px

เรื่อง : วันสิ้นโลก
ตอนที่ 29 สงครามเลือด สังหารหมู่


ตอนที่ 29 สงครามเลือด สังหารหมู่

 

“ฆ่ามัน

เมื่อเห็นสุนัขตัวใหญ่วิ่งพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ฮวางซางก็รู้สึกตึงเครียดในจิตใจขึ้นมาทันที  ก่อนจะกัดฟันกรอด แล้วกวัดแกว่งขวานที่อยู่ในมือไปยังด้านหน้าสุด หลังจานั้นก็กระโดดไปด้านหน้า แล้วฟันไปยังสุนัขที่พยายามพุ่งเข้ามาตัวนั้นอย่างโหดเหี้ยม

ถ้าหากอยู่ด้านหน้า เขากลัวว่าขาคงทำได้มากที่สุดแค่คิดหาวิธีปกป้องหลิวซินเท่านั้น ถึงอย่าไงเขาก็ไม่เคยลืมว่า ตอนที่อยู่ในกองบัญชาการ คนเหล่านี้คิดที่จะบีบบังคับเขาให้ออกไปตาย

แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกันแล้ว

ตอนนี้เขาลงมือไม่ใช่เพราะคนเหล่านี้ แต่เป็นเพราะเซรุ่มที่อยู่ในมือของคนเหล่านี้ต่างหาก และก็เพื่อปกป้องอนาคตของมุนษยชาติด้วย

ขนาดครอบครัวที่เห็นแก่ตัวเหล่านี้  ยังเลือกที่จะต่อสู้เพื่อเซรุ่มเลย แล้วเขามีเหตุผลอะไรที่ต้องถอยละ?

กรอบ

ถึงแม้ว่าสุนัขกลายพันธุ์นี้จะเร็วมากก็ตาม แต่พละกำลังของมันกลับสูงกว่าซอมบี้ทั่วไปขั้นหนึ่งเท่านั้น  อีกทั้งพลังการป้องกันก็ยังไม่แข็งแกร่งด้วย แต่สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้มีความเร็วเท่าพวกมัน  กลับกลายเป็นพญายมที่น่ากลัวของทุกคนแทน   แต่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับฮวางซาง  ที่มีความสามารถในการตอบสนองที่ที่ค่อนข้างดี  และเร็วเหนือมนุษย์ทั่วไปนั้น สุนัขเหล่านี้ก็ถือว่ายังค่อนข้างอ่อนแอกว่าอยู่

พริบตาเดียว    สุนัขยักษ์ได้พุ่งลอยตัวขึ้นมากลางอากาศแต่ยังไม่ทันที่จะถึงตัวของฮวางซาง ก็ถูกฮวางซางสับเข้าไปบนหัวอย่างแรง

หลังจากนั้น  ภายใต้การเคลื่อนไหว ด้วยพลังมหาศาลอันน่ากลัวของฮวางซาง ปลายแหลมคมของขวานนั้น สับไปบนหัวกะโหลกของเจ้าสุนัขยักษ์โดยตรง  ราวกับหั่นชีสอย่างสบายๆอย่างไรอย่างนนั้น  ในจังหวะนั้นเอง เสียงฉีกขาดของชิ้นเนื้อก็ดังขึ้น ตัวของเจ้าสุนัขยักษ์ตัวนั้นถูกฟันจนแยกออก กลายเป็นสองท่อน  แล้วล้มลงไปกองกับพื้นอย่างแรง

เลือดจำนวนมาก ที่ปะปนไปด้วยสิ่งสกปรกและมันสมอง ได้สาดกระเซ็นออกมาจากซากที่ขาดเป็นสองท่อนของเจ้าสุนัขยักษ์ตัวนั้น นองเต็นพื้น  แม้กระทั่งยังกระเด็นมาบนตัวของฮวางซางไม่น้อยอีกด้วย ในเวลาเดียวกัน กลิ่นเลือดและกลิ่นเหม็นคาวก็ได้ส่งกลิ่นกระจายออกไปทั่ว

