บทที่ 222 : เป่ยซัน
"ขอรับพระบิดา" องค์ชาย 3 และองค์ชาย 5 รีบพยักหน้ารับคำทันที
ในขณะที่พวกเขาก้มหัวไปนั้น ประกายตาของทั้งคู่พลันเรืองวูบขึ้นมาด้วยเจตนาฆ่าฟัน
แน่นอนว่าเจตนาฆ่าฟันของพวกมันทั้งคู่นี้ย่อมมีเป้าหมายเดียวกัน ต้วนหลิงเทียน!
เมื่อเงยหน้าขึ้นมา องค์ชาย 3 ก็มองไปยังองค์ราชารา พร้อมกล่าววาจา “ผู้บุตรต้องขออภัยที่รบกวนเวลาพระบิดา”
"ข้าเองก็ขออภัยพระบิดาเช่นกัน" องค์ชาย 5 เองก็กล่าวออกมาด้วย
องค์ราชาไม่แยแสทั้ง 2 คนเพียงสะบัดมือส่งๆ อันหมายความว่าพวกเจ้ากลับไปได้แล้ว ยามนี้เขาจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนกับองค์หญิงปี้เหยาสลับไปมา ...
ต้วนหลิงเทียนยังคงยืนอยู่โดยไม่แสดงสีหน้าและอารมณ์ใดๆออกมา มีเพียงความสงบนิ่งเท่านั้น ส่วนทางด้านองค์หญิงปี้เหยา กลับมีใบหน้าแดงก่ำที่เต็มไปด้วยความเขินอาย "เสด็จพ่อ ท่านจะจ้องอันใดกันเล่า?"
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ…." องค์ราชาหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง ก่อนที่จะกล่าวถาม "นี่พวกเจ้าทั้งคู่รู้จักกันแล้วหรือ?"
องค์หญิงปี้เหยาพยักหน้ารับออกมาอย่างเขินอาย
องค์ราชามองไปยังต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะกล่าวออกมา "ผู้บัญชาการต้วนเจ้าเองคงไม่ค่อยได้มาวังหลวงสักเท่าไร เช่นนั้นก็ไปเดินสำรวจรอบๆ ทำความคุ้นเคย โดยให้ปี้เหยาพาชมเถิด "
"เช่นนั้น ข้าคงต้องขอรบกวนองค์หญิงปี้เหยาแล้ว" ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบคำก่อนที่จะเดินออกไปพร้อมองค์หญิงปี้เหยา
หญิงชราที่ตามองค์หญิงปี้เหยามาแต่แรกก็เดินตามออกไปด้วยเช่นกัน
ส่วนทางด้านอัครมหาเสนาบดีกู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างองค์ราชานั้น วันนี้มันเพียงยืนนิ่งไม่กล่าววาจาใดๆ ออกมาแม้แต่ครึ่งคำ ทว่าสีหน้าของมันเปลี่ยนไปเล็กน้อย แววตาของมันคมกล้าส่องแสง
และแววตานี้ของมันเปรียบดั่งอสรพิษที่กำลังรอเวลาพุ่งฉกรัดพันเหยื่อ!
