px

เรื่อง : วันสิ้นโลก
ตอนที่ 34 การช่วยเหลือที่แข็งแกร่ง บอดี้การ์ด


ตอนที่ 34 การช่วยเหลือที่แข็งแกร่ง บอดี้การ์ด

 

"แม่งเอ๊ย สุดท้ายก็ต้องตายด้วยน้ำมือของเจ้าพวกนี้เหรอ?"

เมื่อเห็นสุนัขกลายพันธุ์  ที่จ้องเขม็งราวกับเสือล่าเหยื่อ รวมไปถึงซอมบี้หลายสิบยี่สิบตัว  ด้านหลังของพวกมัน  กำลังบีบเข้ามาใกล้เรื่อยๆ  ฮวางซางจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่ภายในใจอยู่ไม่น้อย

เขารู้ว่าสาเหตุที่สุนัขกลายพันธุ์  ไม่โจมตีเข้ามาในทันทีนั้น เป็นเพราะว่าเกิดความหวาดกลัว  เมื่อเห็นสัตว์ประหลาดบิดเบี้ยวตัวนั้นถูกฆ่าตายเท่านั้น  แต่ความหวาดกลัวนั้นกลับอยู่ได้ไม่นานนัก  ถ้าสุนัขกลายพันธุ์พุ่งเข้ามาใส่หลายตัวพร้อมกัน  ฮวางซางและหลิวซินคงต้องตายเป็นแน่

แต่ปัญหาก็คือ ไม่ว่าเขาหรือหลิวซินต่างก็บาดเจ็บสาหัสทั้งคู่  แม้กระทั่งจะขยับก็ยังขยับไม่ไหว  ทำได้เพียงแค่จ้องมองสุนัขกลายพันธุ์  และซอมบี้เหล่านี้  เข้ามาหาพวกเขาใกล้เข้ามาเรื่อยๆเท่านั้น

แฮ่!

สำหรับเลือดสดๆ  ไม่ว่าจะเป็นซอมบี้หรือสุนัขกลายพันธุ์  ต่างก็กระหายเลือดกันทั้งนั้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลือดเนื้อเหล่านี้  ของฮวางซางและหลิวซิน  สำหรับพวกมันยิ่งเป็นสิ่งล่อใจที่ไม่อาจต้านทานได้

ดังนั้นหลังจากมั่นใจว่า  หลิวซินและฮวางซางขยับไม่ได้แล้ว  สุนัขกลายพันธุ์ หลายตัวจึงอดกลั้นความกระหายเลือดไม่ได้ในที่สุด  พวกมันต่างเบียดเสียดกระโดดพุ่งไปด้านหน้า  ตรงไปหาฮาวางซางและหลิวซินอย่างบ้าคลั่งทันที!

"จบเห่แล้ว!"

ถึงแม้ว่าฮวางซางจะไม่เต็มใจ จะไม่อยากปล่อยวางนักก็ตาม  แต่เมื่อเผชิญกับความสิ้นหวังแบบนี้  สุดท้ายเขาก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา  ก่อนหลับตาของตัวเองลง

แต่ทว่า เสียงกัดและความเจ็บปวด  ที่คาดการณ์กลับไม่ได้เกิดขึ้นแต่อย่างใด กลับมีเสียงปืนที่หนาแน่นดังขึ้นมาแทน

ปังปังปังปัง

เสียงปืนที่ดังขึ้นอย่างฉับพลันนั้น  มันทั้งรวดเร็วและกระชั้นชิดมาก  แต่เมื่อฟังดูจากเสียงดังที่ออกมานั้น  กลับไม่แตกต่างจากเสียงปืนพกสักเท่าไหร่นัก  เสียงปืนที่ยิงเร็วแบบนี้  เหมือนับเสียงปืนที่สตอลโลนถืออยู่ในหนังเรื่อง The Expendables อย่างไรอย่างนั้นเลย

เมื่อได้ยินเสียงปืนที่ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว ฮวางซางที่เดิมทีหลับตารอความตายอยู่นั้น  ก็ลืมตาขึ้นมาในทันที หลังจากนั้น  ภาพตรงหน้าของเขาก็ทำให้เขายากที่จะเชื่อได้

ในเวลานี้  ได้มีวัยรุ่นสวมชุดนักรบรัดรูปสีดำ  รูปร่างสันทัด ผอมบาง ผมดกดำคนหนึ่ง  ปรากฏตัวขึ้นมา  ในสนามต่อสู้แห่งนี้อย่างคาดไม่ถึง  อีกทั้งยังสู้อย่างดุเดือดกับซอมบี้  และสุนัขกลายพันธุ์เหล่านั้นอีกด้วย

