px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
ตอนที่ 239 : บุรุษที่ยอดเยี่ยม!


บทที่ 239 : บุรุษที่ยอดเยี่ยม!

ผู้ว่าการประจำมณฑลผานางแอ่นเหิน?

บิดาของเป่ยซัน?

ต้วนหลิงเทียนหันไปมองชายวัยกลางคนในชุดหรูหราด้วยสายตาซับซ้อนเล็กน้อย

"ผู้บัญชาการต้วน" เป่ยหยวนเดินมากล่าวคำทักทายต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะหันไปทักทายซื่อโหม่ว หลิวอวี้และจี้เหยียนด้วยเช่นกัน

และในพริบตาต่อมามือของเป่ยหยวนก็สะบัดฟาดทำลายจุดตันเถียนของจู้เหลียงทันที!

"เป่ยหยวน!" ทันใดนั้นจูเหลียงพลันร้องออกมาด้วยความรวดร้าว ดวงตาของมันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำจับจ้องไปยังเป่ยหยวนด้วยความโกรธ

เป่ยหยวนนั้นไม่ได้ให้ความสนใจจูเหลียงอย่างสิ้นเชิงเขาโยนร่างมันราวกับขยะชิ้นหนึ่งไปหยุดแทบเท้าต้วนหลิงเทียน  "ผู้บัญชาการต้วนให้เกียรติมาเยือนเมืองประจำมณฑลของข้าเป็นครั้งแรก  เช่นนี้ถือซะว่าขยะใช้การไม่ได้ตัวนี้ข้าจับมันมาส่งให้ท่านเป็นของขวัญ... ถึงแม้ว่ามันเองก็คงหนีมิพ้นอยู่ดีหากข้าไม่ได้ลงมือ" ในขณะที่กล่าวจบเป่ยหยวนก็หันไปมองฉงเฉวียนที่ยืนข้างต้วนหลิงเทียนด้วยความหวาดกลัว

"เช่นนั้น ข้าคงต้องขอบคุณผู้ว่าการมณฑลแล้ว"ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำเป่ยหยวนก่อนที่ จะเหลือบมองจูเหลียงแล้วถีบร่างมันอย่างแรง ...

ผลัก!

ร่างของจูเหลียงกลิ้งลงไปบนพื้น

"เสี่ยวเฟย" ต้วนหลิงเทียนเอ่ยคำเรียกลี่เฟย ก่อนที่เขาจะเดินไปหยิบกระบี่หยก ในมือของจูเหลียงที่เป็นอันที่เขาหลอมเอาไว้ ส่งมอบให้ลี่เฟย

"ไม่...ได้โปรด ... ." เมื่อจูเหลียงเห็นดวงตาคู่สวยของลี่เฟยเต็มไปด้วยจิตสังหาร ความหนาวยะเยือกเริ่มบังเกิดในหัวใจของมัน มันรีบกล่าวตะโกนวิงวอนออกมา

ฟุ่บ!

สายตาของลี่เฟยเย็นชาไม่แยแส นางจับกระบี่พร้อมยกมือขึ้นมา พลังงานต้นกำเนิดของนางถ่ายทอดสู่ดาบบังเกิดเป็นประกายดารางดงาม ก่อนที่จะฟาดมันลงมาสับร่างของจูเหลียง ตัดผ่าร่างของมันขาดสะพายแล่งแยกไปกองบนพื้น

โลหิตสาดกระจายไปทั่วบริเวณ ...

บุปผาโลหิตพร่างพราว ดาราสะท้านโปรยปรายแวบวับ

หลังจากที่เห็นลมหายใจสุดท้ายของจูเหลียงดับลง  ความเกลียดชังบนใบหน้าของลี่เฟยเริ่มสลายหายไป  แต่เมื่อนางหวนคิดถึงปู่ของนาง น้ำตาก็เริ่มหลั่งรินออกมาอีกครั้ง นางโยนร่างบางทิ้งลงในอ้อมกอดของต้วนหลิงเทียน  แล้วเริ่มร่ำไห้ปลดปล่อยอารมณ์ออกมาอย่างไม่คิดระงับ

