สัญชาตญาณตอบเธอว่าแมลงสีเหลืองพวกนั้นคือตัวปัญหา
จู่ ๆ อาชาก็ส่งเสียงร้องดังขึ้นก่อนจะเงียบเสียงอย่างกระทันหัน ครั้นเมื่อเว่ยชีชีเผยอดวงตาขึ้นด้วยความหวาดหวั่นก็ถูกม้าดีดลอยละลิ่วออกมาเสียแล้ว
เจ้าม้าเฮงซวย ! จะหยุดทำไมไม่รู้จักบอก !
ที่รออยู่เบื้องหน้าคือกองขี้โคลน และแน่นอนว่าหญิงสาวพุ่งหน้าคะมำเข้าหากองโคลนอย่างเต็มที่ ขี้เลนโบกละเลงเข้าหน้าเข้าปากมาเต็ม ๆ
เว่ยชีชีพลิกคว่ำพลิกหงายลื่นไปมาลุกไม่ขึ้นอยู่กลางบ่อโคลนเลน เสียงหัวเราะระเบิดลั่นจากด้านบน
“เฮ้ย มีไอ้โง่หลับหูหลับตาควบม้าไม่ดูทิศดูทางด้วยแฮะ ! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า !”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสู้กลุ่มบุรุษทั้งหลายพร้อมเสียงตะคอกลั่น “เฮ้ ! ไอ้ที่พวกแกกำลังทำกันอยู่นี่มันผิดกฎบ้านเมืองรู้ไหม !”
“ผิดกฎบ้านเมือง ? ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านอ๋องสามของเรานั่นล่ะคือกฎบ้านเมือง ! ไว้ลากคอเจ้ากลับไปเสียก่อน เจ้าก็จะรู้ว่ากฎหมายบ้านเมืองแท้จริงคืออะไร !”
“ชั่วช้า !” เธอด่าเช็ดไล่หลังด้วยความขุ่นเคือง ทว่าเมื่อนึกขึ้นได้ว่าการเสียงพลังงานไปอย่างไร้ค่าย่อมนับเป็นความเขลา ทางที่ดีย่อมควรรอจังหวะเอ่ยอธิบายความเข้าใจผิดทั้งหมด แต่ให้ตายเหอะ ! ไอ้สถานที่ประหลาดตานี่มันที่ไหน แล้วเหตุใดเธอมาโผล่ที่นี่ ซ้ำรถกลับมาหายไปอีกด้วย !
“ลากตัวมันไป !” เสียงออกคำสั่งของรองหัวหน้าผู้บัญชาการดังขึ้น
เพื่อความไม่ประมาท แม่ทัพสั่งมัดเธอไว้ ทว่าที่น่าสังเวชอย่างที่สุดนั้นคือยามนี้เว่ยชีชีถูกจับโยนเข้าไปในรถขนนักโทษ กองทัพม้ายังคงเคลื่อนพลเดินหน้าอย่างยิ่งใหญ่องอาจทิ้งผืนแผ่นดินสีเหลืองที่รกร้างให้เดียวดายอยู่เบื้องหลัง
เว่ยชีชีนั่งจ้องฝุ่นทรายที่คลุ้งตลบจรดเข้าหากลืนกันเป็นหนึ่งเดียวกลางอากาศ ในหัวเริ่มอื้ออึงมึนชา ยากยิ่งนักที่จะพยายามเฝ้าติดตามสังเกตสิ่งรอบตัวระหว่างการเคลื่อนย้าย……
ทัพม้าเคลื่อนพลนานกว่าชั่วยาม* ที่สุดจึงถึงจุดหมาย เว่ยชีชีใช้สายตาสอดส่ายไปทั่วจึงเห็นกระโจมพักแรมที่ถูกกางไว้ทั่วทุกหนแห่ง มีทหารหุ้มเกราะเดินลาดตระเวนโดยรอบ
*1 ชั่วยาม คือ 2 ชั่วโมง
นี่คือค่ายทหาร ทันทีที่โผล่พ้นรถคุมนักโทษ ทหารผู้หนึ่งก็ผลักเว่ยชีชีเข้าไปในประตูเหล็ก
หลังประตูเหล็กคือคุกคุมขังที่มืดมิดชวนขนลุก นักโทษนั่งคุ้ดคู้กระจุกกันอยู่ตามมุมผนัง กลิ่นเหม็นอับชวนคลื่นไส้คลุ้งกระแทกจมูก คุณหนูผู้ได้รับการพะเน้าพะนอเอาใจนับแต่แบเบาะมีหรือจะทนรับสภาพเช่นนี้ได้ ? เว่ยชีชีอุดจมูกลงนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ข้างประตูเหล็กบานนั้น
ทหารร่างใหญ่ผู้หนึ่งที่อยู่ด้านข้างเดินตรงเข้ามาเอ่ยปากไถ่ถาม “น้องชายเจ้าดูไม่เหมือนชาวซุยงหนูเรา ? ไยถูกจับมาที่นี่ได้ ?”
