px

เรื่อง : วันสิ้นโลก
ตอนที่ 33 กำลังจะตาย!


ตอนที่ 33  กำลังจะตาย!

 

ความจริงก็คือ  ตอนนี้ถึงฮวางซางจะไม่เข้าใจว่าพลังความเป็นความตายหยินหยางคืออะไรกันแน่  แต่เขารู้เพียงแค่ว่า  พลังงานแบบนี้มันประหลาดมาก และก็แข็งแกร่งมากด้วยเช่นกัน

ในช่วงเวลานี้ ภายใต้การปกคลุมของหมอกดำประหลาดนั้น   ไม่เพียงแต่เนื้อตัวของสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวจะค่อยๆแห้งเหี่ยวไปแล้ว  มันยังดูเหมือนกำลังแบกรับความเจ็บปวด  และความทุกข์ระทม  อันน่ากลัวบางอย่างจนถึงขีดสุดไว้ด้วย  เสียงร้องและการดิ้นพล่าน  อย่างบ้าคลั่งในหมอกดำนั้น ทำให้มันไม่ได้สังเกตว่า  ฮวางซางกำลังพุ่งเข้าไปหามัน  อย่างรวดเร็ว

 “ฆ่ามันในช่วงที่มันอ่อนแอ

เมื่อเห็นว่าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้น  ไม่ได้สังเกตเห็นตัวเอง ในใจของฮวางซาง  จึงเกิดความรู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อย    จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ  ยกเท้าขวาเตะไปข้างหน้า คล้ายกับการกระโดดของชะนีทั่วไป ก่อนจะกระโดดเข้าไปทางด้านหลัง  ของสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวนั้นโดยตรง สุดท้ายก็ใช้มือขวาจับคอของเจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้นไว้

ถึงแม้ว่าตอนนี้  หลิวซินจะไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่เขาก็สูญเสียพลังการต่อสู้ชั่วคราว อีกทั้งหลิวชิงและพรรคพวกที่อยู่ไกล ๆ  ก็กำลังถูกเหล่าซอมบี้ห้อมล้อมเข้ามา ยากที่จะปกป้องตัวเองได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาก็คงทำได้เพียงต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น

เพียงแค่ว่าตอนนี้เขาไร้อาวุธ แม้กระทั่งพู่กันสีดำขาวด้ามนั้น  ก็ได้แตกสลายมลายหายไปแล้ว  เนื่องจากเขาใช้พลังเหนือมนุษย์ที่เกินขีดจำกัดเกินไป   ดังนั้นการจะจัดการกับเจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้  ก็เหลือเพียงวิธีเดียวเท่านั้น

กรอบ

นาทีต่อจากนั้น ยังไม่ทันรอให้สัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้น  ได้มีสติกลับมาจากความเจ็บปวดแต่อย่างใด ฮวางซาง ได้ยื่นมือขวาของตัวเองออกไป จับไปที่ด้ามขวาน  ที่อยู่บนหัวของสัตว์ประหลาดตัวนั้น  แล้วออกแรงกระชากออกมา

ภายใต้ฉุดกระชากอย่างป่าเถื่อน  ของฮวางซาง ขวานที่ค้างอยู่บนหัว  ของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้น  ก็ได้ถูกเขาดึงออกมาในที่สุด  พร้อมกับเสียงแตกหัก  อันน่าหดหู่ใจได้ดังขึ้น  เลือดสีม่วงดำที่ปะปนไปด้วยมันสมอง  ก็ได้ทะลักออกมาจากบาดแผล  บนหัวของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้น

โฮก

ความเจ็บปวดที่แผ่ขยายออกมาจากหัวของมัน   ทำให้เจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้นได้ตกใจตื่นขึ้นมาในชั่วพริบตาเดียว ก่อนจะส่งเสียงคำรามออกมา  มือขวาขนาดใหญ่ของมันได้กวัดแกว่งขึ้น  แล้วโบกไปทางฮวางซางที่อยู่ด้านหลังของเขา พยายามที่จะดึงฮวางซางออกมา

แต่ทว่าจุดที่ลำบากก็คือ เนื่องจากแขนขวา  ของสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้  ได้กลายพันธุ์  เป็นเนื้องอกเต็มแขน  แม้แต่นิ้วมือของมัน  ก็บิดเบี้ยวเปลี่ยนรูปร่างจนหมดสิ้น จนไม่สามารถ ห่อ งอ นิ้วมือได้อีก ดังนั้นการจะให้มันใช้แขนขนาดใหญ่นั้น  กวาดไปทางฮวางซาง  มันยังพอทำได้  แต่ถ้าจะให้มันจับฮวางซางที่อยู่ด้านหลังละก็ ดูเหมือนว่าคงจะเป็นเรื่องที่ยากสำหรับมันมากในเวลานี้

