px

เรื่อง : อัพระบบพิชิตโลกวันพีช one piece talent system
ตอนที่ 23 พลเรือตรีแบสทิล


เมื่อรู้ว่าแผนการของเขาล้มเหลวไม่เป็นท่า เบจจ์ หยิบปืนขึ้นพร้อมกับหันหลังเพื่อที่จะหลบหนีโดยไม่ลังเล

 

“นายคิดที่จะไปตอนนี้ ไม่คิดว่ามันสายเกินไปเหรอ?”

 

แน่นอน รอส ไม่สามารถปล่อยให้ เบจจ์ หลบหนีไปได้อย่างง่ายดาย เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย พร้อมกับเหยียบเท้าลงบนพื้นจากนั้นก็พุ่งตรงไปที่ เบจจ์

 

เบจจ์ ตัวละครผู้ชั่วร้ายจากเนื้อเรื่องต้นฉบับนั้น ไม่ใช่ปลาเค็ม หรือกุ้งเน่า เมื่อเห็นว่า รอส ใช้ โซล ไล่ตามมาเขาก็ตอบสนองในทันที

 

ปัง! ปัง!

 

ในขณะที่ถูก รอส ไล่ล่า เบจจ์ ก็หันหน้ากลับมาพร้อมกับลั่นไกปืนยิงกระสุนซีสโตน ออกไปอย่างรวดเร็ว

 

กระสุนซีสโตนที่ถูกยิงเข้ามา ไม่อาจเพิกเฉยได้อย่างง่ายดาย มันมีความสามารถในการยับยั้งพลังของผลปีศาจ ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบันยังไม่อาจต้านทานมันได้ในตอนนี้

 

โซล!

 

รอส โน้มตัวไปข้างหน้าพร้อมกับหลีกเลี่ยงกระสุนปืนที่ถูกยิงเข้ามาโดย เบจจ์ และในเวลานี้ วิตต์และเลกิ ชายสองคนผู้พ่ายแพ้ต่อ รอส ก็กัดไม่ยอมปล่อยพยายามเข้ามาขัดขวาง

 

หาก เบจจ์ ถูกฆ่าโดย รอส พวกเขาจะไม่สามารถอยู่รอดได้อย่างแน่นอน ตราบใดที่พวกเขาสามารถขัดขวาง รอส ได้มันก็ยังมีโอกาส

 

“ พวกนายยอมตายเพื่อมันอย่างงั้นเหรอ”

 

รอส จ้องมอง วิตต์และเลกิ ที่พุ่งเข้ามาสะกัดกั้นเขาอย่างไม่แยแส “ ถ้าอย่างงั้น ฉันก็จะจัดให้ตามที่พวกนายปราถนา”

 

วิ้ง!

 

แม้ว่าเทคนิคดาบของ รอส จะไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นนักดาบ แต่ด้วยความแข็งแกร่งทางร่างกาย และความเร็วของเขา การโจมตีของเขายังคงทรงพลังอย่างยิ่ง

 

ดาบเล่มนี้ถูกฟันลงมา แม้ว่าจะไม่มีคลื่นดาบ แต่มันถูกปกคลุมด้วยแรงลมที่หนักหน่วงราวกับว่ามันมีพลังแห่งขุนเขาที่ถล่มลง ทำให้ทั้งสองหายใจแทบจะไม่ออก

 

"สะกัดมัน!"

 

หัวใจของ วิตต์และเลกิ มันแทบกระโดดออกมาจากร่างกาย แต่ในเวลานี้พวกเขาสามารถทำได้แค่เพียงกัดฟันของพวกเขาเอาไว้แน่นๆและถือหอกซีสโตนไว้ด้วยกันเพื่อป้องกันดาบที่ฟันลงมาของ รอส

 

ตูมมมม!

 

ดาบและหอกปะทะกันจนเกิดประกายไฟกระเด็นออกมา

 

พื้นผิวของ ซีสโตน นั้นยากมากที่จะทำลาย แม้ว่าดาบของเขาจะเป็น 1 ใน 21 ดาบชั้นยอดก็ตาม และในตอนนี้ รอส ก็ยังไม่ชำนาญในเทคนิคดาบ จึงไม่สามารถทำลายมันได้

 

แต่ด้วยพลังที่รุนแรงถูกบรรจุอยู่ในดาบ มันกดทับ วิตต์และเลกิ จมลงไปในพื้นดิน

 

ตูม!

