px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 227 : องค์ราชามรรตัยฉู่


บทที่ 227 : องค์ราชามรรตัยฉู่

 

"ว่ากระไร! องค์ชาย 5?" ลมหายใจขององค์ราชาหอบถี่ปั่นป่วนขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน หลังจากที่หายใจหอบถี่อยู่ครู่หนึ่ง องค์ราชาก็สูดลมหายใจเข้าลึกยาวก่อนที่จะค่อยๆผ่อนมันออกมา  พร้อมประกายตาวาวโรจน์

ต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังองค์ราชาเขม็ง เขาสามารถสัมผัสได้ถึงโทสะขององค์ราชาได้อย่างชัดเจน ...

และตัวเขานั้นเข้าใจความรู้สึกขององค์ราชาตอนนี้เป็นอย่างดี...

"ผู้บัญชาการต้วน!" องค์ราชากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกราวกับจะแช่แข็งไปถึงกระดูก

"ฝ่าบาท" ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบ

"เจ้านำพาองครักษ์เสื้อแพร ไปลากตัวไอลูกทรพีนั่นมาให้ข้าที่นี่! เดี๋ยวนี้! ...ข้าจะเรียกอัครมหาเสนาบดี และเจ้าพระยาให้เข้าวังหลวงมาบัดดล!  ข้าจะสำเร็จโทษไอลูกทรพีต่อหน้าทุกคน! จะประหารบั่นหัวมันต่อหน้าบัลลังก์ที่มันคิดอยากได้! เพื่อเป็นการเตือนและเยี่ยงอย่างให้แก่ทุกคนที่คิดคดต่อข้า!! " น้ำเสียงขององค์ราชายามนี้ฟังราวกับจะดังขึ้นมาจากก้นบึ้งของนรก มันมืดมนและอึมครึมอย่างมาก

เขาพิโรธหนักหนาแล้ว!

ต้วนหลิงเทียนระบายลมหายใจออกมาอย่างหนาวเหน็บ มีคำกล่าวว่าเจ้าชีวิตไร้ปรานี! ดูท่าวันนี้เขาอาจจะได้อยู่ดูว่าเป็นอย่างไรด้วยสองตาของตัวเองแล้ว

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาคิดถึงการกระทำบัดซบขององค์ชาย 5 ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้...

องค์ชาย 5 คงทำได้เพียงตำหนิตัวเองเท่านั้น!

"ข้าจะไปเดี๋ยวนี้" ต้วนหลิงเทียนรับคำสั่งจากองค์ราชา แล้วเขากับฉงเฉวียนก็ไปรวบรวมกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรทั้ง 12 คน  และภายใต้การนำของเขาทั้งหมดล้วนมุ่งหน้าไปยังวังขององค์ชาย 5

เมื่อทหารเฝ้าประตูวังขององค์ชาย 5 เห็นต้วนหลิงเทียนมาพร้อมองครักษ์เสื้อแพร ใบหน้าของพวกมันพลันซีดลงทันที

"ผู้บัญชาการต้วน!" พวกเขาย่อมจดจำชายหนุ่มที่กำลังควบขี่อาชาในชุดที่แลดูพิเศษนี้ได้เป็นอย่างดี มันเป็นเครื่องหมายแสดงถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ ของกองกำลังองครักษ์เสื้อแพร! และชายหนุ่มผู้นี้สมควรเป็นผู้บัญชาการต้วนที่เลื่องลือ  แล้วผู้ใดยังจะหาญกล้าไปปิดกั้นเส้นทาง?!

ต้วนหลิงเทียนไม่คิดสนใจเหล่าทหารเฝ้าประตูเหล่านี้ เขานำฉงเฉวียนและกองกำลังองครักษ์เสื้อแพร ที่ควบอาชาตามมาด้านหลังทั้ง 12 คนเข้าวังองค์ชาย 5 อย่างองอาจ

"ต้วนหลิงเทียน เจ้ามันจะอวดดีเกินไปแล้ว!" ไม่นานนักองค์ชาย 5 ก็รุดออกมาตรงทางเดิน  ชายชราคิ้วขาวก็ติดตามมาด้วยเช่นกัน

“อวดดี?” ต้วนหลิงเทียนเหลือบมององค์ชาย 5 ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “องค์ชาย 5 วันนี้ข้ามาเพราะได้รับคำสั่งจากองค์ราชา  คงต้องเรียนเชิญองค์ชาย 5 เข้าวังหลวงไปด้วยกันกับข้าเสียหน่อย หวังว่าองค์ชาย 5 จะให้ความร่วมมือกับข้าอย่างดี "