"เสี่ยวเฟย...ไม่เป็นไรแล้ว  เจ้าได้ล้างแค้นให้ท่านปู่แล้ว ป่านนี้วิญญาณท่านปู่ในปรโลกคงส่งยิ้มให้เจ้า ...ท่านสามารถพักผ่อนได้อย่างสงบแล้ว" ต้วนหลิงเทียนตบหลังลี่เฟยเบาๆ พร้อมกล่าวคำด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

ในขณะเดียวกันนั้น เหล่าผู้คนที่มาร่วมชมดูเหตุการณ์รอบๆ ล้วนเข้าใจได้ทันที  ที่แท้ต้วนหลิงเทียนหาได้แก้แค้นให้ปู่ของตัวเองไม่...แทนที่จะเป็นปู่ของเขาเองแต่กลับเป็นปู่ของ

คนรัก

"ช่างเป็นสตรีที่งดงามนัก!"

"นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของข้า ที่มีโอกาสได้เห็นสตรีที่งดงามหาใดเปรียบเช่นนี้"

"ข้าเกรงว่าด้วยความงามเช่นนี้ มีเพียงผู้มีพรสวรรค์อย่างผู้บัญชาการต้วนเท่านั้นที่จะคู่ควร"

...

ผู้คนโดยรอบได้ถูกเรื่องนี้เขย่าหัวใจอีกครั้ง

ความชื่นชมเริ่มปรากฏอยู่ในหัวใจของผู้คนรอบๆ การกระทำครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียนที่แลดูเกรี้ยวกราดพิโรธหนักหนาถึงขั้นฆ่าล้างตระกูล... ทั้งหมดเป็นเพราะต้องการล้างแค้นให้คนรักของเขา!

บุรุษที่ดีสมควรเอาอย่างท่านผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์เสื้อแพร!

ทำลายตระกูลจู ด้วยความพิโรธเพื่อเห็นแก่หน้าคนรัก!

"ผู้บัญชาการต้วน ท่านเองก็คงเดินทางมาไกลมิใช้น้อย ผู้ว่าการมณฑลผู้นี้ขอทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีต้อนรับท่าน... ข้าหวังว่าผู้บัญชาการต้วนจะให้เกียรติ เข้าพักที่จวนผู้ว่าของข้า "เป่ยหยวนเป็นคนฉลาด มันรอให้ต้วนหลิงเทียนปลอบลี่เฟยเสร็จสิ้นจึงกล่าววาจาออกมา

"ผู้ว่าการมณฑล พวกเราสามีภรรยาเองก็มีเจตนาเชิญผู้บัญชาการต้วนไปพักเช่นกัน" จี้เหยียนยิ้มบางๆออกมา ถึงแม้ว่าเป่ยหยวนจะเป็นผู้ว่าการมณฑล แต่เขาก็หาได้แยแสหรือใส่ใจอะไรมันมากนัก เพราะสุดท้ายเป่ยหยวนก็ยังเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งก้าวเฉกเช่นเดียวกับเขา

ซื่อโหม่วหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนานเมื่อเห็นจี้เหยียนเปิดศึกชิงตัวต้วนหลิงเทียนกับเป่ยหยวน  "เอาล่ะ...ไม่ว่าเจ้าหนูคนนี้จักไปกินที่ใด ผู้ชราคนนี้ขอติดตามไปร่วมรับประทานอาหารฟรีด้วยสักมือ ... พวกเจ้าทั้งคู่คงมิมีใครถือสาข้าใช่หรือไม่?"

"รองหัวหน้าสมาคมซื่อ...ท่านต้องล้อข้าเล่นแล้ว นี่นับเป็นเกียรติของข้ามากกว่าที่ได้เลี้ยงอาหารท่าน"เป่ยหยวนและจี้เหยียนกล่าวออกมาแทบจะพร้อมเพรียงกัน

ส่วนในขณะที่ทุกคนเถียงกันอยู่นั้น....ต้วนหลิงเทียนก็เดินไปริบแหวนมิติของตระกูลจูรวมทั้งหยิบกระบี่ระดับ 8 ที่พึ่งหลอมมาวันนี้กลับมาทั้ง 2 เล่ม ...

