ตอนที่ 33 หมัด 8 กระแทก
บริเวณท่าเรือ
ภายใต้สายตาที่จ้องมองด้วยความโลภของผู้คนจำนวนมากต้นไม้แห่งสมบัติอดัมขนาดใหญ่ถูกมัดอย่างแน่นหนา รอส ก็เอื้อมมือไปและผลักมันลงไปในน้ำ
ต้นไม้แห่งสมบัติอดัมมีราคาตั้ง 200 ล้านเบรี ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องอิจฉาเป็นธรรมดา แต่ภาพของ รอส เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมายังคงหลอกหลอนพวกเขา แม้ว่าพวกโจรสลัดส่วนใหญ่จะยังคงหวาดกลัวแต่ก็มีบางกลุ่มที่กำลังรอคอยโอกาสอยู่
“ถ้าเขานำต้นไม้แห่งสมบัติอดัมไปสร้างเรือมันจะเป็นเรือโจรสลัดที่ทรงพลังมาก ฉันเกรงว่ากองทัพเรือจะไม่สามารถจัดการเขาได้อีกแล้ว”
“ โอ้ ฉันไม่คิดว่าพวกกองทัพเรือจะปล่อยให้เขาสร้างเรือได้ง่ายๆ อาจบางทีพวกนั้นอาจจะจัดกองกำลังล้อมรอบคอยท่าอยู่แล้วก็ได้”
หลายคนกำลังเฝ้าดูเรือของ รอส ที่กำลังจะจากไป
รอส ไม่ได้ใส่ใจกับดวงตามากมายที่จ้องมองมา หลังจากผลักต้นไม้ลงไปในน้ำแล้ว ช่างซ่อมบำรุงของเรือก็มัดต้นไม้ผูกกับเรือ จากนั้นก็ดึงสมอขึ้นแล้วออกจากท่าเรืออย่างช้า ๆ
“ ไปที่เมืองของช่างต่อเรือ”
มีเกาะทางตะวันออกของ แคว้นคาโนะ ซึ่งเป็นเมืองของช่างต่อเรือ ที่มีชื่อเสียงซึ่งเป็น 1 ในสถานที่ต่อเรือที่มีชื่อเสียงที่สุดใน เวสต์บลู
กระดูกงูที่สำคัญที่สุดของเรือลำใหม่นั้นมีวัสดุในการสร้างแล้ว ส่วนวัสดุที่เหลือหาซื้อเอาในเมืองของช่างต่อเรือ ในตอนนี้เขามีเงินเหลือมากกว่า 90 ล้านเบรีซึ่งมันน่าจะเพียงพอ
บนดาดฟ้า
รอส มองไปที่ทิวทัศน์อันไกลโพ้นและกล่าวว่า:“ เมื่อเราสร้างเรือลำใหม่เสร็จสิ้นก้าวต่อไปเราจะไปเหยียบที่ แกรนด์ไลน์ กัน”
“ แกรนด์ไลน์…”
โรบิน ยืนอยู่ข้างๆเผยแววตาที่สะท้อนถึงคลื่นทะเล สิ่งเดียวที่เธอต้องการ สำหรับเธอก็คือการหาแผ่นศิลาโพเนกริฟ ที่กระจัดกระจายไปทั่วโลก ซึ่งมันสามารถบอกเล่าเรื่องราวของประวัติศาสตร์ที่สาบสูญไปหลาย 100 ปี
และแผ่นศิลาโพเนกริฟ จากข้อมูลที่เธอรวบรวมมานานหลายปีนั้นส่วนใหญ่มันอยู่ใน แกรนด์ไลน์
แกรนด์ไลน์ หรือที่รู้จักกันในชื่อหลุมฝังศพโจรสลัดเป็นสถานที่อันตรายโดยธรรมชาติ ในบางครั้งจะมีโจรสลัดที่แข็งแกร่งออกอาละวาดไปทั่วทั้งแกรนด์ไลน์ แต่ไม่ว่าจะยังไงเป้าหมายของเธอมันจะไม่เปลี่ยนแปลง เธอต้องทำมันให้ได้
เธอจ้องมองที่ด้านหลังของ รอส อย่างเงียบ ๆ
เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงมีความรู้สึกที่ลึกลับจนมันยากที่อธิบาย หากเธอยังคงติดตาม รอส ต่อไป เธอมีความรู้สึกว่าเธอจะต้องบรรลุเป้าหมายที่เธอตั้งเป้าเอาไว้อย่างแน่นอน
ขณะที่เรือแล่นออกจากแคว้นคาโนะ เรือก็ค่อยๆเลือนหายไปจากทัศนวิสัยในการมองเห็นของผู้คนที่อยู่บริเวณท่าเรือ
ทางด้านของ รอส ก็มองเห็นแคว้นคาโนะค่อยๆเปลี่ยนเป็นจุดดำเล็กๆ เช่นกัน แต่ทันใดนั้น ทิศทางของแคว้นคาโนะกลับมีเงาของเรือลำหนึ่งกำลังไล่ตามมา
โรบิน ค้นพบเรือที่แล่นไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว
“ กัปตันรอส ดูเหมือนว่าเราจะตกเป็นเป้าหมายของคนอื่น”
“โอ้? กองทัพเรือ?”