“เหอะ! หากพระบิดาต้องการพบตัวข้าจริง ไยเขาต้องส่งเจ้ามาตามด้วย? ต้วนหลิงเทียน นี่เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?” สีหน้าขององค์ชาย 5 เริ่มมืดครึ้มลง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อคำกล่าวอ้างของต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย

"เฮ่อ องค์ชาย 5 ...หากเจ้าไม่ยอมไปโดยดี  ก็อย่าได้ตำหนิข้าแล้วกันหากลงมือรุนแรงไปบ้าง...ทุกคน ไปคุมตัวองค์ชาย 5!" ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกล่าววาจาตอบโต้องค์ชาย 5 เสร็จ เสียงคำสั่งราวฟ้าร้องก็ดังขึ้น!

ทันใดนั้นนอกจากฉงเฉวียนที่ควบขี่อาชาอยู่ด้านหลังของต้วนหลิงเทียนและสองผู้เฒ่าที่ควบม้ามาอยู่ด้านหลังต้วนหลิงเทียนเอาไว้  องครักษ์เสื้อแพรทั้ง 10 คนก็โดดลงจากหลังม้าก้าวออกไปข้างหน้า เพื่อเตรียมจับกุมองค์ชาย 5

"บังอาจ" สีหน้าของชายชราคิ้วขาวที่ยืนคุ้มกันอยู่ด้านหลังขององค์ชาย 5 มืดลงทันที เขากล่าวตะโกนออกมาพร้อมเคลื่อนร่างมาบังองค์ชาย 5 เอาไว้อย่างรวดเร็ว

"ใครกล้าขวาง ฆ่ามันให้หมด!" ต้วนหลิงเทียนกล่าคำสั่งออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาไม่แยแส

ทันใดนั้นกองกำลังองครักษ์เสื้อแพร 10 คนก็ชักกระบี่ยาวปลายตัด พร้อมเคลื่อนร่างจนชุดคลุมปลาบินโบกสะบัดว่องไวเป็นเส้นแสงไปหาชายชราคิ้วขาว

ร่างของชายชราคิ้วขาวสั่นเล็กน้อย เงาร่างช้างแมมมอธโบราณพลันปรากฏเหนือศีรษะของเขา 1,200 ตัว

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 9!

อนิจจาถึงแม้ตัวมันจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 9 แต่ด้วยความร่วมมือสอดประสานลงมือกันอย่างพร้อมเพรียงของผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 8 ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่ามันสักเท่าไรจำนวน 10 คน  เขาก็ไม่หลงเหลือความได้เปรียบอันใดแม้แต่น้อย ซ้ำยามนี้มันตกอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบอย่างมาก คมดาบยาวปลายตัดทั้ง 10 เล่มรุมล้อมถาโถมโจมตีเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ทำได้เพียงปัดป้องหลบหลีกเท่านั้น

ทันใดนั้นเองมีเสียง เป่าปากดัง วี๊ด ก้องกังวานขึ้นมา

และเป็นตัวองค์ชาย 5 เอง  ที่เป่าปากส่งสัญญาณนี้

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

...

พริบตานั้นเงาร่างมากกว่าหนึ่งก็เคลื่อนร่างวูบไหวมารวมตัวกัน จากด้านในวัง

คนเหล่านี้ล้วนยืนอยู่หลังชายชราที่นำหน้าคนหนึ่ง

ชายชราที่นำหน้าทุกคน ผู้นี้สวมชุดคลุมสีฟ้า และจากการเคลื่อนไหวของเขาเมื่อครู่ ก็เผยให้เห็นกลิ่นอายของระดับบ่มเพาะ ที่สร้างความตื่นตระหนกออกมา

ด้านหลังชายชราคนนี้ ยังมีชายชราอีก 5 คนที่เคลื่อนร่างมายืนอยู่ด้านหลัง นอกจากนั้นยังมีกลุ่มชายวัยกลางคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีท่าทางเย็นชาปานน้ำแข็ง ติดตามอยู่ใกล้ๆเหล่าชายชรา

ชายวัยกลางคนเหล่านี้ล้วนเป็นทหารเดนตายที่องค์ชาย 5 ได้ชุบเลี้ยงและฝึกฝนพวกมันให้มีชีวิตอยู่เพื่อ ฆ่าคน เท่านั้น!