และเขาก็สังเกตว่ายามนี้เป่ยหยวนและจี้เหยียนกำลังรอให้เขาตัดสินใจ

"ผู้ว่าการมณฑลเป่ย ความหวังดีครั้งนี้ของท่านข้าคงต้องขอรับเอาไว้ด้วยใจ  เพราะจะอย่างไรผู้บัญชาการจี้ก็เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ของข้า และในฐานะที่ข้าก็เป็นเพียงผู้เยาว์ ข้าคงไม่อาจขัดคำของเขาได้ ...ครั้งนี้ข้าหวังว่าผู้ว่าการเป่ยจะอภัยให้ข้าด้วย" ต้วนหลิงเทียนกล่าวปฏิเสธเป่ยหยวนอย่างสุภาพ

ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความคิดชั่วร้ายออกมาวูบหนึ่ง

หากเป่ยหยวนผู้นี้รู้ว่า บุคคลที่ตัดแขนเป่ยบุตรชายของมันก่อนหน้านี้ เป็นเขา! มันจะแสดงท่าทีอย่างไรหนอ ...

เป่ยหยวนผู้ว่าการมณฑลผานางแอ่นเหิน ได้ฟังวาจาแล้วก็หาได้เศร้าเสียใจสักเท่าไรเมื่อถูกต้วนหลิงเทียนปฏิเสธ รอยยิ้มยังคงประดับประดาอยู่บนใบหน้าของเขา "เช่นนั้นแซ่เป่ยจะไม่บังคับท่าน ... อย่างไรก็ตามประตูจวนผู้ว่าของแซ่เป่ยจะเปิดรับผู้บัญชาการต้วนเสมอ ไม่ว่าผู้บัญชาการต้วนคิดมาเมื่อใด  จวนผู้ว่าจักให้การต้อนรับท่านในฐานะแขกผู้มีเกียรติ!"

"ขอบคุณ ผู้ว่าการเป่ย" ต้วหลิงเทียนหยักหน้ารับคำ เป่ยหยวนผู้นี้แลดูดีกว่าเป่ยซันไม่น้อย ก็อย่างที่คาดเอาไว้...จะอย่างไรมันก็เป็นถึงผู้ว่าการ

"เช่นนั้นแซ่เป่ยไม่รบกวนท่านแล้ว" เป่ยหยวนกล่าวลากับต้วนหลิงเทียนแล้วเดินจากไป

มาดั่งสายลมยามไปก็พลิ้วร่างจากไปดั่งสายลมพัดผ่าน สง่างาม ยากจำกัด

กลุ่มผู้คนที่มารวมตัวกัน ณ ตลาดใหญ่ใจกลางเมืองก็ล้วนแยกย้ายสลายตัว เดินกลับไปพร้อมกับความประทับใจยากจะลืมเลือน

และเหตุการณ์ในวันนี้คงเป็นเรื่องราวที่กล่าวขานกันไปอีกนานของผู้คนประจำเมือง ...

นอกจากนั้น ยามนี้ตระกูลจูเองก็ดับหายไปอย่างสิ้นเชิง...

ณ เขตที่พักของตระกูลหยู

"ตระกูลจู ... ." หยูเตี่ยนเผยแววตาซับซ้อนออกมา ตระกุลจูที่มีพลังไม่ด้อยไปกว่าตระกูลหยู กลับถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์ด้วยน้ำมือของชายหนุ่มที่อายุยังไม่ถึง 20!

"ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น ... บางทีข้าคงไม่ควรอนุญาตให้น้องรองกับผู้อาวุโสหลักไปแก้แค้นเขาตั้งแต่แรกจริงๆ  มายามนี้น้องรองกับผู้อาวุโสหลักก็ตกตายลงไปแล้ว แม้กระทั่งท่านผู้อาวุโสสูงสุดที่ไปยังเมืองหลวงก็หายตัวไปอย่างสิ้นเชิง เห็นได้ชัดว่าท่านเองก็คงตกตายไปแล้ว " ใบหน้าของหยูเตี่ยนเต็มไปด้วยความขมขื่น

