px

เรื่อง : วันสิ้นโลก
ตอนที่ 14 กองกำลังทหาร ข่าว


ตอนที่ 14 กองกำลังทหาร ข่าว

 

หลังจากแย่งชิงรถจิ๊ปของอันธพาลสามคนนั้นมาได้ ฮวางซางจึงขับตรงไปยังมหาวิทยาลัยกองกำลังป้องกันประเทศโดยตรง เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อวาน ระดับความวุ่นวายในเมือง C ในตอนนี้นั้นเพิ่มมากขึ้นไปอีกขั้น แม้กระทั่งการก่อเหตุจราจลที่เพิ่มขึ้นมาจากความวุ่นวาย

ตลอดเส้นทาง ร้านค้าที่ถูกยื้อแย่งสิ่งของ เหตุการณ์การต่อสู้ที่เลวร้ายก็ได้เกิดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย ประตูได้ถูกเปิดออกทุกหนทุกแห่ง ร้านค้าแต่ละแห่งยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ แม้กระทั่งเปื้อนคราบเลือดเป็นจำนวนมาก บางครั้งก็เห็นซากศพหลายคนซ่อนอยู่ในมุมถนน นอกเหนือจากนี้ ก็ยังมีอาคารและรถ ที่ถูกไฟเผาไหม้จนคาดไม่ถึง อีกทั้งยังไม่มีใครมาช่วยดับไฟอีกด้วย ดูแล้วเหมือนเป็นสงครามที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน

สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ ความวุ่นวายในตอนนี้กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั้งสามารถพึ่งพาพลังของความวุ่นวายนี้  ได้ทำให้ซอมบี้ที่อยู่บนท้องถนนได้เริ่มเพิ่มขึ้นมากอย่างไม่ขาดสาย เพียงแค่ว่าเนื่องจากการก่อตัวขึ้นในม่านหมอกที่ปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่จึงทำให้คนเหล่านี้ไม่ได้สังเกตเห็นก็เท่านั้นเอง

แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ความพังพินาศย่อยยับของเมือง C ก็คงจะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็วนี้! น้ำมือแห่งความขั่วร้ายของมนุษยชาติ กำลังนำพาตัวเองไปสู่ความหายนะที่ละขั้นๆ เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์อันวุ่นวายแบบนี้ ฮวางซางที่มีพละกำลังเหนือกว่าคนทั่วไปก็อับจนปัญญา คงทำได้เพียงมุ่งหน้าต่อไปยังกองกำลังป้องกันประเทศนั้นแหละ

ปังปังปังปังปัง!

แต่ทว่า ในขณะที่ฮวางซาง กำลังมุ่งหน้าไปยังกองกำลังป้องกันประเทศอยู่นั้น เสียงปืนก็ดังระนาวราวกับลูกโซ่กลับดังแผ่ขยายมาจากที่ไกลๆ สร้างความงงงันให้กับฮวางซางเล็กน้อย

ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตำรวจอาชญากรรมนั้นไม่เลวเลย แล้วก็ยังเคยยืมปืนมาเล่น ด้วยความสัมพันธ์ระดับนี้ ดังนั้นเสียงปืนชนิดพิเศษที่ดังขึ้นนี้ไม่ได้มาจากปืนกระบอกเล็กของกองกำลังตำรวจเหล่านั้นอย่างแน่นอน แต่มันเป็นปืนอันทรงพลังขนาดใหญ่ของกองกำลังทหารต่างหาก!

นีีเป็นอาวุธของกองกำลังทหาร!

"กองกำลังทหารเข้ามาในเมืองแล้วเหรอ?"

