส่องประกายขั้นสูงเท่าไหร่นัก หากเจ้าต้องการมันถึง 12 เม็ด แล้วล่ะก็นำวัตถุดิบมาเพียง 20 ชุดหาได้เพียงพอไม่ เจ้าต้องนำมันมาถึง 40 ชุด!"

"หากเจ้ายังต้องการให้ข้าหลอมโอสถให้ก็เดินมาลงชื่อกับผู้ช่วยของข้าซะ และเมื่อเจ้าตระเตรียมวัตถุดิบและสิ่งของจำเป็นทุกอย่างจนพร้อม เจ้าสามารถนำมันมามอบให้ข้าเพื่อหลอมโอสถได้" เสียงของลี่ชุนที่ดังออกมาจากภายในห้อง ฟังแล้วดูอ่อนโยนราวกับเสียงของนักบวชชราหรือลามะที่บำเพ็ญเพียรมานาน

บรรดาศิษย์สาวกสายนอกเหล่านี้ล้วนแล้วแต่จนปัญญาทั้งสิ้นในเรื่องของโอสถ มันเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างมากในการที่จะได้รับโอสถสักเม็ด ยิ่งหากเป็นโอสถที่พวกเขาต้องการอย่างจำเพาะเจาะจงยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ส่วนเหล่าศิษย์จากขุนเขาต้านติ่งที่มีความสามารถในการหลอมโอสถนั้นก็เอาเปรียบพวกเขามากเกินไป พวกมันไม่ต่างอันใดกับผีดิบดูดเลือดที่คอยสูบเลือดสูบเนื้อพวกเขาสักนิด ราคาที่ต้องจ่ายนั้นเรียกว่าเฉือนเนื้อเถือกระดูกพวกมันแทบทั้งสิ้น

อย่างไรก็แล้วแต่จะให้พวกเขาทำเช่นไรเล่าหากพวกเขาต้องการโอสถเพื่อฝึกฝนบ่มเพาะ?

หนทางแห่งการต่อสู้ฝึกตนนั้น พวกมันไม่สามารถร่ำเรียนไปพร้อมๆกันกับหนทางแห่งการหลอมโอสถได้ เพราะศาสตร์แห่งการหลอมโอสถนั้นต้องใช้เวลาอย่างมหาศาลอีกทั้งต้องมีความพยายามเอาใจใส่และอดทนอย่างถึงขีดสุด นอกจากจะต้องเตรียมใจให้สงบเพื่อหลอมปรุงโอสถแล้วยังต้องเตรียมใจที่จะพบกับความล้มเหลวเอาไว้ด้วย

หากฝึกฝนวิชาต่อสู้ไปด้วย แล้วยังฝึกฝนการหลอมโอสถไปด้วย เกรงว่าจะไม่มีเวลาและพลังงานที่แท้จริงมากเพียงพอ

เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะตัดผ่านไปยังระดับศักดิ์สิทธิ์แล้วนั้นล่ะ ถึงจะมีเวลาว่างและพลังงานที่แท้จริงมากพอที่จะมาสนใจศาสตร์การหลอมสร้างโอสถ

"เฮ่อ..."

เหล่าศิษย์ที่ต้องการโอสถล้วนแล้วแต่ถอนหายใจออกมา มันยากที่จะได้รับจริงๆกับราคาเอาเปรียบขูดเลือดเนื้อเช่นนี้

......

...

