px

เรื่อง : วันสิ้นโลก
ตอนที่ 21  กลายพันธุ์  อพยพ 


ตอนที่ 21  กลายพันธุ์  อพยพ 

 

เพราะรู้ว่าสถานการณ์ภายในเมืองCมีแนวโน้มว่าจะปลอดภัย  อีกทั้งด้านนอกก็ยังมีกองกำลังทหารและตำรวจ เฝ้าระวังไว้ นอกจากนี้ม่านหมอกหนาๆก็สลายหายไปแล้ว  ถ้าดูตามหลักเหตุผลแล้วก็ไม่น่าจะเกิดเหตุุการณ์ที่คาดไม่ถึงได้ด้วยซ้ำ แล้วเสียงปืนและเสียงสัญญาณเตือนภัยมันมาจากไหนอีก?

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ขอบเขตการส่งเสียงของปืนที่มีประสิทธิภาพภายในเมืองจะมีระยะทางอยู่ประมาณ หนึ่งพันเมตร  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ภายใต้เสียงสัญญาณเตือนภัยแบบนี้ยิ่งทำให้เบาลงมาก แต่พวกเขากลับได้ยินเสียงปืนที่ชัดเจน  เรื่องนี้บอกได้อย่างชัดเจนว่า--- สถานที่ยิงปืนนั้น  ได้อยู่ภายในกองกำลังป้องกันแล้ว!

ไม่ ไช่เพียงแต่เสียงปืนเท่านั้น!

ต่อจากนั้น นอกจากเสียงปืนและเสียงสัญญาณเตือนแล้ว เสียง กรีดร้องอย่างน่าเวทนาก็ดังปะปนอยู่ในเสียงปืนและเสียงสัญญาณเตือนด้วย  มันดังแผ่ขยายเข้ามาในหูของฮวางซางแชะหลิวซิน!

เพียงแต่ว่าสถานที่หลายแห่งที่ส่งเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาเช่นนี้นั้น  ไม่เพียงแต่ดังมาจากอาคารสองหลังที่อยู่ด้านข้างแล้วเท่านั้น แม้กระทั่งอาคารที่ฮวางซางอยู่ในตอนนี้ก็มีเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาดังขึ้นมาเหมือนกันด้วย

“ระยำเอ๊ย

เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องที่ดังแผ่ขยายออกมานั้น  ในใจของฮวางซางก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที ก่อนจะเปิดหน้าต่าง แล้วมองไปตามทิศทางของเสียงกรีดร้องนั้น

แล้วก็ได้พบกลับเงาที่มีเลือดไปทั้งตัวคนหนึ่ง  ภายในอาคารหอพักหลังหนึ่งที่อยู่ห่างจากพวกเขาไม่ไกลนัก  กำลังพยายามปีนป่ายระเบียงอยู่  ดูเหมือนว่ากำลังพยายามที่จะกระโดดลงมาจากกระเบียงนั้น  เพื่อหลบหนีจากสิ่งที่น่ากลัวบางอย่าง แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ทำไม่สำเร็จ  ได้ถูกเงาที่โซซัดโซเซสองตัวดึงกลับไปบนระเบียง หลักจากนั้นก็ถูกกัดฉีกอย่างบ้าคลั่ง

หลังจากนั้น เสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาก็ดังขึ้น เลืดสดๆจำนวนมากได้ทะลักออกมาจากร่างนั้น จนย้อมระเบียงนั้นกลายเป็นสีแดงไปทั่วทุกพื้นที่

“ซอมบี้? เมื่อเห็นภาพนั้น รูม่านตาของฮวางซางก็หดตัวลงอย่างรวดเร็ว

ทำไมถึงมีซอมบี้โผล่มาในกองกำลังป้องกันประเทศได้ละ? อีกทั้งยังปรากฏขึ้นมาเป็นจำนวนมากอีกด้วย

“หรือเพราะว่าผลจากพลังเหนือฟ้าดินได้เริ่มขึ้นแล้วจริงๆ

ในขณะที่การปรากฏตัวของซอมบี้  ได้สร้างความตื่นตกใจให้กับฮวางซางอยู่นั้น  เสียงของเครื่องจักที่ไม่ได้ยินมาเป็นเวลานานเครื่องหนึ่ง  ก็ได้ดังขึ้นมาในหัวของฮวางซางอย่างฉับพลัน