ร่างชายชราชุดสีฟ้าที่อยู่ด้านหน้าสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อมันเร่งเร้าพลังงานต้นกำเนิด เงาร่างช้างแมมมอธโบราณพลันปรากฏเหนือศีรษะของมัน 1,500 ตัว...

ระดับครึ่งก้าวธรรมชาติ!

"ผู้เฒ่าผู ข้าต้องการเห็นต้วนหลิงเทียนตาย!" ประกายตาขององค์ชาย 5 เรืองวูบออกมาอย่างกล้าหาญทันทีที่เขาเห็นร่างชายชราชุดสีฟ้า เขากล่าวสั่งชายชราออกมาทันที ราวกับเขามั่นใจในความสามารถของชายชราถึงขีดสุด

“ฝ่าบาท อย่าได้กังวล วันนี้จักมิมีผู้ใดรอดกลับไปได้ทั้งที่ยังมีลมหายใจ!” น้ำเสียงของชายชราก้องกังวานไปในอากาศ ก่อนที่ร่างของเขาจะวูบไหวพร่าเลือนพุ่งทะยานราวกับอีกาเพลิงทองคำ หมายจู่โจมต้วนหลิงเทียนที่นั่งอยู่บนหลังม้า

"ฉงเฉวียน ฆ่ามัน!" สายตาของต้วนหลิงเทียนยังคงสงบซ้ำยังแลดูเบื่อหน่ายเล็กน้อยยามกล่าวคำ ทั้งๆที่มีผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งก้าวธรรมชาติพุ่งร่างทะยานมาหมายเอาชีวิตเขาแท้ๆ แต่ท่วงท่าของกลับแลดูปลอดโปร่งไร้กังวล

"ขอรับนายน้อย" ฉงเฉวียนกล่าวตอบรับคำสั่งของต้วนหลิงเทียน

ฟึ่บ! สึบ!

มีเพียงเสียงลมกระเพื่อมอย่างน่าพรั่นพรึงวูบเดียวเท่านั้น ก่อนที่จะได้ยินเสียงราวคมดาบกรีดเฉือนบางสิ่ง...เสียงนั้นฟังดูช่างไพเราะนัก แล้วสรรพเสียงของผู้คนบริเวณทางเดินก็เงียบลงทันที...

ทันใดนั้นก็มีน้ำพุโลหิตฉีดพุ่งออกมาจากลำคอของชายชราที่กำลังพุ่งร่างทะยานมาด้วยความเกรี้ยวกราด  เพียงมันขยับร่างพุ่งมาได้ถึงครึ่งทาง หัวกับตัวมันก็แยกทางจากกันเสียแล้ว ...ศีรษะของมันกลิ้งหลุนๆ นำร่างไปตกอยู่ตรงขาหน้าม้าของต้วนหลิงเทียน ก่อนที่ม้าต้วนหลิงเทียนจะตกใจเหยียบย่ำมันจนแหลกเหลว มันสมองกระจายเต็มพื้น ลูกนัยน์ตาถูกบีบเค้นกระเด็นหายลับไปในพงหญ้าข้างทาง  ...ส่วนร่างกายของมันก็พุ่งโซเซไร้ทิศทางก่อนที่จะไปแน่นิ่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของทาเดิน  แล้วค่อยๆสร้างแอ่งโลหิตแอ่งหนึ่ง

ตาย!

นอกจากผู้เฒ่าหงและผู้เฒ่าฉิน ที่ควบม้าขึ้นมาเฝ้าระวังด้านหลังต้วนหลิงเทียนแล้ว ก็ไม่มีแม้แต่ผู้เดียวที่สังเกต เห็นการลงมือเคลื่อนไหวเพียงเสี้ยวพริบตาของฉงเฉวียนเมื่อครู่ได้กระจ่าง

ในสายตาของพวกมันฉงเฉียนยังนั่งนิ่งๆอยู่บนหลังม้าโดยไม่ได้ขยับตัวด้วยซ้ำ!

"ผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ!" หัวใจของผู้เฒ่าหงและผู้เฒ่าฉิน ราวทัพม้าวิ่งเล่น  พวกเขาไม่คิดเลยว่าชายวัยกลางคนที่ติดตามผู้บัญชาการต้วนไปไหนมาไหนตลอดช่วงที่ผ่านมานี้ จะเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ!

นอกจากนี้เขายังดูไม่เหมือนผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นแรกอีกด้วย!