เสียงชนิดพิเศษของปืนทหารนั้นทำให้ฮวางซางรู้สึกกระปรี้กระเป่าขึ้นมา ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ บางทีอาจจะมีเพียงกองทหารเท่านั้นที่จะทำให้สถานการณ์มั่นคงขึ้นมาใหม่ และรักษาพลังประเทศชาติให้กับเมือง C อีกครั้ง

เมื่อคิดได้ตรงนี้ ฮวางซางก็ขับตรงไปทางเสียงปืนที่ดังแผ่ขยายออกมาด้วยความรวดเร็ว ไม่นาน เสียงปืนที่ดังไปทุกหนทุกแห่งก็ดังชัดเจนมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ทหารที่ติดอาวุธครบมือค่อยๆปรากฏตัวในม่านหมอก ตามมาด้วยรถหุ้มเกราะอีกหลายคันได้กระจัดกระจายไปทั้งสองข้างทางของถนน สุดท้ายก็ได้เข้าครอบครองถนนสายนี้ไว้ทั้งสาย และในเวลาเดียวกัน ภายในรถหุ้มเกราะยังมีการติดตั้งแตรเพื่อไว้ส่งเสียงเตือนอีกด้วย

"พวกเราเป็นทหารปลดปล่อยประชาชนของเทียนฉาว จากคำแนะนำของผู้บังคับบัญชา ตอนนี้เมือง C ได้เริ่มปฏิบัติการควบคุมโดยทการแล้ว ปฏิบัติการเคอร์ฟิวและปิดกั้นถนน ขอให้ทุกคนเชื่อฟังทหาร แล้วรีบกลับไปอยู่ในบ้านของตัวเอง ห้ามออกมาเพ่นพ่านบนถนนเป็นเวลาชั่วคราว! “

"หากมีผู้ใดฝ่าฝืน พวกเราจะปฏิบัติตามข้อบังคับฉุกเฉินในช่วงเวลาสงครามอย่าเคร่งครัด คนที่ประพฤติผิดในสถานการณ์เช่นนี้ฆ่าทิ้งได้ทันที!" หลังจากที่กองทหารปรากฏตัว รวมไปถึงรถหุ้มเกราะที่คอยส่งเสียง

กองทหาร ใบมีดแหลมคมของประเทศ พวกเขาเป็นผู้มีอำนาจที่อยู่ในใจของประชาราษฎร์ที่กองกำลังตำรวจไม่สามารถเปรียบเทียบได้

อันธพาลเหล่านั้นไม่กลัวตำรวจ แต่กลับไม่กล้าที่จะไม่เคารพกองทหาร!

"ไม่ใช่หรอก...."

แต่ทว่า ในขณะที่กำลังมองไปทางสุดถนนที่เริ่มถูกปิดกั้นอยู่นั้น ทหารคนที่รักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม ได้พุ่งเข้ามาหาฮวางซางที่ทั้งแปลกใจและเย็นชาก่อนจะขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย  ร่างกายของทหารเหล่านี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่พละกำลังของพวกเขาดูเหมือนจะน้อยลงกว่ามาก  อีกทั้งก็ยังมีเพียงรถหุ้มเกราะเป็นกำลังเสริม แม้กระทั่งในมือของพวกทหารก็มีเพียงแค่ปืนยาวและปืนยิงเร็วไม่มากนักเท่านั้นอีกด้วย  พวกปืนจรวดและรถถังเพื่อเตรียมไว้สำหรับระเบิดนั้นกลับไม่เห็นเลย

สำหรับทหารราบที่ติดอาวุธด้วยรถหุ้มเกราะที่ดำเนินการโดยสมบูรณ์แล้วนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

 “ช่างเถอะ ไหนๆก็ใกล้ถึงกองกำลังป้องกันประเทศแล้ว ถึงตอนนั้นก็ถามหลิวซินก็รู้เรื่องแล้ว” หลังจากนั้นเพียงชั่วพริบตา ฮวางซางก็ส่ายหน้า แล้วเดินทางต่อ พร้อมกับส่งข้อความไปหาหลิวซินเพื่อบอกว่าตัวเองนั้นใกล้จะถึงแล้ว