“เมื่อไม่นานมานี้ กระแสพลังเหนือธรรมชาติได้มาถึงจุดสูงสุดแล้วครั้งหนึ่ง  หมอกแห่งวิญญาณได้รวมตัวกันเป็นก้อนกลายเป็นฝนแห่งจิตวิญญาณ  นี่ไม่เพียงแต่จะทำให้พลังเหนือฟ้าดินแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น  มันยังก่อให้เกิดการกลายพันธุ์จำนวนมากขึ้นอีกด้วย เหมือนกับภูติผีที่โฮสต์ได้ประสบพบเจอก่อนหน้านั้น  และผีดิบที่ก่อเกิดขึ้นอย่างฉับพลันเช่นนี้แหละ”

“ระบบ คุณฟื้นแล้วเหรอ?

ในที่สุดระบบก็ฟื้นตื่นขึ้นมาแล้ว  แต่ในใจของฮวางซางในตอนนี้กลับไม่ได้ปิติยินดีแต่อย่างใด กลับเกิดความรู้สึกเป็นกังวลลึกๆมากขึ้นไปอีก  

“คุณหมายความว่าเชื้อไวรัสซอมบี้ได้รับการเสริมพลังที่มากพอ  จนสามารถใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งเหล่านั้นได้ ทหารที่มีร่างกายแข็งแรงก็จะติดเชื้อขั้นที่สอง แล้วกลายร่างเป็นซอมบี้อย่างนั้นเหรอ?

“ไม่ การเสริมพลังไม่ได้ทำให้ติดเชื้อไวรัสซอมบี้ แต่เป็นมนุษย์เองต่างหาก” แต่ทว่าระบบกลับได้ให้คำตอบที่แตกต่างกัน

”กระแสพลังเหนือธรรมชาติได้มาถึงขั้นสูงสุดแล้ว  พลังเหนือฟ้าดินได้ทำการชำระล้างร่างกายของมนุษย์ ซึ่งความจริงแล้วไม่ได้เป็นอันตรายต่อมนุษย์แต่อย่างใด  มันยังนำมาซึ่งผลดีมหาศาลให้แก่มนุษย์อีกด้วย ให้ร่างกายของพวกเขาได้รับการเสริมสร้างกำลังอย่างต่อเนื่อง”

“แต่ปัญหาคือ เนื่องจากคุณสมบัติของทุกคนนั้นไม่เหมือนกัน ดังนั้นประสิทธิภาพที่พวกเขาได้ดูดซับพลังเหนือธรรมชาติเข้าไปจึงแตกต่างกัน ทั้งหมดนี้จึงส่งให้พวกเขาได้รับผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง”

“คนที่มีคุณสมบัติดี จะสามารถดูดซับพลังเหนือธรรมชาติได้เร็ว ดังนั้นต่อให้พวกเขาไม่ได้บำเพ็ญสิ่งใดก็สามารถผสานพลังเหนือธรรมชาตินี้ไว้ภายในตัวเองได้ แล้วเสริมสร้างให้แก่ตัวเอง  แม้กระทั่งสามารถเปิดพรสวรรค์พิเศษที่หลากหลายของตัวเองได้อีกด้วย หรือที่พวกเจ้าเรียกกันโดยทั่วไปว่าความสามารถพิเศษ  หรือพลังเหนือมนุษย์นั้นแหละ”

“แต่ถ้ามีคุณสมบัติที่เลวร้าย ย่อมไม่มีทางที่ดูดซับพลังเหนือฟ้าดินเข้ามาชำระล้างตัวเองได้ทันการณ์อย่างแน่นอน  พลังเหล่านี้จึงได้ดูดซับไวรัสซอมบี้เข้ามาในร่างกายของพวกเขา หลังจากนั้นมันจะเสริมสร้างเชื้อไวรัสไปอีกขั้นหนึ่ง ทำให้ร่างกายของพวกเขาสูญเสียภูมิคุ้มกัน ในที่สุดพวกเขาก็กลายร่างเป็นซอมบี้