"เร่เข้ามา จ้า เร่เข้ามา พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย หากผู้ใดไม่อยากพลาด สองเท้าก้าวเข้ามา ให้เร็วให้ไว ข้ามีเรื่องดีๆมานำเสนอ พลาดแล้วพลาดเลยจ้า ช้าอดหมดสิทธิ์นะจ้า !! ผู้ใดไม่อยากเสียใจภายหลังรีบก้าวเข้ามาเร็วๆ เอ้าๆ อย่ามัวรีรอ 2 เท้าเร่งขยับก้าวเข้ามาจ้า มาๆ เร่เข้ามา เข้ามาอย่างยิ่งใหญ่แล้วจากไปพร้อมกับชัยชนะ มามามา" หลินฟ่านที่ออกมาจากประตูห้องปรุงยา เริ่มตะโกนออกมาหลังจากที่ตัดสินใจอะไรได้

เม็ดยาซูหยวนเหล่านี้หาได้มีผลอะไรกับหลินฟ่านมากนัก เนื่องเพราะพวกมันมีค่าเพียง 10 EXP สำหรับเขาเท่านั้น หรือหากเขาเลือกที่จะใช้ผลลัพธ์เพิ่มระดับการบ่มเพาะ มันก็ถือว่าน้อยนิดเกินไปสำหรับเขาอยู่ดี

หากเขาต้องการผลลัพธ์ที่เพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะ เขารอจนกว่าจะสามารถทำยาที่ดีกว่านี้ได้แล้วค่อยใช้จะดีกว่า

เหล่านิกายสายนอกทั้งหลายต่างหันมองมาตามเสียงเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น

"ศิษย์รับใช้ เกิดอันใดขึ้นด้านนอกงั้นรึ?" ลี่ชุนกล่าวถามออกมาจากในห้อง

"ข้าน้อยมิค่อยแน่ใจขอรับ แต่คงมิพ้นมีคนมาประกาศการค้าขายโอสถเป็นแน่"

ลีชุนพยักหน้าตอบรับ เขาไม่ค่อยสนใจสักเท่าไรเพราะนี่ก็ถือเป็นเรื่องปกติ เขาเคยเป็นผู้ที่เคยประชันขลุ่ยผิวไผ่หลิวกับผู้อาวุโสสูงสุดหยางเฉินอย่างสูสี อีกทั้งเขาเองก็เป็นดาวเด่นในด้านการหลอมโอสถสำหรับศิษย์สายนอกแห่งนี้อีกด้วย เพราะฝีมือของเขานับว่าถึงขีดสุดสำหรับผู้หลอมโอสถที่จะอยู่เขตนอกแห่งนี้แล้ว คนที่เก่งกว่าเขาล้วนก้าวเข้าไปเป็นศิษย์สายในหมดสิ้นไม่เสียเวลารั้งอยู่เช่นเขา

สุดท้ายเหล่าศิษย์พวกนี้ก็ต้องกลับมาหาเขาอยู่ดี เพราะพวกมันไม่มีตัวเลือกไหนที่ดีกว่าเขาอีกแล้ว แม้กระทั่งศิษย์สายในบางคนที่เก่งกาจในด้านการหลอมโอสถมากกว่าเขา ยามพบเจอเขาพวกมันยังต้องเคารพเขาเพราะความอาวุโสด้วยซ้ำ

"มันเป็นตัวโง่งมบ้าใบ้ที่นั่งราวกับไร้ชีวิตบนศิลาบริเวณหน้าผาของขุนเขาไร้นาม นามว่าหลินฟ่านนั่นน่ะหรือ?"

"ตัวโง่งมที่ได้รับขุนเขาไร้นามคนนั้นน่ะหรือ?"

"ฮ่าๆ พวกเจ้าเคยเห็นคนปกติผู้ใดนั่งนิ่งๆไม่กินไม่ดื่มถึง 10 วันบ้างเล่า?"

"เป็นเพราะเช่นนี้หรือไม่? มันนั่งนิ่งๆอยู่เป็นเวลา 10 วัน มันจึงกลายเป็นคนบ้าใบ้เสียสติใช่หรือไม่?"

"ฮ่า ฮ่า มีเหตุผลๆๆ"

...