หลังจากนั้นไม่กี่นาที ในที่สุดก็มาถึงกองกำลังป้องกันประเทศจนได้

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีกลาโหมป้องกันประเทศแห่งชาติในตอนนี้ได้ทำการบังคับใช้เคอร์ฟิวแล้ว ไม่เพียงแต่ประตูโลหะที่หนาเตอะก็ได้ปิดลงอย่างแน่นหนาแล้ว อีกทั้งด้านหน้าของประตูใหญ่ได้มีการจัดตั้งสิ่งกีดขวางมากมายไว้ แม้กระทั่งได้ทำการสร้างป้อมปราการขึ้นมาอีก 2 หลังอีกด้วย บนป้อมปราการและด้านหลังสิ่งกีดขวางนั้นก็มีกลุ่มทหารที่มีอาวุธครบมือยืนประจำการอยู่ รับประกันได้ว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยกว่านอกประตูใหญ่อย่างแน่นอน

“คนมาเยือนโปรดหยุด เราได้ทำการควบคุมด้านหน้าไว้หมดแล้ว

เมื่อเห็นฮวางขับรถจิ๊ปลายตาพุ่งเข้ามา  ทหารที่อยู่บนป้อมปราการและหลังสิ่งกีดขวางก็รีบยกปีนยาวและปืนยิงเร็วขึ้นมาทันที แล้วเล็งเป้าไปที่ฮวางซาง หนึ่งในนั้นได้ส่งเสียงตะโกนออกไปว่า

”โปรดร่วมมือ ไม่อย่างนั้นจะใช้ข้อบังคับฉุกเฉิน พวกเราสามารถใช้ปืนได้ทุกเมื่อ

 “เดี๋ยวก่อน

ยังดีที่หลิวซินมาทันเวลา เขาวิ่งเหยาะๆออกมาจากประตูด้านข้าง จากนั้นเขาก็หยิบกระดาษที่มีตราประทับและส่งให้ทหาร แล้วพูดขึ้นว่า

”เขาเป็นเพื่อนของผม มีใบผ่านทางด้วย”

 “ครับ

เมื่อเห็นตราประทับและลายเซ็นบนกระดาษแผ่นนั้น สีหน้าของทหารก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที แล้วพยักหน้าพร้อมพูดขึ้นว่า ”แต่คุณก็รู้กฏเกณฑ์ดีนะครับ รถภายนอกห้ามเข้า อีกอย่างจะต้องผ่านการตรวจสอบด้วย เมื่อแน่ใจว่าไม่ได้ติดเชื้อจึงจะเข้าไปด้านในได้”

“เรื่องนี้ฉันรู้อยู่แล้ว วางใจเถอะ ไม่เกิดเรื่องหรอก”

หลิวซินยิ้มกว้างออกมา หลังจากนั้นก็กวักมือไปทางฮวางซาง ก่อนเรียกว่า “ฮ่องเต้ มาเถอะ ทิ้งรถไว้ตรงนี้ก่อน มีคนช่วยจัดการให้พี่อยู่แล้ว”

“โอเค”

ความจริงรถจิ๊ปนี้ไม่ใช่ของฮวางซางอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของหลิวซินเขาก็ยิ้มออกมาบางๆ หลังจากนั้นก็หยิบกระเป๋าเดินทางลงจากรถ ก่อนมุ่งตรงไปยังด้านหน้าของหลิวซิน

"แม่งเอ๊ยฮวางซาง พี่ไปทำศัลยกรรมหรือไปขัดผิวมาเนี่ย?

เมื่อเดินเข้ามาใกล้ ในขณะที่มองไปยังฮวางซางที่ดูเหมือนจะผอมลง อีกทั้งผิวหนังที่ดูมีเสน่ห์นั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน หลิวซินจึงอึ้งงั้นไป

"พูดเว่อร์เกินไป ฉันเป็นแบบนี้ปกติอยู่แล้วเพียงแค่นายไม่ตั้งใจสังเกตฉันเท่านั้นแหละ..."

ฮวางซางไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง จึงทำได้เพียงพูดคลุมเครือออกไป หลังจากนั้นก็ได้เปลี่ยนหัวข้อ " จริงสิ ตอนที่ฉันเพิ่งมาถึงฉันเห็นกำลังทหารบางส่วนได้เคลียร์ถนนไว้แล้ว รักษาความสงบของสังคม นายรู้เรื่องนี้ไหม?