“ดูเหมือนว่าจะเป็นกองทัพทะเลฮัปโปของแคว้นคาโนะ
โรบิน และ รอส มาที่ท้ายเรือแล้วมองไปที่เรือที่กำลังแล่นตามมาด้วยความเร็ว ดวงตาของ โรบิน สั่นไหว
ขณะที่เรือแล่นเข้าใกล้รูปร่างของมันก็ชัดเจนขึ้นและชัดเจนขึ้น แม้ว่ามันจะลำใหญ่ แต่มันก็ไม่ใช่เรือรบประจัญบานของกองทัพเรือ
"หึ"
รอส มองธงโจรสลัดที่โบกสะบัดอยู่บนเรือ ใบหน้าของเขายังคงเฉยชา สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ผิดจากที่เขาคาดการณ์เอาไว้ เขาเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น“ หลังจากที่พวกเราออกจากแคว้นคาโนะ มันง่ายสำหรับโจรสลัดที่จะทำการปล้นชิงต้นไม้แห่งสมบัติอดัมที่มีมูลค่ามากถึง 200 ล้านเบรี”
เรือของ รอส เป็นเรือขนาดเล็ก แล้วยังลากจูงต้นไม้แห่งสมบัติอดัมที่มีขนาดใหญ่ มันจึงส่งผลกระทบต่อความเร็วอย่างมาก ดังนั้นเรือโจรสลัดของแคว้นคาโนะจึงไล่ตามมาทัน
บนเรือโจรสลัดของแคว้นคาโนะ มีโจรสลัดจำนวนมากที่ถืออาวุธครบมือ
แม้ว่าโจรสลัดอื่นๆอาจจะกลัวการล่าสังหารของ รอส และไม่กล้าที่จะสร้างปัญหา แต่พวกเขาต่างกันเพราะกัปตันของพวกเขาอยู่ใน แกรนไลน์!
ในสายตาของพวกเขาโจรสลัดในเวสต์บลูเป็นเหมือนคนทั่วๆไปที่พวกเขาไม่เห็นอยู่ในสายตา
“ แน่นอน มันไม่สามารถแล่นได้เร็วไปมากกว่านี้ เพราะต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นนั้น”
นายทหารฝ่ายเสนาธิการรองผู้อาวุโสของกองทัพทะเลฮัปโปที่สังกัดอยู่ในชินเจาแฟมิลี่ ยืนอยู่บนเรือโดยมีดาบยาวสามเล่มแขวนอยู่ด้านหลังเขา เขามองไปที่เรือโจรสลัดมืออสูรรอสที่อยู่ไกลออกไปด้วยรอยยิ้ม
ชื่อของเขาคือ โอลไซ และผู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างเขาคือ อาบู ซึ่งกำลังมองไปที่เรือของ รอส เช่นกัน
ผู้นำ ชินเจียว ไม่ได้อยู่ที่นี่ เรือลำนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
วันนี้เป็นยุคที่ยิ่งใหญ่ของโจรสลัดปีที่ 11 ซึ่งเป็นช่วงที่ โอลไซ เป็นผู้ควบคุมเรือ 1 ในขุมทรัพย์ทั้ง 8 ของกองทัพทะเลฮัปโป และมี อาบู เป็นผู้ช่วยของเขา
"รายงาน! เรือศัตรูอยู่ในระยะการยิง "
เมื่อเรือสองลำเข้าใกล้กันมากขึ้นสมาชิกของกองทัพทะเลฮัปโป ก็ออกมารายงาน
“ อย่าพึ่งยิง”
โอลไซ ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า“ มันจะทำลายท่อนไม้ มันเป็นสิ่งที่มีค่ากว่า 200 ล้านเบรี”
อาบู ก็เอ่ยขึ้นเช่นกัน:“ ต้นไม้แห่งสมบัติอดัม คงไม่ถูกทำลายได้ง่ายๆ ...และอย่าลืมว่าถ้าเราไม่ยิงเรือมัน มันก็จะไม่หยุดแล่นไป
”
ระยะทางระหว่างเรือทั้งสองลำ กำลังใกล้เข้ามามากขึ้น
ทั้งสองฝ่ายไม่จำเป็นต้องใช้กล้องส่องทางไกล ในตอนนี้พวกเขาเกือบจะเห็นคนของฝั่งตรงข้ามแล้ว
“ผู้ที่ควบคุมอยู่บนเรือคือ โอลไซ และ อาบู ไม่พบกัปตันชินเจียว” โรบิน หัวเราะเบาๆแล้วมองไปที่ รอส
รอส พยักหน้า