ปัจจุบันประชาชนในเมืองประจำมณฑลรู้ว่าต้วนหลิงเทียนได้ทำลายตระกูลจู

แต่ตัวเขารู้ดี ว่าต้วนหลิงเทียนหาได้ทำลายแค่เพียงตระกูลจูเท่านั้น... แต่ยังมีตระกูลหยูของเขาอีกด้วย

โชคยังดีนักที่การหายตัวไปของผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งของตระกูลหยู ถูกเขาปิดข่าวเอาไว้ หาไม่แล้วตระกูลหยูอาจจะล่มสลายลงไปแล้วก็เป็นได้

ถึงแม้ว่าตระกูลหยูจะยังคงต่อลมหายใจสุดท้ายออกไปได้  แต่มันก็เป็นไปไม่ได้แล้วที่ตระกูลหยูจะมีสถานะรุ่งเรืองเหมือนกาลก่อน

แม้ว่าประมุขตระกูลหยูอย่างเขารู้ดีว่าสาเหตุทั้งหมดล้วนมาจากชายหนุ่มนามต้วนหลิงเทียน แต่เขาก็ไม่กล้าคิดแก้แค้นสักนิด

เรื่องน่าขันอันใดกัน!

ไม่ต้องกล่าวถึงอัตลักษณ์ของต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ แค่เพียงผู้ติดตามของเขาคนเดียว ก็ทำลายตระกูลหยูให้ย่อยยับลงได้ง่ายดายแล้ว ทั้งแค่เพียงสุ่มเอ่ยถึงมหาอำนาจที่เกี่ยวข้องกับต้วนหลิงเทียนออกมาสักชื่อ ตระกูลหยูของพวกเขาก็เล็กจ้อยดั่งมดปลวก

"ต้วนหลิงเทียน ..ชื่อนี้แทบจะเป็นหายนะกับตระกูลหยูของข้าแล้ว" หยูเตี่ยนกล่าวพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงขื่นขม

ภายในเหลาเถาพฤกษา

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในร้านของกลุ่มการค้าทิวลิปม่วงสาขาประจำเมืองประจำมณฑลผานางแอ่นเหิน  เหลาเถาพฤกษาของที่นี่แลดูหรูหรา และมีระดับเหนือชั้นกว่าเหลาเถาพฤกษา ในเมืองวายุโปรยที่ต้วนหลิงเทียนเคยไปใช้บริการมากนัก

ตอนนี้ในศาลาบนชั้นบนสุดของเหลาเถาพฤกษามีร่าง 5 ร่างนั่งกันอยู่รอบๆโต๊ะ

มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่นั่นก็คือฉงเฉวียน และยามนี้เขาก็ยืนอยู่ด้านหลังต้วนหลิงเทียน

ฉงเฉวียนยืนตระหง่านอยู่เช่นนั้นแลดูมั่นคงไม่ไหวติงดั่งภูผา

อย่างไรก็ตามตอนนี้นอกเหนือจากต้วนหลิงเทียนและลี่เฟย ไม่ว่าจะเป็นซื่อโหม่ว หลินอวี้ และจี้เหยียน ล้วนรู้สึกลำบากใจไม่น้อย ...

จี้เหยียนเหลือบไปมองฉงเฉวียนก่อนที่จะกล่าวคำออกมากับต้วนหลิงเทียน  "ผู้บัญชาการต้วน โปรดให้ชายผู้นี้นั่งลงได้หรือไม่" ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรแต่ยามนี้รอยยิ้มขมขื่นมันปรากฏออกมาบนใบหน้าของจี้เหยียน

ตัวตนระดับแรกสัมผัสธรรมชาติผู้ยิ่งใหญ่ กำลังยืนอยู่ในขณะที่เขานั่ง มันทำให้เขารู้สึกลำบากใจนัก

หลินอวี้และซื่อโหม่วเองก็มองมายังต้วนหลิงเทียนเช่นเดียวกัน

ต้วนหลิงเทียนย่อมเห็นถึงความลำบากใจของทั้ง 3 คนดี เขาทำเพียงส่ายหัวไปมาพร้อมรอยยิ้ม  "ฉงเฉวียน เจ้านั่งลงเถอะ"

"ขอรับนายน้อย" ฉงเฉวียนกล่าวตอบอย่างสุภาพแล้วนั่งลง

ตอนนี้จี้เหยียนพอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก...า

ในเวลาต่อมาอาหารที่สั่งไปก็ถูกยกมาจัดวาง อาหารเลิศรส สุราเลิศล้ำ ...