ถ้าเป็นคนทั่วไป เลือดที่ย้อมบนตัวเป็นจำนวนมากแบบนี้  จะทำให้เกิดความไม่สบายใจและกระวนกระวายใจอย่างมาก แต่ในฐานะที่ฮวางซางเป็นหมอนิติเวช ย่อมคุ้นชินกับเลือดสด อีกทั้งยังเคยสังหารซอมบี้มามากกว่า 10 ตัวแล้วแบบนี้ จึงย่อมคุ้นชินกับเรื่องพวกนี้ด้วยเช่นกัน  ดังนั้นในตอนที่จะใช้ขวานสับไปบนหัวของสุนัขตัวนั้น เขาจึงเตะสุนัขอีกตัวที่พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างโหดเหี้ยโดยไม่ลังเลเลยสักนิด

ปังปัง

แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่ฮวางซาง  เตะสุนัขยักษ์ตัวนั้นจนลอยละลิ่วไป เสียงปืนสองนัดก็ดังขึ้นอย่างฉับพลัน  จากนั้นสุนัขยักษ์ที่ฮวางซางเตะออกไป รวมถึงสุนัขอีกตัวที่พุ่งเข้ามาจากด้านข้าง เพื่อลอบโจมตีฮวางซาง บนหัวของมันได้ทยอยกันปรากฏรูปดอกไม้สีเลือดบนหัวรูปหนึ่ง ก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้น ชักกระตุกเพียง 2 ที แล้วก็แน่นิ่งไป

 “สวยงามมาก

เมื่อเห็นหลิวซินจัดการสุนัขยักษ์สองตัวนั้นด้วยปืนเพียง 2 นัด แววตาของฮวางซางก็เปล่งประกายออกมาทันที

ทักษะการยิงปืนของหลิวซินถือว่าไม่เลวเลย หลังจากที่พลังเหนือมนุษย์ฟื้นตื่นขึ้นมา สมรรถะภาพร่างกายของเขาและความสามารถในการตอบสนอง  ก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ทักษะการยิงปืนก็เหมือนกับน้ำขึ้น  เรือย่อมลอยสูงกว่า  ย่อมตอบสนองได้เพียงพอกับความเร็วของสุนัขยักษ์เหล่านี้

ตึงตึงตึงตึงตึงตึง

อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ฮวางซางและหลิวซินเริ่มลงมือ  หลิวชิง รวมถึงหน่วยรักษาความปลอดภัยข้างกายเขาอีก 2-3 คน  ก็ทยอยกันเล็งปากกระบอกปืน  ไปทางสุนัขยักษ์เหล่านั้น แล้วยิงออกไป

ในกลุ่มคนเหล่านั้น นอกจากหลิวชิงที่ถือปืนพกแล้ว หน่วยรักษาความปลอดภัยคนอื่นๆ  ก็ยังถือปืนเล็กยาวจู่โจมรุ่น 95 อีกด้วย พลานุภาพของมันพอๆกับแผ่นเหล็ก 8 มิลลิเมตรที่โจมตีมาในระยะ 100 เมตร  ดังนั้นในเวลานั้นลูกกระสุนจำนวนนับไม่ถ้วน  ราวกับตาข่ายไฟอันน่ากลัวได้ยิงกราดออกไป พุ่งตรงไปคลอบคลุมสุนัขยักษ์เหล่านั้น

ตึงตึงตึงตึงตึงตึง

ถึงอย่างไรร่างกายของสุนัขยักษ์เหล่านั้น  ก็ไม่ได้เร็วไปกว่ากระสุนแต่อย่างใด ดังนั้นไม่นานสุนัขยักษ์ 3 – 4 ตัวที่ถูกห่ากระสุนนั้นปกคลุมไปจนทั่วทั้งตัว  ก็ได้ส่งเสียงร้องออกมาราวกับโดนทรมานอย่างไรอย่างนั้นก็ดังขึ้นมา  เลือดสดระเบิดออกไปทั่วทั้งตัว ก่อนจะจะล้มลงไปกองกับพื้น

ในเวลานั้น สุนัขยักษ์ 7-8 ตัว  ของสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้นแทบจะสูญสิ้นไปเกือบหมด

