px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
ตอนที่ 237 : ไร้ปรานี!


บทที่ 237 : ไร้ปรานี!

แม้ว่ายามนี้จะมีผู้คนจำนวนมากชมดูเรื่องราว แต่เมื่อพวกเขาเห็นจูเหลียงและต้วนหลิงเทียนแลกกระบี่วิญญาณระดับ 8 กัน  พวกเขาก็เงียบสนิทใจจดจ่อไปยังภาพตรงหน้า ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆทั้งสิ้น ...

พวกเขารู้ว่ายามนี้ผลลัพธ์ของการเดิมพันด้วยชีวิตกำลังจะปรากฏ!

หลังงานต้นกำเนิดของต้วนหลิงเทียนเริ่มไหลเวียนไปตัวกระบี่วิญญาณระดับ 8 ในทันใดนั้นเองเงาร่างช้างแมมมอธโบราณก็เริ่มปรากฏขึ้นมาที่ละตัวๆ

"ถูกต้อง มันสามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งได้19%ได้จริงๆ!" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าให้กับจูเหลียงด้วยความสงบ

เขาต้องยอมรับในใจว่าจูเหลียงผู้นี้ก็นับว่าพอมีฝีมือเช่นกัน

อย่างไรก็ตามวันนี้...จูเหลียงคงได้แต่โทษตัวมันเองที่โชคร้าย

หลังจากทั้งหมดเทคนิคและทักษะการหลอมสร้างศาสตราของต้วนหลิงเทียน และประสบการณ์ทั้งหมดของเขา ล้วนมาจากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด ...แม้กระทั่งมองไปทั่วทวีปเมฆาล่องแห่งนี้ ก็นับได้ว่าเป็นทักษะเลิศล้ำระดับเหนือชั้น ...

จูเหลียงผู้นี้ไม่อาจเทียบเทียมได้แม้แต่เศษเสี้ยว

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนยังคงสงวนท่าทีงำประกายเอาไว้ ไม่เปิดเผยเทคนิคและทักษะระดับสูงออกมาทั้งหมด

นั่นเพราะแค่เพียงเล็กน้อยเท่านี้ก็เหลือเฟือที่จะเอาชนะมันได้แล้ว

ไม่จำเป็นต้องแสดงความสามารถที่เหนือชั้นไปมากกว่านี้...

จูเหลียงผู้ที่กำลังจะตรวจสอบกระบี่วิญญาณระดับ 8 ของต้วนหลิงเทียน สับสนเล็กน้อยเมื่อเห็นท่วงท่าปลอดโปร่งไร้เรื่องราวของต้วนหลิงเทียน ในใจของเขาอดคิดไปไม่ได้

เป็นไปได้หรือไม่ที่เด็กน้อยคนนี้มั่นใจว่าเอาชนะเขาได้?

ไม่ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!

จูเหลียงปลอบตัวเองก่อนที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆและเริ่มทดสอบกระบี่ในมือ

จูเหลียงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 1 เช่นนั้นหากไร้ซึ่งความช่วยเหลือจากอาวุธวิญญาณ ความแข็งแกร่งที่เขามีควรอยู่ที่ 200 ช้างแมมมอธโบราณ

ตอนนี้เขาเริ่มใช้กระบี่วิญญาณระดับ 8 ที่ต้วนหลิงเทียนหลอมสร้าง

วู้มมม!

เพียงครู่หนึ่งเหนือศีรษะของเขาก็ปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 240 ตัว!

"20 ... 20%? ไม่ ...เป็นไปไม่ได้...เป็นไปไม่ได้... !" ทีท่าของจูเหลียงยิ่งมายิ่งน่ากลัว สองตาของมันเบิกกว้าง ศีรษะของมันส่ายไปมาไม่หยุด ราวกับไม่ยินยอมพร้อมใจที่จะเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นความจริง ...

นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร!?

อาวุธวิญญาณระดับ 8 ที่เขาหลอมสร้างออกมาสามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งได้ 19%  นั่นอาจถือได้ว่าเป็นอาวุธวิญญาณระดับ 8 ที่มีคุณภาพสูงแล้ว!

แต่อาวุธวิญญาณระดับ 8 ที่สามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งได้ถึง 20% เช่นนี้นั้นกล่าวได้ว่าเป็นอาวุธวิญญาณล้ำเลิศในหมู่อาวุธวิญญาณคุณภาพสูงทั้งหลายโดยแท้จริง!!

และอาวุธวิญญาณเลิศล้ำดังกล่าวกลับถูกหลอมสร้างโดยชายหนุ่มที่อายุไม่ถึง 20 ปี?!