"ผมเองก็เพิ่งรู้ครับ"  หลิวซินพยักหน้า พร้อมกับเผยรอยยิ้มแห่งความดีใจออกมาบนใบหน้า ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า

" เพราะเหตุการณ์ในตอนนี้ของเมือง C ได้วุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งซอมบี้ที่เดินลอยไปมาได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงไม่มีวิธีอื่น นอกจากกองกำลังทหารที่ติดอาวุธจึงสามารถออกไปได้ ”   เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลิวซินก็อดที่จะถอนหายใจยาวๆออกมาไม่ได้ ก่อนพูดขึ้นว่า

"แต่กองกำลังทหารที่เคลื่อนไหวอยู่ในเมือง C มีเพียงแค่สามกลุ่ม อีกทั้งยังเป็นกองกำลังเสริมอีกสองกลุ่มอีกด้วย หวังพึ่งพวกเขา....เกรงว่าจะกั้นไว้ไม่อยู่นะสิ"

"กั้นไม่อยู่ก็ต้องกั้น ไม่งั้นเมือง C จบแน่"   ในที่สุดฮวางซางก็เข้าใจว่าทำไมกองทหารเหล่านั้นถึงได้ผิดปกติไป เดิมทีคือกองกำลังเสริม เมื่อคิดได้ตรงนี้ เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้

" ต้องรออีกนานแค่ไหนกว่าจะมีกองกำลังมาเสริมเพิ่มเติม?

"เดิมที มนฑลหูหนานของพวกเราไม่ได้มีกองกำลังเสริมอะไรเลย นอกจากสามกลุ่มที่อยู่ในเมือง C เหล่านึ้ ก็เหลือเพียงแค่กองกำลังเสริมและกองทหารที่อยู่ในบริเวณเมืองบางส่วน รวมถึงกองพลทหารอากาศเท่านั้น แต่ตอนนี้ได้ตกไปอยู่ในปฏิบัติการรักษาความสงบของสังคมภายในเมืองของตัวเองแล้ว ไม่มีทางที่จะมาสนับสนุนเราได้"  หลิวซินส่ายหน้า ก่อนพูดว่า

" ดังนั้นตอนนี้พวกเราก็ทำได้เพียงคาดหวังกับกองกำลังสนับสนุนในเมืองแล้ว แต่เนื่องจากม่านหมอกที่ปกคลุมไปทั่ว แล้วยังมีเหตุผลอื่นๆอีกบางส่วน ต่อให้พวกเขานั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูงก็ตาม เร็วสุดก็คงจะถึงคืนพรุ่งนี้"

เขตสงครามทางตอนใต้ของเมืองเทียนฉาวได้ตั้งอยู่ในมณฑลหูหนาน กองบัญชาการณ์เขตสงครามทางตอนใต้ได้ตั้งอยู่ด้านข้างเมืองหยาง ดังนั้นภายใต้สถานการณ์นี้ ถ้าต้องการกำลังทหารจากฝั่งนั้นละก็เร็วที่สุดก็ยังต้องใช้เวลา 1- 2 วันจึงจะมาถึงที่นี่

“หวังว่าถึงตอนนั้นจะคงยังสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้นะ”

เมื่อรู้ว่ากำลังทหารหลักต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 วันจึงจะมาถึง ฮวางซางจึงเกิดความรู้สึกหนักหน่วงเพิ่มขึ้นมาในจิตใจ ถึงอย่างไรการยืดเวลาออกนานมากเท่าไหร่ สถานการณ์ในเมือง C ก็ยิ่งแย่ลงบมากขึ้นเท่านั้น

ฮวางซางคุยไป พร้อมกับเข้ารับการตรวจสอบที่อยู่นอกประตูไปด้วย เมื่อแน่ใจว่าไม่มีทีท่าว่าจะติดเชื้อหรือมีบาดแผล ในที่สุดฮวางซางก็ได้เข้ามาในเทียนฉาวที่มีชื่อเสียงได้สำเร็จ  สถานที่แห่งนี้เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงด้านการทหารที่ยอดเยี่ยมที่สุด

