px

เรื่อง : วันสิ้นโลก
ตอนที่ 45 เครื่องตก ต้นไผ่


ตอนที่ 45  เครื่องตก  ต้นไผ่

 

 “แม่งเอ๊ย ทำไมถึงมีเจ้านี่ได้เนี่ย? ”

เมื่อได้อ่านข้อมูลบนหน้าจอโทรศัพท์  จิตใจของฮวางซางก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมาในทันที

ฮวางซางนั้นชอบหนังแนววิทยาศาสตร์บางเรื่อง  ซึ่งแตกต่างจากหนังสยองขวัญและหนังซอมบี้ที่หลิวซินชื่นชอบ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังเรื่องสัตว์ประหลาดใหญ่ยักษ์บางเรื่อง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับหนังเรื่อง คอง มหาภัยเกาะกะโหลกเท่าไหร่นัก เมื่อเห็นข้อมูลเหล่านี้แล้ว  เขาก็จำได้ถึงที่มาของเจ้าสัตว์ประหลาดค้างคาวประเภทนี้ได้

พล็อตของหนังเรื่อง คอง มหาภัยเกาะกะโหลกนั้นดูจะธรรมดามาก  โดยพื้นฐานแล้วเป็นเรื่องราวที่ฮอลลีวูดเลียนแบบวิธีการเดิมๆ  โดยการสร้างสัตว์ประหลาดขึ้นมาฆ่ามนุษย์  เพียงแต่การออกแบบสัตว์ประหลาดจำนวนมาก  ค่อนข้างไม่เลวเลยทีเดียว ซึ่งสัตว์ประหลาดค้างคาว  ที่ถูกขนานนามว่าไซโครวอลเจอร์  เป็นสัตว์ที่พิเศษมากในหนังเรื่องนี้

พลังของสัตว์ประหลาดประเภทนี้  ไม่ถือว่าแข็งแกร่งมากนัก  แต่จำนวนของพวกมันกลับเยอะจนนับไม่ถ้วน  ความเร็วของมันก็เร็วจนน่าตกใจ  ยิ่งไปกว่านั้น  พวกมันยังเป็นสัตว์สงครามที่ไม่กลัวตายอีกด้วย  นอกจากนี้ยังมีฟันที่แหลมคม  จนทำให้พวกมันกลายเป็นนักล่าที่น่ากลัวถึงขีดสุด  อย่างน้อยเจ้าไซโครวอลเจอร์สองตัวในหนังเรื่องนี้  ก็สามารถจับผู้ใหญ่ได้อย่างง่ายดาย   ถ้าหากมีจำนวน 3-5 ตัว รวมกันก็สามารถรุมฉีกเนื้อคนได้อย่างง่ายดายเช่นกัน

แต่ในช่วงเวลานี้ไซโครวอลเจอร์  ที่อยู่ด้านหน้าของฮวางซางและพรรคพวก  จะมีจำนวนแค่ 3-5 ตัวเหรอ ? เกรงว่าพวกมันจะมีจำนวนเกือบถึง 300-500 ตัวนะสิ

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด

เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ ในเมื่อมีเจ้าไซโครวอลเจอร์ปรากฏตัวขึ้นที่นี่  แล้วไหนจะป่าผืนใหญ่ที่ปกคลุมเมืองเหลียนไปเพียงชั่วข้ามคืน ณ เบื้องหน้า  ถ้าอย่างนั้นก็อาจจะเป็นไปได้ว่า  สิ่งมีชีวิตเจ้าดินแดนที่ครอบครองเมืองเหลียนนั้น  จะหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวและดุร้ายในหนังเรื่อง คองก็เป็นได้

เมื่อนึกถึงคอง ศัตรูที่ไร้เทียมทาน  สัตว์เลื้อยคลานโครงกระดูกที่กระหายเลือดอย่างบ้าคลั่ง  รวมไปถึงวอทตาทอสโซรัส เร็กซ์ ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับไทแรนโนซอรัสในหนังเรื่องนี้  ฮวางซางก็เกิดรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมาในใจโดยไม่รู้ตัว  สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวเหล่านี้  ไม่ว่าพวกเขาจะเจอเพียงแค่ตัวเดียวก็ตาม แต่มันก็สามารถนำพาพวกเขาไปสู่เส้นทางแห่งความตายได้