เมื่อเทียบกับท่าทีขวยเขินเล็กน้อยในกาลก่อนแล้ว...ยามนี้องค์หญิงปี้เหยามีที่เขินอายไม่น้อย เพราะนางไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มที่นางคิดมาช่วย กลับมีความสามารถเลิศล้ำถึงเพียงนี้ เขาสามารถรอดการเล่นงานจากพี่ชายได้โดยที่นางไม่ต้องช่วย
และตอนนี้นางเองก็กำลังเดินกับชายหนุ่มเลิศล้ำผู้นี้ที่นางคำนึงหา นางจึงเขินอายจนกระทั่งไม่รู้ว่าจะกล่าววาจาออกมาอย่างไร
ต้วนหลิงเทียนเองก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปนี้ได้เช่นกัน
หลังจากที่เดินเล่นกับองค์หญิงปี้เหยาอยู่ครู่หนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวาจาออกมาเป็นครั้งแรก "องค์หญิงปี้เหยา ต้องขออภัยท่านด้วย แต่ข้าเองยังมีเรืองราวที่ต้องไปสะสาง เกรงว่าวันนี้...ข้าต้องขอตัวลากลับแล้ว"
"อื้อ ท่านมีธุระก็รีบไปจัดการเถิด" องค์หญิงปี้เหยาพยักหน้าเบาๆ แล้วนางก็เฝ้ามองแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ เมื่อเขาลับตาไปแล้วนางก็ถอนหายใจออกมา
ทางด้านต้วนหลิงเทียนที่เดินออกมาจากวังหลวง สิ่งแรกที่เขาทำก็คือการส่ายหัวไปมา ยามนี้แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวรู้สึกยังไงกับองค์หญิงปี้เหยากันแน่
แต่เขาก็สามารถมั่นใจได้อย่างหนึ่ง ...ในตอนที่เขาเห็นองค์หญิงปี้เหยาเร่งรีบมา เพื่อกล่าววาจาช่วยเหลือตัวเขา ตัวเขาก็รู้สึกอบอุ่นในใจไม่น้อย
ถึงแม้ว่าการกระทำนี้ของนาง จะเรียกได้ว่าไม่จำเป็นสำหรับเขาก็ตาม แต่แค่ความตั้งใจที่คิดช่วยเหลือเขาก็นับว่าทำให้ตื้นตันแล้ว
“เฮ่อ...” ต้วนหลิงเทียนเพียงระบายลมหายใจออกมา หลังจากนั้นเขาก็เดินทางไปยังบ้านลาน หลังใหม่ ที่เป็นศูนย์บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรของเขา
“ผู้บัญชาการต้วน ดาบยาวปลายตัด อันเป็นอาวุธประจำกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรนี้...พวกมันเป็นอาวุธวิญญาณระดับ 8 หรือ?”
ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งเดินผ่านประตูเข้ามาอดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อย เพราะเมื่อมาถึง จางเฉวียน ก็โผล่เข้ามากล่าวถามเขาด้วยสายตาใคร่รู้ และที่สำคัญ สมาชิกกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรอีกทั้ง 11 คนก็จับจ้องมาด้วยสายตาประหลาดใจเช่นเดียวกัน
พวกเขาคาดไม่ถึงจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะ ใช้จ่ายมือเติบขนาดนี้!
"พวกเจ้า สังเกตเห็นกันหมดแล้วหรือ?" ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมาบางๆ
"ท่านผู้บัญชาการ ท่านมิควรเสียค่าใช้จ่ายมากมายมหาศาลถึงเพียงนี้ เพื่อว่าจ้างผู้หลอมศาสตราระดับ 8 เลยขอรับ นี่ท่านคงใช้จ่ายออกไปไม่น้อยเลยใช่หรือไม่ขอรับ?" จ้าวกังกล่าวออกมา ด้วยความเป็นห่วง
"มันก็แค่ของเล่นเล็กๆน้อยๆ ที่ข้าทำขึ้นมาด้วยตัวเอง ค่าใช้จ่ายก็เสียไปเพียงค่าวัตถุดิบเล็กๆน้อยๆ ไม่กีเหรียญเท่านั้น" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างไม่ยี่หระ
แต่ทว่าทันทีที่ทั้ง 12 คนได้ รวมทั้งผู้ที่มีระดับครึ่งก้าวธรรมชาติได้ฟัง ทั้งหมดล้วนเผยสีหน้าโง่งม เพราะตกตะลึงออกมา
ผู้บัญชาการของพวกมัน เป็นผู้หลอมศาสตราระดับ 8 ด้วย?
จากที่พวกมันรู้มา ผู้บัญชาการของพวกมันกำลังจะมีอายุ 19 ปีในอีก 2 เดือนข้างหน้าเท่านั้น
ผู้หลอมศาสตราระดับ 8 ด้วยวัยเพียง 18 ปี นี่มันเรื่องอะไรกัน!