พวกเขารู้สึก หนังศีรษะด้านชาแล้ว

"ไม่จริง!" ม่านตาขององค์ชาย 5 หดแคบลงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า  เขาไม่เต็มใจเชื่อว่าเรื่องราวทั้งหมดนี่จะเป็นความจริง!

ที่พึ่งอันยิ่งใหญ่และเป็นพลังอำนาจสูงสุดที่เขาหวังพึ่ง คือตัวตนผู้ฝึกยุทธ์ระดับครึ่งก้าวธรรมชาติ... แต่ตอนนี้ที่พึงของเขากลับตกตายง่ายดายเพียงนั้น?

ชายชราอีก 5 คนที่เดินตามหลังชายชราครึ่งก้าวสู่ธรรมชาติที่ตกตายไปเมื่อครู่ล้วนชะงักร่าง สองขาของพวกมันกลับกลายเป็นหนักอึ้งราวมีเหล็กถ่วงพันชั่ง  ใบหน้าของพวกมันแลดูไปคล้ายตัวโง่งมที่กำลังตะลึงงัน

ชายชราคิ้วขาวเคลื่อนร่างหลบกระบี่ขององครักษ์เสื้อแพรคนหนึ่ง ก่อนที่จะฉากหลบออกจากวงล้อมของพวกมัน ถอยไปยืนอยู่ห่างๆ ยามนี้มันเองก็ตกตะลึงไม่น้อย

มีเพียงแต่ทหารเดนตายเท่านั้นที่ยังเคลื่อนร่างทะยานออกมาหมายต่อสู้แลกชีวิตกับอีกฝ่าย แต่ภายใต้การประสานงานกันขององครักษ์เสื้อแพรทั้ง 10 พวกมันทั้งหมดก็ทยอยตกตายลงทีละคน  ...

ไม่นาน แอ่งโลหิตก็เจิ่งนองหลั่งไหลไปตามทางเดินขององค์ชาย 5 ราวแม่น้ำสายหนึ่ง...ไม่หลงเหลือทหารเดนตายอยู่อีกแม้แต่คนเดียวที่ยังมีชีวิต

"องค์ชาย 5 ข้างหวังว่าคราวนี้เจ้าจะให้ความร่วมมือกับข้าโดยดี..." ต้วนหลิงเทียนกราดสายตาเย็นชาเหลือบมองไปยังชายชราคิ้วขาว และชายชรา 5 คนที่กำลังตะลึงงันราวตัวโง่งม ก่อนที่จะมาตกที่องค์ชาย 5

องค์ชาย 5 แลดูราวกับจะสูญเสียสติสัมปชัญญะไปครู่หนึ่ง จนเมื่อองค์รักษ์เสื้อแพรทั้ง 10 ขยับมาปิดล้อมร่างของเขา ก็ดูเหมือนเขาจะฟื้นคืนสติขึ้นมาจากอาการตกตะลึง

"ต้วนหลิงเทียน เจ้าต้องตายแน่ !" องค์ชาย 5 จ้องไปยังต้วนหลิงเทียนเขม็ง ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

"เฮ่อ..องค์ชาย 5 ข้าก็พูดตั้งหลายครั้งแล้ว ว่าข้าทำตามคำสั่งฝ่าบาท มาเชิญตัวท่านไปยังวังหลวง" ต้วนหลิงเทียนยังคงบอกกล่าวต่อไป ส่วนเรื่องการคุกคามขององค์ชาย 5 เขาไม่ได้สนใจหรือคิดจดจำสักนิด

"ฝ่าบาทงั้นรึ? ไอแก่นั่นมันมีอันใดอีก?" ประกายตาขององค์ชาย 5 ทอประกายเรืองวูบออกมาด้วยความชั่วร้าย เขากล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

"ไอแก่?" ต้วนหลิงเทียนหันไปจ้องมององค์ชาย 5 อย่างสงสัย ดูเหมือนองค์ชาย 5 จะไม่เคารพราชาเลยแม้แต่น้อย เพราะถึงขั้นเรียกราชาว่าไอแก่เช่นนี้

"เอาตัวไป!" ต้วนหลิงเทียนกล่าวสั่งเสร็จก็หันหัวม้าและออกจากวังขององค์ชาย 5

เขาไม่ทันได้สังเกตว่า ในขณะที่องค์ชาย 5 ถูกองครักษ์เสื้อแพรของเขาควบคุมตัวอยู่ด้านหลัง มันหันกลับไปส่งสัญญาณบางอย่างให้กับชายชราคิ้วขาว