 “เหี้ย วันนี้มันเป็นวันซวยอะไรของข้าเนี่ย

ทันใดนั้น  เสียงด่าทอของตั้วลั่วก็ได้หยุดความคิดของฮวางซางไป  จากนั้นเสียงปืนที่รุนแรงก็ดังขึ้นมา  ปืนกลปากกระบอกขนาด 12.7mmที่ติดตั้งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์  ได้ถูกยิงออกไปภายใต้การควบคุมของตั้วลั่ว   กระสุนนับไม่ถ้วนได้ยิงพุ่งออกไปภายใต้แสงของเปลวไฟระยิบระยับ พุ่งตรงเข้าไปจัดการกับเจ้าไซโครวอลเจอร์เหล่านั้น

พรึบพรึบพรึบพรึบพรึบ

ถึงแม้ว่าไซโครวอลเจอร์จะมีฟันที่แหลมคม และความเร็วจนน่าตกใจก็ตาม  แต่พลังการป้องกันของพวกมันกลับอ่อนแออย่างมาก ต่อให้เป็นปืนเล็กยาวธรรมดาทั่วไปหรือ  แม้กระทั้งปืนสั้น  ก็สามารถฆ่าพวกมันได้  ส่วนปืนกลปากกระบอกขนาดใหญ่  ที่ติอตั้งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ในเวลานี้  ภายใต้การปกคลุมของห่ากระสุนเหล่านั้น  ไซโครวอลเจอร์ที่บินอยู่หน้าสุด  ก็ถูกยิงจนกลายเป็นกระชอนในชั่วพริบตา  จนกระทั้งถูกฉีกขาด  และระเบิดอยู่บนท้องฟ้าจนเลือดสดแตกกระจาย  จากนั้นก็ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ราวกับฝนเลือดเนื้ออย่างไรอย่างนั้น

เพียงแค่ชั่วพริบตา   ไซเครวอลเจอร์อย่างน้อย30-40 ตัว ก็ถูกฆ่า จนไม่เหลือซาก

ถ้าหากเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ต่อให้เป็นหมาป่าที่หิวกระหายที่สุดยังไง  เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเปลวไฟที่ลุกโชน  และความตายที่ร้ายแรงเช่นนี้  พวกมันก็เลือกที่จะหลบหลีก  แต่ทว่าสิ่งที่ฮวางซางและพรรคพวกพบเจอนั้น  กลับเป็นไซโครวอลเจอร์  พูดได้ว่าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้  เป็นสัตว์ที่บ้าคลั่งและโหดร้ายที่สุดในท้องฟ้า  มันไม่รู้ว่าความกลัวคืออะไร  ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับพรรคพวกเดียวกันที่ตายไปกว่า 10 ตัว ไซโครวอลเจอร์ไม่เพียงแต่จะไม่ถอยหลังและแตกกลุ่มแล้ว  แต่มันกลับพุ่งเข้ามาหาเฮลิคอปเตอร์ลำนี้  อย่างบ้าคลั่งอีกด้วย

จนกระทั่งไซโครวอลเจอร์จำนวนไม่น้อย  เริ่มจะแย่งชิงซากศพพวกเดียวกัน  ที่ถูกยิงจนร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า  จากนั้นก็กลืนชิ้นเนื้อเหล่านั้นลงคอไป  แล้วพุ่งตรงมายังเฮลิคอปเตอร์อย่างต่อเนื่อง

ในตอนนี้อาจกล่าวได้ว่า  ไซโครวอลเจอร์เหล่านั้นน่ากลัวว่าซอมบี้ทั่วไปมาก---เพราะอย่างน้อยซอมบี้ ก็ไม่กินพวกเดียวกัน

 “สลัดจากพวกมัน

ในขณะที่มองไปทางไซโครวอลเจอร์ที่ฝ่าห่ากระสุนบีบใกล้เข้ามา  ใบหน้าของหลิวชิงจึงแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด  พร้อมกับหันไปตะโกนบอกตั้วลั่วว่า