“ทานผู้บัญชาการ หากข้ารู้สึกมิผิด อาวุธวิญญาณระดับ 8 เหล่านี้ ยังเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้ผู้ถือครองถึง 20% ใช่หรือไม่ ...นี่มันนับว่าเหนือกว่าอาวุธวิญญาณของผู้หลอมศาสตราระดับ 8 ส่วนมาก และกล่าวได้ว่ามันสมบูรณ์แบบที่สุดมิใช่หรือ " ชายชราที่ลงมือสังหารชวีลู่เมื่อวานกล่าวออกมา
"ผู้เฒ่าหง นับว่าท่านเองก็ตาแหลมไม่เบา" ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ ออกมาพร้อมพยักหน้ารับคำ
ชายชราที่ต้วนหลิงเทียนเรียกว่า ผู้เฒ่าหง คนนี้ เป็น 1 ใน 2 ผู้ฝึกยุทธ์ระดับครึ่งก้าวธรรมชาติที่เจ้าพระยาเรืองฤทธิ์มอบให้เขา
ตอนนี้สมาชิกคนอื่นๆ ที่ได้ฟังบทสนทนาระหว่างต้วนหลิงเทียนและผู้เฒ่าหง ล้วนตกตะลึงมากยิ่งขึ้น
พวกเขาทุกคนลองชักดาบยาวปลายตัดประจำตัวออกมา ก่อนที่จะลองเร่งเร้าพลังงานต้นกำเนิดออกมา และสุดท้ายทั้งหมดก็รู้ว่า ดาบในมือสามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งได้ถึง 20% จริงๆ
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะสะท้าน
นั่นเพราะอาวุธวิญญาณระดับ 8 ส่วนมากนั้น สามารถเพิ่มพูนพลังความแข็งแกร่งได้ใกล้เคียง 20% เท่านั้นไม่เคยถึง และโดยมากสุดจะเพิ่มพูนได้อยู่ที่ 19% เท่านั้น และกล่าวได้ว่าผู้หลอมศาสตราระดับ 8 ที่สามารถหลอมอาวุธวิญญาณระดับ 8 ที่สามารถเพิ่มพูนพลังได้ 19% นี้ก็นับวายอดเยี่ยมที่สุดแล้ว!
นั่นหมายความว่าดาบยาวปลายตัด ที่พวกมันถือครองอยู่ นับว่าเป็นอาวุธวิญญาณระดับ 8 ที่เหนือสุดยอดในหมู่อาวุธวิญญาณระดับ 8 ด้วยกัน!
ไม่นาน สายตาของทุกคนที่จับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนเป็นความกริ่งเกรง และนับถืออย่างมาก
ผู้ฝึกยุทธ์ที่สามารถตัดผ่านระดับกำเนิดแก่นแท้ด้วยวัยเพียง 18 ปี ซ้ำยังเป็นผู้หลอมศาสตราระดับ 8!
นี่ไม่รู้ว่าหากพวกมันทั้งหมดรู้ว่าต้วนหลิงเทียน เป็นผู้หลอมโอสถระดับ 8 ด้วย จะเป็นอย่างไรกันหนอ?
ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองจางเฉวียนและจ้าวกัง
"จางเฉวียนกับจ้าวกัง พวกเจ้าทั้ง 2 คน ไปตระเวนตามร้านชายโอสถสมุนไพรทั้งหมดภายในเมืองหลวง และตรวจสอบว่าร้านใดมีวัตถุดิบสมุนไพรตามรายการนี้บ้าง" ต้วนหลิงเทียนนหยิบกระดาษจดรายการวัตถุดิบสมุนไพรออกมา ก่อนที่จะยื่นส่งไปให้จ้างเฉวียนและจ้าวกัง "หากเจอแล้วพวกเจ้าก็ลองสอบถามทางร้านเพิ่มเติมด้วยว่า ทางร้านยังพอจดจำผู้ที่ซื้อหารายการเหล่านี้เมื่อ 3 ปีที่แล้วได้หรือไม่...จำไว้เรื่องนี้สำคัญยิ่ง! "
วัตถุดิบสมุนไพรในรายการเหล่านี้ จะเป็นวัตถุดิบสมุนไพรหลักๆ ที่ใช้ในการปรุงยาพิษที่ใช้กับองค์ราชา และพวกมันไม่อาจเอาไปทำอย่างอื่นได้อีก
เป้าหมายแรกของต้วนหลิงเทียนตอนนี้คือ ค้นหาผู้ที่ลอบวางยาพิษองค์ราชา!
"ขอรับ" จางเฉวียนและจ้าวกังรับคำสั่ง ก่อนที่จะออกไปจัดการทันที
....