หลินฟ่านมองไปรอบๆ ก่อนที่จะมองไปทุกๆคนที่กำลังเดินมาชุมนุมล้อมรอบตัวเขา แต่พวกมันหาได้สนใจสิ่งที่เขากล่าวพวกมันสนใจเพียงแต่เขาเป็นตัวประหลาดนั่งนิ่งๆเท่านั้น

เขาใช้ธุลีดินสีดำนั่นเพื่อหลอมโอสถซูหยวนนี้ เพื่อนำมาใช้เป็นเงื่อนไขในการจ้างวานผู้คน และเขาคิดว่ามันน่าจะได้ผล

"เอาล่ะพวกเจ้าทุกคนดูสิ่งนี้ เอ๊!! นี่มันคืออะไรเอ่ยย?" หลินฟ่านหยิบโอสถซูหยวนออกมาแล้วชูขึ้นโบกไปมา รอดูปฏิกิริยาตอบสนองของผู้คน

ทุกๆคนล้วนกระพริบตาและรับรู้ได้ทันที

“นี่มันโอสถซูหยวนนี่นา!!”

“นั่นโอสถซูหยวน”

“มิผิดแน่โอสถซูหยวน”

.......

...

"ยอดเยี่ยม พวกเจ้าทุกคนกล่าวได้ถูกต้อง" หลินฟ่านพยักหน้า เขาค่อนข้างพอใจและแอบตกตะลึงเล็กน้อยกับการแสดงออกของผู้คน ที่ดูท่าจะตกตะลึงมากกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้

"เอาล่ะๆ พวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่าผู้ใดเป็นคนสร้างโอสถนี้ขึ้นมา?" หลินฟ่านกล่าวถามพร้อมรอยยิ้มสนุกสนาน

แต่ละคนล้วนหันมองหน้าคนอื่นๆ  คำถามนี้ต้องการอะไรกันแน่? โอสถซูหยวนหาได้เป็นโอสถชั้นสูงอันใด แต่ผลก็น่าประทับใจไม่น้อย โอสถใดๆก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการบ่มเพาะและเพิ่มความรวดเร็วในการฝึกฝนนั้นย่อมมีคุณค่าทั้งสิ้น แม้ส่วนผสมจะมิได้มีราคาสักเท่าไร แต่มันก็มีความยากในการหลอมสร้างสูงมาก

วัตถุดิบสมุนไพรจำนวน 10 ชุดนั้นหากสามารถหลอมสร้างออกมาได้เต็มหนึ่งถาด หรือ 12 เม็ดนั้นก็นับว่ามีฝีมือสูงส่งเลิศล้ำอย่างถึงที่สุดจนแทบจะเป็นตำนานแล้ว เพราะในความเป็นจริง หากหลอมสร้างออกมาได้หนึ่งถาดขอเพียงมีโอสถจำนวนเพียง 5 เม็ดนั่นย่อมเป็นโชคอย่างถึงที่สุดสำหรับคนธรรมดาแล้ว

ตอนนี้ตัวโง่งมที่เป็นตำนานเล่าขานกันในหมู่ศิษย์สายนอก ถามว่าผู้ใดหลอมสร้างออกมา พวกเขาเองก็ย่อมรู้ได้ในอัตโนมัติว่าต้องการให้ตอบเช่นไร

"ข้ารู้ๆๆ เป็นเจ้าหลอมสร้างใช่หรือไม่" ชายคนหนึ่งที่อยู่ด้านหน้ารีบกล่าวออกมา

หลินฟ่านยิ้ม "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถูกต้องๆ มาๆๆ เจ้ากล่าวได้ดีมาก เจ้าได้รับยานี่ฟรีๆเป็นรางวัล... เอ่อ ได้รับโดยไม่ต้องจ่ายราคาอะไรเป็นรางวัล 1 เม็ด" หลินฟ่านกล่าวจบก็โยนเม็ดยาซูหยวนให้มัน 1 เม็ดอย่างร่าเริง

‘เขามอบโอสถเม็ดนี้ให้ข้าโดยมิต้องจ่ายราคาอันใดงั้นหรือ?’ ตอนนี้ชายคนนี้มีความสุขมากก่อนที่จะตะโกนออกมาอย่างยินดี "ขอบคุณท่านมากศิษย์พี่หลิน"

