px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 226 : แผนของต้วนหลิงเทียน


บทที่ 226 : แผนของต้วนหลิงเทียน

 

"นายน้อย สิ่งนี้คือ..?" ถึงแม้ว่าฉงเฉวียนพอจะคาดเดาได้ แต่ตัวเขาก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมาเพื่อยืนยันความมั่นใจ

ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆก่อนที่จะกล่าวออกมา  "อย่างที่เจ้าคิดนั่นล่ะ พวกนี้เป็นโอสถกวาดจิตพิสุทธิ์ระดับ 8 เจ้าก็แบ่งกินเดือนละเม็ดจนครบ 3 เดือน เหมือนโอสถกวาดจิตพิสุทธิ์ระดับ 9 นั่นล่ะ.... แล้วในอีก 3 เดือนหลังจากนี้พิษอีกส่วนหนึ่งของปรสิตกลืนกำเนิดก็น่าจะหายไป ระดับบ่มเพาะของเจ้าก็จะกลับคืนมาอีก 1 ใน 3 ส่วน  เจ้าสมควรกลับไปมีระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ "

ลมหายใจของฉงเฉวียเริ่มปั่นป่วนขึ้นมาไม่น้อยทันทีที่เขาได้ยินเรื่องนี้  ในที่สุดระดับบ่มเพาะของเขาก็จะหวนคืนไปสู่ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติเสียที!

ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ตัวเขาอดไม่ได้ที่จะหดหู่ใจเสมอ ...

เขาเป็นผู้ที่เคยยืนอยู่ในระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 6 แต่เพราะได้รับพิษร้ายอย่างปรสิตกลืนกำเนิดมา  มันจึงสะกดข่มระดับบ่มเพาะของเขาจนทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมาน...

หากเขาสามารถหวนกลับไปยืนอยู่ในระดับแรกสัมผัสธรรมชาติได้ล่ะก็ ถึงแม้วาจะเป็นเพียงระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 1 แต่ก็ยังนับว่าเหนือล้ำยิ่งกว่าตอนนี้มากโข!

เพราะเขามีวิชาและความสามารถอีกหลายอย่าง  ที่ต้องเหยียบย่างเข้าสู่ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติเสียก่อนถึงจะใช้ออกได้!

ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ใช้เวลาอีกครึ่งชั่วยาม เพื่อกลั่นโอสถเม็ดหนึ่งที่แลดูเรียบง่ายมีสีคล้ำขึ้นมา ก่อนที่จะยื่นส่งไปให้ฉงเฉวียน "แล้วนี่ก็ยังเป็นยาระงับพิษในร่างเจ้าให้สงบเป็นเวลาอีกครึ่งปี"

ในตอนที่เขาหลอมปรุงโอสถกวาดจิตพิสุทธิ์ระดับ 9 ให้ฉงเฉวียนกินวันนั้น เขาได้ผสมยาพิษบางอย่างเอาไว้ ซึ่งยาพิษนี้มันร้ายกาจถึงขั้นที่โอสถกวาดจิตพิสุทธิ์ยังไม่อาจไถ่ถอนได้

ทำให้ฉงเฉวียนต้องกินโอสถถอนพิษของเขาเช่นนี้ทุกๆครึ่งปี มิฉะนั้นเขาต้องทรมานจนตายอย่างแน่นอน

นี่เป็นวิธีที่ต้วนหลิงเทียนใช้เพื่อควบคุมฉงเฉวียน

"ขอบคุณนายน้อย" ฉงเฉวียนจ้องมองโอสถด้วยสองตาเป็นประกาย เขารีบรับมันมาแล้วกลืนลงไปทันที

หลังจากที่ฉงเฉวียนกลับไปต้วนหลิงเทียนก็เดินไปยังลานบ้านด้านหลัง

ตอนนี้เขาเองก็รู้ว่าสาวน้อยทั้งสองได้ตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 1 ได้อย่างราบรื่นดีแล้ว

ต้วนหลิงเทียนกลับมายังห้องของเขาหลังจากที่อยู่เล่นกับสาวน้อยทั้ง 2 อยู่พักใหญ่

เมื่อดื่มสุราวานรจักรพรรดิอีก หยด ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มบ่มเพาะพลังทันที

คราวนี้ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ว่า ผลของการเพิ่มพูนพลังงาน จากสุราวานรจักรพรรดิลดลงจากเดิม กว่า 50%