"น้องหญิงลี่เฟย เจ้านับว่าสวยสมชื่อเสียง 1 ใน 3 สาวงามแห่งเมืองออโรร่ายิ่งนัก เจ้าช่างงดงามอย่างแท้จริง" หลินอวี้เหลือบมองลี่เฟยก่อนที่จะกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม

ใบหน้างดงามของลี่เฟยขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย "หัวหน้าหลินทานเองก็ช่างงดงามนัก"

สตรีทั้ง 2 คนก็กล่าวสนทนากันไปตามประสา

ส่วนอีกด้านหนึ่งต้วนหลิงเทียนก็ สนทนากับซื่อโหม่ว และจี้เหยียน ...

“โชคดียิ่งนักที่ในปีนั้นเจ้าไม่ติดตามข้าไปยังสมาคมผู้หลอมโอสถ มิฉะนั้นเกรงว่าจะเป็นการสะกดความสามารถเลิศล้ำของเจ้าเอาไว้แล้ว ...เจ้าได้บัญชาการกองกำลังของอาณาจักรนภาล่องของพวกเรา ทำการรบได้อย่างยิ่งใหญ่ นำเกียรติยศมาสู่ชายแดนตะวันตกเฉียงเหนืออย่างภาคภูมิเกรียงไกร ข้าผู้ชรายังอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเจ้า!” หลังจากยกซดสุราไปหลายจอกยามนี่ซื่อโหม่วรู้สึกเร่าร้อนขึ้นเล็กน้อย

“มิผิด การรบครั้งนั้นช่างสมบูรณ์แบบนัก! หากข้าผู้นี้ได้มีส่วนร่วมในการรบครั้งนั้น ไม่รู้ว่าโลหิตทั่วร่างของข้าจักร้อนรุ่มถึงเพียงใด” จี้เหยียนย่อมเห็นด้วยอย่างไร้ข้อโต้แย้ง ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังคุ้มกันของกลุ่มการค้าทิวลิปม่วง เขาเองก็เป็นบุรุษหัวใจแกร่งด้วยเช่นกัน

ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ เมื่อได้ยินคำกล่าวของพวกเขา

จี้เหยีนนั้นมองต้วนหลิงเทียนอยู่สูงขึ้นไปอีกขั้นหลังจากเห็นท่าทีนี้ของต้วนหลิงเทียน  "ผู้บัญชาการต้วน หากจะกล่าวไปแล้ว ยามนี้ท่านเองก็นับว่าอยู่ในจุดสูงสุดของอาณาจักรนภาล่องแล้ว... ท่านมีแผนจักทำเช่นไรในอนาคต?"

ดวงตาของต้วนหลิงเทียนกระพริบวูบวาบเล็กน้อย ในแววตาแฝงความโหยหาไว้ประการหนึ่ง "ข้าขอกล่าวตามตรงเลยแล้วกัน ทีข้ามายังเมืองประจำมณฑลครั้งนี้เพราะสะสางเรื่องราวที่ค้างคาเรื่องสุดท้าย...หลังจากที่ข้าจัดการทุกอยางที่นี่เสร็จสิ้นแล้ว ข้าตั้งใจจะเดินทางกลับบ้าน และไม่คิดจะอยู่ที่เมืองหลวงอีกนานสักเท่าไร ข้าจะออกเดินทางจากอาณาจักรนภาล่อง ไปยังอาณาจักรพนาคราม "

อาณาจักรพนาคราม!

ซื่อโหม่วและจี้เหยียนย่อมไม่แปลกใจกับการตัดสินใจเช่นนี้ของต้วนหลิงเทียน ความสามารถของต้วนหลิงเทียนที่เลิศล้ำขนาดนี้ หากรั้งอยู่อาณาจักรนภาล่องสืบไป เกรงว่าจะเป็นการขัดขวางความก้าวหน้าของเขามากกว่า

ต้วนหลิงเทียนนั้นไม่อาจอยู่อาณาจักรนภาล่องได้นานกว่านี้แล้ว...