“อันใดนะ ? ชาวซุยงหนู*งั้นรึ ?” ยิ่งฟังกลับยิ่งงุนงง พวกที่ถูกจับมาที่นี่คือชาวซุยงหนูหรือนี่ ? ซุยงหนู ชนเผ่าร่อนเร่ป่าเถื่อนไร้อารยธรรมในหน้าประวัติศาสตร์ที่ถูกจักรวรรดิฮั่นอันยิ่งใหญ่กลืนกินกระนั้นหรือ
*ซุยงหนู ชนเผ่าร่อนเร่ทางตอนเหนือของจีนในสมัยโบราณ ทั้งยังเชื่อว่าชาวฮั่นก็มีเชื้อสายมาจากชนเผ่าซุยงหนูนั่นเอง
อย่าบอกนะว่า เธอทะเล่อทะล่าเข้ามาในยุคสมัยฮั่น !
หญิงสาวคว้าตัวทหารหนุ่มผู้นั้นเข้ามาเค้นถาม
“ว่าไงนะ...พวกเรากำลังอยู่ในช่วงสงครามระหว่างฮั่นกับซุยงหนูกระนั้นหรือ ? เช่นนั้น สถานที่แห่งนี้คือ……”
“ค่ายทหารอาณาจักรฮั่น ค่ายท่านอ๋องสาม หลิวจ่งเทียน”
ในหัวของเว่ยชีชีพลันว่างเปล่าในทันที ร่างของเธอทรุดลงไปกองกับพื้น อ๋องสาม….หลิวจ่งเทียนกระนั้นหรือ ? ค่ายทหารแห่งอาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่กระนั้นหรือ ? สวรรค์ ! ไยลุงเหยียนต้องพาเธอมาที่นี่ด้วย ? ไม่เพียงเธอจะถูกส่งข้ามเวลามาถึงนี่ ยุคสมัยมีตั้งมากมาย ไยต้องถีบหัวส่งเธอมายุคสงครามฮั่นด้วย ! เว่ยชีชีแทบไม่เชื่อหู เธอยังคงดิ้นรนแข็งขืน
“นี่เจ้ามิได้กำลังโป้ปดอยู่ใช่ไหม ? มิใช่ล้อกันเล่นใช่ไหม ?”
“พูดอะไรของเจ้า ? โป้ปดอันใดกัน ? เห็น ๆ กันอยู่ว่าข้าก็ถูกจับมาเป็นเชลยเช่นกัน เวลาเช่นนี้ ผู้ใดมีอารมณ์มาล้อเล่นกับเจ้าเล่า กระทั่งหัวจะหลุดจากบ่าเมื่อไรก็ยังมิรู้เลย !”
หัว…….หลุด ? หญิงสาวนิ่งอึ้งในหัวเคว้งคว้าง คุณหนูตัวน้อยผู้มีวัยเพียง 17 ปี ยังมิทันได้จบการศึกษากลับจะต้องมาจบชีวิตลงแล้วกระนั้นหรือ ? ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตให้หนำใจเลย ! ผู้ใดอยากตายตอนนี้กัน ! เพียงเท่านั้น เว่ยชีชีก็ลุกพรวด อัดลมเข้าจนเต็มปอดก่อนจะเปล่งเสียงตะโกนผ่านซี่กรงเหล็กที่ขวางหน้า
***จบตอน อีกมิติ***