หลังจากที่ดื่มมันลงไปแล้วต้วนหลิงเทียนก็เริ่มบ่มเพาะพลังงานต้นกำเนิดตามแนวทางวิชาบ่มเพาะ 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม รูปแบบนาคาพิโรธทันที  และในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็สามารถตัดผ่านระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 2 ไปได้อย่างเฉียดฉิว

‘เฮ่อ...ดูเหมือนสุราวานรจักรพรรดินี่ ทุกครั้งที่ดื่มผลมันจะลดลงครึ่งหนึ่งเสมอ...การใช้ครั้งที่ 2 ได้ผลเพียงครึ่งหนึ่งของครั้งแรก  หากข้าใช้มันครั้งที่ 3 คงได้ผลเพียงครึ่งนึงจากครั้งที่ 2 นี้เช่นกัน ...งั้นหลังจากนี้ถึงใช้ไปก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อันใดสักเท่าไรแล้ว’ ต้วนหลิงเทียนคิดขึ้นมาในใจ

แต่จะอย่างไรก็ตามยามนี้ระดับบ่มเพาะของต้วนหลิงเทียนตัดผ่านมายังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 2 ได้สำเร็จ นั่นทำให้ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนครอบครองความแข็งแกร่งถึง 41 ช้างแมมมอธโบราณ!

หากเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2 โดยทั่วไป ตัวเขาจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าพวกมัน 11 ช้างแมมมอธโบราณ!

และหากเขาเปรียบเทียบความแข็งแกร่งกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 3 เขาก็ยังนับว่ามีความแข็งแกร่งเหนือกว่าพวกมัน 1 ช้างแมมมอธโบราณ!

"ชวีอวิ๋นนั่นมันเป็นองครักษ์ผีสินะ .... "ต้วนหลิงเทียนหยิบแหวนมิติของชวีอวิ๋นขึ้นมา ก่อนทีจะหยดเลือดแสดงความเป็นเจ้าของ ก่อนที่จะลองค้นด้านในแหวนมิติ แล้วเขาก็ต้องเบิกตากว้างออกมา "บัดซบ! ไอแก่ชวีอวิ๋นนี่กลับมีเงินเพียง 1 ล้านเหรียญเงินเท่านั้น... บัดซบนัก! ชวีอวิ๋นนี่มันไม่มีสมบัติอันใดเลยหรือไร?  มันเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับครึ่งก้าวธรรมชาติ แต่กลับมีเงินเพียงเท่านี้นี่นะ!" เมื่อกล่าวจบสีหน้าของต้วนหลิงเทียนก็แสดงความสมเพชออกมา ...หากชวีอวิ๋นในนรกรับรู้มันคงกระอักเลือดตายอีกครั้งแล้ว

ณ ประตูหน้าวังขององค์ชาย 5

องค์ชาย 5 มองไปยังถงลี่พร้อมยิ้มบางๆ "ลี่ พี่ชายผู้นี้จะไปเยี่ยมเจ้าทันที หากมีเวลาว่าง"

"ท่านพี่…." ดวงตาของถงลี่ยามนี้มีแต่ความหม่นหมองไม่เหลือประกาย นางกล่าวถามออกมาพร้อมน้ำตานองหน้า "เป็นไปได้หรือไม่ ที่พวกเราไม่อาจทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้แล้ว?"

เมื่อนางรับรู้ถึงสถานะของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน ในใจของถงลี่ก็เต็มไปด้วยความไม่ยินยอมและเคียดแค้นถึงขีดสุด

"ลี่เจ้าอย่าได้กังวล เมื่อพี่ชายผู้นี้ได้นั่งบัลลังก์ราชาเมื่อไหร่ ข้าจะจับต้วนหลิงเทียนมัด และส่งมันไปให้ถึงเท้าของเจ้า แล้วข้าจะอนุญาตให้เจ้าจัดการมันได้ตามใจชอบ" องค์ชาย 5 กล่าวให้คำมั่นออกมา

ท่างทางของถงลี่ฉายแววดีใจออกมาเมื่อได้ยินวาจาของพี่ชาย นางพยักหน้าระรัวด้วยสายตาชั่วร้าย "ดียิ่งท่านพี่ ถึงยามนั้นข้าจะแล่เนื้อมันออกทีละชิ้นๆ และเฝ้ามองดูมันหลั่งโลหิต ... "