เหล่าศิษย์สายนอกคนอื่นๆที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ถึงกับตกตะลึงอย่างมากหลังจากได้เฝ้ามองเรื่องราวที่เกิดขึ้น หลินฟ่านที่เห็นใบหน้าแตกตื่นและประหลาดใจของพวกมัน เขาก็ย่อมรู้ดีว่าการโยนหินถามทางครั้งนี้ประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม และดูเหมือนโอสถซูหยวนนี่จะนิยมไม่น้อย ตอนนี้เขาต้องการให้พวกศิษย์เหล่านี้รับรู้ได้ว่าเขาร่ำรวยมาก และหากพวกมันรับรู้ว่าเขาร่ำรวยแล้ว ต่อไปเวลาเขากล่าวอะไรพวกมันย่อมเชื่ออย่างไม่คลางแคลงใจ

"เอาล่ะๆพวกเจ้า ดูต่อไป  เอ๊!! นี่มันอะไรน้า?" หลินฟ่านยิ้มและแบมือออกมา หลังจากที่มันล้วงลงไปในย่าม

"โอ้ สวรรค์ช่วย ... " ฝูงชนแทบจะคลั่งเมื่อพบเห็นสิ่งของที่อยู่ในมือของหลินฟ่าน

ตอนนี้พวกมันทุกคนได้แต่เบิกตากว้างจนแทบถลนและจับจ้องไปยังมือของหลินฟ่านโดยไม่คลาดสายตา เพราะบนมือของเขามีโอสถซูหยวนอยู่มากมายหลายเม็ด

อย่างน้อยๆ ก็ต้อง 15 เม็ด

"หลิน ... ศิษย์พี่หลิน ท่านกำลังจะกล่าวถึงเงื่อนไขในการได้รับโอสถอยู่ใช่หรือไม่ถึงนำมันออกมาแสดงเช่นนี้" ศิษย์คนหนึ่งที่หัวไวชิงกล่าวถามออกมา

"โอ้ถูกต้อง! ยอดเยี่ยมมาก นับว่าเจ้าฉลาดเฉลียวไม่เบา เอ้า! รับนี่ไป! นี่เป็นรางวัลความฉลาดของเจ้า" หลินฟ่านโยนโอสถออกไปให้ผู้ที่ตอบคำถามอีกเม็ดหนึ่ง

ศิษย์คนนั้นมีความสุขมากเมื่อได้รับโอสถมาโดยไม่ต้องจ่ายราคาอะไร เขาใช้สายตาสงสัยจับจ้องไปยังหลินฟ่าน ‘ผู้ใดบอกว่าชายคนนี้เป็นตัวโง่งมบ้าใบ้กัน? ไสหัวออกมาสิวะข้าจะกระทืบให้ปางตาย’

‘เขาช่างเป็นคนที่ร่ำรวยนัก’

"เอาล่ะๆ ข้าจะเข้าประเด็นเลยแล้วกัน ทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่าข้าเป็นผู้ที่ได้รับมอบขุนเขาไร้นามมาจากท่านประมุขนิกาย แต่ขุนเขาไร้นามที่ข้าได้รับมานั้นค่อนข้างจะรกไปหน่อยและเต็มไปด้วยวัชพืช...ข้าเองก็ไม่ค่อยมีเวลามากนัก หากผู้ใดยินดีที่จะช่วยข้าถอดถอนวัชพืชและทำความสะอาดขุนเขาอีกทั้งถากถางทางให้ข้า ข้าจะมอบค่าแรงให้แก่พวกเจ้าเป็นโอสถซูหยวนนี่ 10 เม็ด ต่อการทำงาน 1 วัน" หลินฟ่านกล่าวออกมา

"อันใดนะ!! ... ศิษย์พี่หลินท่านกล่าววาจาผิดไปหรือไม่ เรื่องจริงเช่นนั้นหรือ!!?" เหล่าศิษย์สายนอกต่างแตกตื่นและกรูกันเข้ามายิงคำถามใส่หลินฟ่านรัวๆ

‘สวรรค์ช่วย มารดามันเถอะข้ารวบรวมสมุนไพรอยู่ 3 เดือนกว่าจะได้ครบ 20 ชุด อีกทั้งหากนำไปจ้างวานให้หลอมโอสถ แล้วได้โอสถมาเพียง 8 เม็ดก็ถือว่าสวรรค์มีตาแล้ว’

.....