 

ดาบของ รอส ที่มีพลังของคนคนหนึ่งกด วิตต์และเลกิ ไว้อยู่ใต้ดาบจนไม่สามารถขยับเขยื่อนได้แม้แต่นิดเดียว

 

วิตต์และเลกิ พยายามต่อต้านอย่างสุดกำลัง ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำ และแขนของพวกเขาก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง

 

รอส ขี้เกียจเกินไปที่จะมาเสียเวลากับคนทั้งสอง เขากดดาบที่อยู่ในมือกระแทกลงอย่างหนักหน่วง

 

ตูม!

 

ด้วยพลังที่แข็งแกร่งมันกดทับร่างกายของ วิตต์และเลกิ จมลึกเข้าไปในพื้นดิน

 

รอส ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เขายกดาบแล้วแทงเสียบทะลุหัวใจของ วิตต์ ด้วยใบหน้าที่สงบและไม่แยแส

 

“วิตต์!”

 

เลกิ ร้องตะโกนออกมาสุดเสียง พยายามยกหอกซีสโตน โจมตีไปยัง รอส แต่เขากลับพบว่าแขนของเขามันไม่สามารถยกขึ้นได้ มันไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่เลย 

 

รอส โบกข้อมือตวัดดาบออกไปอีกครั้ง หัวของ เลกิ ก็ลอยกระเด็นขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมๆกับเลือดที่สาดกระเด็น

 

การสังหาร วิตต์และเลกิ เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับ รอส  หากพวกมันไม่มาขวางทางเขาพวกมันก็คงไม่ตาย หลังจากนั้นรอส ก็มองไปยังทิศทางที่ เบจจ์ หลบหนี

 

โซล!

 

รอส เหยียบลงบนพื้นจนพื้นดินแตกออกราวกับใยแมงมุม จากนั้นร่างของเขาก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว

 

รอส ได้พุ่งข้ามถนนสายแรกและได้พบกับ เบจจ์ ที่กลางถนนสายที่สอง

 

ปัง! ปัง!

 

เบจจ์ ได้ยินความเคลื่อนไหวอยู่ที่ด้านหลังเขา เขาจึงยกปืนขึ้นและกระหน่ำยิงมันออกไป จนมันมีเสียง แกร๊ก แกร๊ก... แต่ รอส ก็ยังสามารถหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย

 

“มาจนถึงตอนนี้ กระสุนปืนของนายมันคงไม่มีเหลือ”

 

ร่างกายของ รอส กระพริบ มาถึงด้านหลังของ เบจจ์ และดาบที่อยู่ในมือของเขาก็โบกสบัดอย่างไร้ความปราณี

 

ในขณะที่ชีวิตของ เบจจ์ กำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย ชายผู้สวมเสื้อคลุมที่ด้านหลังมีคำว่า “ความยุติธรรม” ก็โผล่เข้ามาขัดขวางการโจมตีของ รอส

 

ตูม!

 

ดาบของ รอส ซึ่งอยู่ห่างจากหัวของเบจจ์ เพียงครึ่งฟุต มันถูกหยุดโดย ดาบใหญ่!

 

ดาบชาร์คคัตเตอร์ เล่มใหญ่นี้อยู่ใกล้กับหัวของ เบจจ์ ครอบครองพื้นที่ทั้งหมดระหว่าง ดาบของรอส และหัวของ เบจจ์

 

บรรยากาศถูกแช่แข็ง

 

รอส หรี่ตาลงเล็กน้อย มองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และมองดูผู้มาเยือนคนใหม่ที่อยู่ตรงหน้าเขา ซึ่งทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยมาก

 

“ ในที่สุดฉันก็หานายพบ มืออสูรรอส”

 

ทหารเรือรูปร่างสูงใหญ่ ที่สวมหน้ากากเหล็กวัวกระทิงแปลกๆ ยืนถือดาบใหญ่สะกัดกั้นดาบของ รอส พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น:

 

“ฉันเป็นผู้บัญชาการประจำสาขาย่อยเวสต์บลู T4 นายสามารถเรียกฉันว่า บาสทิล หรือจะเรียกฉันว่า พลเรือตรีบาสทิล

 

บาสทิล!