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ระบบที่เป็นเสียงเครื่องจักรนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขั้นมา

“ฟ้าดินไร้ปราณี ปฏิบัติคล้ายดั่งสรรพสิ่งเป็นหุ่นฟาง  การเปลี่ยนแปลงของฟ้าดินครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ หรือว่าสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ แม้กระทั่งไวรัสซอมบี้ ก็จะมีทั้งโอกาสและอันตรายเหมือนกันหมด ดังนั้นมีเพียงคนที่คว้าโอกาสนี้ไว้เท่านั้นถึงจะกลายเป็นคนที่ชนะรอบสุดท้าย แต่ถ้ามีคนที่แพ้เพียงคนเดียวในสนามนี้ ก็คือ..ต้องตาย

“ระยำเอ๊ย

เมื่อถึงตอนนี้ ฮวางซางก็เริ่มเข้าใจความน่ากลัวและความทารุณโหดร้ายของวันจุดจบโลกแล้วอย่างแท้จริง

เมื่อคิดได้ว่ามนุษย์ที่อยู่เมืองนี้มีโอกาสกลายร่างเป็นซอมบี้ได้ทุกคน แม้กระทั่งทหารเหล่านั้นก็ไม่มีข้อยกเว้น  ในใจของฮวางซางก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันใด

ถ้าพูดถึงความเป็นไปได้  ที่จะพึ่งพากองกำลังทหาร  ให้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ให้คงที่เหมือนก่อนนั้นละก็  ตอนนี้แม้แต่กองกำลังทหารก็ยังยากที่จะปกป้องตัวเองได้เลย  แล้วยังจะมีใครที่สามารถเข้ามาช่วยเมือง C และคนอีกหลายคนในเมือง C ได้ละ?

“พี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีซอมบี้มากมายขนาดนี้ปรากฏตัวขึ้นมาในนี้ละ?”

ในขณะที่ฮวางซางกำลังพูดคุยอยู่กับระบบอยู่นั้น หลิวซินก็ได้เห็นร่องรอยของซอมบี้  หลังจากนั้นสีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที

“ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงกันดี?”

“ดูเหมือนว่าจะเป็นการกลายพันธุ์ใหม่ในไวรัสซอมบี้ ดังนั้นคนที่มีร่างกายแข็งแรงเหล่านั้นจึงได้กลายร่างเป็นซอมบี้

ฮวางซางสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า

“ตอนนี้กองกำลังป้องกันประเทศวุ่นวายจนกลายเป็นแบบนี้แล้ว เกรงว่าด้านนอกก็คงจะวุ่นวายยิ่งกว่า ดูเหมือนว่าเมือง C  จะควบคุมไว้ไม่อยู่แล้ว

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ดวงตาของฮวางซางก็เปล่งประกายความเด็ดเดี่ยวออกมา

“อพยพ ตอนนี้พวกเราทำได้เพียงปกป้องตัวเองแล้วอพยพออกไปจากที่นี่ก่อน ประชากรในเมือง C แออัดเกินไป ทหารก็น้อยเกินไปด้วย แม้กระทั่งกองกำลังทหารสนับสนุนก็ยังมาไม่ถึง ขืนพวกเราอยู่ที่นีต่อไปคงได้ตายกันจริง ๆ

“งั้น....คนอื่นในเมือง C ละ? เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง สีหน้าของหลิวซินก็ยิ่งเปลี่ยนเป็นซีดเผือดมากยิ่งขึ้น

 “ไม่ต้องสนใจแล้ว ฮวางซานส่ายหน้า ก่อนพูดโน้มน้าวว่า

“ไม่มีใครรู้ว่าครั้งนี้คนที่ติดเชื้อไวรัสกลายร่างเป็นซอมบี้มีจำนวนเท่าไหร่ บวกกับตอนนี้ก็ยังเป็นกลางดึกอีกด้วย ผู้คนที่ไม่ได้เตรียมการป้องกัน ดังนั้น.......”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮวางซางก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่หลิวซินก็เข้าใจความหมายของฮวางซางได้