..

"แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง แต่ว่าวันนี้นั้นใกล้ดึกดื่นมืดค่ำแล้ว มันอาจจะเป็นปัญหาในการทำงานสำหรับพวกเจ้า เอาเช่นนี้แล้วกันหากผู้ใดสนใจที่จะทำงานนี้ ค่อยมารวมตัวกันใหม่ในวันพรุ่งนี้แล้วกัน" หลินฟ่านกล่าวออกมา

"ศิษย์พี่หลินเรื่องนี้หาได้มีปัญหาอันใดไม่ พวกเราสามารถเริ่มงานได้ตั้งแต่เวลานี้!!" หลายคนรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก จะให้เขารอเวลาจนถึงพรุ่งนี้ได้อย่างไร เกิดเม็ดยาหมดก่อนเล่าจะทำอย่างไร!! ต่อให้วันนี้ต้องทำงานยันสว่างพวกมันก็ยินดี ผู้ใดจะยอมพลาดกัน?

เม็ดยาซูหยวนถึง 10 เม็ดนี่หาใช่เรื่องราวขำขันหรือง่ายดายไม่ หากต้องเตรียมวัตถุดิบด้วยตัวเองแล้วล่ะก็นับว่าต้องใช้เวลานานโข

หลินฟ่านที่เห็นทุกคนต่างแตกตื่นและมีความกระหายที่จะทำงานเขาก็รู้สึกยินดีอย่างยิ่ง งานง่ายๆเงินดีๆ ใครๆก็อยากทำ

"เอาล่ะๆ อ่อใช่! ยังอีกมีเรื่องหนึ่งที่ต้องแจ้งพวกเจ้าเอาไว้ก่อน ที่พวกเจ้าเรียกข้าว่าศิษย์พี่หลินนั้นไม่ค่อยจะถูกต้องสักเท่าไรนัก เพราะจะอย่างไรข้าก็ถือได้ว่าเป็นปรมาจารย์คนหนึ่ง และยังเป็นเจ้าของขุนเขาไร้นามอีกด้วย อีกทั้งข้ายังเป็นประมุขของนิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์ที่จะก่อตั้งบนขุนเขานั่น ตามฐานะและลำดับชั้นแล้ว อาจกล่าวได้ว่าข้าเป็นศิษย์น้องของประมุขนิกายเม้งก่า พวกเจ้าต้องเรียกข้าว่าประมุขน้อยหลินถึงจะถูก” หลินฟ่านกล่าวออกมาอย่างจริงจัง

สำหรับศิษย์สายนอกนั้นคำเรียกหานี่นับเป็นอะไรได้ เรื่องคำเรียกนั้นมันช่างเล็กน้อยจนพวกมันแทบจะไม่เสียเวลาคิดตอบคำ แม้แต่จะให้มันเรียกหลินฟ่านว่าบิดายามนี้พวกมันยังเต็มใจเรียกโดยไม่ข้องใจแม้แต่เพียงนิด

"ท่านประมุขน้อยหลิน ... " ทุกคนต่างตะโกนออกมาสุดเสียงโดยพร้อมเพรียงกัน

“ดีๆ เอาล่ะๆ ไปทำงานกันเถิด... อ่อจริงสิ! ข้าลืมบอกไปอีกอย่าง! หากผู้ใดที่ทำงานอย่างขยันขันแข็งและทำผลงานได้ดีที่สุด ข้ามีรางวัลพิเศษที่จะมอบให้ด้วย!!”

 

 

 

รีวิวผู้อ่าน