บทที่ 234 : การประลองหลอมสร้าง เดิมพันด้วยชีวิต!
จังหวะนี่ต้วนหลิงเทียนได้กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนทั่วทั้งเหลาอาหารอย่างแท้จริง
ในรุ่นเยาว์ทั่วทั้งอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ที่บรรลุระดับกำเนิดแก่นแท้ด้วยวัยที่น้อยกว่า 20 ปีนั้นกล่าวได้ว่ามีพรสวรรค์ด้อยกว่าเพียงแค่ ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร เจ้าของตำนานแห่งเมืองหลวงต้วนหลิงเทียน เท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้หลอมศาสตราด้วยวัยเพียง 20 ปีนั้นไม่ถือว่าด้อยกว่าใคร!
อย่างน้อยในประวัติศาสตร์อันยาวนานของอาณาจักรนภาล่องก็หามีตัวตนที่ น่าพรั่นพรึงได้ถึงเพียงนี้มาก่อน...
จูจ้าว งุนงงหนักแล้ว
เขาไม่เคยคิดเลยว่า คนที่เขาบังเอิญเจอและมีเรื่องด้วย จะเป็นตัวประหลาดถึงเพียงนี้
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนายน้อยที่นิสัยระยำประจำตระกูลจู แต่เขาก็หาใช่ตัวโง่งมแต่อย่างใด
เขารู้ดีว่ายามนี้เขาได้กัดชิ้นเนื้อที่ตัวไม่อาจเคี้ยวได้เสียแล้ว นอกจากนี้เนื้อชิ้นนี้ยังเป็นเนื้อพิเศษที่หาได้ยากยิ่ง
"ข้าจะเป็นใครก็ไม่สำคัญหรอก" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังจูชี่ด้วยสายตาสงบ “แค่ไปเรียกผู้อาวุโส 2 ของตระกูลจูมาก็พอ ...แล้วก็จำคำของข้าไปบอกเขาด้วยว่า ข้าต้องการเจอเขาเพราะข้าอยากประลองหลอมศาสตราโดยเดิมพันด้วยชีวิตกับเขา ข้าได้ยินมาว่าเขาเคยชนะเดิมพันด้วยชีวิตผู้หลอมศาสตรามาแล้วถึง 2 คน ..ข้าคิดว่าเขาคงไม่ปฏิเสธคำท้าทายของข้า"
ประลองหลอมสร้างศาสตราโดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน?
ม่านตาของจูชี่หดแคบลง เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะมองไปยังต้วนหลิงเทียน "น้องชายถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าน้องชายเป็นใคร แต่เจ้าสามารถตัดผ่านไปยังระดับแก่นแท้ และกลายเป็นผู้หลอมศาสตราระดับ 8 ทั้งที่ยังมีอายุน้อยถึงเพียงนี้ ข้าคิดว่าความเป็นมาของน้องชายคงหาได้ธรรมดาไม่...”
"แต่ข้ายังคงต้องการแนะนำเจ้า ... การเดิมพันด้วยชีวิตหาใช่เรื่องล้อเล่น! ผู้อาวุโส 2 ของตระกูลจูเรา กล่าวได้ว่าไม่เป็นรองใครในหมู่ผู้หลอมศาสตราระดับ 8 ของอาณาจักรนภาล่อง อย่างน้อยๆ อาวุธวิญญาณที่ผู้อาวุโส 2 ของเราหลอมสร้างได้ กว่า 8 ส่วนล้วนเป็นอาวุธวิญญาณทีสามารถเพิ่มพูนพลังให้แก่ผู้ถือครองได้ 19%" ในขณะที่พูดถึงตรงนี้จูชี่หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาจริงจัง ราวกับเขาต้องการทำให้ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ถึงอันตรายและเลือกที่จะล่าถอยไปซะ
หากเป็นผู้หลอมศาสตราระดับ 8 คนอื่นเขาคงไม่คิดกล่าววาจามากมายให้เปลืองลมหายใจถึงเพียงนี้ แต่กับต้วนหลิงเทียนผู้นี้ที่เห็นได้ชัดว่ามีพื้นหลังไม่ธรรมดาเป็นแน่ เขาจึงไม่คิดนำตระกูลจูมาเสี่ยงเพียงเพราะเรื่องการประลองเดิมพันด้วยชีวิต นี่อาจจะเป็นการล่วงเกินมหาอำนาจที่ตระกูลไร้หนทางรับมือ
ตอนนี้กระทั่งกลุ่มลูกค้าในเหลาอาหารยังคิดว่าต้วนหลิงเทียนเพ้อฝัน
"ชายหนุ่มผู้นี้ จองหองเกินไป"
"ใช่ถึงแม้ว่าเขาจะยอดเยี่ยมนักที่สามารถเป็นผู้หลอมศาสตราระดับ 8 ด้วยวัยเพียงเท่านี้ แต่ในแง่ของประสบการณ์แล้ว เขาจะไปเทียบกับผู้อาวุโส 2 ของตระกูลจูได้อย่างไร?"