ตอนนี้ตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ต่อให้อยู่ในเขตโรงเรียนก็ไม่สามารถออกมาเดินเล่นได้ ดังนั้นฮวางซางจึงตามหลิวซินกลับบ้านพ่อแม่ไปก่อน หลังจากนั้นก็เข้าไปในห้องที่หลิวซินเตรียมไว้ให้

สำหรับพ่อแม่ของหลิวซินนั้นเนื่องจากเรื่องซอมบี้ในเวลานี้จึงทำให้ท่านทั้งสองยุ่งไม่หยุด จึงไม่มีเวลาแม้แต่จะกลับบ้าน ย่อมไม่สามารถมากล่าวทักทายฮวางซางได้  หลังจากพูดคุยกันสักพักแล้ว หลิวซินก็กลับไปเล่นเกมส์ที่ห้องของตัวเอง ในที่สุดฮวางซางจึงได้มีเวลาเป็นส่วนตัวที่สามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่

เพียงแต่ว่าเมื่อนึกถึงเรื่องสัตว์ประหลาดสีเลือดน่ากลัวตัวนั้น รวมถึงการดำรงอยู่ของสิ่งลึกลับที่ทำลายล้างโรงพยาบาลแห่งนั้น  แล้วก็ยังมีการฟื้นคืนของระบบในช่วงเวลานี้อีก ในใจของฮวางซางเหมือนกับถูกหินก้อนหนึ่งกดทับเอาไว้ ทำยังไงเขาก็ไม่มีทางผ่อนคลายลงบ้างเลย

ดังนั้น สุดท้ายเขาจึงพักผ่อนอย่างเกียจคร้าน แล้วเปิดโทรทัศน์ที่อยู่ในห้องแทน ในเมื่อระบบได้บอกไว้ว่าจุดจบของโลกได้มาถึงตัวมนุษยชาติแล้ว ความเลื่อมใสศรัทธา ความหวาดกลัว ความเพ้อฝัน ต่างเป็นความจริงทั้งหมด งั้นถือโอกาสในตอนนี้รวบรวมข้อมูลที่เกี่วข้องบางส่วนให้ได้มากที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการจนมุมถ้าหากได้พบเจอกับสิ่งนั้นจริงๆ

แต่ก่อนหน้านั้น ฮวางซางได้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับจุดจบของโลกมาบางส่วนแล้ว ซอมบี้และเรื่องราวในม่านหมอก ดังเช่นการรายงานข่าว ตอนนี้เชื้อซอมบี้ได้แพร่กระจายไปทั่วโลก มิหนำซ้ำสถานการณ์การแพร่เชื้อก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่ยังมีความโชคดีอยู่เพียงสิ่งเดียว คือการกลายพันธุ์ในช่วงแรกเริ่มของซอมบี้นั้นจะมีผลกับร่างของคนตายเท่านั้น

ดังนั้นซอมบี้ที่ปรากฏขึ้นมาในช่วงแรกจึงยังคงมีจำนวนไม่มากนัก บวกกับอิทธิพลของหนังและเกมส์ในหลายปีมานี้ ผู้คนจึงมีประสบการณ์ในการต่อกรกับซอมบี้หลากหลายอยู่บ้าง  ดังนั้นภายใต้การนำพาของรัฐบาลแต่ละประเทศ จึงไม่ได้ถึงกับตกอยู่ในสถานการ์การล่มสลายไปทั้งหมด

ยิ่งไปกว่านั้นคือคนของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกามีอาวุธอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งเป็นประเทศที่มีประชากรที่หนาแน่นน้อยกว่า จึงทำให้ควบคุมการแพร่กระจายของซอมบี้ทำได้ดีในช่วงแรก