เมื่อรู้ว่าเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์การแพร่เชื้อที่เกิดขึ้น ประชากรในเมือง C จึงอยู่แต่ในบ้านภายใต้การควบคุมจากทหาร นี่บ่งบอกได้ว่า ถ้าในกรณีที่มีหนึ่งคนในบ้านกลายเป็นซอมบี้ งั้นก็มีความเป็นไปได้ว่าทุกคนในบ้านจะติดเชื้อซอมบี้ไปด้วย

เกรงว่าจะไม่มีใครคาดคิดด้วย  ตอนแรกเพื่อหลีกเลี่ยงและยับยั้งการแพร่เชื้อซอมบี้ที่จะขยายตัวเป็นวงกว้าง ตอนนี้กลับกลายเป็นตัวสนับสนุนซอมบี้ไปซะงั้น

กริ๊ง กริ๊ง

ทันใดนั้น โทรศัพท์หลิวซินก็ดังขึ้น เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ หลิวซินก็รีบรับทันที ก่อนพูดขึ้นว่า

“พ่อ พ่อไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

“พ่อไม่เป็นอะไร พ่อและแม่ของแกกำลังประชุมอยู่กับกองกำลังเสริมอยู่บนตึกสูงหลายชั้น คิดไม่ถึงว่าจะมีคนกลายร่างเป็นซอมบี้ แต่ยังดีที่อีกหลายคนในพวกเราพกปืนมาด้วย อีกทั้งก็ยังมียามรักษาความปลอดภัยอยู่บางส่วน ดังนั้นคนที่กลายร่างเป็นซอมบี้เหล่านั้นจึงถูกพวกเราจัดการแล้ว”

น้ำเสียงของพ่อหลิวซินที่ดังขึ้นมาปลายเสียงนั้นมีความกังวลอยู่ไม่น้อย

”แกล่ะ แกยังโอเคอยู่ไหม แล้วก็เพื่อนของแก.....”

“เราสองคนไม่เป็นอะไรครับ

หลิวซินรู้ว่าพ่อของเขาเป็นห่วงว่าฮวางซางจะกลายร่างเป็นซอมบี้ ดังนั้นจึงรีบบพูดขึ้นว่า

“พ่อ ต่อไปเราจะทำยังไงกันดี ฮวางซางบอกว่าไวรัสซอมบี้ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เมือง C ควบคุมไว้ไม่อยู่แล้ว ...เป็นความจริงใช่ไหม?

 “ไม่ผิด พ่อเองก็เพิ่งได้ข่าวมา คนจำนวน 1 ใน 3 ของกองกำลังป้องกันประเทศและทหารได้กลายร่างเป็นซอมบี้อย่างฉับพลัน ดังนั้นจึงได้เกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้  ถ้าหากด้านนอกเป็นเช่นนี้ด้วยละก็  งั้นเมือง C ก็คงจะควบคุมไว้ไม่ได้อีกต่อไปอย่างแน่นอน

เมื่อยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดถึง น้ำเสียงพ่อของหลิวซินก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

”จากสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า กำลังที่พวกเราใช้ได้ในเขตกองกำลังป้องกันประเทศนั้นมีไม่มากแล้ว ตอนนี้พวกเรากำลังเตรียมรวบรวมกำลังบางส่วนอพยพออกไปจากที่นี่ แกอยู่ที่บ้านห้ามออกไปไหน พ่อจะส่งคนไปรับแก

ถ้าหากกลายร่างในช่วงเวลากลางวัน กำลังทหารที่อยู่ในที่แห่งนี้ก็คงจะไม่สูญสิ้นไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ การกลายร่างนั้นมันเกิดขึ้นในเวลาเที่ยงคืน ทหารเหล่านั้นก็กำลังหลับกันอยู่ อีกทั้งอาวุธของพวกเขาก็ถูกเก็บเอาไว้ในโรงเก็บอาวุธด้วย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อัตรากลายร่าง 1 ใน 3 มันเพียงพอที่จะทำลายกำลังหลักในเขตกองกำลังป้องกันประเทศแห่งนี้ได้

“ครับ

เมือ่ได้ยินคำพูดของพ่อ หลิวซินก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนพูดว่า

“ผมจะรอพ่อยู่ที่นี่...พ่อ พ่อก็ต้องระวังตัวด้วยนะครับ

“พ่อรู้แล้ว

น้ำเสียงที่มีความเคร่งขรึมของพ่อหลิวซินก็ได้ดังขึ้นมาในปลายสาย หลังจากนั้นก็วางไป