ไม่เพยงเช่นนี้  หลังจากที่ยิงสุนัขยักษ์หลายตัวแล้ว หน่วยรักษาความปลอดภัยหลายคน  ก็ทยอยเล็งปากกระบอกปืน  ไปที่สัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวร่างกายยักษ์ใหญ่ตัวนั้น  และยิงอย่างต่อเนื่อง

หลังจากนั้น  รูกระสุนหลายดอกนั้น  ก็กระจัดกระจายไปทั่วร่าง  ของสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้น

สิ่งที่สร้างความหวาดกลัวยิ่งกว่าก็คือ  การป้องกันของสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวนั้น  สร้างความตกใจอย่างถึงขีดสุด  เพราะว่าเนื้องอกหนาๆเหล่านั้น  บนร่างกายของเขาเหมือนกับเสื้อเกราะกันกระสุนหนาๆตัวหนึ่ง  เมื่อยิงกระสุนเหล่านั้นออกไปสร้างได้เพียงแค่ทะลุผ่านชิ้นเนื้อเข้าไป  หลังจากนั้นก็ฝังอยู่ในร่างกายของเขา จึงไม่ได้สร้างภัยคุกคามให้กับเขา

อีกทั้งสิ่งสำคัญที่สุดคือ ความเจ็บปวดของกระสุน  ที่ฝังเข้าในร่างกายเหล่านี้ จึงได้ทำให้เจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ

"อ่าาาาาาาา!"

ต่อจากนั้น  สัตว์ประหลาดบิดเบี้ยว  ที่เต็มไปด้วยกระสุนไปทั่วทั้งตัวนั้น  ก็ได้ร้องตะโกนออกมาอย่างฉับพลัน  แต่หลังจากที่ร้องตะโกนออกมาแล้ว  ซอมบี้ที่ตัวสั่นไม่กล้าเข้าใกล้  เพราะกลัวเจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้ ก็ทยอยพุ่งเข้ามาหาฮวางซางราวกับได้ยินคำสั่งบางอย่าง !

ไม่เพียงแค่นี้   สุนัขยักษ์ที่ดุร้ายก็ได้ส่งเสียงคำรามออกจากมาที่ไกลๆ  ราวกับสัมผัสได้ถึงเสียงคำรามของสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้  จากนั้นเงาดำอีก 10 กว่าตัว  ก็ทยอยพุ่งออกมาจากทั่วทุกหนแห่ง  แล้วตรงเข้ามายังตำแหน่งที่ที่สัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้อยู่!

"เหี้ย!"

เมื่อเห็นภาพนี้ รูม่านตาของฮวางซางก็หดตัวลงทันที

เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า  นอกจาก สัตว์ประหลาดบิดเบี้ยว  จะมีความสามารถควบคุมสัตว์กลายพันธุ์นั้นแล้ว  ยังสามารถออกคำสั่งกับซอมบี้เหล่านี้ได้อีกด้วย

แต่สิ่งที่สามารถคร่าชีวิตได้ยิ่งกว่าก็คือ ในกรณีที่เจ้าสุนัขกลายพันธุ์  ที่เร่งรีบเข้ามาจากทั่วทุกหนทุกแห่งเหล่านั้นได้รวมตัวเข้ากับซอมบี้   เมื่อมีการป้องกันของกองทัพซอมบี้ การที่หลิวชิงและหน่วยรักษาความปลอดภัยหลายคนนั้น  คิดจะโจมตีสุนัขกลายพันธุ์  ที่รวดเร็วจนน่าจะตกใจเหล่านั้น  ก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป

แต่ในกรณีที่จะให้สุนัขกลายพันธุ์เข้ามาใกล้  นอกจากฮวางซางและหลิวซิน ที่สามารถโต้กลับได้แล้ว   เกรงว่าพลังของคนอื่นๆ  คงทำได้เพียงสร้างบาดแผลส่วนหนึ่งให้เท่านั้น

"แม่งเอ๊ย สู้เท่านั้นแหละ!"

"หลิวซิน  เราต้องลงมือด้วยกัน  จัดการเจ้านี่ก่อนเลย!"