ไม่ ไม่ใช่แค่สู้กันอย่างดุเดือดเท่านั้น ------ ยังสามารถฆ่าพวกมันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากอีกด้วย

ในมือขวาของวัยรุ่นผมดกดำคนนี้  กำลังถือปืนพก  ที่มองดูแล้วไม่เหมือนกับปืนพกที่มีส่วนประกอบของโลหะที่สะท้อนแสงออกมาแต่อย่างใด  ยิงกราดใส่ซอมบี้  และสุนัขกลายพันธุ์เหล่านี้อยู่

ทักษะการยิงปืนของเขา  ทั้งเร็วและแม่นยำมาก เพียงแค่พริบตาเดียว  การยิงโจมตีติดต่อกันด้วยกระสุนกว่า 10 นัด    ก็ได้ทะลุหัวของซอมบี้และสุนัขกลายพันธุ์เหล่านั้น  อย่างแม่นยำทุกตัว  ซึ่งยังไม่ทันที่ซอมบี้และสุนัขกลายพันธุ์เหล่านี้  จะได้โจมตีกลับมาแต่อย่างใด พวกมันก็ล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว

แต่นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น

หลังจากสังหารซอมบี้  และสุนัขกลายพันธุ์ 7-8 ตัวนั้นแล้ว ดูเหมือนวัยรุ่นผมดกดำคนนี้  จะยิงจนหมดกระสุน    จากนั้นเขาใช้มือขวากดเบาๆหนึ่งครั้ง  แล้วคลิปกระสุนก็เด้งออกมา   เขาชักคลิปกระสุนที่เด้งออกมานั้นอย่างรวดเร็ว  แล้วหยิบคลิปกระสุน  ที่คาดอยู่ที่เอวใส่กลับเข้าไปอีกครั้ง จนติดตั้งกระสุนเรียบร้อย

แต่ถึงแม้ว่าระดับความเร็ว  ในการติดตั้งกระสุนของเขา  จะเร็วมากก็ตาม  แต่กลับยังมีโอกาสจับสุนัขกลายพันธุ์ที่  พยายามกระโดดพุ่งเข้าหาเขาทั้งสองตัวได้

เมื่อเผชิญกับสุนัขกลายพันธุ์  ที่พุ่งเข้ามาอย่างฉับพลัน  ด้วยความเร็วทั้งสองตัวนี้  วัยรุ่นผมดกดำที่มีอายุราวๆ 20 กว่าปีคนนี้  กลับไม่ได้แสดงสีหน้าหวาดกลัว  หรือเป็นกังวลแต่อย่างใด  เขาเบี่ยงตัวหลบสุนัขตัวหนึ่งที่พุ่งเข้ามากัด  พร้อมกลับใช้ขายาวๆราวกับแส้นั้น  กวาดใส่หัวของสุนัขกลายพันธุ์อีกตัวอย่างโหดเหี้ยม

แผละ

สิ่งที่ทำให้หวาดกลัวก็คือ  รูปร่างที่ผอมบางของวัยรุ่นผมดกดำคนนี้  กลับมีพลังที่น่ากลัวถึงขีดสุด พริบตาเดียว เสียงแตกหักอันน่าหดหู่ใจก็ดังขึ้น  หัวของสุนัขกลายพันธุ์ตัวนั้น  ได้ถูกวัยรุ่นคนนั้นเตะจนแตกกระจาย  มันสมองที่ผสมปนเปด้วยเลือด  ได้พุ่งทะลักออกมาพร้อมกัน แม้กระทั่งยังสาดกระเด็น  ใส่ตัวของวัยรุ่นผมดกดำคนนี้ไม่น้อยอีกด้วย

ถึงแม้ว่าร่างกาย  จะเต็มไปด้วยมันสมองและเลือดก็ตาม แต่สีหน้าของวัยรุ่นผมดำคนนั้น  กลับไม่เปลี่ยนไปแต่อย่างใด เขากลับชักปืนออกมาด้วยความเร็วแทน และยิงใส่หัวสุนัขกลายพันธุ์  ที่เขาหลบเมื่อสักครู่จนระเบิด จากนั้นก็กราดยิงใส่ซอมบี้และสุนัขตัวอื่นๆ  อีกหลายตัวอย่างต่อเนื่อง 

ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ซอมบี้ที่เหลือเพียงไม่กี่สิบตัว  และสุนัขกลายพันธุ์สองตัว  ก็ล้มลงไปจมกองเลือด  ทั้งสนามจึงไม่เหลือศัตรูตัวไหน  ที่สามารถกลับมายืนได้อีกสักตัว

อีกทั้งในเวลานี้   ระยะห่างของเสียงปืนนัดแรก  ที่ยิงออกไปกลับใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น

 “เจ้านี้...เป็นใครกัน?”

