“เว่ยชีชี ชีชี !” หลิวจ่งเทียนตะโกนเรียกอยู่พักใหญ่ ทว่ากลับไม่ได้ยินเสียงตอบรับใด เขาจำต้องหยิบผ้าขึ้นเช็ดตัว เปลี่ยนอาภรณ์ แล้วเดินออกมาหน้าฉากบังตาจึงพบเว่ยชีชีนอนกุมหัวขดตัวกลมอยู่กับพื้นราวกับหวาดกลัวบางสิ่งอย่างยิ่ง
“ชีชี” เขาเอื้อมมือดึงผ้าบนศีรษะเธอออกจึงพบว่าเธอยังหลับตาปี๋ สองแก้มแดงก่ำยิ่งดูตลกขบขันสิ้นดี “เจ้านี่มันแปลกคนเสียจริง !”
หลิวจ่งเทียนจัดแต่งอาภรณ์ให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกจากกระโจม “เปิ่นหวางจะออกไปสำรวจด้านนอก อีกชั่วยามจึงจะกลับมา เจ้าจัดเตรียมที่นอนไว้ให้พร้อมด้วย !”
ที่สุดเขาก็ออกไปแล้ว ชีชีกระเด้งตัวขึ้นรีบเดินไปด้านหลังฉากบังตาในทันที ยังพอมีน้ำที่ยังมิได้ใช้หลงเหลืออยู่ ยามนี้ตัวเธอเหม็นเน่าแทบตายอยู่แล้ว ที่ผ่านมาเธอไม่เคยได้อาบน้ำ คงทำได้เพียงเอาน้ำลูบตัว เมื่อท่านอ๋องสามออกไปนอกกระโจม ครานี้เธอจะได้ขัดตัวให้ชื่นใจเสียที แต่แหม หากได้อ่างอาบน้ำสุดหรูคงสบายกว่านี้แยะ เฮ้อ !
เมื่อชีชีจัดเตรียมที่นอนให้หลิวจ่งเทียนเรียบร้อย ความคิดเรื่อยเปื่อยก็เริ่มทำงาน น่าจะมีหนทางกลับสู่โลกอนาคต เมื่อเธอเดินทางข้ามเวลามาโผล่ในสมรภูมิรบที่ซุยงหนู เช่นนั้นหากจะกลับไป ย่อมต้องไปยังจุดเดิมที่เดินทางมาถึง
ถูกแล้ว จะอยู่คอยรองมือรองเท้าให้อ๋องตัวร้ายผู้นี้อีกมิได้ วันพรุ่งจะต้องขอไปเข้าร่วมออกทัพกับท่านรองหลิวให้จงได้ บางที ความวุ่นวายภายใต้เกือกม้า และธงชัยอาจช่วยส่งเธอกลับไปยังที่ ๆ เธอจากมาก็เป็นได้ ความคิดนี้เห็นทีจะไม่เลว ! ยิ่งคิดก็ยิ่งอารมณ์ดี
หนึ่งชั่วยาม (2 ชั่วโมง) ผ่านไป ท่านอ๋องสามจึงกลับมายังกระโจมหลังใหญ่ ในขณะที่กำลังจะปลดเครื่องแต่งกายลงพักผ่อน ชีชีก็วิ่งทะเล่อทะล่าไม่รู้จักสำรวมเข้ามาเช่นเคย “ท่านอ๋อง นี่ ๆ ข้ามีเรื่องอยากคุยกับท่าน !”
“เรื่องใด ? ลองพูดมาสิ” เขาขยับกายขึ้นนั่งมองอีกฝ่าย สีหน้าท่าทางเช่นนี้ เห็นทีไอ้สิ่งที่กำลังจะหลุดปากออกมาท่าจะไม่เข้าหูท่านอ๋องจอมยุ่งผู้นี้เสียแล้ว
“พรุ่งนี้ข้าจะขอไปเป็นทหารภายใต้บัญชาการของท่านรองหลิว ข้าอยากออกร่วมรบด้วย !”
“เจ้าเนี่ยนะ ? !” เขาจ้องเจ้าหนุ่มน้อยตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “ไปกินข้าวให้มากจะได้ร่างใหญ่กำยำ เมื่อนั้นค่อยคิดออกรบ ยามนี้เจ้าควรอยู่ที่นี่ดูแลรับใช้เปิ่นหวางจะดีกว่า การออกร่วมประจันบานข้าศึก หาใช่สิ่งที่เจ้าควรเอ่ยกล่าวไม่ !”
“นี่ ! หลิวจ่งเทียน มันจะไม่มากไปหน่อยหรือ ผู้ใดอยากอยู่รับใช้ท่านกัน !”
“นี่เจ้ากล้าเรียกชื่อข้ากระนั้นรึ !” เขาจับตัวอีกฝ่ายยกขึ้น ครั้นเมื่อกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากร่างนั้นโชยระจมูกกลับทำให้ในหัวพลันอื้ออึง เขาคลายมือออก ถ้อยคำติเตียนทั้งหมดจุกค้างอยู่ที่ริมฝีปาก “เจ้ากลับไปพักเถิด ส่วนเรื่องการออกศึกนั้นอย่าได้คิดถึงมันอีก !”