เมื่อคิดได้ ดวงตาของฮวางซางก็ฉายแววเด็ดเดี่ยวขึ้นมาทันใด  จากนั้นก็ตะโกนออกไป พร้อมกับถือขวานในมือไว้แน่น กระโดดพุ่งพรวดขึ้นไปด้านหน้า  ตรงไปยังเจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้นทันที

จะจับโจรให้จับหัวหน้า  ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้  บางทีอาจจะต้องจัดการเพียงแค่  เจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวนั้น  ถึงจะมีโอกาสรอดชีวิตได้

"ครับ!"

เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง  สีหน้าของหลิวซินก็เคร่งขรึมลง  หลังจากนั้นก็กระโดดพุ่งพรวดออกไปข้างหน้า เพื่อตามฮวางซางไปฆ่าเจ้าสัตว์ประหลาด  ที่มีเนื้อตัวเต็มไปด้วยเนื้องอกตัวนั้น

……

แต่ในขณะที่่ฮวางซางและคนอื่นๆ  กำลังเปิดสงครามกับเจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวนั้น  เจ้าจมูกงอนและพรรคพวกที่ยังคงพึ่งลิ้นอันนั้น  และปืนอีกสิบกระบอกฝ่าวงล้อมซอมบี้ออกไป   ได้มาถึงสนามฟุตบอลแล้ว  ต่อจากนั้นพวกเขาก็แค่ผ่านสนามฟุตบอลนี้ไปเท่านั้น   พวกเขาก็ถึงลานจอดอากาศยานแล้ว  หลัวจากนั้นก็สตาร์ทแล้วขับหนีออกไป

ในขณะที่มองไปยังลานจอดอากาศยานอันเลือนลางด้านหน้านั้น  ใบหน้าอันซีดเผือดของเจ้าจมูกงอนนั้นปรากฏรอยยิ้มบางๆขึ้นมา   หลังจากนั้นก็หันมามองกลุ่มซอมบี้ และสุนัขหลายพันธุ์ที่ล้อมเขาไว้  พร้อมกับหันไปมองฮวางซางและพรรคพวก  ที่กำลังเผชิญหน้ากับเจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้น  ดวงตาของเขาเปล่งประกายแววตาที่ปิติยินดีและเยาะเย้ยขึ้นมา

เขาไม่รู้ว่าทำไมฮวางซางถึงเลือกฝ่าออกไปอีกทาง แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญกับเขานัก  สิ่งสำคัญที่สุดคือเจ้าหนุ่มที่เคยล่วงเกินเขาต้องตายในไม่ช้านี้แน่ และเมื่อเขาพาทุกคนออกไปจากที่นี่ ก็จะกลายเป็นบุคคลสำคัญที่สุด  ที่สามารถบุกทะลวงในครั้งนี้ผ่านไปได้

เมื่อคิดได้ตรงนี้ รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเจ้าจมูกงอนนั้น  ก็แปรเปลี่ยนเป็นเจิดจรัสขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่าความเจ็บปวดที่กระดูกซี่โครงนั้นจะทุเลาลงไปไม่น้อย

หวือ

แต่ทว่าในเวลานั้น เสียงแตกหัก อันรุนแรงกลับดังขึ้นมาจากบนหัวของเจ้าจมูกงอนนั้น เป็นเวลาเดียวกับที่เจ้าจมูกงอน  สัมผัสได้ถึงฝนที่ดูเหมือนจะหยุดตกลงเล็กน้อย เหมือนกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างลอยผ่านหัวเขาไป

ไม่ ไม่ใช่แค่เหมือน แต่มีสิ่งๆหนึ่งลอยผ่านหัวเขาไปจริง ๆ

ผละ

ต่อจากนั้นเขาก็มองเห็นเงาสีเลือดตัวหนึ่งเข้ามาในสายตา

"นี่ ... นี่คือ ... "

เมื่อมองดูสัตว์ประหลาดสีเลือดที่อยู่ด้านหน้าของเขาและคนอื่น ๆ ที่อยู่ห่างจากเขาแค่เพียงไม่เกิน 10เมตร หัวใจของชายจมูกงอนนั้น  ก็สั่นระรัวและแสดงสีหน้าที่หวาดกลัวขึ้นอย่างเด่นชัด

เมื่อมองผ่านไฟสปอร์ตไลท์ในสนามฟุตบอล  เขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า  สิ่งที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาในตอนนี้คือ  สัตว์ประหลาดที่คล้ายสัตว์เลื้อยคลาน มีความยาวประมาณ 4-5 เมตร  ไม่มีผิวหนัง มัดกล้ามเนื้อหนาแน่น มีเล็บที่ยาวและคมกริบ!