ในขณะที่มองไปทางประสิทธิภาพ  อันน่ากลัวในการสังหารซอมบี้ 20 ตัว และสุนัขกลายพันธุ์ 5 ตัวของวัยรุ่นผมดกดำคนนี้  ในใจของฮวางซางก็ตื่นตกใจขึ้นมาไม่น้อย

ถึงแม้ว่าตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ เวลาในการลงมือ  ของเจ้าวัยรุ่นผมดำคนนี้จะไม่ถึง 1 นาทีก็ตาม แต่ทักษะการยิงปืน  ที่แสดงออกมาให้เห็น การตอบสนอง ความเร็ว รวมไปถึงพละกำลัง  กลับสร้างความตกตะลึง  หรือถึงขั้นเรียกได้ว่าน่าหวาดกลัวยิ่งกว่า

แม้กระทั่งฮวางซาง  ที่บรรลุวิชาหลอมรวมเป็นหนึ่งแล้ว ก็ยังไม่กล้ารับประกันว่า  พละกำลังและความสามารถของตัวเอง  จะเหนือกว่าเจ้าวัยรุ่นผมดำนี้แต่อย่างใด

สิ่งสำคัญยิ่งกว่าก็คือ ในเวลานี้ฮวางซางได้ค้นพบว่า สาเหตุที่เจ้าวัยรุ่นผมดำคนนี้  ใช้แค่มือขวาในการต่อสู้นั้น เป็นเพราะว่า  มือซ้ายของเขาเกิดปัญหา เพราะมือซ้ายของเขากำลังถือถ้วย.....เต้าหู้เหม็น?

เรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?

ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ เจ้านี่กลับยังมีกระจิตกระใจกินเต้าหู้เหม็น?

“โอ้ย  ยังไม่ขาดใจตายอีกเหรอ? พลังชีวิตแข็งแกร่งจริง ๆเลย  จะแข่งกับแมลงสาปรึไง....”

และในช่วงเวลาเดียวกัน เมื่อเจ้าวัยรุ่นผมดำคนนั้น  เห็นฮวางซางที่เต็มไปด้วยเลือดทั้งตัว สายตาของเจ้านี้ก็ได้ฉายความประหลาดใจออกมาทันที  จากนั้นก็ใช้ตะเกียบคีบเต้าหู้เหม็นชิ้นหนึ่งเข้าปาก  พลางถามขึ้นว่า

“จริงสิ คุณแมลงสาป  รู้ไหมว่าหวางเฟิงอยู่ที่ไหน?”

“หวางเฟิงคือใคร?”

เมื่อได้ยินคำพูดของวัยรุ่น  ฮวางซางก็อึ้งงันไป

“หวางเฟิง ก็คือหวางชาวไง...”

ในเวลานี้ น้ำเสียงที่อ่อนแอคนหนึ่ง  ก็ดังขึ้นมาอย่างฉับพลัน  จากนั้นก็เห็นหลิวชิง  ที่มีใบหน้าซีดเผือดกำลังพาแม่ของหลิวซิน  เดินออกมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยรักษาความปลอดภัยอีก สอง คน

ถึงแม้ว่าสุนัขกลายพันธุ์ทั้งหมด  จะรุมโจมตีฮวางซางและหลิวซินไว้  ไม่ได้รุมโจมตีหลิวชิงและพรรคพวกก็ตาม  แต่ซอมบี้ที่รวมตัวขึ้นมาจากทั่วสารทิศนั้น  กลับทำให้พวกเขาบาดเจ็บ  อย่างน่าเวทนาไม่น้อย การต่อสู้แค่เวลาสั้นๆ ไม่เพียงแต่จะทำให้จะสูญเสียกระสุนของตัวเองแล้ว  ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้พวกเขาอีกหลายคน  ต้องเสียสละอีกด้วย

ถ้าไม่ใช่เพราะ  การปรากฏตัวของวัยรุ่นผมดำคนนี้  มั่นใจได้เลยว่าซอมบี้และสุนัขกลายพันธุ์เหล่านั้น  ต้องจู่โจมหลิวชิงและพรรคพวก  จนต้องได้ถูกฝังเป็นศพอย่างแน่นอน

ในเวลานี้ เมื่อเห็นฮวางซางได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส  และหลิวซินที่แทบจะหายใจรวยริน  นอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้า  สายตาของหลิวชิง  ก็ฉายแววเสียใจขึ้นมาแวบหนึ่ง  แต่ในที่สุดกลับบีบบังคับให้เกิดความเย็นชาขึ้นมา เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันไปพูดกับวัยรุ่นผมดำคนนั้นว่า

“นายเป็นใคร  ตามหาหวางชาวทำไม?”