และอาณาจักรนภาล่องก็ไม่อาจรั้งตัวเขาไว้ได้เช่นกัน

มังกรนั้นจะอย่างไรก็ไม่อาจอยู่ใต้ทะเลได้ตลอดไป สักวันในที่สุดมังกรเหล่านั้นก็จะทะยานพ้นผ่านมหานที กระทั่งทะยานกวาดผ่านไปทั้ง 9 สวรรค์

"แล้วท่านจะเลือกเข้านิกายใดหรือ?" จี้เหยียนกล่าวถาม

เท่าที่เขากังวล จะอย่างไรเมื่อต้วนหลิงเทียนไปยังอาณาจักรพนาคราม เพื่อความก้าวหน้าต้วนหลิงเทียนก็จำเป็นต้องเข้าร่วม ค่ายพรรคหรือนิกายใหญ่สักแห่ง

ด้วยความรู้ของเขามีเพียงเข้าร่วมนิกายค่ายพรรคเท่านั้นต้วนหลิงเทียนถึงจะได้รับการพัฒนาที่สูงขึ้น

และนิกายใหญ่นั้น นับว่าเป็นเวทีที่เหมาสมที่สุดที่จะให้ต้วนหลิงเทียนได้ไปโลดแล่นแดสงความสามารถ มันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้มีพรสวรรค์ในเชิงยุทธ์อย่างต้วนหลิงเทียน

"ข้าเองก็ยังไม่ได้คิดเอาไว้เลย" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวเล็กน้อย ความรู้ของเขาในเรื่องราวที่เกี่ยวกับอาณาจักรพนาครามนั้น มีจำกัดนัก เขารู้เพียงแค่เรื่องราวของนิกายไร้สิ้นสุด กับนิกายอสูรทมิฬเท่านั้น

นิกายไร้สิ้นสุดนั้นแน่นอนว่าย่อมเป็นนิกายที่ฉงเฉวียนเคยดำรงตำแหน่งผู้พิทักษ์นิกายมาก่อน

ส่วนนิกายอสูรทมิฬนั้นแน่นอนว่าเป็นนิกายที่ทำลายล้างนิกายไร้สิ้นสุด

ความเย็นชาเริ่มฉายชัดออกมาบนประกายตาของต้วนหลิงเทียน เมื่อหวนนึกถึงนิกายอสูรทมิฬ

ปีนั้นภายในป่าหมอกมรณะ ต้วนหลิงเทียนยังคงจดจำได้ดี และไม่มีวันลืมมันได้ตลอดชีวิต!

"เฮอะ! จำเอาไว้ไอ้หนู เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า เจ้ามันก็เป็นได้เพียงหนอนแมลงเท่านั้น! หากข้าต้องการ ข้าสามารถบดขยี้เจ้าได้ง่ายดายไม่ต่างไปกับการบี้มด ... โชคดีที่ข้าไม่อยากลดตัวลงไปสังหารเจ้า"  ...

นี่เป็นคำกล่าวที่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติของนิกายอสูรทมิฬ ซันเหล่ย ได้กล่าวเอาไว้ ...

เป็นคำพูดที่หยามหยันเขา!

ในตอนนั้น อีกแค่ฉิวเฉียดเท่านั้นเขาก็คงต้องตกตายภายใต้เงื้อมมือของมันแล้ว

เขาไม่มีวันลืมความรู้สึกที่ถูกบีบคั้นถึงชีวิตเช่นนั้นเด็ดขาด!

‘ดูแคลนข้า ไม่อยากลดตัวสังหารข้า...เช่นนั้นหรือ?’ เพลิงโทสะเริ่มลุกโชนขึ้นในใจของต้วนหลิงเทียนอย่างเงียบงัน

‘ซันเหล่ย ในอีกไม่นานข้าจะให้เจ้าได้รู้สึกเสียใจกับคำที่เจ้ากล่าวเอาไว้วันนั้น’ ...

รีวิวผู้อ่าน