สัตว์ประหลาดตัวนี้เป็นตัวเดียวกับที่ฮวางชางเคยต่อสู้ด้วยและได้สับลิ้นมันไปครั้งหนึ่ง!

เพียงแค่ว่าลิ้นที่ขาดของเจ้าลิกเกอร์ตัวนี้  ได้ฟื้นคืนสภาพเดิมแล้ว แม้กระทั่งแข็งแรงและใหญ่กว่าเมื่อก่อนอีกด้วย   ปลายแหลมของลิ้นก็เพิ่มความแหลมคมและยาวมากขึ้น  ประกอบกับกล้ามเนื้อสีเลือดที่แข็งแรงบนร่างกาย รวมถึงเล็บยาวแหลมอันน่ากลัวของมัน ยิ่งทำให้มันเหมือนกับปีศาจที่ปีนป่ายขึ้นมาจากนรก สร้างความหวาดกลัวได้ถึงขีดสุด

เนื่องจากเจ้าลิกเกอร์นั้นน่ากลัวเกินไป ดังนั้นไม่เพียงแต่เจ้าจมูกงอนที่ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าลิกเกอร์แล้วเท่านั้น คนที่อยู่ด้านหลังของเจ้าจมูกงอน  ก็ถูกเจ้าลิกเกอร์นั้นขู่จนลืมแม้กระทั่งการโจมตีไป

ในขณะที่เจ้าจมูกงอน  และพรรคพวกถูกเจ้าลิกเกอร์ขู่อยู่นั้น ดวงตาแดงฉานเล็ก ๆ  ละเอียดของเจ้าลิกเกอร์นั้นกวาดสายตาลงมาที่ลิ้นขาดที่อยู่ในมือของเจ้าจมูกงอนนั้น

ในตอนนี้เอง เมื่อเห็นสายตาของเจ้าลิกเกอร์ เจ้าจมูกงอนก็ค้นพบในทันที  ว่าลิ้นขาดที่อยู่ในมือตัวเองอันนี้  แทบจะเหมือนกับลิ้นของสัตว์ประหลาดสีเลือดที่อยู่เบื้องหน้าเขา

ทันใดนั้น เจ้าจมูกงอนก็นึกถึงคำพูดของฮวางซางก่อนหน้านั้นได้ ก่อนจะรู้สึกตื่นตะหนก

ดูเหมือนว่าเจ้าบ้านั้นเคยพูดไว้ ว่าลิ้นขาดอันนี้มาจากซอมบี้ขั้นสูงตัวหนึ่ง  หรือเจ้าของของลิ้นขาดอันนี้ ก็คือสัตว์ประหลาดสีเลือดเบื้องหน้าตัวนี้?

เมื่อคิดได้ ในที่สุดเจ้าจมูกงอนก็รับรู้ได้ในทันทีว่า  ตัวเองนั้นได้ตกหลุมพลางของฮวางซางเข้าแล้ว  ทั้งความกลัวตาย และความโกรธแค้นต่อฮวางซาง  ทำให้เจ้าจมูกงอนตะโกนกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง

“ฮวางซาง  ไอ้บัดซบ....”