"ผู้อาวุโส 2 ของตระกูลจู ได้ประลองหลอมสร้างศาสตราโดยการเดิมพันด้วยชีวิต กับผู้อื่นมา 2 ครั้งแล้ว และเขาก็ไม่พ่ายแพ้แม้เพียงครั้ง"
"คนหนุ่มวัยเยาว์นับว่ามีความหยิ่งดั่งโคหนุ่มไม่หวาดพยัคฆ์ร้ายอย่างแท้จริง!
...
ไม่มีใครในหมู่ลูกค้าและบริกร มองต้วนหลิงเทียนว่ามีเปรียบในเรื่องนี้
"น้องชาย เจ้าเองก็คงได้ยินคำกล่าวของผู้คนรอบๆแล้ว หากเจ้าประลองเดิมพันด้วยชีวิตกับผู้อาวุโส 2 ของเราเจ้าต้องพ่ายแพ้แน่ๆ... ให้เรื่องมันแล้วกันไปเถอะ" จูชี่กล่าวชักจูงอีกครั้ง เมื่อยังเห็นต้วนหลิงเทียนไม่แยแส
ต้วนหลิงเทียนเหลือบตามองจูชี่อย่างช้าๆ พร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ตลาดการค้าที่ใหญ่ที่สุดของเมืองประจำมณฑลผานางแอ่นเหินนี่อยู่ที่ใด?"
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดต้วนหลิงเทียนจึงกล่าวถามเรื่องนี้ออกมา แต่จูชี่ยังคงกล่าวตอบไปว่า "มันตั้งอยู่ในบริเวณ กลางเมืองประจำมณฑล"
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ จากนั้นเขาก็หยิบตั๋วเงินปึกหนึ่งชำระค่าอาหาร ก่อนที่จะกุมมือลี่เฟยเอาไว้ แล้วมองไปยังฉงเฉวียน "ฉงเฉวียนหิ้วมันไปกลางเมือง"
ในขณะที่กล่าวคำ ต้วนหลิงเทียนก็จูงมือลี่เฟยแล้วเดินออกไป
ฉงเฉวียนก็หิ้วจูจ้าวติดตามมาด้านหลัง
"บุตรชายคนเล็กของข้า ... " ใบหน้าของจูชี่หมองคล้ำลง เขากังวลอย่างมาก
"ถ้าข้าได้เจออาวุโส 2 ของตระกูลจู แล้วมันยินยอมรับคำท้าการประลองหลอมสร้างศาสตราโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ... ข้าจะปล่อยบุตรชายเจ้าไปอย่างปลอดภัยไร้เรื่องราว" น้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนดังขึ้นจากระยะไกล ก่อนที่จะค่อยๆจางหายไป ทำให้ใบหน้าของจูชี่หมองคล้ำ
"ท่านรอง พวกเราจักทำเช่นไรดี?" หนึ่งในชายวัยกลางคนด้านหลังของจูชี่กล่าวถามออกมาด้วยความหวาดกลัว
"กลับไปตระกูลกันก่อน!" จูชี่ถอนหายใจออกมา และเดินออกจากร้านอาหารไป
กลุ่มลูกค้าในเหลาอาหารล้วนหันหน้ามองกันไปมา ก่อนที่ทั้งหมดจะชำระค่าอาหาร และมุ่งหน้าไปยังตลาดใหญ่ใจกลางเมือง เพราะพวกเขารู้ดีว่ากำลังจะบังเกิดเรื่องราวน่าตื่นเต้นขึ้นแล้วในอีกไม่นานหลังจากนี้
ภายในห้องโถงหลักของตระกูลจู
ผู้คนของตระกูลจู ทั้งประมุขตระกูลและผู้ที่อยู่ต่ำกว่า รวมถึงผู้อาวุโสทั้งหมดล้วนมารวมตัวกัน
ผู้อาวุโสคนหนึ่งเห็นสีหน้าของ จูล่งไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไร จึงกล่าวถามออกมา "ท่านประมุข มีเรื่องใดเกิดขึ้นเช่นนั้นรึ ท่านถึงเรียกพวกเรามารวมตัวกันเช่นนี้?"