เขาไม่กล้าที่จะเชื่อ และก็ไม่เต็มใจจะเชื่อว่ามันจะเป็นความจริง

ยามนี้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของตระกูลจูกลับกลายเป็นแข็งค้าง

“ชายหนุ่มคนนี้กลับมีความสามารถถึงขั้นหลอมสร้างอาวุธวิญญาณระดับ 8 ที่เพิ่มพูนความแข็งแกร่งได้ 20% เช่นนั้นหรือ?” ม่านตาของผู้อาวุโสหลักตระกูลจูหดแคบลง ซ้ำใบหน้าของเขายังเริ่มมืดลงเรื่อยๆ

ประมุขตระกูลจูอย่างจูล่งเอง รวมทั้งจูชี่รวมถึงผู้อาวุโสตระกูลจูคนอื่นๆ เองก็เผยใบหน้าอัปลักษณ์ออกมาเมื่อเห็นเรื่องนี้ น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความยากจะเชื่อ

"เรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไร ... มันเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?!" ใบหน้าของจูจ้าวบิดเบี้ยวขึ้นมาโดยพลัน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม

“กระบี่วิญญาณระดับ 8 ที่เพิ่มพูนความแข็งแกร่ง 20%” ผู้ว่าการประจำมณฑลผานางแอ่นเหินเป่ยหยวน ถึงกับถลึงตาทั้ง 2 ข้างมองไปด้วยความเหลือเชื่อ

กระบี่วิญญาณระดับ 8 ที่ใช้เวลาหลอมสร้างเพียง 30 นาที กลับสามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งได้ 20%?

ชายหนุ่มสวมชุดสีม่วงนี้เป็นผู้ใดกันแน่?

มันช่างเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่ออย่างถึงขีดสุด!

ตรงกันข้าม... ซื่อโหม่วที่อยู่อีกห้องกลับหัวเราะออกมาดังลั่น  "สุดท้ายเจ้าตัวแสบก็ไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ... . สามารถหลอมสร้างกระบี่วิญญาณระดับ 8 ที่เพิ่มพูนความแข็งแกร่ง 20%ได้ในเวลาเพียง 30 นาที พรสวรรค์ในด้านผู้หลอมศาสตราช่างท้าทายสวรรค์โดยแท้จริง !"

ไม่เพียงแค่เป่ยหยวนและซื่อโหม่ว กระทั่งคู่สามีภรรยาบนศาลาชมทิวทัศน์ยังอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ แม้ว่าพวกเขาจะเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนตั้งแต่เริ่ม แต่เมื่อพวกเขาเห็นเรื่องราวนี้ด้วยตาทั้ง 2 ข้างพวกเขาก็ช่วยไม่ได้ที่จะเป็นเช่นนี้

"อาวุโส 2 ยามนี้เจ้าคิดทำอย่างไรต่อเล่า?"ต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังจูเหลียง พร้อมรอยยิ้มแสยะที่มุมปาก

ลี่เฟยที่ยืนอยู่ด้านหลังตอนนี้ก็แสดงท่าทีตื่นเต้นออกมา  บุรุษของนางสามารถแก้แค้นให้ท่านปู่ของนางได้แล้ว ...

ในใจของนางเริ่มปรากฏความอบอุ่นครอบคลุม

อย่างไรก็ตามจูเหลียงทำท่าราวกับไม่ได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน มันทำแค่เพียงส่ายหัวไปมา "เป็นไปไม่ได้ ..เรื่องเช่นนี้เป็นไปไมได้... !"

เห็นได้ชัดว่ามันยังไม่ได้สติจากความตกตะลึงครั้งนี้

ผู้คนที่มาชมเรื่องราวรอบๆเองก็นิ่งค้างราวกับวิญญาณหลุดลอยออกจากร่างเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดล้วนเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา

"ถล่มมารดามันเถอะ! กระบี่วิญญาณระดับ 8 ที่เพิ่มพูนพลังได้ 20%! ชายหนุ่มชุดสีม่วงนี้หาใช่ตัวประหลาดธรรมดาๆแล้ว! "

"เขามิใช่ตัวประหลาด แต่เขาเป็นตัวประหลาดในหมู่ตัวประหลาด!"

"ดูเหมือนนามผู้หลอมศาสตราอันดับ 1 ในมณฑลผานางแอ่นเหิน จักต้องเป็นของเขาตลอดกาลแล้ว"

"มิน่าเชื่อจริงๆ เขายังอายุไม่ถึง 20 ปีจริงๆเช่นนั้นหรือ?"