กล่าวจบเขาก็ปลดเสื้อตัวนอกล้มกายลงนอน ภายในใจกลับว้าวุ่นสับสน ไยเพียงได้ยินว่าเจ้าหนุ่มน้อยนั่นจะร่วมออกศึก เขากลับมิอาจยินยอม ? น่าขันสิ้นดี นี่เขาคิดจะปกป้องเจ้าหนุ่มนั่น เกรงว่าเจ้าหนุ่มนั่นจะได้รับบาดเจ็บ เขาเห็นเจ้าหนุ่มนั่นเป็นผู้หญิงของเขาไปแล้วกระนั้นหรือ ?
ท่านอ๋องหนุ่มขยับขึ้นมานั่ง อย่าบอกนะว่า เขาเริ่มจะมีใจให้กับทหารหนุ่มชั้นผู้น้อยที่มีวัยเพียง 17 ปี ?
หลิวจ่งเทียนลงจากเตียง เดินมาหยุดอยู่กลางกระโจม พลันสายตากลับเคลื่อนไปหาเว่ยชีชีอย่างไม่ทันรู้ตัว หนุ่มน้อยผู้นั้นยังคงนอนหลับใหลอยู่ในมุมของตน ร่างน้อย ๆ ที่แลดูอ่อนแอเปราะบางที่เห็นอยู่นี้ แม้เพียงท่าทางการหลับใหลกลับสามารถสะกดสายตาของเขาให้หวั่นไหว ชายหนุ่มยกมือขึ้นตบหัวตนเอง ท่านอ๋องสามผู้เลือดเย็นหายไปไหนเสียแล้ว ? ต้องเร่งตัดสินใจ วันพรุ่ง ต้องรีบส่งเจ้าหนุ่มน้อยนั่นไปอยู่ภายใต้บัญชาการของท่านรองหลิวตามคำร้องขอ บางทีไม่ได้พบเจอกันเสียบ้างอาจเป็นการดี
ที่สุดเว่ยชีชีก็ได้ออกจากกระโจมใหญ่ เธอหมายมั่นจะเข้าร่วมการศึกกับซุยงหนู ทั้งในขณะเดียวกันเธอก็พบว่าสิ่งที่เลือกนับว่าถูกต้อง ทว่าท่านอ๋องสามกลับดูจะเย็นชา กระทั่งคล้ายเธอไม่อาจจ้องเขาตรง ๆ ได้ ทว่าผู้ใดสนกันเล่า ? ขอเพียงได้กลับไปสู่โลกอนาคตก็พอ ยังจะมีสิ่งใดสำคัญยิ่งไปกว่านี้อีก
“เจ้าผอมไป นี่เกราะชุดเล็กที่สุดแล้วกลับยังไม่พอดีตัว !”
“เอาน่า ๆ อีกเดี๋ยวกล้ามข้าก็ขึ้นเอง !” เธอยกหอกกวัดแกว่งร่ายรำอย่างสนุกสนาน
ขณะที่ท่านรองหลิวยืนมองด้วยความชื่นชม “วิทยายุทธของเจ้าแปลกจริง นี่มันท่าต่อสู้ของสตรีมิใช่หรือ ?”
เพียงได้ฟังคำอีกฝ่าย ชีชีก็หน้านิ่วไม่สบอารมณ์ “อันใดกัน ? อยากจะลองกับข้าสักตั้งไหมเล่า ?”
“โธ่ ! กลัวแต่จะทำแขนขาเจ้าหักเสียเปล่า ๆ !” ท่านรองหลิวส่งสายตามองตามท่อนแขนอ่อนบางของอีกฝ่าย ไยจึงมีบุรุษที่ผอมบางมีแต่กระดูกเช่นนี้หนอ ?
“นี่ท่านดูถูกข้างั้นรึ ?” เธอทิ้งหอกลงพลางกำหมัดโยกไปมา
“อ้าว ถ้าคิดจะเอาจริงก็อย่าหาว่าข้าโหดแล้วกัน !”
ทั้งคู่เริ่มแลกกันหมัดต่อหมัด
หลิวจ่งเทียนกับท่านแม่ทัพชือยืนห่างออกไปไม่ไกลจากลานจัดกระบวนทัพ ทั้งคู่กำลังชมการฝึกซ้อมของเหล่าทหารทั้งหลาย แม่ทัพชือชี้ไปทางลานจตุรัสพลางส่งเสียงหัวเราะลั่น
“เจ้าทหารตัวกระจ้อยนั่นช่างขวัญกล้ายิ่ง ถึงกับกล้าแลกหมัดกับท่านรองหลิวทีเดียวรึ !”
หลิวจ่งเทียนส่งสายตามองตามนิ้วของอีกฝ่าย ครั้นแล้วคิ้วทั้งสองกลับต้องขมวดเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว นั่นเว่ยชีชีมิใช่รึ ? สวมใส่ชุดเกราะหลวมโครกเช่นนี้ยิ่งดูตัวผอมแห้งคล้ายเพียงลมกรรโชกก็พร้อมจะปลิวกระเด็นได้แล้ว ไยชีชีจึงมาโผล่ที่ลานจัดทัพ ครานี้เจ้าหนุ่มนี่จะมาก่อเรื่องใดอีกเล่า ?
***จบตอน แน่จริงก็มาแลกหมัด***