เหล่าผู้อาวุโสทั้งหมดล้วนหันไปมองจูล่ง เป็นสายตาเดียวกัน
สีหน้าของจูล่งเคร่งขรึมขึ้นทันใด ก่อนที่จะหันไปมองจูชี่ "น้องรอง เจ้าบอกกล่าวเรื่องราวพวกเขาไป"
ต่อมาทุกสายตาของผู้อาวุโสตระกูลจูก็จับจ้องมายังจูชี่
จูชี่ค่อยๆสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะเริ่มกล่าวออกมา เขาค่อยๆกล่าวถึงรายละเอียดและเรื่องราวภายในเหลาอาหาร ก่อนที่จะกล่าวเพิ่มเติมออกมาท้ายสุด "ดูจากความตั้งใจของชายหนุ่มคนนั้นแล้ว ข้าเกรงว่ามันคงไม่ยอมปล่อยตัวลูกข้าเป็นแน่ หากผู้อาวุโส 2 ไม่เต็มใจที่จะยินยอมรับคำท้าของมัน"
หลังคำกล่าวของจูชี่ เหล่าผู้อาวุโสทั้งหมดล้วนเงียบกริบ
อายุน้อยกว่า 20 ...
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้?
ผู้หลอมศาสตราระดับ 8?
ผู้อาวุโสหลักของตระกูลจู ที่เป็นชายชราอายุประมาณ 70 ปีเหลืองมองจูชี่ก่อนที่จะกล่าวถามออกมา "จูชี่ แล้วเจ้าลวงรู้พื้นหลังของเขาหรือไม่?"
"เรียนท่านผู้อาวุโสหลัก เพราะข้ามิล่วงรู้นี่ล่ะขอรับถึงได้หนักใจอยู่เช่นนี้" จูชี่หัวเราะแหยๆออกมา
ประมุขตระกูลอย่างจูล่งหันไปมองผู้อาวุโส 2 จูเหลียง ที่นั่งอยู่ต่ำกว่าผู้อาวุโสหลักขั้นนึง แล้วกล่าวถามออกมาว่า “ผู้อาวุโส 2 ท่านคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้”
จูเหลียง เผยท่าทีปลอดโปร่ง พร้อมกล่าวออกอย่างไม่แยแส "มันเป็นเพียงเด็กน้อยหยิ่งยโสคนหนึ่ง ที่มีพรสวรรค์ตามธรรมชาติเลิศล้ำ มันจึงวางท่าโอ้อวดเช่นนี้ ... อย่างไรก็ตาม การที่มันสามารถตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้รวมถึงเป็นผู้หลอมศาสตราระดับ 8 ตั้งแต่อายุเท่านี้ พื้นหลังคงหาได้ง่ายดายแล้ว "
กลุ่มผู้อาวุโสทั้งหมดของตระกูลจูล้วนเห็นด้วยกับคำกล่าวของผู้อาวุโส 2
"ข้าเองก็คิดเช่นนี้ไม่ต่าง ... อย่างไรเขาก็กล่าวออกมาอย่างชัดเจนแล้ว หากข้าอยากช่วยบุตรชายก็คงไร้หนทางอื่นอีก" จูชี่หยักหน้ารับ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความขื่นขม
ผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลจูกล่าวคำออกมาด้วยท่าทางหงุดหงิด "ฮึ่ม แค่เด็กน้อยหยิ่งยโส ... ผู้อาวุโส 2 ท่านตอบรับคำท้าเดิมพันด้วยชีวิตของมันเถอะ"
"แค่ตอบรับการประลองเดิมพันด้วยชีวิตก็ไม่ได้ลำบากอะไร การเอาชนะมันในการประลองก็เช่นกัน " ดวงตาสีโคลนของอาวุโสที่ 2 เรืองแสงออกมาวูบหนึ่ง ก่อนที่จะยื่นมือไปเคาะโต๊ะเบาๆ "อย่างไรก็ตามประเด็นคือเรายังมิล่วงรู้พื้นหลังของมัน...หากเราเอาชนะมันแล้วมันตกตายไปเกรงว่าจะล่วงเกินผู้ทรงอำนาจที่ให้ท้ายมัน"
เหล่าอาวุโสของตระกูลจูเองก็เงียบกันหมด เรื่องนี้นับว่าตัดสินใจยากนัก
จูล่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวออกมา "อาวุโส 2 หากเป็นเช่นนี้ท่านเห็นว่าเป็นเช่นไร...ท่านก็ยอมรับคำท้าประลองเดิมพันชีวิตของมัน และในยามที่ท่านเอาชนะมันได้ ท่านก็เลือกแสดงน้ำใจกว้างขวาง และไม่ต้องให้มันจ่ายราคาด้วยชีวิตของมัน ด้วยวิธีนี้ หากพวกเรากระทำได้ ตระกูลจูก็ไม่มีเรื่องติดค้างอันใดมัน "
"วิธีนี้ น่าจะได้ผล!"