"แน่นอน หากเจ้ามีตาก็ลองเบิ่งดูหน้าตาของเขาดู  ...ข้ามองอย่างไรก็ยังเยาว์วัยยิ่งนัก"

...

ทุกคนล้วนตกตะลึงพรึงเพริด  เพราะฉากตรงหน้าที่พวกเขาชมดูด้วยสองตานั้นยากจะเชื่อเกินไป

ชายหนุ่มชุดสีม่วงคนนี้กลับเอาชนะการเดิมพันด้วยชีวิตกับผู้อาวุโส 2 ได้สำเร็จ

นอกจากนี้เขายังเอาชนะผู้อาวุโส 2 ด้วยกระบี่วิญญาณระดับ 8 ที่ใช้เวลาหลอมเพียง 30 นาที!

นี่เป็นเรื่องท้าทายสวรรค์แล้ว!

ในขณะเดียวกันยามนี้ผู้อาวุโส 2 จูเหลียงก็เริ่มฟื้นคืนสติกลับมา

ทว่าใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวฉายออกมา

"ไม่ ... ข้าไม่อยากตาย ..ข้ายังไม่อยากตาย... " หัวใจของจูเหลียงสั่นไหวระรัวด้วยความหวาดกลัว สุดท้ายมันก็เลือกกระโจนร่างกลับเข้าไปรวมกลุ่มกับผู้คนของตระกูลจู พร้อมกำกระบี่วิญญาณระดับ 8 ของต้วนหลิงเทียนไว้ในมือไม่ปล่อย

"หืม?" ฉากนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้คาดคิดเอาไว้

สีหน้าของต้วนหลิงเทียนมืดลงเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา  "อาวุโส 2 นี่เจ้าคิดกลืนน้ำลายกลับคำพูดงั้นหรือ?"

ทันใดนั้นเองผู้คนรอบๆ ราวกับถูกระเบิดลง

ผู้อาวุโส 2 คิดกลับคำพูดเช่นนั้นหรือ  มันเป็นคนกลับกลอก? มันสมัครใจลงประลองเดิมพัน แต่มันไม่เต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้?

สีหน้าท่าทางของจูเหลียงอัปลักษณ์น่ารังเกียจนัก  แต่ยามนี้เขาทำได้เพียงรู้สึกละอายและผิดบาปในใจ ไม่กล้าส่งเสียงแม้เพียงครึ่งคำ

ทว่าในตอนนี้เองประมุขตระกูลจู จูล่งได้ก้าวออกมาเผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนพร้อมกล่าววาจา "เจ้าหนุ่ม...เรื่องไม่มีความจำเป็นต้องกล่าวแล้ว ความสามารถในการหลอมสร้างอาวุธของเจ้าช่างยอดเยี่ยมน่าชื่นชมนัก ...อย่างไรก็ตามอาวุโส 2 มีค่ากับตระกูลจูของพวกเรายิ่งนัก ดังนั้นถึงแม้ผู้อาวุโส 2 จักพ่ายแพ้แต่ก็มิอาจตายได้  สำหรับการเดิมพันด้วยชีวิตในวันนี้ทางตระกูลจูยินดีชดใช้สิ่งอื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนกับชีวิตของผู้อาวุโส 2...เจ้าต้องการสิ่งใดโปรดกล่าว"

"สิ่งอื่น ๆ?" สายตาของต้วนหลิงเทียนเย็นชาลง พร้อมกล่าวเย้ยหยันออกมา  "ขออภัย แต่ข้าไม่ต้องการสิ่งอื่นใด... . ข้ามาเพื่อเดิมพันชีวิตกับอาวุโส 2 สิ่งที่ข้าต้องการก็คือชีวิตของผู้อาวุโส 2 เท่านั้น!"

"น่าเศร้านัก เรื่องนี้ข้ามิอาจให้เจ้าได้" สีหน้าของจูลงเริ่มหมองคล้ำลง

"จู้เหลียง!" สายตาเย็นชาไม่แยแสของต้วนหลิงเทียน ไปหยุดที่จู้เหลียงอีกครั้ง "เจ้าใช่แน่ใจแล้วหรือไม่ ว่าเจ้าต้องการกลับคำพูดของเจ้า?  เจ้าแน่ใจแล้วใช่หรือไม่ที่เจ้าคิดจะนำทั้งตระกูลจูล่มจมไปพร้อมกับเจ้า ? เพียงเพราะความกลัวตายของเจ้า?  ข้าจะให้โอกาสเจ้าปลิดชีวิตตัวเองตอนนี้ มิฉะนั้นทุกคนในตระกูลจูของเจ้า ข้าจะฆ่าพวกมันให้สิ้น! " น้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความเย็นชาไร้สิ้นสุด ...