“ดึงขึ้นสูง  แล้วเปลี่ยนทิศ รีบสะลัดออกจากพวกเขาเร็ว

 “ทุกคนจับให้มั่น

ไม่ต้องรอให้หลิวชิงเตือนแต่อย่างใด  ตั้วลั่วเองก็คิดได้ถึงเรื่องนี้  ดังนั้นวินาทีต่อจากนั้นเขาก็ได้ตะโกนออกมา จากนั้นก็รีบดึงเฮลิคอปเตอร์ให้สูงขึ้น  แล้วเปลี่ยนทิศทางทันที

แต่ในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้  ถ้าหากต้องการที่จะหักเลี้ยวอย่างสมบูรณ์แบบ  เกรงว่าจะไม่ทันการ  ดังนั้นตั้วลั่วจึงเอียงไปข้างหน้า  พุ่งเข้าไปยังตำแหน่งอีกด้านหนึ่งของป่าใหญ่  เพื่อหวังหลบหลีกการโจมตีของไซโครวอลเจอร์เหล่านี้ จากนั้นก็เพิ่มความเร็วขึ้น  และทิ้งระยะห่างจากพวกมัน

แต่วิธีการนี้ก็ไร้ประโยชน์

ถึงแม้ว่าระดับความเร็วที่มากที่สุด  ของเฮลิคอปเตอน์ติดอาวุธครบครันจื่อ-9   จะสามารถพาบินไปได้ไกลกว่า324กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ตาม  แต่ความเร็วของไซโครวอลเจอร์เหล่านี้ก็ไม่ได้ช้าลงแต่อย่างใด  สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการบินของพวกมันยังปราดเปรียวกว่าเฮลิคอปเตอร์มากอีกด้วย  ดังนั้น ถึงแม้ว่าตั้วลั่วจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง โดยดึงเครื่องขึ้นและเปลี่ยนทิศทางด้วยพลังทั้งหมดแล้วก็ตาม แต่ตอนที่พวกเขาพุ่งตรงไปทางป่าไม้นั้น  เจ้าไซโครวอลเจอร์ก็ยังไล่ตามพวกเขามาทัน และตอนนี้พวกเขาก็ติดอยู่ในวงล้อมของพวกกมันเรียบร้อยแล้ว

 “บัดซบเอ๊ย

เมื่อถูกไซโครวอลเจอร์ล้อมไว้  ตั้วลั่วก็อดสบถด่าทอออกมาไม่ได้  จากนั้นก็พยามยิงออกไป พยายามฆ่าพวกมันเพื่อเปิดทางออกจากวงล้อมให้ได้

แต่ทว่า กระสุนที่ติดตั้งไว้บนเฮลิคอปเตอร์จื่อ-9 มีจำนวนจำกัด  ดังนั้นเสียงปืนที่ยิงอย่างรีบเร่งออกไปครั้งนี้  กลับกินเวลาไปเพียงสองวินาทีแล้วก็หยุดลง  ซึ่งบ่งบอกให้เห็นว่ากระสุนบนเครื่องได้หมดลงแล้ว

ตอนนี้พวกเขาหมดสิ้นทั้งกระสุนและเสบียงแล้วจริงๆ

กรู กรู กรู

แต่อีกด้านหนึ่งไซโครวอลเจอร์  ที่ถูกกระตุ้นจากพวกเดียวกัน  ก็เริ่มทยอยกรีดร้องเสียงแหลมไม่น่าฟังขึ้นมา  จากนั้นก็เพิ่มความเร็วเบียดเสียดกันเข้ามา พุ่งตรงเข้ามาทางเฮลิคอปเตอร์อย่างมืดฟ้ามัวดินทันที

สัตว์ประหลาดชนิดนี้ไม่กลัวตายแต่อย่างใด  ต่อให้เลือดเนื้อของพวกมัน จะต้านทานเฮลิคอปเตอร์เหล็กทั้งลำแบบนี้ไม่ได้ก็ตาม  แต่พวกมันก็ไม่กลัวตายเลยสักนิดเดียว  ยังคงพุ่งเข้ามาชนเฮลิคอปเตอร์ลำนี้อย่างโหดเหี้ยมทีละตัวๆ