“ฮ่องเต้ ไม่ต้องกังวล พวกเราไม่เป็นอะไรแล้วครับ”

หลังจากวางสายไปแล้ว หลิวซินหันมายิ้มกับฮวางซางพร้อม ก่อนพูดขึ้นว่า

“พ่อของผมจะมารับพวกเราเร็วๆนี้”

“อื้อ”  เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวซิน ฮวางซางก็พยักหน้า พร้อมกับพูดกับระบบอยู่ในใจ ไปในเวลาเดียวกัน

“ระบบ คำสาปแช่งบนตัวของฉัน ....คุณมีวิธีกำจัดมันไหม?”

“ระบบไม่มีวิธีกำจัดคำสาปแช่งในตัวของโฮสต์ แต่โฮสต์สามารถทำลายมันด้วยตัวเองได้”

ระบบ ”ตอนนี้ระดับความเข้มข้นของพลังเหนือฟ้าดิน สามารถจับตัวกันเป็นก้อนและกลายเป็นภูตผีได้ พลังอำนาจของภูติผีเหล่านั้นก็ยังไม่ได้ถือว่าแข็งแกร่งมาก ดังนั้นโฮสต์สามารถฝึกฝนวิชาหลอมรวมเป็นหนึ่งเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นได้  ภายใน 7 วัน  อันดับแรกจะต้องควบคุมการใช้พลังเหนือธรรมชาติให้ได้มากพอ ถึงตอนนั้นระบบจะสามารถเข้าช่วยเจ้าต่อกรกับภูติเหล่านั้น”

“งั้นฉันต้องทำยังไงถึงจะสามารทำให้วิชาหลอมรวมเป็นหนึ่งเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นได้ หรือว่าต้องฆ่าซอมบี้?”

เมื่อรู้ว่าระบบมีวิธีช่วยรับมือกับคำสาปแช่งของซาดาโกะได้  ในใจของฮวางซางก็ผ่อนคลายลงทันที ก่อนจะถามขึ้นด้วยความคาดหวังในเวลาเดียวกัน

หลังจากที่วิชาหลอมรวมเป็นหนึ่งบรรลุแล้ว  ศักยภาพของเขาก็เพิ่มขึ้นไม่น้อยด้วยเช่นกัน  ถ้าหากต้องต่อกรกับแค่ซอมบี้ทั่วไปละก็  ถึงแม้ว่าจะมีซอมบี้ 7- 8 ตัวปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน  เขาก็สามารถรับมือกับพวกมันได้อย่างสบายๆ ยิ่งไปว่านั้น  ในมือของเขาก็ยังมีลิ้นของลิกเกอร์  ที่สร้างความหวาดกลัวให้กับซอมบี้ทั่วไปอีกชิ้นหนึ่งด้วย  ดังนั้นหากต้องฆ่าซอมบี้เพื่อนำมาซึ่งการบรรลุอีกขั้น  ของวิชาหลอมรวมเป็นหนึ่งละก็  งั้นมันก็ไม่มีอะไรยากเกินกว่าความสามารถของเขาได้

“หากโฮสต์ต้องการบรรลุวิชาหลอมรวมเป็นหนึ่งอีกขั้น  จะต้องฆ่าซอมบี้อย่างน้อย 300 ตัว ถึงจะมีพลังที่สะสมได้มากพอ”

เพียงแต่ว่าดูเหมือนว่า  เรื่องนี้จะไม่ได้ง่ายอย่างที่ฮวางซางคิดเอาไว้  ต่อมาเสียงของระบบก็ดังขึ้นมาในหัวของเขาอีกครั้ง

“อีกทั้งพลังของซอมบี้ 300 ตัวนี้  เป็นแค่พลังที่จะช่วยผลักดันการบำเพ็ญของโฮสต์  ให้ไปถึงขอบเขตของการบรรลุเท่านั้น ถ้าอยากจะบรรลุทันทีทันใดนั้น โฮสต์จะต้องฆ่าสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งกว่าซอมบี้ทั่วไป 1 ตัว  หลังจากนั้นก็จะได้รับพลังอันทรงพลังและบริสุทธิ์ของสัตว์ประหลาดตัวนั้นมาทำลายคอขวดที่อยู่ตัวเรา ”