ชายชราคิ้วขาวพยักหน้ารับด้วยท่าทีจริงจัง

หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนพาองค์ชาย 5 หายไปลับตา ชายชราคิ้วขาว ก็เร่งรุดออกจากวังองค์ชาย 5 ด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่เขามีกระพริบวูบวาบพุ่งร่างไปยังทิศทางของวังหลวง

ในแง่ของความเร็วแล้ว เขาเคลื่อนไหวได้รวดเร็วยิ่งกว่าต้วนหลิงเทียนที่ควบขี่อาชาเสียอีก

เมื่อต้วนหลิงเทียน พาร่างองค์ชาย 5 มาถึงท้องพระโรง นอกจากราชาที่นั่งอยู่บนบัลลังก์แล้ว เขายังพบเห็นผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในท้องพระโรงนี้อีกด้วย

นอกจากพระยาเรืองฤทธิ์นี่เหวี่ย และอัครมหาเสนาบดีกู้โหย่วถิงแล้ว เจ้าพระยาเรืองฤทธิ์ก็มาด้วยเช่นกัน และตอนนี้เห็นได้ชัดว่ากำลังนั่งอยู่ข้างๆองค์ราชาอย่างสนิทสนม

ต้วนหลิงเทียนนำฉงเฉวียน และองครักษ์เสื้อแพรทั้ง 12 คน เข้ามาในท้องพระโรงด้วยความรวดเร็ว

"พระบิดา!"องค์ชาย 5 ทำท่าดูราวกับว่ามันผู้ช่วยชีวิตเมื่อเห็นองค์ราชา มันคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกล่าววาจา "ต้วนหลิงเทียนคนนี้มันเหิมเกริมซ้ำยังอวดดีนัก  ถึงขั้นกล้าบุกรุกเข้าวังของข้า และยังเข่นฆ่าสังหารคนของข้าเสียมากมาย! ... พระบิดา ท่านต้องคืนความเป็นธรรมให้แก่บุตรชายของท่านด้วยนะขอรับ!"

สายตาเย็นชาขององค์ราชาจับจ้องมายังองค์ชาย 5 ก่อนที่จะกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม  "ข้าขอให้ผู้บัญชาการต้วนไปนำตัวเจ้ามาเอง  เจ้ามีเหตุผลอันใดจึงคิดขัดคำสั่งข้า?"

องค์ชาย 5 มองไปยังองค์ราชาก่อนจะกล่าวถามออกมา "พระบิดา ข้าสงสัยว่าข้าทำอะไรผิด?"

"เจ้าทำอันใดผิด? สิ่งที่เจ้ากระทำ ตัวเจ้าย่อมรู้อยู่แก่ใจ!  หรือเจ้ายังกล้าให้ข้าเป็นคนบอกกล่าวออกมาอีก?!" สีหน้าขององค์ราชามืดลง ประกายตาของเขาเต็มไปด้วยความมืดมน

"พระบิดา! ท่านอย่าได้ฟังวาจาใส่ร้ายจากตัวบัดซบต้วนหลิงเทียนนะขอรับ!  ข้าและมันมีความแค้นส่วนตัวกัน  มันจึงวางแผนคิดใส่ร้ายข้าเช่นนี้!" องค์ชาย 5 รีบกล่าวคำออกมา

"ใส่ร้าย?" ราชาเย้ยหยันออกมา "เจ้าคิดจริงๆหรือว่า ตัวข้าเป็นราชาที่โง่งมปล่อยปละละเลย? ข้าเองย่อมเคยสงสัยเจ้า  แต่ข้าก็คิดว่าจะอย่างไรตัวเจ้าก็ยังเป็นบุตรชายของข้า ข้าจึงเลือกที่จักเชื่อใจเจ้า และเลิกสงสัยอะไรเจ้า  ...แต่ไม่คิดเลยจริงๆ ว่ายามนี้ทุกอย่างล้วนกระจ่างแจ้งแล้ว! ทั้งหมดล้วนเป็นเจ้า! บุตรชายตัวดีของข้าทั้งสิ้น!!"