ต่อมาถงลี่และหญิงชราที่ติดตามอยู่ข้างนาง ก็ออกจากวังขององค์ชาย 5 เพื่อเดินทางกลับเมืองตะวันฉาย

องค์ชาย 5 และชายชราคิ้วขาวหันหลังเดินกลับเข้าจวนไปทันที เมื่อรถม้าของถงลี่หายลับไปจากสายตาแล้ว

"ลี่เจ้าอย่าได้กังวล ไอแก่นั่นมันมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว... " ในระหว่างทางที่เดินกลับเข้าวัง องค์ชาย 5 กล่าวพึมพำออกมา

....

ส่วนทางด้านต้วนหลิงเทียน ตั้งแต่ชวีอวิ๋นตกตายลง ก็นับว่าชีวิตของเขาดำเนินไปอย่างสงบสุขไร้เรื่องราวใดๆ

องค์ชาย 3 และ องค์ชาย 5 เองก็ราวกับหายตัวไปจากโลก

ทางด้านกู้โหย่วถิงก็ดูเหมือนจะเงียบหายไปอย่างสิ้นเชิง

ตอนนี้นอกจากที่เดินทางไปสถาบันบ่มเพาะขุนพลเป็นครั้งคราว ต้วนหลิงเทียนก็จะอยู่บ้านและใช้เวลากับสาวน้อยทั้ง 2 และแม่ของเขา

บางครั้งต้วนหลิงเทียนก็จะเดินทางไปยังศูนย์บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร เพื่อดูความคืบหน้าในการหาตัวคนร้ายที่ลอบวางยาพิษราชา

เมื่อเวลาผ่านไป เบาะแสก็ทยอยโผล่ออกมาเรื่อยๆ

ต้วนหลิงเทียนคาดว่าขอเพียงใช้เวลาอีกไม่นาน เขาต้องค้นหาความจริงได้สำเร็จ และระบุตัวคนร้ายที่แท้จริงได้

และในขณะเดียวกัน ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็มีอายุได้ครบ 19 ปีบริบูรณ์แล้ว หน้าตาของเขาเริ่มย่างเขาสู่ช่วงวัยรุ่นเป็นหนุ่มเต็มตัว ความไร้เดียงสาเยาว์วัยเริ่มจางหายไปจากใบหน้าของเขา  คิ้วรูปดาบเริ่มเข้มเด่นชัดขึ้น  ดวงตาคมกล้าส่องประกายฉลาดเฉลียว เค้าโครงใบหน้าหล่อเหลา ท่วงท่าแลดูสง่างาม

...

เพียงพริบตา 3 เดือนได้ผ่านพ้นไป

ภายในห้องพัก

ฟู่วววว!

ชายหนุ่มในชุดสีม่วงลืมตาขึ้น เหนือศีรษะของเขามีเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 51 ตัว ก่อตัวขึ้น ...

"ในที่สุดข้าก็ตัดผ่านได้ซะที! โชคดีนักที่สุราวานรจักรพรรดิ กับสุราวานร ไม่ได้มีผลขัดแย้งกัน" รอยยิ้มเริ่มเผยออกมาบนใบหน้าของต้วนหลิงเทียน

ตั้งแต่ที่เขาได้กินสุราวานรจักรพรรดิครั้งที่ 2 เข้าไปและสังเกตได้ว่าผลลัพธ์ของมันไม่ค่อยจะดีนักเขาจึงไม่คิดใช้สุราวานรจักรพรรดิให้เสียเปล่าอีก เขาจึงหันมาดื่มสุราวานรแทน

เป็นผลทำให้เขาสังเกตเห็นว่าความสามารถของสุราวานรไม่ได้มีผลลดน้อยลงแต่อย่างไรถึงเขาจะดื่มสุราวานรจักรพรรดิลงไปแล้ว

ด้วยความแข็งแกร่งของสุราวานร และโอสถเร่งพลังกำเนิด ทำให้เขาบ่มเพาะสั่งสมพลังงานต้นกำเนิดได้มากพอ จนสามารถทะลวงตัดผ่านระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 3 ได้ภายใน 3 เดือน