ณ ที่ห่างไกลและเงียบสงบบริเวณด้านนอกของเมืองหลวงชั้นนอก
"อัครมหาเสนาบดีกู้?" น้ำเสียงชราที่ก้องกังวานดังขึ้น ราวกับจะดังมาจากทุกทิศทาง ซ้ำน้ำเสียงนี้ยังเผยให้สัมผัสได้ถึงอารมณ์ไม่พอใจเล็กน้อย
ทันใดนั้นชายชราในชุดสีดำทมิฬพลันปรากฏร่างขึ้นมา
"ผู้เฒ่าชวี" กู้โหย่วถิงมองไปยังชายชรา ก่อนที่จะทำการคารวะออกมา
"อัครมหาเสนาบดีกู้ ท่านมีอันใดหรือไม่ จึงมารบกวนเวลาข้าเช่นนี้?"ชายชราที่สวมชุดคลุมสีดำนี้ มีเบ้าตาลึกลงไปเล็กน้อย ร่างกายของเขาแลแก่ชราเป็นอย่างมาก ราวกับจะล้มลงได้แค่เพียงต้องลม
แต่อย่างไรก็ตามกู้โหย่วถิงสัมผัสได้ว่า ความแข็งแกรงของชายคนนี้นั้นสูงส่งมาก
อย่างน้อยๆก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา!
กู้โหย่วถิงถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะกล่าวราวเสียใจอย่างมาก “ผู้เฒ่าชวี ข้าเสียใจกับความสูญเสียของตระกูลท่านด้วย”
"บัดซบ อัครมหาเสาบดีกู้ ท่านกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?" กลิ่นอายน่าพรั่นพรึงค่อยๆแผ่ซ่านออกมา ยามที่ชายชราได้ฟังวาจาของกู้โหย่วถิง
"ผู้เฒ่าชวีใจเย็นลงก่อน นี่ท่านยังไม่ทราบเรืองราวหรอกหรือ ... ชวีลั่งหลานชายของท่าน เขาถูกทำลายจุดตันเถียนด้วยน้ำมือของผู้อื่น จนพิการไปแล้ว" ประกายตาของกู้โหย่วถิงส่องสว่างขึ้นมาขณะกล่าววาจา
"อะไร?!" ประกายตาสีม่วงของชายชราอยู่ๆก็ลุกโชนขึ้นอย่างน่ากลัว เขาเริ่มแผ่จิตสังหารออกมากดดัน กู้โหย่วถิง "อัครมหาเสนาบดี วาจาที่ท่านกล่าวนั้นเป็นเรื่องจริงเช่นนั้นรึ?"
"มิผิด"กู้โหย่วถิงพยักหน้ารับ
“แล้วบุตรชายข้า ได้แก้แค้นให้หลาน ลั่งแล้วหรือไม่? " ยามนี้อารมณ์ของชายชราในชุดคลุมสีดำเริ่มปั่นป่วนขึ้นมาแล้ว
“ผู้เฒ่าชวี... บุตรชายของท่านเอง ก็ตกตายแล้ว" กู้โหยวถิงกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มขมขื่น
ชายชราในชุดสีดำได้ฟังก็สะท้านไป มันคิดร่ำไห้แต่ไร้น้ำตา ร่างกายผอมแห้งบอบบางสั่นระริก น้ำเสียงของมันเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งจากขุมนรกยะเยือกใต้โลก “อัครมหาเสนาบดีกู้ ท่านรู้หรือไหมว่าเป็นฝีมือของผู้ใด?”
“ผู้เฒ่าชวี บุตรชายของท่านนั้นได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อล่างแค้นให้แก่ชวีลั่งหลานชายของท่าน แต่สุดท้ายเขาก็ไม่อาจล้างแค้นได้สำเร็จ ทั้งยังต้องมาตกตายอย่างอนาถ ด้วยน้ำมือของอีกฝ่าย...คนที่ทำลายตันเถียนหลานชายท่าน และคนที่สังหารบุตรของท่าน ...มันเป็นคนๆเดียวกัน” กู้โหย่วถิงกล่าวออกมาอย่างช้าๆ
"ไอบัดซบนั่นมันเป็นใคร?" ชายชราที่สวมชุดคลุมสีดำ ยามนี้มันแลดูเดือดพล่านราวกับ โทสะชั่วชีวิตกำลังจะพวยพุ่งออกมา
"มันคือ ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร นามว่าต้วนหลิงเทียน!" กู้โหย่วถิงยังกล่าวต่อไปอีกว่า "ผู้เฒ่าชวี ยามนี้ท่านสมควรกลับไปหาหลานชายของท่านก่อน ...เพราะข้าหวาดกลัวแทนท่านนัก บุตรชายของท่านก็ตกตายไปแล้ว หลานชายของท่านจึงไร้ผู้คุ้มกัน เกรงว่าต้วนหลิงเทียนจะไปล่ามันถึงที่!"