"ข้าเองก็เห็นด้วย!"
เหล่าอาวุโสของตระกูลจูล้วนเห็นด้วย
ยามนี้ทั้งหมดล้วนจับจ้องมายังจูเหลียง
จูเหลียงเพียงกระพริบตาแล้วกล่าวว่า "หากเรื่องเป็นเช่นนี้ได้ก็นับว่าดีนัก เมื่อข้าเอาชนะเขาได้และไว้ชีวิตเขา ก็นับว่าเป็นการสร้างชื่อเสียงอันดีของข้าเช่นกัน"
ตอนนี้ภายในเมืองประจำมณฑลผานางแอ่นเหินนับว่าเป็นครึกครื้นไม่น้อย
เพราะวันนี้มีชายหนุ่มลึกลับอายุไม่ถึง 20 ปีคนหนึ่งเดินทางมาถึง
ซ้ำยังกล่าวกันว่า ชายหนุ่มผู้นี้เมื่อมาถึง ก็ทุบตีนายน้อย 3 ของตระกูลจูเสียหมอบกระแต
เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านั้น ในขณะที่รองประมุขของตระกูลจูเดินทางมาถึงเพื่อแก้แค้น ชายหนุ่มคนนี้พลันเปิดเผยระดับบ่มเพาะและความสามารถเลิศล้ำอัศจรรย์ในฐานะผู้หลอมศาสตราระดับ 8 ...
เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ ซ้ำยังเป็นผู้หลอมศาสตราระดับ 8 ด้วยวัยเพียงไม่ถึง 20 ปี!
หลังจากนั้นชายหนุ่มผู้นี้ยังกล่าวท้าทายผู้อาวุโสที่ 2 ของตระกูลจู เพื่อทำการประลองหลอมสร้างศาสตราโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน!
นอกจากนี้เขายังเลือกตลาดใหญ่ ที่ผู้คนพลุกพล่านที่สุดในเมืองประจำมณฑลแห่งนี้ เป็นเวทีประลอง
ไม่นานผู้คนทั้งเมืองล้วนรู้ข่าวและมุ่งหน้ามาดูชม
กล่าวได้ว่าบริเวณตลาดกลางเมืองประจำมณฑลตอนนี้คาคั่งไปด้วยผู้คนที่มารอชมดูเรื่องราว จนแทบไม่มีที่ยืน
ภายในจวนผู้ว่าการมณฑล
ชายวัยกลางคนที่กำลังอยู่นั่งบนเอาอี้หวายในศาลาชมบุปผาพร้อมดื่มชารสเลิศหอมกรุ่น อย่างอารมณ์ดี
ทันใดนั้นข้ารับใช้คนหนึ่งพลันวิ่งมาหาชายวัยกลางคนด้วยความเร่งรีบ
ชายวัยกลางคนที่สง่างามผู้นี้แน่นอนว่าย่อมเป็นผู้ว่าการประจำมณฑลผานางแอ่นเหิน เป่ยหยวน ...เขาขมวดคิ้วแล้วกล่าวถามออกมาว่า "เหตุใดเจ้าต้องรีบร้อนเช่นนี้?"