โอสถเร่งพลังกำเนิด คือโอสถที่ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นจากโอสถเพิ่มกำเนิดที่เขาเคยใช้ในช่วงที่ยังมีระดับบ่มเพาะอยู่ที่ระดับก่อกำเนิด  โอสถเร่งพลังกำเนิดนี้สามารถช่วยเหลือผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ในการบ่มเพาะพลังได้มีประสิทธิภาพนัก

ต้วนหลิงเทียนก็ได้หลอมกลั่นโอสถนี่ตลอดช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อีกทั้งโอสถเร่งพลังกำเนิดของเขานั้นยังมีความบริสุทธิ์สูงล้ำ มีประสิทธิภาพเหนือชั้น ห่างไกลจากโอสถเร่งพลังกำเนิดที่มีจำหน่ายอยู่ทั่วอย่างไม่อาจนำมาเปรียบเทียบกันได้

ส่วนสตรีน้อยทั้ง 2 ที่บ้านอย่าง เค่อเอ๋อ และลี่เฟย พวกนางทั้ง 2 ก็สามารถตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 2 ได้สำเร็จตามติดเขามาไม่ไกล หลังจากที่ได้ใช้สุราวานรจักรพรรดิหยดที่ 2... และกล่าวได้ว่าระดับบ่มเพาะของพวกนางยามนี้ หากเทียบกับคนในรุ่นเดียวกันแล้วล่ะก็...คงมีเพียงแต่ต้วนหลิงเทียนเท่านั้นที่สามารถเอาชนะพวกนางได้!

และแน่นอนว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ล้วนรู้กันแต่ภายในของครอบครัวต้วนหลิงเทียน  บุคคลภายนอกล้วนไม่ล่วงรู้เรื่องนี้ทั้งสิ้น!

หาไม่แล้วก็ไม่รู้ว่าผู้คนจะรู้สึกกันอย่างไร...ทั้งพวกมันยังจะตื่นตะลึงถึงเพียงไหน

ต้วนหลิงเทียนผู้ที่กำลังอารมณ์ดีหลังจากตัดผ่านระดับสำเร็จ ก็เดินทางไปยังสถาบันบ่มเพาะขุนพล เพื่อหา เซี่ยวหยู,เซี่ยวฉวินและเทียนหู และไปกินข้าวกลางวันร่วมกันกับพวกมัน

ปัจจุบันนี้สหายของต้วนหลิงเทียนก็เริ่มชินชากับการที่ต้วนหลิงเทียน ท่องทะยานข้ามหน้าข้ามตาไปไกลโขแล้ว

และตอนนี้มันก็ไม่สำคัญแล้วว่าต้วนหลิงเทียนจะข้ามระดับไปอีกหรือไม่  เพราะกล่าวได้ว่าระดับที่ต้วนหลิงเทียนอยู่ตอนนี้ สถานะของเขาเพียงด้อยกว่าหนึ่ง เหนือผู้คนทั่วหล้าเท่านั้น  คนเดียวที่มีสถานะทางสังคมและอำนาจเหนือกว่าเขาก็มีเพียงองค์ราชาผู้เดียวแล้ว

บางทีภายในเมืองหลวงตอนนี้ อาจจะมีบ้างที่มีคนไม่ทราบอัครมหาเสนาบดีคือใคร  แต่แน่นอนว่าไม่มีใครไม่ทราบว่าผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรคือใคร

ผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรอย่างต้วนหลิงเทียนนั้น กล่าวได้ว่าดำรงอยู่ในฐานะผู้แทนพระองค์ก็ว่าได้ และในสายตาขององค์ราชาตอนนี้ สถานะของเขาก็เหนือกว่าอัครมหาเสนาบดีไปแล้ว

"เฮ่ ข้าเองพักนี้ก็ไม่ค่อยได้มาทีนี่ ...แต่ตอนนี้สมควรได้เวลานักศึกษาใหม่มาลงทะเบียนแล้วใช่หรือไม่?  เช่นนี้พวกเราก็กลายเป็นรุ่นพี่ผู้อื่นแล้วสิ?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมา

"เฮ่อ ต้วนหลิงเทียนเอ๊ย เจ้านี่ความรู้สึกช้านัก!  นักศึกษาใหม่ล้วนลงทะเบียนเสร็จสิ้นไปตั้งแต่ 2 วันก่อนแล้ว! และพวกเราเองก็ได้รับการเลื่อนชั้นเป็นนักศึกษาปี 2 เสร็จสิ้นแล้ว" เทียนหูส่ายหน้าพร้อมหัวเราะออกมา ถึงแม้ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนจะมีตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์เสื้อแพร แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้เหินห่างกันแต่อย่างไร