กรอบ

แต่ทว่ายังไม่ทันที่เจ้าจมูกงอนนั้นจะพูดจบ ลิ้นยาวๆของลิกเกอร์ก็ได้พุ่งออกมา  จากนั้นก็เสียบทะลุหัวสมองของเจ้าจมูกงอนนั้น  โดยตรงราวกับหอกยาวที่แหลมคม  หยุดเสียงร้องตะโกนของเจ้าจมูกงอนนั้นไปโดยปริยาย

 “อ่า!!! ยิงมัน

 “ฆ่ามัน

 “วิ่งเร็ว

……

เมื่อเห็นเจ้าจมูกงอนนั้น  ถูกลิกเกอร์ฆ่าตายในพริบตาเดียว ทุกคนที่เดิมทีตามหลังของเจ้าจมูกงอนมานั้น  ก็ตกอยู่ในอาการหวาดผวาและสับสน  ส่วนหนึ่งรีบชักอาวุธออกมาโจมตีใส่ลิกเกอร์ และอีกส่วนหนึ่งตะโกนแหกปากร้องแล้ววิ่งหนีกันชุลมุนไปทั่วทุกทิศทาง เพราะกลัวว่าตัวเองนั้นจะตายไปเหมือนกับเจ้าจมูกงอนนั้น

ตึงตึงตึงตึงตึงตึง

พริบตาเดียว เสียงปืนและเสียงร้องตะโกนก็ดังขึ้น กระสุนนับไม่ถ้วนได้พุ่งเข้าใส่ลิกเกอร์  ราวกับฝนที่ตกกระหน่ำปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ก็ไม่ปาน

แต่ทว่าเจ้าลิกเกอร์นั้น  ไม่เหมือนกับแต่ก่อนอีกแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงกับยิงไม่เข้าเหมือนกับเจ้าไทแรนท์ก็ตาม แต่การต้านทานของการยิงโจมตีจากปืนเล็กยาว  และปืนพกนั้น  กลับไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด ดังนั้นหลังจากที่กระสุนเหล่านั้น  ตกลงไปบนตัวของเจ้าลิกเกอร์  มันกลับทำได้เพียงแค่สร้างรูตื้นๆ  บนร่างกายมันเท่านั้น แต่มันไม่ได้คร่าชีวิตของมันแต่อย่างใด

ซือ

และในเวลาเดียวกัน เจ้าลิกเกอร์ที่ถูกอาหารเบื้องหน้าของมัน  โจมตีใส่ก็ได้บันดาลโทสะ  ก่อนจะตวัดลิ้นยาวๆที่มีเจ้าจมูกงอน  ที่กลายเป็นอาวุธของมันฟาดใส่กลุ่มคนเหล่านั้นอย่างแรง

สิ่งที่บังเอิญก็คือ เจ้าจมูกงอนที่ถูกเจ้าลิกเกอร์ฟาดใส่คนเหล่านั้นอย่างแรง ได้หมดลมหายใจ  แล้วคลายมือซ้ายออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง เป็นเวลาเดียวกันกับที่ระเบิดที่อยู่ในมือของเขาได้ร่วงหล่นไปกลางกลุ่มของคนเหล่านั้น

บึม

นาทีต่อจากนั้น ระเบิดมือนั้นก็ได้ระเบิดขึ้นมาอย่างรุนแรง จากนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้น  เปลวไฟที่ลุกโชนและกระสุนเหล็กของการสังหารนับไม่ถ้วนนั้น  ก็ได้กวาดกระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง  ราวกับฝนที่ตกกระหน่ำลงมาก็ไม่ปาน ผู้ที่อยู่ในรัศมีของการสังหารนั้น  ก็แทบจะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง   วิ่งออกไปได้ทัน จึงถูกกระสุนเหล็กนั้นพุ่งทะลุร่างกาย ล้มลงไปกับพื้นเลือดไหลนองไปทั่วทั้งตัว

 “ผู้โชคดี” ที่หลบหลีกระเบิดของระเบิดมือนั้นได้  พวกเขากลับโชคดีได้ไม่นาน

เพราะนาทีต่อจากนั้น เสียงคำราแหบแห้งของเจ้าลิกเกอร์ก็ดังขึ้น จากนั้นก็กระโดดพุ่งพรวดไปด้านหน้า แล้วสังหารทุกจนหมดสิ้น

การสังการนองเลือด  ในสนามฟุตบอลแห่งนี้  ก็ได้เปิดการแสดงขึ้นแล้ว

รีวิวผู้อ่าน

god44beer
1362 วันที่แล้ว

ดี


  แสดงความคิดเห็น