“คุณหมายความว่า การฆ่าซอมบี้ 300 ตัวไปแล้วก็ยังไม่พอ แล้วก็ยังต้องฆ่าสัตว์ประหลาดที่เหนือกว่าซอมบี้ อย่างลิกเกอร์หรือไม่ก็ไทแรนท์ตัวใดตัวหนึ่งถึงจะบรรลุเหรอ? ”

เมื่อได้ยินคำพูดของระบบ ฮวางซางก็เกิคอาการตื่นตระหนกขึ้นมาทันที

“งั้นคุณก็เท่ากับว่าเรียกฉันให้ไปตายเร็วขึ้นน่ะสิ

พลังของ ลิกเกอร์ และ ไทแรนท์ เขาก็เห็นมากับตาตัวเองแล้ว การที่คนตัวเล็กๆอย่างเขา  คิดจะไปรับมือกับเจ้าสองตัวนั้น  เท่ากับกำลังพาตัวเองเข้าไปหาความตายใช่ไหม?

“มันยากลำบากมากจริง ๆ แต่การที่จะให้บรรลุภายใน 7 วัน ก็มีเพียงทางเดียวเท่านั้น”

เสียงเครื่องจักรของระบบที่ฮวางซางได้ยินในเวลานี้มันทั้งเย็นชาและไร้ความรู้สึก

”หรือโฮสต์จะฆ่าซอมบี้ให้มากกว่า 300 ตัวขึ้นไป แล้วค่อยๆฝึกฝนใช้เวลาในการทำลายคอขวดนั้นไปทีละน้อยก็ได้”

“เหอเหอ ...” แต่ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของระบบ  ฮวางซางกลับหัวเราะอย่างเยือกเย็นออกมา

ซอมบี้ 300 ตัว  ?  ถึงแม้ว่าจะอยู่เฉยๆให้เขาฆ่า เขาก็ไม่สามารถฆ่าพวกมันได้ครบภายใน 7 วันหรอก

เห้อ.... ดูเหมือนว่าตอนนี้มีเพียงก้าวไปทีละก้าวเท่านั้นแล้ว

ครืน

ในขณะที่ฮวางซางกำลังปวดหัวอยู่กับ “ภารกิจที่ไม่มีทางทำได้” อยู่นั้น โทรศัพท์ของหลิวซินก็ได้รับข้อความอีกครั้ง

 “อะไรกัน?”

แต่ทว่าหลังจากที่อ่านข้อความนั้นแล้ว สีหน้าของหลิวซินก็เปลี่ยนไปทันใด ก่อนจะกัดฟันกรอด แล้วหันไปพูดกับฮวางซางว่า

“คนที่พ่อของผมส่งมารับพวกเราได้ถูกซอมบี้  ที่กลายร่างขึ้นมาอย่าฉับพลัน  กลุ่มหนึ่งฆ่าตายแล้ว  ตอนนี้ข้าราชการระดับสูงคนอื่น ๆ ก็ไม่อนุญาติให้แยกตัวมาช่วยพวกเราได้อีกแล้ว  ดังนั้นตอนนี้พวกเราทำได้พียงต้องพึ่งตัวเองแล้ว

“แม่งเอ๊ย ซอมบี้เยอะขนาดนี้ เราสองคนจะออกไปฆ่าพวกมันได้ยังไง?

เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลิวซินก็ชกกำปั้นไปที่ประตู พร้อมกับส่งเสียงที่อึดอัดใจออกมา

พลั่ก พลั่ก พลั่ก

แต่ยังไม่ทันรอให้หลิวซินพูดอะไรออกมา ประตูใหญ่ของพวกเขากลับสั่นไหวขึ้นอย่างรุนแรง ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังกระแทกอยู่ด้านนอก

ในเวลาเดียวกัน  เสียงคำรามที่แหบแห้งก้าวร้าว ก็ดังขึ้นมาจากด้านนอกของประตู

รีวิวผู้อ่าน

god44beer
1362 วันที่แล้ว

ดี


  แสดงความคิดเห็น