ยิ่งไปกว่านั้น ในเวลานี้ฮวางซางก็จับไปที่คอของมันอยู่ด้วย

 “ตายซะเถอะ

นี่เป็นครั้งแรก  ที่สัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้  จะได้ลิ้มรสกับความพ่ายแพ้  ตอนที่มันจับฮวางซางไม่ได้  ฮวางซางได้กัดฟันกรอด  แล้วใช้ขวานด้ามที่หักนั้น ออกแรงสับไปยังบาดแผล  บนหัวของสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้น  จนเลือดทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสาย

กรอบ

เดิมทีบาดแผลที่อยู่บนหัว  ของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้  ก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว ภายใต้การออกแรงทั้งหมด  ของฮวางซางจึงส่งผลให้บาดแผลนั้นหนักหนามากกว่าเดิม  จนบาดแผลนั้นขยายออก  มันสมองและเลือดสดจำนวนมากได้ทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง เปรอะเปื้อนเต็มตัวของฮวางซาง

โฮก

แต่ทว่า พลังชีวิตของเจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้  น่ากลัวจนยากที่จะสยบได้จริง ๆ  ต่อให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน มันสมองไหลออกมามากแค่ไหน มันก็ยังไม่ตาย กลับส่งเสียงร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งภาย  ใต้ความเจ็บปวดรวดร้าวนี้อีกด้วย แขนขนาดใหญ่ของมัน  ได้เปลี่ยนเป็นเหมือนค้อนขนาดใหญ่ ทุบลงไปบนตัวของฮวางซางอย่างหนักหน่วง

ผละ

ถึงแม้ว่าเจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้  จะบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน พลังลดลงมากมายแค่ไหน แต่ดังสุภาษิตที่ว่าอูฐผอมก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า มันก็ยังคงโจมตีด้วยพลังที่น่ากลัวถึงขีดสุด  ทุบไปบนตัวของฮวางซาง   จนทำให้ฮวางซางรู้สึกเหมือนโดนค้อนเหล็กขนาดใหญ่  ทุบไปบนตัวเองอย่างโหดเหี้ยม  ความเจ็บปวดที่ยากเกินคำบรรยาย  ได้แผ่ขยายออกมาจากด้านหลังของเขา จากนั้นก็ขยายตรงไปยังอวัยวะภายใน  จนเขาต้องกระอักเลือดสดออกมา

ถึงแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ แม้กระทั่งหัวก็รู้สึกถึงความมึนงงก็ตาม แต่ฮวางซางก็ยังคงไม่ปล่อยมือซ้ายของตัวเอง เขากัดฟันกรอด แล้วบีบไปที่คอของสัตว์ประหลาดตัวนั้น เพื่อไม่ให้ตัวเองตกลงไปจากตัวของเจ้านี่ พร้อมกับกวัดแกว่งขวานหักท่อนที่อยู่ในมือขวาขึ้นมา แล้วสับไปที่หัวของเจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้อีกครั้ง

การโจมตีอีกครั้ง ทำให้อาการบาดเจ็บบนหัว  ของสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวหนักหนามากขึ้นไปอีก จนกระทั่งหัวของมันถูกสับจนขาดแหว่งเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย  ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เขาจำเป็นต้องสับไปอีกเพียงสองสามครั้งเท่านั้น ฮวางซางก็จะสับหัว  ของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้  จนขาดยับเยิน และปลิดชีวิตมันได้ในที่สุด

แต่มันจะง่ายอะไรขนาดนั้น

บางทีอาจเป็นเพราะ  สัมผัสได้ถึงความตายที่ใกล้เข้ามา เจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้น  จึงได้บ้าคลั่งขึ้นมา แล้วกวัดแกว่งแขนขนาดใหญ่นั้นออกไปอีกครั้ง   เพื่อทุบไปบนตัวของฮวางซางอย่างหนักหน่วง

ภายใต้การโจมตีที่หนักหน่วง  ของเจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนี้  ฮวางซางได้กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง  แม้กระทั้งภายในร่างกาย  ก็ได้ยินเสียงแตกหักของกระดูกอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าหัวกะโหลกของเขาได้ถูกมันทุบแทบจะแตกหักแล้ว

แต่เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ฮวางซางกลับยังคงไม่เลือกทางอื่น ๆ เขาทำได้เพียงแต่ฝืนลมหายใจต่อ จากนั้นก็กวัดแกว่งขวานนั้นขึ้นมา แล้วทุบไปบนหัวของสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวนั้นอย่างต่อเนื่อง

แต่เห็นได้ชัดว่าเจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวนั้น  ไม่ได้นั่งรอความตายอแต่อย่างใด ดังนั้นแขนขนาดใหญ่ของเขา  ได้กวัดแกว่งอีกครั้งและอีกครั้ง เพื่อทุบไปบนตัวของฮวางซาง  พยายามทุบให้เจ้าหมอนี่เละเป็นซอสเนื้อ