มิตรภาพระหว่างพวกเขากับต้วนหลิงเทียนนั้นจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง กับอีแค่เรื่องที่สถานะคนใดคนหนึ่งจะเปลี่ยนไป

เซี่ยนวฉวินมองไปยังต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะกล่าวถามออกมา "ต้วนหลิงเทียนแล้วเจ้าเล่า มีแผนจะทำอะไรต่องั้นรึหลังจากนี้?"

แม้ว่ามันจะยากยอมรับ แต่ก็อย่างที่เขารู้ดี ถึงแม้ปีนี้ต้วนหลิงเทียนจะพึ่งมีอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น แต่เขากลับมีความสำเร็จถึงขีดขั้นนี้แล้ว กล่าวได้ว่าภายในอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้ เขาไม่มีทางมีอำนาจเหนือหรือว่าสูงส่งไปกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้แล้ว เว้นเสียแต่ว่าเขาลุกฮือก่อกบฏหมายชิงบัลลังก์ เพื่อยกระดับสูงขึ้นไปอีกขีดขั้น

กล่าวได้ว่ายามนี้ต้วนหลิงเทียนยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอาณาจักรนภาล่องอย่างแท้จริง

ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ "แน่นอนว่าตัวข้าย่อมมีแผนการตระเตรียมไว้แล้ว แต่จะอย่างไรทุกอย่างจะเริ่มขึ้นก็ต่อเมื่อข้าได้สะสางเรื่องราวที่ยังค้างคาอยู่อีกเล็กน้อย และหลังจากที่ข้าสะสางมันสำเร็จเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ บางทีข้าจะออกเดินทางจากอาณาจักรนภาล่องไปยังอาณาจักรพนาครามทันที..."

จากที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามฉงเฉวียนมา บางนิกายใหญ่ในอาณาจักรพนาครามนั้น มันตั้งอยู่ในสถานที่ๆมีทิวทัศน์สวยงาม ซ้ำยังเต็มไปด้วยพลังงานธรรมชาติรวมทั้งแหล่งพลังงานต้นกำเนิดที่เข้มข้น  จึงนับว่ามีส่วนช่วยเหลือและเป็นประโยชน์ต่อการฝึกฝนบ่มเพาะอย่างยิ่ง

เมื่อเทียบกับสถานที่ธรรมดาๆ แล้วความเร็วในการบ่มเพาะตามสถานที่แห่งนั้นย่อมต้องรวดเร็วกว่ากันมาก

ทั้งความเร็วในการบ่มเพาะของสถานที่บางแห่งนั้น อาจกล่าวได้ว่าสามารถเพิ่มพูนความเร็วในการบ่มเพาะได้มากมายถึง 2 เท่าจากเดิมเลยทีเดียว!

ต้วนหลิงเทียนสามารถจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสามารถไปบ่มเพาะยังสถานที่เช่นนั้น และด้วยความช่วยเหลือจากโอสถเร่งพลังกำเนิด ของเขาที่มีความบริสุทธิ์สูงล้ำ ระดับบ่มเพาะของเขาจะก้าวหน้าด้วยความเร็วสูงส่งขนาดไหน!

ดังนั้นเขาจึงวางแผนจะเข้าร่วมกับนิกายชั้นเลิศสักแห่งในอาณาจักรพนาคราม เพื่อผลประโยชน์ในการบ่มเพาะที่สูงล้ำขึ้น

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นสถาบันบ่มเพาะขุนพล หรือนิกายชั้นเลิศของอาณาจักรพนาครามที่เขาคิดเข้าร่วม ก็เป็นเพียงหินรองเท้าก้าวหนึ่งของเขาเท่านั้น

ความปรารถนาของเขาไม่ได้อยู่ในอาณาจักรนภาล่อง อีกทั้งจุดหมายของเขาก็นับว่าไม่ได้อยู่ที่อาณาจักรพนาครามเช่นกัน!