"มันกล้า"? ชายชราในขุดสีดำ กล่าวออกมาเสียงดังสนั่น จิตสังหารแผ่ซ่านทะลักออกมา
ฟุ่บ!
ไม่นานร่างของชายชราชุดสีดำ ก็พุ่งจากไป และหายไปด้วยความเร็วสูง
"ต้วนหลิงเทียน ... ข้าอยากรู้นักว่าครานี้เจ้าจักเอาตัวรอดจากโทสะของชายชราที่บ้าคลั่งนี่ได้อย่างไร" มุมปากของกู้โหยวถิงพลันยกขึ้น ก่อนที่จะยิ้มแสยะออกมาทันที ดูเหมือนแผนการของมันจะสำเร็จแล้ว
ยามนี้ต้วนหลิงเทียนกำลังนำพาองครักษ์เสื้อแพรควบขี่อาชาสัญจรไปตามถนนสายหลักของเมืองหลวง อาชาของเขานำหน้า โดยที่สมาชิกองครักษ์เสื้อแพรที่เหลืออีก 10 คนจะอยู่ด้านหลัง
ส่วนชายชราที่มีระดับครึ่งก้าวธรรมชาตินั้นขยับขึ้นหน้ามาเล็กน้อยอยู่ด้านหลังของต้วนหลิงเทียนราวกับจะเฝ้าคุ้มครอง
ทุกที่ๆองครักษ์เสื้อแพรทั้ง 11 คนนี้เดินทางผ่าน ผู้คนล้วนหลีกออกสองข้างทางด้วยความยำเกรง
"นั่นมันองครักษ์เสื้อแพร!"
"เช่นนั้นบุรุษหนุ่มผู้นั้น ก็คือท่านผู้บัญชาการต้วนหลิงเทียนที่เลื่องลือหรือ?"
"สวรรค์ช่วย! ยามแรกข้าคิดว่าข่าวลือนั้นกล่าวเกินจริงไปไม่น้อย แต่ยามนี้พอเห็นด้วยสองตา ที่แท้ผู้บัญชาการต้วนกลับเยาว์วัยถึงเพียงนี้"
...
ผู้คนที่ผ่านไปมารอบๆ ล้วนหันไปกล่าวกระซิบสนทนากันอย่างตื่นเต้น
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมสามารถได้ยินบทสนทนาทั้งหมดโดยรอบได้เป็นอย่างดี แต่เขาทำเพียงยิ้มแย้มออกมาเท่านั้นไม่ได้คิดขวยเขินอะไรทำนองนั้น
บทสนทนาที่เต็มไปด้วยเรื่องราวยกย่องหรือกล่าวถึงตัวเขานั้น เขาได้รับฟังและพบเจอมาจนชินแล้ว
"ย่ะ!" ทันใดนั้นเองพลันมีรถม้าหรูหราคันหนึ่งมุ่งหน้ามาบนถนนด้วยความเร็วสูง
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว
“หลีกไป!” สารถีที่แลดูก็เห็นแต่ไกลว่าสมควรเป็นบุรุษองอาจผู้หนึ่ง มันกล่าวตะโกนดังก้องพร้อมหวดฟาดแส้ในมือใส่ม้าพ่วงพี
แววตาของสารถีนั้นเผยให้เห็นถึงความเย้ยหยันและดูแคลนไม่น้อย มันมองไปยังเหล่าผู้คนเดินเท้าที่เร่งรีบหลบหนีด้วยความหวาดกลัวอย่างสนุกสนาน
ไม่นานหลังจากนั้นมันก็เห็นกลุ่มของต้วนหลิงเทียน
"หืม?" สารถีค่อยๆหรี่ตามองกลุ่มคนตรงหน้าเล็กน้อย หลังจากนั้นก็พินิจชุด คลุมปลาบินอันเป็นเอกลักษณ์ของกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรของต้วนหลิงเทียน มันรับรู้ได้ทันทีว่ากลุ่มคนตรงหน้าหาได้ง่ายดาย "หยูดดดดด!!"