บึมบึมบึมบึมบึม

ภายใต้การกระแทกของไซโครวอลเจอร์  ที่ดูคล้ายกับการฆ่าตัวตายเหล่านี้  ปากแหลมๆของพวกมัน  ที่สามารถฉีกร่างกายมนุษย์ให้ขาดออกจากกันอย่างง่ายดาย  เริ่มกระแทกเฮลิคอปเตอร์เข้ามา จนเกิดเป็นรอยบุบเป็นจำนวนมาก  จนกระทั่งบางแห่งก็ยังเริ่มแตกทะลุอีกด้วย

ถึงแม้ว่าไซโครวอลเจอร์เหล่านี้  จะยอมใช้ชีวิตของมัน  เป็นการแลกเปลี่ยนกับการพุ่งเข้าชนในครั้งนี้  บวกกับยอมหัวแตกจนเลือดไหล เกิดภาพน่าอนาถใจก็ตาม  แต่ไซเครวอลเจอร์ที่เหลือ กลับยังคงพุ่งตรงเข้ามากระแทก เฮลิคอปเตอร์อย่างต่อเนื่อง  เห็นได้ชัดว่าพวกมันถ้าไม่ได้กินพวกขงฮวางซาง  ก็จะไม่ยอมเลิกราเด็ดขาด

เมื่อเป็นเช่นนี้  ภายใต้การโจมตีของไซโครวอลเจอร์เหล่านี้  เกราะกันกระสุนที่ไม่ได้หนามากของเฮลคอปเตอร์จื่อ-9นั้น  ก็ถูกฉีกขาดออกไปทีละชั้นๆ  และส่วนที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ  ใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ลำนี้  ได้ถูกไซโครวอลเจอร์เหล่านี้กระแทกใส่จำนวนไม่น้อย ถึงแม้ว่าพวกมันจะถูกใบพัดฟันจนร่างกายฉีกขาด กลายเป็นฝนชิ้นเนื้อที่ตกลงมาจากฟากฟ้าก็ตาม  แต่ใบพัดที่ดูค่อนข้างอ่อนแอใบนี้ ก็เริมที่จะบิดเบี้ยว  เปลี่ยนรูป  และหักในที่สุด

หลังจากที่ใบพัดเหล่านี้หักท่อนแล้ว  เสียงสัญญาณเตือนภายในห้องโดยสารก็ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว  เป็นเวลาเดียวกับที่เฮลิคอปเตอร์ได้เริ่มสูญเสียการควบคุม  หมุนเป็นวงกลมและร่วงหล่นลงไป

อ่า!!!

ภาวะที่ไร้น้ำหนัก  ได้เกิดขึ้นกับพวกของฮวางชางอย่างรวดเร็ว  รวมถึงความหวาดกลัวต่อความตาย  ส่งผลให้เสียงกรีดร้องอย่างตื่นตระหนกตกใจ  ดังขึ้นมาจากห้องโดยสารในชั่วพริบตาเ   เสียงร้องของทุกคน รวมไปถึงการรุมโจมตีของไซโครวอลเจอร์ที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดนั้น  ส่งผลให้ความเร็วในการร่วงหล่นได้แปรเปลี่ยนเป็นเร่งความเร็วมากยิ่งขึ้น  สุดท้ายก็ร่วงหล่นลงไปในป่าไม้อันเขียวชอุ่มนั้น

บึมบึมบึมบึมบึม

พริบตาเดียว  ฮวางซางและพรรคพวก  ก็สัมผัสรับรู้ได้แค่เพียงการหมุนวนของแผ่นฟ้า พื้นดินและแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง  ที่แผ่ขยายมาอย่างต่อเนื่องเท่านั้น  ก่อนจะกระแทกเข้ากับต้นไม้ขนาดใหญ่ จนเกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น

แต่โชคดีที่พืชพันธุ์จำนวนมากในป่าไม้แห่งนี้  ได้ช่วยชะลอความเร็วลง  ดังนั้นเฮลิคอปเตอร์ลำนี้  ที่ตกลงไปยังกิ่งก้านของต้นไม้เหล่านี้  จึงได้เริ่มลดความเร็วลงเรื่อยๆ  ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของฮวางซางและพรรคพวกได้

และคนที่ช่วยชีวิตฮวางซางและพรรคพวกไว้ ก็คือป่าไผ่ผืนใหญ่ในป่าไม้แห่งนี้

บึม

หลังจากเสียงระเบิดได้ดังขึ้นแล้ว เฮลิคอปเตอร์ที่ร่วงหล่นก็ได้กระแทกเข้ากับป่าไผ่ผืนนี้อย่างแรง  ต้นไผ่ที่นิ่มและเหนียวเหล่านั้น  ได้ช่วยชะลอความเร็วลงอย่างมาก  ต้นไม้แต่ละต้นถูกเฮลิคอปเตอร์กระแทกจนหักโค่นไป  ความเร็วของเฮลิคอปเตอร์จึงช้าลงเรื่อยๆ  สุดท้ายก็หยุดลงในดงป่าไผ่ที่กระจัดกระจายยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบเหล่านี้

เคล้ง

วินาทีต่อจากนั้น ประตูที่บิดเบี้ยว  ของเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ก็ถูกเปิดออกอย่างแรง  จากนั้นฮวางซางที่มีเลือดไหลเต็มหน้า  ก็พุ่งตัวออกมาจากประตูนั้น  ก่อนเช็ดเลือดสดที่เปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้า  แล้วจ้องมองไปรอบๆเพื่อเตรียมพร้อมการป้องกัน

สมรรถภาพร่างกายที่เหนือกว่าคนทั่วไป 5 เท่านั้น  ได้ทำให้เขามีพลังในการป้องกันอย่างมาก บวกกับพลังในการฟื้นฟูถึงขีดสุด   ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะถูกอุปกรณ์ในห้องโดยสารกระแทกจนหัวแตก  ในตอนที่เฮลิคอปเตอร์กำลังร่วงตกลงมานั้นก็ตาม 

แต่ในความเป็นจริงบาดแผลที่เขาได้รับนั้นเล็กน้อยมากดังปาฏิหาริย์  จึงทำให้เขาสามารถฟื้นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งออกมาจากห้องโดยสาร  เพื่อเตรียมการป้องกันการโจมตีจากสัตว์ประหลาดต่างๆ

ตั้วลั่วที่อยู่ข้างในห้องโดยสารก็ได้พุ่งตัวตามฮวางซางออกมา  เขาโชคดีกว่าฮวางซางตรงที่ร่างกายของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิดเดียว  เพียงแค่เกิดอาการวิงเวียนมึนงง  จากการหมุนของเครื่องเท่านั้น

ด้วยสมรรถภาพของร่างกายเขาก็พอๆกับฮวางซาง  บวกกับที่เคยได้รับการฝึกฝนพิเศษมาด้วย ดังนั้นเขาจึงสามารถฟื้นตัวเร็วด้วยเช่นกัน  หลังจากกลิ้งตัวพุ่งออกมาจากประตูแล้ว  จากนั้นก็ถือกริชและปืนสั้นไว้แน่น เพื่อเตรียมการป้องกัน

 “ตอนนี้ยังไม่เจอปัญหาอะไร  ออกมาได้แล้ว

เมื่อกวาดตามองไปรอบๆ  หลังจากที่แน่ใจว่าไม่เกิดปัญหาอะไรแล้ว ฮวางซางก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นก็หันไปบอกคนที่อยู่ในห้องโดยสาร 

“ดูเหมือนว่าเจ้านั่นจะล่าเหยื่อในป่าไม้ไม่เก่งแน่เลย จึงไม่ได้ไล่ตาม”

 “งั้นก็ดี  งั้นก็ดี...”

เมื่อได้ยินคำพูดของฮวางซาง  หลิวซินที่ดูแลพ่อแม่อยู่ภายในห้องโดยสาร  ก็ถอนหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย  จากนั้นก็หันไปพยุงพ่อและแม่  ที่มีใบหน้าซีดเผือดออกมาจากตัวเครื่อง

จริงๆแล้วการป้องกันการตก  และการกันกระแทกของเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธจื่อ-9  ถือว่าไม่เลวเลย  บวกกับต้นไผ่จำนวนมากที่อยู่ในป่าที่เขียวชอุ่มแบบนี้  ช่วยชะลอความเร็วไว้  ดังนั้นถึงแม้ว่าเฮลิคอปเตอร์ลำนี้จะเปลี่ยนรูป  บิดเบี้ยวอย่างไร  แต่ในความเป็นจริงหลิวซิน  และคนอื่น ๆที่คาดเข็มขัดนิรภัย กลับไม่ได้บาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด

เครื่องตกในครั้งนี้  นอกจากฮวางซางจะโชคไม่ดี  ถูกสิ่งของภายในห้องโดยสารกระแทกหัวแล้ว  หลิวซินและตั้วลั่วกลับไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด  แต่พ่อแม่ของหลิวซินเนื่องจากอายุมากแล้ว จึงไม่สามารถอดทนต่อการแบกรับการหมุนและสภาพไร้น้ำหนักในระหว่างเครื่องตกได้ ดังนั้นหัวของพวกเขาจึงได้รับแรงสั่นสะเทือนและได้อาเจียนออกมา   แต่ก็ไม่ได้ถึงกับบาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด  พูดได้ว่ายังมีความโชคดีในความโชคร้ายอยู่

 “เหี้ย ฉันคิดว่าครั้งนี้พวกเราต้องตายแล้วแน่ๆ

ในขณะที่มองไปทางป่าที่เงียบสงัด  ราวกับไม่มีอันตรายใดๆในแห่งนี้แล้ว หลิวซินจึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก  จากนั้นก็ตบไปที่หน้าอกของตัวเอง  ก่อนหัวเราะพลางพูดขึ้นว่า

“คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะรอดพ้นจากพวกมันได้  ฮ่าฮ่าฮ่า”

 “พูดตอนนี้ก็เร็วเกินไป ”

ฮวางซางส่ายหน้า ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเค่งเครียดว่า

“อย่าลืมว่า ตอนนี้พวกเราได้เข้ามาในป่านี้แล้ว  ไม่มีใครรู้ว่าต่อไปจะพบกับอันตรายรูปแบบไหนอีก”

ไม่รู้ว่าทำไม ถึงแม้ว่าจะสำรวจไปรอบๆ จนแน่ใจว่าไม่อันตรายแล้วก็ตาม  แค่ในใจของเขากลับรู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจบางอย่าง  เหมือนกับมีอันตรายบางอย่างที่มองไม่เห็น  กำลังหลบซ่อนเร้นอยู่ข้างกายของพวกเขา

 “ผ่านเรื่องร้ายมาได้ ก็จะพบแต่เรื่องดีในอนาคตแล้วละ อย่ามองโลกในแง่ร้ายนักเลย ฮ่องเต้  ไม่แน่ต่อไปพวกเราอาจจะเดินทางได้อย่างราบรื่นก็เป็นได้นะ?”

ในขณะที่มองท่าทางเคร่งเครียดของฮวางซาง  หลิวซินก็คลี่ยิ้มออกมา จากนั้นก็พูดอย่างทอดถอนใจว่า

“แต่ก็ถือว่ายังโชคดีที่มีป่าไผ่เหล่านี้  ถ้าไม่มีป่าไผ่ช่วยชลอความเร็วละก็  พวกเราก็อาจจะไม่มีชีวิตรอด จากเครื่องตกครั้งนี้หรอก”

“ต้นไผ่? ชิบหายละ

เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวซิน  ในหัวของฮวางซางก็มีแสงวาบขึ้นมาทันที  จากนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีไป  แล้วจึงตะโกนออกไปด้วยความตกใจว่า

“ระวังข้างตัวนาย.....”

หวือ

แต่ทว่าไม่ทันรอให้ฮวางซางพูดคำว่า “ต้นไผ่”สองคำนี้จบแต่อย่างใด  เรื่องที่เขาเป็นกังวลมากที่สุดก็เกิดขึ้น

เสียงแหวกอากาศอันรุนแรงก็ดังขึ้น  “ต้นไผ่”ที่แหลมคม  2-3 ต้นก็ได้ล้มลงมาจากฟากฟ้า  แล้วเสียบลงมาที่พวกเขาด้วยความเร็วจนน่าตกใจ

รีวิวผู้อ่าน

god44beer
1382 วันที่แล้ว

ดี


  แสดงความคิดเห็น