"พระบิดา ข้าไม่ทราบว่าท่านหมายถึงเรื่องราวอันใด" องค์ชาย 5 ยังคงเสแสร้งแกล้งสับสน            

แต่ทว่าในขณะที่องค์ราชากำลังบันดาลโทสะ และกำลังจะตวาดใส่องค์ชาย 5 นั้น น้ำเสียงาบเรียงหนึ่งพลันดังขึ้น “ฉินเอ๋อ”

ต่อมาชายวัยกลางคน ในชุดคลุมสีขาว ก็เดินเข้ามาในท้องพระโรงอย่างช้าๆ ความเร็วในการเดินของเขาแลดูเชื่องช้า แต่ทว่าเพียงพริบตาเดียวตัวเขาก็เข้ามาถึงแล้ว!

หลังจากนั้น ก็มีชายชราคนหนึ่งเดินตามเข้ามาเช่นกัน

เป็นชายชราคิ้วขาวที่เร่งรุดจากวังองค์ชาย 5 นั่นเอง

"องค์ราชามรรตัย" ครู่ต่อมา นี่เหวี่ย และกู้โหย่วถิงก็ทำการคารวะผู้มาใหม่

คิ้วของต้วนหลิงเทียนโค้งขึ้นเล็กน้อย

องค์ราชามรรตัย?

เขาน่ะหรือองค์ราชามรรตัยฉู่? ผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติของตระกูลราชวงศ์ที่น่าสะพรึงกลัว?

"น้องสี่?" ท่าทางการแสดงออกขององค์ราชา ผ่อนคลายลงเล็กน้อย เมื่อสังเกตเห็นถึงการมาขององค์ราชามรรตัยฉู่ "เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่ได้เล่า?"

"เสด็จพี่ ข้าได้ยินมาว่าทางคิดลงโทษฉินเอ๋อ" องค์ราชามรรตัยฉู่ จับจ้องไปยังองค์ราชาด้วยสายตาไร้อารมณ์ทว่ากลับมีจิตสังหารเล็ดรอดออกมาเล็กน้อยโดยที่ไม่มีผู้ใดรู้ตัว

แต่ต้วนหลิงเทียนกลับจับสัมผัสนี้ได้

หัวใจของต้วนหลิงเทียนกระตุกทันที เขารู้สึกว่าการมาเยือนครั้งนี้ขององค์ราชามรรตัย ไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่

องค์ราชาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสงบไร้เรื่องราว  "น้องสี่ นี่เป็นเรื่องที่เจ้าเองคงยังไม่รู้และคาดไม่ถึงเป็นแน่! ...แต่ลูกทรพีนี่มันกล้าลอบวางยาพิษคิดสังหารบิดาของมัน! เจ้าคิดว่าบุตรชายอกตัญญูเช่นนี้ยังไม่สมควรรับโทษตายอีกหรือ ?" องค์ราชากล่าวออกมาด้วยใจที่ปวดปร่าสุดประมาณ

"บุตรชายอกตัญญู?" องค์ราชามรรตัยฉู่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงสนใจ "แล้วถ้าหาก...มันมิใช่บุตรชายของเสด็จพี่เล่า?"

"น้องสี่ เจ้ากล่าววาจาเช่นนี้หมายความว่ากระไร?" สีหน้าขององค์ราชากลับกลายเป็นน่ากลัว เขาจับจ้องไปยังองค์ราชามรรตัยฉู่ด้วยแววตารุนแรง

"ฉินเอ๋อ เจ้ากล่าวบอกมันไปเสียสิ" องค์ราชามรรตัยฉู่เพียงยืนจ้องตาองค์ราชาด้วยสายตาสงบ พร้อมกล่าวคำด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

ทันใดนั้นเององค์ชาย 5 พลันลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะหันไปประสานมือโค้งหัวทำความเคารพองค์ราชามรรตัยอย่างนอบน้อม และกล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน "ได้ขอรับ เสด็จพ่อ!"

เงียบ..

หลังจากได้ยินคำกล่าวของฉู่ฉิน ทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรงล้วนไร้คำจะกล่าว

องค์ชาย 5 กลับเรียกองค์ราชามรรตัยฉู่ ว่าบิดา?

เรื่องนี้….

นี่มันเกิดเรื่องบัดซบอันใดขึ้นกันแน่?

นอกจากต้วนหลิงเทียนและฉงเฉวียนที่ยืนนิ่งเฉยด้วยสีหน้าสงบไร้อารมณ์แลดูไม่ยี่หระต่อสถานการณ์  สีหน้าของทุกคนในท้องพระโรงล้วนแปรเปลี่ยนกลับกลายทั้งสิ้น

 

รีวิวผู้อ่าน