รถม้าหยุดลงหน้าต้วนหลิงเทียนด้วยระยะทางไม่ถึง 3 เมตร
“อาฝู เหตุใดเจ้าจึงหยุดรถอย่างกะทันหันเช่นนี้” ทันใดนั้นเองเสียงชายหนุ่มคนหนึ่งพลันดังขึ้นจากในรถม้า
“นายน้อย 3 ขอรับ มีกลุ่มองครักษ์ระดับสูงอยู่ด้านหน้าของพวกเราขอรับ พวกเราควรรอให้พวกเขาผ่านพ้นไปก่อน” สารถีมองไปยังชายหนุ่มในชุดคลุมปลาบินด้วยความลังเลใจ
"องครักษ์ระดับสูง องครักษ์อันใดกัน?" น้ำเสียงที่ราวกับไม่อาจอดทนรอได้ ดังขึ้นมาจากในรถ
ไม่นาน ม่านของรถม้าก็ถูกเลิกขึ้นมา และศีรษะของชายหนุ่มคนหนึ่งก็โผล่พ้นมาชมดู
ทันใดนั้นเองม่านตาของชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาพลันหดแคบลง อีกทั้งโทสะและจิตสังหารกลับแผ่ซ่านปะทุออกมาอย่างน่าหวาดกลัว เมื่อเขาได้เห็นชายหนุ่มที่ควบขี่อาชาอยู่เบื้องหน้า "เป็นเจ้านี่เอง สารเลว!"
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกตกใจกับชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาเล็กน้อย เพราะอยู่ๆมันก็จ้องหน้าเขา แล้วก็ตะโกนออกมาเสียงดัง ซ้ำยังว่าเขาอีก
‘อะไรของมัน นี่ข้าเคยรู้จักมันด้วยหรือ?’
ต้วนหลิงเทียนเอียงคอเพ่งพินิจพิจารนา เค้าโครงใบหน้าของชายหนุ่มที่แลดูเคืองแค้นเขาอยู่ครู่หนึ่ง
ในที่สุดก็ดูเหมือนเขาจะเริ่มจำชายตรงหน้าได้ลางๆ และหากเขาจำไม่ผิดชายหนุ่มผู้นี้สมควรเป็นผู้ที่เขาพบพานมานานแล้ว
ฉากบริเวณนอกเมืองชิงลี่ เมื่อราวๆ 2 ปีที่แล้วพลันฉายซ้ำในห้วงคำนึงของต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง
ยามนั้นเขากำลังควบขี่อาชาอยู่อย่างสงบไปตามเส้นทางสัญจรสายหลัก มุ่งหน้าสู่เมืองชัยชนะ และเขาก็ได้พบเจอ ชายหญิงคู่หนึ่งที่ทำราวกับชีวิตคนเป็นแค่หญ้าไร้ราคา
ชายหญิงคู่นั้นกำลังควบขี่อาชาเหงื่อโลหิตห้อตะบึงมาตามทาง
ยามนั้นตัวเขาเองก็หลบเลี่ยงออกข้างทางเพื่อให้พวกมันไปก่อนแล้ว
แต่ไม่คิดฝันว่าอยู่ๆ หญิงสาวที่นำหน้ามา จะลงมือโดยไม่บอกกล่าวหวดฟาดแส้มาทางเขาอย่างอำมหิต!
เขาจึงสั่งสอนบทเรียนให้แก่สตรีใจอำมหิตนางนั้นโดยกระชากนางให้ล่วงตกหลังม้า และบุรุษตรงที่โผล่หัวออกมานอกรถม้าตรงหน้าเขา ก็ออกหน้าแทนหญิงสาวนางนั้น ทั้งมันยังคิดฆ่าเขา เขาจึงตัดแขนมันทิ้งไปข้างหนึ่งเป็นการสั่งสอนเบาๆ
หลังจากนั้นตัวเขาก็พบอัตลักษณ์ของมัน ในร้านอาหาร นามของมันคือ เป่ยซัน และมันเป็นถึงบุตรชายคนที่ 3 ของผู้ว่าการประจำมณฑลผานางแอ่นเหิน
"ที่แท้ก็เจ้านี่เอง" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมา หลังจากที่เขาจำได้ว่า ชายตรงหน้าสมควรเป็นเป่ยซันที่เขาสะบั้นแขนสั่งสอนไปเมื่อ 2 ปีก่อน
รีวิวของคุณ
คุณจะให้ดาวนิยายเรื่องนี้หรือไม่