ต้องการกลับคำพูดต่อหน้าเขาหรือ?

เรื่องนี้เป็นไปได้ด้วยหรือ?

"เหลวไหล" จูชี่หัวเราะออกมา ก่อนที่จะหันมองไปยังต้วนหลิงเทียน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดูแคลน  "พี่ใหญ่ข้าเสนอสิ่งของให้เจ้า เจ้ากลับปฏิเสธ สุราคารวะมิรับชมชอบสุราจับกรอก ยโสโอหังเช่นนี้ เจ้าอย่าหวังว่าจักได้รับอันใดอีก!...และหากเจ้ายังคิดเก็บกู้ชีวิตไร้ค่านี้ไว้! รีบไสหัวไปให้พ้นหน้าบิดา!! "

"อ้อเป็นเช่นนั้นรึ?" ประกายเย็นชาสาดออกมาจากดวงตาของต้วนหลิงเทียน เพลิงโทสะในใจลุกโชนขึ้นมายากระงับ

ยากนักที่เขาจะบังเกิดโทสะมากขนาดนี้

แต่วันนี้เขาบังเกิดโทสะมากมายแล้ว!

เป่ยหยวนในเหลาอาหารขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกรังเกียจผู้อาวุโสทั้งหลายของตระกูลจู ที่กลับวาจา เป็นคนสับปลับ

อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้จักชายหนุ่มในชุดสีม่วงคนนั้น เขาจึงมิคิดออกหน้าอะไรทั้งสิ้น...

ใบหน้าซื่อโหม่วในห้องพิเศษของเหลาอาหารอีกห้อง พลันมืดลงทันใด เขากระโดดออกจากหน้าต่าง เหินร่างออกจากเหลาอาหาร และก้าวเดินไปหาต้วนหลิงเทียนทันที ...

เขาต้องการให้ตระกูลจูสำเหนียกถึงตัวตนน่าพรั่นพรึงของต้วนหลิงเทียน

สำหรับเขาแล้ว การที่ตระกูลจูมันกล้าที่จะกลับคำต่อหน้าผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร อย่างต้วนหลิงเทียน  นี่ไม่แตกต่างอะไรกับการยืนคอไปถูดาบคมกล้าสักนิด!

ภายในศาลาชมทิมทัศน์

เมื่อเห็นตระกูลจู คิดใช้กำลังข่มเหงผู้คน ดวงตาคู่สวยของหญิงที่งามสง่าบังเกิดความเย็นชาไม่น้อย

"อวี้เอ๋อ ไปกันเถอะ!" ชายวัยกลางคนพาสตรีสวยลงจากศาลาชมทิวทัศน์ก่อนที่จะก้าวเดินออกไปหาต้วนหลิงเทียน

ผู้คนรอบๆนั้นยังคงยืนอยู่ไม่ไปไหน สีหน้าพวกมันเผยให้เห็นความดูแคลนออกมา

"ตระกูลจูจักไร้ยางอายเกินไปแล้ว!"

"ถูกต้อง ปีที่แล้วปู่ของชายหนุ่มผู้นี้เดินทามาท้าประลองเดิมพันชีวิตกับมัน ยามเขาพ่ายแพ้เขาก็ยินยอมจ่ายชีวิตออกมาอย่างลูกผู้ชายน่านับถือ...ตอนนี้พอถึงคราวของมัน  บัดซบ! มันกล้าเลือกกลับคำเช่นนี้ ช่างหน้าตัวเมียนัก"

“ข้าตัดสินใจแล้ว ต่อไปไม่ว่ากิจการห้างร้านอันใดของตระกูลจู ข้าจะไม่เสียแม้แต่ 1 เหรียญให้พวกมัน”

"ข้าก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน ข้ายินยอมโยนเหรียญเงินลงบ่ออุจาระเสียดีกว่าปล่อยให้พวกตระกูลจูได้ไป"

"เป็นลูกผู้ชายแต่กลับวาจาอย่างขลาดเขลา ทั้งตระกูลจูยังคิดกระทำการข่มเหงรังแกผู้คนเช่นนี้อีก นี่มันจะมากเกินไปแล้ว"

...