 

รอส คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าหมอนี่คือพลเรือโทบาสทิล ผู้มีฉายาดาบตัดฉลามบาสทิล ที่ติดตาม พลเรือเอกฟุจิโทระ ไปยัง เดรสโรซ่า แต่ตอนนี้มันเป็นเพียง ผู้บัญชาการทหารเรือยศพลเรือตรีของกองทัพเรือประจำสาขาย่อยในเวสต์บลู

 

มีพลเรือตรีไม่มากนักในทะเลเวสต์บลู ส่วนใหญ่ที่เป็นผู้บัญชาการประจำสาขาจะมียศเพียง นาวาเอก เท่านั้น ในตอนนี้กองทัพเรือถึงกลับส่งพลเรือตรีออกมาตามล่า รอส ทั้งๆที่ ภายใน เวสต์บลู มีพลเรือตรีประจำอยู่ที่นี่แค่เพียงไม่กี่คน!

 

เบจจ์ ยังคงคาบซิการ์คาอยู่ในปาก 

 

ใช่.

 

แผนการของเขาในการจัดการกับ มืออสูรรอส ล้มเหลวไม่เป็นท่า ทั้งๆที่เขาใช้เวลาวางแผนการมาตั้งหลายวัน แม้ในกรณีที่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิด เขาพร้อมที่จะหาทางหนีทีไล่

 

การล่าถอยครั้งนี้ก็เป็นแผนการของเขา เมื่อเขาเห็นสถานการณ์ ไม่ถูกต้องเขาจึงส่งข้อมูลของ รอส ไปยังกองทัพเรือ เมื่อสองชั่วโมงก่อน จนในที่สุดพวกทหารเรือก็ได้มาถึงและช่วยเหลือเขาได้ทันเวลาพอดี

 

เขาหันหน้ามองไปที่ รอส เปิดปากกว้างแสยะยิ้ม ราวกับผู้ชนะต้องการเยาะเย้ยผู้แพ้ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า:“ จะทำการสิ่งใดมันต้องมีการวางแผน จะต้องพิจารณาความเสี่ยงของความล้มเหลวและหาทางหนีทีไล่เอาไว้ให้ดี”

 

หึ!

 

รอส ดึงดาบของเขากลับมา พร้อมกับมองไปที่ดาบชาร์คคัตเตอร์ ซึ่งมีประกายแวววาว หลังจากที่มันปะทะเข้ากับดาบของเขา มันกลับไม่มีความเสียหายใดๆ เลยบนตัวดาบ

 

“ทหารเรือของเวสต์บลู ได้ลดศักดิ์ศรีถึงขนาดที่ต้องรับฟังคำสั่งของ พวกคาโปเน่ แล้วอย่างงั้นหรือ?” รอส มองอย่างสงบไปที่ บาสทิล

 

บาสทิล ยกดาบชาร์คคัตเตอร์ขนาดใหญ่วางฟาดไว้บนไหล่ของเขาแล้วกล่าวว่า:“เราเพียงได้รับรายงานและมาช่วยเหลือสาธารณชน นั่นคือทั้งหมด…ดังนั้น นายควรยอมแพ้อย่างเชื่อฟัง หากคิดที่จะขัดขืน ฉันจะพานายไปสู่ความตาย เพราะฉะนั้นเลือกเอาจะอยู่หรือจะตาย”

 

เขาไม่ชอบ แก๊งคาโปเน่ หรือพวกแก๊งอื่นๆ เขารังเกียจมากกว่าที่จะช่วยเหลือพวกมัน แต่กองบัญชาการกองทัพเรือ สั่งให้พวกเขาออกตามล่า มืออสูรรอส อย่างเต็มที่พวกเขาติดตามมานานกว่า 2-3 เดือน แต่ก็หาไม่พบ จนมาได้รับข้อมูลจาก เบจจ์

 

 

ความเงียบเข้าปกคลุมบริเวณโดยรอบ

 

รอส จ้องมองอย่างสงบ ไปที่เครื่องหมายยศบนไหล่ของ แบส ทิล และจ้องมองไปที่ เบจจ์ ที่ยืนสูบซิการ์อย่างสบายใจห่างออกไป 2-3 เมตร 

 

ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมา

 

"นายหัวเราะอะไร?"

 

บาสทิล หน้านิ่วคิ้วขมวดเอ่ยถามขึ้น

 

รอส เงยหน้าขึ้นช้าๆ เผยให้เห็นสีหน้าที่ไม่เคยเห็นมาก่อน การแสดงออกนี้ยากที่จะเรียกว่ารอยยิ้ม แต่จริงๆแล้วมันเป็นรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นช่างโหดเหี้ยมอำมหิตเลือดเย็น เขาเอ่ยขึ้นอย่างพึงพอใจ

 

“ พลเรือตรีของกองทัพเรือ”

 

“ มันเป็นตำแหน่งทางทหารเรือที่ดีมากจริงๆ”

รีวิวผู้อ่าน