ในเวลานี้ สงครามการต่อสู้  ได้แปรเปลี่ยนเป็นน่าเวทนามากยิ่งขึ้น วินาทีต่อจากนั้น เมื่อเห็นว่าฮวางซาง  พยายามที่จะใช้ขวาน  สับไปบนหัวของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้น  และเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้น  ก็พยายามที่ใช้แขนที่เหมือนค้อนนั้น  ทุบไปบนตัวของฮวางซางเช่นกัน

ความเป็นความตาย  ชัยชนะและความพ่ายแพ้  มันกำลังประกาศออกมาแล้ว

แต่ทว่า สงครามการต่อสู้มันไม่เคยราบรื่นมาก่อน

แฮ่ แฮ่

เมื่อเห็นว่าฮวางซาง  และเจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยว  กำลังต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดกันอยู่นั้น  สุนัขที่ดุร้ายกลุ่มหนึ่งกลับส่งเสียงคำรามออกมาอย่างฉับพลัน จากนั้นสุนัขกลายพันธุ์ 2 ตัวก็พุ่งเข้ามาหาฮวางซางในทันที มันกระโดดพุ่งเข้ามาหาทั้งซ้ายและขวา ก่อนจะอ้าปากแล้วกัดไปที่ด้านหลังและต้นขาของฮวางซาง

กรอบกรอบ

มือข้างหนึ่งของฮวางซาง  กำลังล๊อคคอของเจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวนั้นไว้  ส่วนอีกข้างก็กำลังถือขวานไว้  อีกทั้งยังถูกเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้  ทุบจนได้รับบาดเจ็บอีกด้วย ดังนั้นในเวลานี้  เขาจึงไม่สามารถลงมือ  จัดการกับเจ้าสุนัขกลายพันธุ์ทั้งสองตัวได้

เนื่องจากเป็นเช่นนี้  วินาทีต่อจากนั้น  เสียงแตกหักอันน่าหดหู่ใจ  ก็ได้ดังขึ้นมา   ขาขวาและหลังของฮวางซาง  จึงถูกเจ้าสุนัขกลายพันธุ์ทั้งสองตัว  กัดจนฉีกขาดออกเป็นชิ้นเนื้อ ความเจ็บปวด และความอ่อนแอ  เริ่มทะลักเข้ามาในหัวของเขา จนเขารู้สึกมึนงงแทบจะสลบไป

 “ฮ่องเต้

แต่ฮวางซางจนปัญญาสู้ต่อ  และแทบจะสลบไปในเวลาเดียวกัน  หลิวซินที่มีใบหน้าซีดเผือด  และมีเลือดสดไหลเปรอะเปื้อนไปทั้งแขนนั้น  กลับพุ่งเข้าไปหาอย่างฉับพลัน จากนั้นก็กระโดดเตะสุนัขกลายพันธุ์ตัวหนึ่ง ก่อนจะใช้มือซ้ายข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ  จับสุนัขกลายพันธุ์อีกตัวไว้ แล้วเริ่มใช้พลังความเย็นในทันที

พริบตาเดียว  เมื่อพลังความเยือกเย็นนั้น  ได้ทะลักออกมาจากมือซ้ายของหลิวซิน สุนัขกลายพันธุ์ตัวนั้นก็ได้กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งไปในทันที

โฮก

แต่ยังไม่ทันที่หลิวซิน  จะได้ผ่อนคลายลงแต่อย่างใด เจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวนั้น  กลับส่งเสียงคำรามออกมา แล้วกวัดแกว่งแขนขนาดใหญ่นั้นขึ้นมา แล้วทุบไปบนตัวของหลิวซิน  อย่างโหดเหี้ยมราวกับตอกเสาเข็ม

ผลัวะ

ถึงแม้ว่าสมรรถะภาพร่างกายของหลิวซิน  จะแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป แต่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับฮวางซางแล้ว  กลับยังคงห่างไกลกันมาก เมื่อเป็นเช่นนี้  จะให้เขาต้านทานพลังการโจมตี  ที่เต็มไปด้วยความโกรธ  ของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้ยังไงกัน

พริบตาเดียว เสียงกระแทกอย่างน่าหดหู่ใจก็ดังขึ้น  ร่างทั้งร่างของหลิวซิน  ถูกเจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้น  ทุบจนล้มลงไปกองกับพื้น เสียงแตกหักของกระดูกภายในร่างกายก็ดังขึ้น ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่หลิวซิน  ได้กระอักเลือดสดออกมาเป็นจำนวนมาก

โฮก

หลังจากที่หลิวซินได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว สัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้น  ก็หันกลับมาโจมตีฮวางซางอีกครั้ง