"ท่านผู้ว่า มีชายหนุ่มลึกลับคนหนึ่งมาเยือนเมืองประจำมณฑลของพวกเรา ซ้ำเขายังท้าประลองหลอมศาสตรากับผู้อาวุโสที่ 2 ของตระกูลจู และการเดิมพันครั้งนี้คือชีวิต ... " ภายใต้การเล่าเรื่องราวอย่างละเอียดของข้ารับใช้ เป่ยหยวนเผยให้เห็นความสนใจ มุมปากเขาแย้มยิ้มขึ้น
"ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ ซ้ำยังเป็นผู้หลอมศาสตราระดับ 8 ด้วยวัยไม่ถึง 20 ปี?"เป่ยหยวนลุกขึ้นยืนในทันใด ประกายตาของเขาเรืองวูบออกมา "น่าสนใจ น่าสนใจนัก ... .เอาล่ะ เจ้าไปกับข้า ข้าคิดไปชมดูเรื่องราวน่าสนุกนี่สักหน่อย"
สมาคมผู้หลอมโอสถ
ตั้งแต่ที่ได้เลื่อนระดับเป็นผู้หลอมโอสถระดับ 7 เมื่อ 3 ปีที่แล้ว และออกจากเมืองออโรร่า ซื่อโหม่วก็ได้กลับมายังสมาคมผู้หลอมโอสถสาขาเมืองประจำมณฑล และกลายเป็นหัวหน้าสมาคมผู้หลอมโอสถแห่งนี้
"อะไรนะ? ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ? ผู้หลอมศาสตราระดับ 8?" หลังจากที่ซื่อโหม่วได้รับรู้ข่าวลือที่กำลังเป็นประเด็นร้อนในตอนนี้ เขาเองก็รู้สึกตกใจไม่น้อย
"เป็นไปได้หรือไม่ ที่ชายหนุ่มลึกลับผู้นี้จะสามารถเทียบเทียมกับเจ้าหนูตัวประหลาด ที่เป็นตำนานของอาณาจักรนภาล่องไปแล้วนั่นได้?" ซื่อโหม่พึมพำ
ชั่วชีวิตนี้เขาจะไม่มีวันลืมเจ้าหนูชุดสีม่วงที่เขาเจอในเมืองออโรร่าเมื่อ 3 ปีที่แล้วเด็ดขาด
ในปีนั้นเป็นเพราะเจ้าหนูนั่น เขาจึงสามารถปรับปรุงยกระดับเปลวเพลิงหลอมโอสถจนกลายเป็นผู้หลอมโอสถระดับ 7 ได้อย่างราบรื่น ก่อนที่จะต้องลาจากเมืองออโรร่าที่ห่างไกล กลับมาสู่เมืองประจำมณฑลที่แสนคึกคักนี่
แต่ต่อมาถึงแม้เขาจะมาอยู่เมืองประจำมณฑลแต่ข่าวลือของเจ้าหนูนั่นก็เรื่องระบือดังก้องไปทั่วแดนดิน
อัจฉริยะอันดับ 1 ของสถาบันบ่มเพาะขุนพล
ลูกหลานสายโลหิตหลักของตระกูลต้วนแห่งเมืองหลวง
ผู้บัญชาการองค์รักษ์เสื้อแพร
ตอนนี้สหายตัวน้อยของเขาได้กลายเป็นตัวตนระดับตำนาน สุดยอดอัจฉริยะไร้ผู้ต้านหนึ่งเดียวของอาณาจักรนภาล่องไปแล้ว และทั่วทั้งอาณาจักรต่างยอมรับแล้วว่าเจ้าหนูจอมแสบคนนั้นเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 อย่างแท้จริง
"ข้าจะไปดูชมเรื่องราวน่าตื่นเต้นนี้เช่นกัน ข้าอยากรู้นักว่าเป็นผู้ใดกันที่มีความสามารถไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเจ้าหนูจอมแสบต้วนหลิงเทียนนั่น" มุมปากของซื่อโหม่วเริ่มฉีกยิ้มออกมา ใบหน้าแลดูสนุกสนานไม่น้อย
ณ ตลาดใหญ่กลางเมืองประจำมณฑล
อาคารหรูหราแห่งหนึ่ง มีตราประทับแลดูพิเศษติดไว้ด้านหน้า
มันเป็นสัญลักษณ์แสดงตัว ซ้ำยังเป็นเครื่องหมายการค้าของกลุ่มการค้าทิวลิปม่วง
ณ ชั้นบนสุดของอาคาร
ตอนนี้มีสตรีผู้หนึ่งแลดูสวยสง่า งดงามไม่น้อยนั่งอยู่ในศาลาชมทิวทัศน์ชั้นด้านบนสุด และมองลงมายังกลางเมืองที่อยู่ไกลๆ ...
ชายหนุ่มแต่งตัวด้วยชุดสีม่วงหล่อเหลา กำลังยืนเคียงข้างกับสตรีที่งดงามคนหนึ่ง
ด้านหลังเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ที่กำลังจับร่างชายหนุ่มคนหนึ่งที่หน้าซีดเป็นไก่ต้มเอาไว้
“ข้าไม่คิดเลยเพียงเขามาถึงไม่นานเท่าไร กลับสร้างเรื่องราวตื่นเต้นสนุกสนานน่าชมดูเช่นนี้” ตอนนี้เองมีชายวัยกลางคนที่มีลักษณะไม่ธรรมดา เดินเข้ามายืนเคียงข้างหญิงสาวที่สง่างามนางนั้น
รีวิวของคุณ
คุณจะให้ดาวนิยายเรื่องนี้หรือไม่