สำหรับหลิวชิง อาการบาดเจ็บของฮวางซางและหลิวซิน  ในตอนนี้เกรงว่าเขาก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้  ก็คือต้องรู้ความเป็นมาของวัยรุ่นคนนี้  อย่างชัดเจนก่อน  ดูว่าเขามาเป็นมิตรหรือมาเป็นศัตรู   หรือจะมาปล้นเอาเซรุ่มไวรัสนั้นจากพวกเขาไป

“ฉันคือคนที่พ่อของหวางชาว  ส่งมาให้คุ้มกันเขา”

เมื่อเห็นว่าหลิวชิง  ดูเหมือนจะรู้ที่อยู่ของหวางชาว วัยรุ่นคนนั้นจึงถามขึ้นอย่างไม่เกรงใจสักนิดว่า

“เอาละ อย่ามัวแต่พูดจาไร้สาระอยู่เลย รีบๆบอกมาว่าหวางชาวอยู่ที่ไหน”

 “หวางชาวพาอีกกลุ่มหนึ่งบุกไปทางสนามฟุตบอล เพื่อไปขับเครื่องบินลำเลียง  ที่จอดอยู่ที่ลานจอดอากาศยานออกไปจากที่นี่  แต่ดูเหมือนพวกเขา  จะพบกับลิกเกอร์ที่กลายพันธุ์มาจากซอมบี้เสียก่อน  ตอนนี้คาดว่าโอกาสรอดมีน้อยมาก ”

ถึงแม้ว่าท่าทางเจ้าวัยรุ่นผมดำคนนี้จะไม่ดีมากก็ตาม แต่หลิวชิงก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก

ถึงอย่างไร  เจ้าวัยรุ่นผมดำคนนี้  ก็ช่วยพวกเขาไว้เมื่อสักครู่  อีกทั้งเขาเองก็ยังไม่อยากผิดใจกับเจ้าหนุ่มที่คาดเดาศักยภาพได้ยากแบบนี้

 “แม่งเอ๊ย

เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวชิง ใบหน้าของเจ้าวัยรุ่นผมดำนั้น  ก็ปรากฏสีหน้าหงุดหงิดใจขึ้นมาทันที

“รู้งี้ไม่หนีออกไปซะยังดีกว่า  ทำเสียเรื่องหมด  เอาเถอะถึงยังไงหน้าที่นี้ก็เปล่าประโยชน์แล้ว”

เขาคือบอดี้การ์ดของภายใน”บริษัท”ที่พ่อของหวางเฟิง  ยอมเสียเงินจำนวนมากจ้างมา  หน้าที่หลักๆคือคุ้มกันความปลอดภัยของหวางเฟิง  เพียงแต่เขาซ่อนตัวอยู่เงียบๆ โดยที่หวางเฟิงไม่รู้ตัวก็เท่านั้น

เขาคุ้มกันหวางเฟิงมาตลอดทาง  เพื่อไม่ให้เขาได้รับการคุกคามจากอันตราย เพียงแต่สองวันมานี้  หวางเฟิงเอาแต่หลบซ่อนตัวอยู่ในกองบัญชาการ และก็ยังมีหน่วยรักษาความปลอดภัยคุ้มกันอีกตั้งหลายคนอีก  เขาเลยคิดว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไร จึงได้หลบหนีออกไป ไปหาโอกาสชิมอาหารรสเลิศของเมือง C

ถึงอย่างไร การลิ้มลองอาหารรสเลิศ  ก็พูดได้ว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตสำหรับเขา  และก็เป็นงานอดิเรกเพียงอย่างเดียวด้วย

แต่ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้

เมื่อคิดได้ตรงนี้ วัยรุ่นผมดำก็มองไปทางเต้าหู้เหม็น  ที่อยู่ในมือถ้วยนั้นอย่างไม่รู้ตัว แล้วส่ายหน้า ก่อนจะคีบเต้าหู้เหม็นชิ้นสุดท้ายเข้าปาก แล้วเคี้ยวมันอย่างหงุดหงิด

ตอนนี้เมือง C แทบจะกลายเป็นเมืองแห่งความตายไปแล้ว จากนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่า  จะมีโอกาสที่จะได้กินอาหารรสเลิศพิเศษๆเหล่านี้อีกไหม ในเมื่อหวางเฟิงตายแล้ว เสียใจไปก็ไร้ประโยชน์ จึงไม่เท่าสู้กินมันอย่างสุขใจซะยังจะดีกว่า

แต่ถ้าวิญญาณของหวางเฟิงยังอยู่  และรู้ว่าตัวเองตายเพราะเต้าหู้เหม็นนี้ เขาก็คงจะตายตาไม่หลับเป็นแน่.....