แต่ในเวลานี้  มันกลับสัมผัสได้ถึง  ความเย็นยะเยือกสุดขีด  ที่ทะลักเข้าไปในขาขวาของมัน  ส่งผลให้ขาขวาของมันเกิดความรู้สึกชาขึ้นและเข็งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

เมื่อเขาก้มมองดู   กลับพบกับเจ้าหนุ่มที่ถูกเขาทุบ  จนแทบจะบุบลงไปนั้นยังไม่ตาย  อีกทั้งยังใช้มือทั้งสองข้างกดแขนขวาของมันไว้อีกด้วย  ส่งผลให้แขนขวาของมันเกิดผลึกน้ำแข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว  จนแทบจะขยับไม่ได้เลยทีเดียว

 “ฮ่องเต้ ฆ่ามันเร็ว

และในเวลาเดียวกัน หลิวซินได้อาศัยพลังเฮือกสุดท้าย ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง

 “ตายซะเถอะ

เมื่อเห็นหน้าอก  ที่ถูกสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวนั้นทุบ  จนยุบลงไปของหลิวซิน  อาการบาดเจ็บปางตาย ดวงตาทั้งสองข้างจึงแดงฉานขึ้น พร้อมกับตะโกนอย่างบ้าคลั่งออกไป  จากนั้นก็ใช้พลังเฮือกสุดท้ายของตัวเอง กวัดแกว่งขวานขึ้นมา แล้วสับไปบนหัวของเจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้นอย่างโหดเหี้ยม

กรอบ

ภายใต้การโจมตีครั้งสุดท้ายของฮวางซาง  หัวกระโหลกของเจ้าสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยว  ที่เดิมทีมีบาดแผลที่สาหัสากรรจ์อยู่แล้วนั้น  ก็ถึงขีดจำกัดในที่สุด หลังจากถูกฮวางซางสับด้วยขวานก็แตกออก เสียงแตกหักของกระดูกก็ดังขึ้นอย่างชัดเจน   ขวานที่ปรากฏรอยแหว่งหักไปทั่วทุกพื้นที่  เนื่องจากใช้ปะทะอย่างรุนแรงหลายต่อหลายครั้งก็ได้สับไปย้ำๆเข้าไปอีกหลายครั้ง จนทะลุลึกเข้าไปในหัว  ของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้อย่างโหดเหี้ยม จนหัวของมันแตกหักกระจายเป็นชิ้นๆ

หวือ

หลังจากที่หัวของมัน  ถูกฮวางซางทุบจนแตกหักแล้ว  ร่ายกายของสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวนั้น  ก็สั่นเทาไปทั้งตัว จากนั้นล้มลงไปบนพื้น  ที่มีเลือดนองเต็มพื้น ราวกับเสาหยกที่ถูกผลักจนล้มไป

และในเวลาเดียวกัน ฮวางซางที่ใช้พลังจนหมดสิ้น  ก็ได้ปล่อยมือซ้ายของตัวเองอย่างไร้เรี่ยวแรง ล้มลงไปกองอยู่ด้านข้างเช่นกัน

ข้างกายเขา  ก็มีหลิวซินที่นอนฟุบอยู่

ในที่สุดพวกเขาก็ชนะ !!

แต่มันก็ช่างเป็นชัยชนะที่ยากลำบากเหลือเกิน  ยากจนพวกเขาเกือบที่จะยอมแพ้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่อาจไม่ใช่ชัยชนะก็เป็นได้ !

เพราะในขณะนี้  ถึงแม้ว่าพวกเขา  จะสังหารสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวไปได้แล้วก็ตาม  แต่ยังมีสุนัขกลายพันธุ์หลายตัวที่อยู่รอบๆ และด้านหลังของสุนัขกลายพันธุ์  ก็ยังมีซอมบี้จำนวนมาก  กำลังเข้ามาหาพวกเขา!

ด้วยสภาพในปัจจุบัน  ของฮวางซางและหลิวซิน  แม้จะปล่อยให้อยู่เฉยๆไม่ต้องต่อสู้ต่อไป  ในขณะนี้ก็เกรงว่าแม้จะพยามช่วยชีวิตพวกเขาไว้ ก็น่าจะเป็นได้ได้ยาก!

 

เงาแห่งความตายได้คืบคลานมาปกคลุมหัวของพวกเขาอีกครั้ง!

 

รีวิวผู้อ่าน

god44beer
1382 วันที่แล้ว

ดี


  แสดงความคิดเห็น
mibalaska
1416 วันที่แล้ว

พลังเท่มากเลย พู่กัน..... เหอะๆ


  แสดงความคิดเห็น
suriyan2538
1431 วันที่แล้ว

ถ้ามันจะสู้ยากขนาดนี้ก็ปล่อยให้ตัวเอกตายเถอะ


  แสดงความคิดเห็น