มีเพียงปืนเท่านั้นที่จะเป็นประโยชน์ได้มากที่สุด เมื่อวันสิ้นสุดโลกมาถึง ม่านหมอกที่แผ่คลุมไปทั่ว ความสงบเรียบร้อยที่พังทลายลงไป ด้วยปริมาณของปืนที่มีค่อนข้างสูงเมื่อเฉลี่ยต่อคน อีกทั้งการรักษาความสงบของสังคมโดยมีประเทศสหรัฐอเมริกาที่ไม่ดีเพราะมีการก่อความวุ่นวายกันมากขึ้น  ภายใต้สถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้ ก็เกิดการบาดเจ็บล้มตายที่เกิดจากปืนในมือของพวกเขา หลังจากนั้นคนที่ล้มตายลงก็กลายร่างเป็นซอมบี้ ส่งผลให้สถานการณ์ที่เดิมทีสามารถควบคุมไว้ได้แล้วกลับพังทลายลงอีกครั้ง

สรุปก็คือ สถานการณ์ทั่วโลกในตอนนี้จึงไม่อาจมีความสงบสุขรื่นรมย์ได้แต่ตอนที่ฮวางซางได้ทำการสอบถามข่าวเหล่านี้นั้น สายตาก็มองไปเห็นโพสต์บางส่วนที่หัวข้อนั้นกลับดึงดูดความสนใจของเขามาก

ม่านหมอกและซอมบี้คือการเริ่มต้น อันตรายที่แท้จริงมันได้มาถึงแล้ว!》

เมื่อเห็นหัวข้อโพสต์นี้ ฮวางซางก็เกิดความรู้สึกแข็งทื่อในใจขึ้นมาทันที จากนั้นก็รีบคลิ้กหัวข้อนั้นเพื่อเปิดอ่านทันที  เป็นดังเช่นที่เขาคาดเดาไว้จริง ๆ ในหัวข้อนี้ได้บอกถึงเนื้อหาทั้งหมดที่แทบจะเหมือนกับข้อมูลที่ระบบได้บบอกเขาไว้อย่างคาดไม่ถึง แม้กระทั่งต่อไปอาจจะมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการปรากฏตัวของสัตว์ประหลาดอื่นก็มีพูดเอาไว้ทั้งหมด

เพียงแค่โพสต์นี้ออกไป ความเชื่อของคนเหล่านั้นกลับมีน้อยมาก  มีเพียงคนที่ต่ำช้าบางส่วนเท่านั้นที่ตอบกลับความเห็นกลับมา และถึงขั้นด่าทอเลยก็มี

สำหรับการเยาะเย้ยหรือด่าทอของคนเหล่านี้ เจ้าของโพสต์นั้นก็ไม่ได้โต้กลับแต่อย่างใด หวังว่าเพียงให้ทุกคนจะเชื่อข้อมูลทุกอย่างที่เขาบอก ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้บอกกับทุกคนว่า ถ้าสัตว์ประหลาดเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้นมาจริง ๆ ความเป็นไปได้ที่สุดก็คือ สัตว์ประหลาดเหล่านั้นจะค่อยๆปรากฎขึ้นในระดับขั้นต้นที่อ่อนแอก่อน  อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะเป็นระดับขั้นต้น แต่ก็จะมีจำนวนสัดส่วนที่สูงมาก  ดังนั้นเขาจึงแนะนำให้ทุกคนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดที่พบเห็นบ่อยๆเหล่านั้น หรือไม่ก็ข้อมูลในเรื่องเล่าเก่าๆต่าง ๆให้มากที่สุด จะได้เตรียมการรับมือในช่วงเวลาที่จำเป็น

หลังจากนั้น เจ้าของโพสต์นี้ก็ไม่ได้ตอบกลับมาอีกครั้ง

“ทำไมคนๆนี้ถึงได้รู้เรื่องเหล่านี้หล่ะ?” เมื่ออ่านโพสต์นี้จบ ฮวางซางก็ตกอยู่ในภวังค์ทันทีเขาตระหนักได้ถึงเรื่องที่สำคัญที่สุดเรื่องหนึ่ง  นอกจากหยกเม็ดนี้ที่เขามีแล้ว ยังมีความเป็นไปได้ที่จะมีการสืบทอดอาวุธรูปแบบอื่น ๆบนบนโลกใบนี้อีก

รีวิวผู้อ่าน

god44beer
1363 วันที่แล้ว

ดี


  แสดงความคิดเห็น