"อาณาจักรพนาคราม ... "เซี่ยวหยู ,เซี่ยวฉวินรวมถึงเทียนหู เผยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโหยหา เมื่อได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน

หลังจากที่ร่วมรับประทานอาหารกับเหล่าสหายทั้ง 3 ต้วนหลิงเทียนก็เดินทางออกจากสถาบันบ่มเพาะขุนพลไปยังศูนย์บัญชาการกองกำลังองครักษ์เสื้อแพร พร้อมกันกับฉงเฉวียน

ฉงเฉวียนที่ได้รับระดับบ่มเพาะฟื้นคืนกลับมาถึง 2 ใน 3 นับว่าเป็นความช่วยเหลือระดับมหึมาสำหรับเขา

"ท่านผู้บัญชาการต้วนขอรับ การสืบสวนของพวกเรา ได้เรื่องแล้วขอรับ!!" ต้วนหลิงเทียนพึ่งก้าวเข้าประตูมาเท่านั้น จางเฉวียนและจ้าวกังก็รีบวิงมารายงานด้วยความยินดี

"ได้เรื่องว่าไงบ้างรึ?" สายตาต้วนหลิงเทียนจดจ่อขึ้นมาทันที "ใครกันที่เป็นผู้ซื้อโอสถเหล่านี้?"

จางเฉวียนเดินไปปิดประตูบ้านก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้ต้วนหลิงเทียน พร้อมยื่นคอไปกล่าววาจาใกล้ๆหูของต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา  "ท่านผู้บัญชาการ มันเป็นคนๆหนึ่งจากวังขององค์ชาย 5 ขอรับ"

"วังขององค์ชาย 5 งั้นรึ?" ต้วนหลิงเทียนหรี่ตาจ้องเขม็ง "เจ้าแน่ใจงั้นรึ เรื่องนี้ล้อเล่นไม่ได้นะ"

มีคนบอกว่า แม้แต่พยัคฆ์ยังไม่กัดกินทำร้ายลูกน้อยของมัน นั่นย่อมหมายความว่าลูกพยัคฆ์ย่อมไม่กัดบิดาของมันด้วยไม่ใช่หรือ?

"ผู้บัญชาการ พวกเราจับตัวคนที่ซื้อโอสถเหล่านี้ได้แล้วขอรับ... และมันยังกล่าวซัดทอดออกมาอีกว่า โอสถและวัตถุดิบทั้งหมดนี้ เป็น ชายชราคิ้วขาว ที่อยู่ข้างกายขององค์ชาย 5 เป็นผู้สั่งการ" จ้าวกังกล่าวเสริมออกมา

"เช่นนั้นดูเหมือนเรื่องนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์ชาย 5 จริงๆ... ข้าต้องไปเยือนวังหลวงสักหน่อยแล้ว!" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า และรู้สึกตกใจเล็กน้อย

องค์ชาย 5 ที่ดูโหดเหี้ยมอำมหิตไร้ปราณีนั่น ...กระทั่งกับบิดามันยังไร้น้ำใจกระทำการอำมหิตไร้ปราณีได้ลงคอ...

ต้วนหลิงเทียนพาฉงเฉวียนไปด้วยกันกับเขา  รีบร้อนเข้าวังหลวงทันที

"ผู้บัญชาการต้วน ที่เจ้าเร่งรีบมาหาข้าถึงวังหลวง ใช่เพราะบุคคลที่เจ้านำมาด้วยหรือไม่นี้?" องค์ราชากล่าวเดาเหตุผลการมาของต้วหลิงเทียนออกมา

"เอ่อไม่ใช่อย่างนั้น ...องค์ราชา ข้าเองก็ไม่รู้ว่าควรจะกล่าวเรื่องนี้อย่างไร ... " ต้วนหลิงเทียนแสดงรอยยิ้มขมขื่นออกมา สีหน้าแลดูลำบากใจนัก

แน่นอนว่าเขาคงไม่สามารถบอกกล่าวต่อองค์ราชาไปได้ตรงๆว่า  "เฮ่! บุตรท่าน ต้องการให้ท่านตายน่ะ" ใช่ไหม?

"พูดมาเถอะ" องค์ราชาจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนอย่างสงบนิ่งพร้อมกล่าวคำด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

ต้วนหลิงเทียนมองไปยังราชาพร้อมกล่าวคำ "จากเบาะแสที่ข้าได้สืบสวนมา ...ทุกอย่างล้วนชี้ไปที่...องค์ชาย 5!"

 

รีวิวผู้อ่าน