กัปตันชินเจียว ที่มีค่าหัว 500 ล้านเบรี ไม่ใช่ตัวละครที่เขาสามารถรับมือได้ในตอนนี้ หาก ชินเจียว อยู่บนเรือเขาสามารถหาวิธีทำลายเรือขุมทรัพย์ทั้ง 8 แล้วหนีไป
ในเมื่อไม่มี ชินเจียว.... ดวงตาของ รอส ส่องประกายแวววาว
เขามองไกลออกไป มองไปยังเรือของกองทัพทะเลฮัปโป พร้อมกับกะระยะห่างระหว่างเรือทั้งสองลำ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สงบ
“ รักษาระยะห่างเอาไว้ เด๋วฉันกลับมา”
เมื่อเสียงของ รอส ดังก้องอยู่ในหูของ โรบิน ร่างของเขาก็ลอยขึ้นไปบนอากาศแล้วยกเท้าขึ้นก้าวเดินในอากาศ ร่างของเขาข้ามทะเลโดยตรง และร่อนลงบนเรือโจรสลัดของกองทัพทะเลฮัปโป
โจรสลัดจำนวนมากบนเรือจ้องมอง รอส ด้วยความสยองขวัญ หลังจากมองเห็น รอส ก้าวเดินจากท้องฟ้าและลงมายังดาดฟ้าเรือด้วยความราบรื่น
"นั่นอะไร."
“เก็ปโป(เดินชมจันทร์)?”
อาบู และ โอลไซ หันหน้าของพวกเขามองไปที่ รอส ดวงตาปรากฏแววสงสัยเล็กน้อย พวกเขาเคยติดตาม ชินเจียว ดังนั้น ความรู้ของพวกเขาไม่ธรรมดาจนเกินไป เก็ปโป เป็นสิ่งที่พวกเขาเคยเห็นและจดจำได้ดี
เทคนิคเก็ปโป(เดินชมจันทร์) เป็นเทคนิคที่ฝึกฝนได้ยากมากที่สุดใน โรคุชิกิ ของกองทัพเรือ แม้แต่ในกองทัพเรือเองยังมีเพียงเจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้นที่สามารถใช้เก็ปโปได้ และในตอนนี้ รอส ก็ยังใช้ เก็ปโป มันจึงทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจ
แต่.
แม้ว่ามันจะสามารถใช้ เก็ปโป แต่มันกลับเย่อหยิ่งจองหองจนไม่เห็นใครอยู่ในสายตาถึงกับกล้ามาที่นี่เพียงลำพังคนเดียว ช่างมารนหาที่ตายชัดๆ
แม้ว่า รอส จะรู้จักกันในชื่อโจรสลัดที่ดุร้ายที่สุดของ เวสต์บลู แต่ก็ จำกัด อยู่ที่ เวสต์บลู นั่นคือทั้งหมด เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ที่เคยก้าวไปยัง แกรนด์ไลน์ มาแล้ว มันก็ไม่มีอะไรเลย
“ โจรสลัดที่ดุร้ายที่สุดของเวสต์บลูความกล้านั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ แต่มันจะซักเท่าไหร่กันเชียว? ขอฉันได้ดูให้เต็ม 2 ตาถึงความแข็งแกร่งของแก หน่อยเถอะ”
อาบู เอ่ยขึ้นกับ รอส จากนั้นก็หยิบขวานจากด้านหลังของเขาแล้วบอกให้โจรสลัดทั่วไปหลายๆคนที่อยู่รอบๆตัวให้ถอยห่างออกไป
เดิมที โอลไซ ตั้งใจที่จะลงมือเอง แต่เมื่อเห็นว่า อาบู ได้ขึ้นไปด้านบนแล้ว เขาก็ไม่ได้ห้าม แต่กลับยืนเอามือกอดอกจ้องมองขึ้นไปด้านบนแทน
อย่างไรก็ตาม
ขณะที่ อาบู เดินขึ้นไปหา รอส ทันใดนั้น รอส ก็เหยียบเท้าของเขาลงบนกระดานเรือในทันที
แกร๊ก! แกร๊ก!
พลังของผลบิดเบือนแพร่กระจายออกมาจากเท้าของ รอส อย่างรวดเร็วโดยที่มีเขาเป็นศูนย์กลางของพลัง เรือทั้งลำเกิดเสียงลั่นดังเกลียวกลาวแปลกๆ
"ไอ้บัดซบ! มันคิดที่จะทำลายเรือของพวกเรา!”
อาบู ตกตะลึงพร้อมกับเผยใบหน้าที่โกรธเกรี้ยว เขาร้องคำรามลั่น รีบกระโดดขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือแล้วจับขวานที่อยู่ในมืออย่างแน่นหนากวาดสับไปที่ รอส