 “ในเมื่อหน้าที่การคุ้มกันหวางเฟิงของนายล้มเหลวลงแล้ว งั้นไม่รู้ว่านายมีความสนใจที่จะรับหน้าที่ใหม่ไหม?”

หลิวชิงอยู่ในชนชั้นทหารระดับสูงมาหลายปี  สายตาของเขาย่อมไม่ผิดพลาด   ดังนั้นเขาแทบจะชี้ชัดได้ว่า วัยรุ่นผมดำคนนี้ไม่ใช่คนในกองทหาร และก็ไม่ได้อยู่ในประเภทบอดี้การ์ดส่วนตัวด้วย

เนื่องจากเป็นเช่นนี้ หลิวชิงจึงได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันไปพูดกับวัยรุ่นผมดำด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า

“ฉันขอรับประกันในนามของฉัน แค่เพียงปกป้องเราให้ออกไปจากที่นี่ได้  ไม่ว่าตระกูลหวางจะให้ค่าตัวนายมากเท่าไหร่  ฉันก็จะให้นายไม่น้อยไปกว่าเขาเลย บางทีอาจจมากกว่าด้วยซ้ำ

 “หมายความว่า....”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวชิง วัยรุ่นผมดำคนนั้นก็ยิ้มออกมาบางๆ

“ความน่าเชื่อถือของผู้การหลิวรับประกันได้มาก ได้  ฉันรับหน้าที่นี้”

บางทีอาจเป็นเพราะว่า  คนที่อยู่เบื้องหน้ากลายเป็นผู้ว่าจ้างของตัวเอง ท่าทางของวัยรุ่นผมดำคนนี้จึงเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมาก จนกระทั่งยังทำการแนะนำตัวเองอีกด้วย

“ฉันขอแนะนำตัวเองสักหน่อย กระผม Spade  A  ของบริษัทเพลิงทมิฬ ยินดีให้บริการคุณครับ แน่นอนว่าคุณสามารถเรียกชื่อของผมได้ว่า---ตั้วลั่ว

(Spade  A หมายถึง ไพ่ เอจโพดำ)

ถึงแม้ว่าเขาเป็นผู้คุ้มกันติดตามหวางเฟิงก็ตาม  แต่สำหรับข้อมูลของหลิวชิงและเขตป้องกันประเทศย่อมไม่ได้ดูแปลกหน้าสำหรับเขานัก และยังรู้ได้อย่างชัดเจนว่า หลิวชิงสามารถจ่ายได้ในราคานี้

ในเมื่อเป็นเช่นนี้  วัยรุ่นผมดำนั้น  จึงเกิดความรู้สึกปิติยินดีอย่างเงียบๆ ถ้าภารกิจนี้ของหลิวชิงสำเร็จละก็ “บริษัท” ก็น่าจะมอบหมายงานให้ต่อ

เขาเชื่อว่า ความสามารถของตัวเอง จะทำภารกิจนี้สำเร็จไม่ยากนัก

นี่เป็นเรื่องดีที่สวรรค์ทรงโปรดลงมาจริงๆ

แต่ทว่า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคไม่ดีของหลิวชิงและพรรคพวก หรือเป็นเพราะความผิดพลาดของเจ้าวัยรุ่นผมดำคนนี้

หวือ

ผละ

ในขณะที่เจ้าวัยรุ่นผมดำคนนี้  กำลังรับหน้าที่ใหม่อยู่นั้น เงาสีเลือดก็ได้ลอยแหวกอากาศมาอย่างฉับพลัน  แล้วร่วงลงมาอยู่เบื้องหน้าเขาอย่างแรง

ลิกเกอร์ อาวุธสังหารที่น่ากลัวนี้  หลังจากฆ่าเจ้าจมูกงอนนั้นไปแล้ว  ก็รีบมาหาพวกเขาในที่สุด

รีวิวผู้อ่าน

god44beer
1363 วันที่แล้ว

ดี


  แสดงความคิดเห็น