การกระทำของตระกูลจู ทำให้ผู้คนทั้งหมดรู้สึกรังเกียจ

เหล่าสมาชิกของตระกูลจู ตั้งแต่ประมุขจูล่ง รวมไปถึงเหล่าอาวุโสทุกคนล้วนมีใบหน้าอัปลักษณ์ ท่าทางน่าเกลียดทั้งสิ้น

"เด็กน้อยข้าจะให้เวลาเจ้าเพียง 5 ลมหายใจเพื่อไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า ... มิฉะนั้นไม่เพียงแต่เจ้าเท่านั้น! ทั้ง 2 คนด้านหลังเจ้ายังต้องตกตายอย่างไม่ต้องสงสัย!" ประกายตาของจูล่งมืดลงพร้อมเผยเจตนาฆ่าฟันออกมายามกล่าวกับต้วนหลิงเทียน

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ…." ต้วนหลิงเทียนรู้สึกช่วยไม่ได้ที่จะต้องหัวเราะออกมาดังลั่นเช่นนี้ ราวกับเรื่องที่จูล่งกล่าวมันน่าหัวร่ออย่างถึงขีดสุด

"ดี ... ตระกูลจู! พวกเจ้ามาได้ดีนัก!" ประกายตาของต้วนหลิงเทียนเย็นชาไม่แยแสราวน้ำแข็ง  น้ำเสียงของเขาอำมหิตราวกับดังขึ้นจากอเวจีนรก เต็มไปด้วยความอำมหิต

"ฉงเฉียน! นอกจากจูเหลียงแล้ว ตัดหัวพวกมันให้หมด!" เจตนาฆ่าฟันราวกับกวาดผ่านผืนฟ้าแผ่ซ่านออกมาจากต้วนหลิงเทียน น้ำเสียงเย็นชาไม่แยแสดังขึ้นอีกครั้ง

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเผยท่าทีน่าหวาดกลัวราวเทพอสูร ซ้ำยังเป็นเทพอสูรกระหายโลหิต...

ผู้คนทั้งหมดล้วนตะลึงงันกับวาจาของต้วนหลิงเทียน

"ขอรับนายน้อย!"

ฉงเฉวียนพลันขยับร่าง

แล้วร่างของฉงเฉวียนก็เลือนรางอันตรธานหายไปในพริบตา... มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นทียังพอเห็นร่างของเขาอย่างลางๆ

ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! 

...

รังสีดาบโหดเหี้ยมวูบวาบขึ้นมาในอากาศ ซ้ำมันยังกระพริบวูบออกมาแทบจะเป็นเวลาเดียวกัน ทำให้ผู้คนโดยรอบรู้สึกหนาวสะท้าน

เมื่อพวกเขาฟื้นตัวจากอาการตกตะลึง พวกเขาก็สังเกตเห็นว่า นอกจากจูเหลียงที่ยืนตัวสั่นด้วยใบหน้าซีดราวกับศพแล้ว ยามนี้ผู้คนทั้งหมดของตระกูลจู ล้วนเป็นซากศพเลอะเลือน หัวนับสิบๆกลิ้งเกลือกบนพื้นดินราวกรวดหินไร้ราคา แต่ละหัวล้วนตาเบิกโพล่งอย่างไม่ยินยอม ...

โลหิตหลั่งไหลดั่งสายธาร!

และรูปรางที่กระพริบวูบวาบเลือนรางราวภูตพรายก็กลับมาปรากฏข้างกายต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง

หยาดโลหิตยังคงหยดออกมาจากปลายดาบ 3 ฉื่อติ๋งๆ ก่อให้เกิดบุปผาโลหิตอันงดงามบนผืนดิน

ยามนี้โดยรอบล้วนเงียบสงัด เสียงหยาดโลหิตตกกระทบพื้น ดังก้องเข้าหูผู้คนราวกับเป็นท่วงทำนอง สวดส่งวิญญาณอันแสนไพเราะ...

สวดส่งเหล่าวิญญาณที่หลุดลอยออกจากร่างผู้คนของตระกูลจู...

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งของตระกูลจูหลายคนนอนทอดกายตกตายโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเคียวมัจจุราชพาดผ่านลำคอพวกมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่

หากไม่นับจูจ้าวแล้ว ผู้อาวุโสของตระกูลจูเองก็นับว่ามีระดับบ่มเพาะอยู่ในระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9 เป็นต้นไปทั้งสิ้น ความแข็งแกร่งกล่าวได้ว่ามิใช่ชั่ว ...

อย่างไรก็ตามเพียงพริบตาเดียวพวกมันล้วนตกตายลงหมดสิ้นอย่างง่ายดายเช่นนี้

นอกเหนือจากตัวต้นเหตุของเรื่องราววิปโยคอย่างจูเหลียงแล้ว ผู้คนที่เคยมีลมหายใจของตระกูลจูล้วนตกตายหมดสิ้น!

รีวิวผู้อ่าน