px

เรื่อง : ระบบเจ้าสำนัก***(จบแล้ว)***
ตอนที่ 4 : ขอลาออก


ตอนที่ 4 : ขอลาออก

สำนักคังเฉียงยามค่ำคืน ราวกับแต่งแต้มไปด้วยน้ำหมึก ความมืดมิดรายล้อมไปทั่วสำนัก มีเพียงแค่แสงไฟสลัวๆในหอตำรา ที่ยังคงสาดส่องออกมา

 

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา จางหยูก็หยุดมือ ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา เขาไม่อาจปกปิดความตื่นเต้นที่มีได้ “ สำเร็จ ! วิธีฝึกฝนฉีซวนขั้นที่ 1 ถูกแก้ไขอย่างสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้สามารถเรียกได้อย่างเต็มปากเต็มคำแล้วว่า เป็นทักษะที่สมบูรณ์แบบไร้ข้อบกพร่อง !”

 

นี่คือทักษะที่ถือกำเนิดมาจากทักษะการต่อสู้ระดับสุดยอด ภายใต้ความพยายามอย่างต่อเนื่องของจางหยู ในที่สุดข้อผิดพลาดต่างๆก็ได้รับการแก้ไขจนหมด

 

เพื่อที่จะแยกมันออกจากทักษะการต่อสู้ระดับสุดยอด จางหยูจึงได้ตั้งชื่อทักษะนี้ว่า “ทักษะจี๋อู่”

 

[ทักษะจี๋อู่: ระดับธรรมดาขั้นต่ำ มีทั้งหมด 1 ขั้น สามารถฝึกฝนถึงขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 1 มีข้อผิดพลาดเฉลี่ยขั้นละ 0 จุด]

 

กระทั่ง ‘มองทะลุ’ ก็มองไม่เห็นถึงข้อผิดพลาด แน่นอนว่ามันคือทักษะที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลกแล้ว แม้ว่าจะอยู่แค่ระดับธรรมดาขั้นต่ำ สามารถฝึกฝนถึงขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 1 แต่ทว่าตราบใดที่มี ‘มองทะลุ’ อยู่นั้น จางหยูก็ไม่จำเป็นต้องไปสนใจเรื่องนี้ ขอเพียงแค่จางหยูมีเวลาและทรัพยากรมากพอ จางหยูก็สามารถพัฒนา ‘ทักษะจี๋อู่’ ต่อไปได้

 

นี่ยังไม่พูดถึงทักษะต่างๆที่อยู่ในหอตำรานะ มันมีมากพอให้จางหยู นำมาเติมเต็ม‘ทักษะจี๋อู่’ และพัฒนาจนถึงขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 6 ได้

 

“ทักษะที่ไร้ข้อผิดพลาด จะทำให้การฝึกฝนมันง่ายขึ้น ราวกับดื่มน้ำ?” ตาของจางหยูเป็นประกายขึ้นมา  “มาลองกันเลยดีกว่า!”

 

จางหยูรีบนั่งลงโดยไม่ลังเล ก่อนจะเริ่มฝึก ‘ทักษะจี๋อู่’

 

“หายใจเข้าออก นั่งขัดสมาธิ รวบรวมสติ นั่งหลังตรง ลดหัวลงมาเล็กน้อย....”

 

“รวบรวมหลิงชี่ระหว่างโลกและสวรรค์ จากนั้นก็เคลื่อนย้ายจากจุดฉีหยางไปยังจุดสือเหมิน...”

 

ซี่ซี่.... !

 

อยู่ๆปราณในตัวของจางหยูก็เดือดพล่านขึ้นมาราวกับน้ำเดือด เดิมทีปราณเหล่านี้ก็เกิดขึ้นมาจากการฝึกทักษะ ‘การต่อสู้ระดับสุดยอด’ แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นกระแสพลัง ไหลผ่านไปตามเส้นชีพจรในร่าง

 

จั๋วชี่จำนวนมาก แยกออกมาจากลมปราณด้วยความเร็วที่รู้สึกได้ มันถูกขับออกมาตามลมหายใจของจางหยู

 

เพียงไม่กี่อึดใจ ปราณในร่างของจางหยูก็บริสุทธิ์ขึ้นเป็นเท่าตัว!

 

เมื่อจางหยูโคจรลมปราณตาม‘ทักษะจี๋อู่’จนครบวงจรสวรรค์หนึ่งรอบ ปราณในร่างกายของเขาก็ค่อยๆบริสุทธิ์ในแบบที่คาดไม่ถึง!

 

และที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือ เมื่อจางหยูหยุดฝึกฝน ลมปราณในร่างกายก็ยังคงโคจรตาม‘ทักษะจี๋อู่’อย่างต่อเนื่อง และไม่มีแนวโน้มที่จะหยุดลง ลมปราณที่บริสุทธิ์ในร่างก็พัฒนาไปในทิศทางที่คาดเดาไม่ได้

 

“ นี่....มันช่างน่าทึ่งจริงๆ!”  จางหยูเบิกตากว้างอย่างตกใจ

 

สมแล้วที่เป็นทักษะที่ไร้ข้อผิดพลาด ถึงกับสามารถทำงานด้วยตัวเองได้!

 

ถึงแม้ว่าเขาจะสืบทอดความทรงจำมาจากร่างเดิม แต่จิตสำนึกก็ยังคงเป็นมนุษย์โลก ฉะนั้นในเวลาสั้นๆ เขาสามารถนั่งสมาธิบ่มเพาะพลังได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้านานกว่านี้ เขาคงทนไม่ไหว

 

“ลมปราณบริสุทธิ์ขึ้นแล้ว แต่การบ่มเพาะของข้านั้น.....” แม้ว่าจางหยูจะไม่ได้ใช้การมองทะลุเพื่อตรวจสอบ แต่ก็รู้สึกได้ว่าระดับการบ่มเพาะของเขานั้นลดลงอย่างรวดเร็ว

 

เพียงแค่สิบลมหายใจ การบ่มเพาะของเขาก็ถอยหลังลงไปเรื่อยๆ จากฉีซวนขั้น 4 ก็ลดลงเป็นฉีซวนขั้น 1 เหมือนกับแม่น้ำที่จู่ๆก็กลายเป็นลำธารสายเล็กๆ

 

ฉีซวนขั้น 1 สูงสุด , ฉีซวนขั้น 1 ชั้นปลาย, ฉีซวนขั้น 1 ชั้นกลาง, ฉีซวนขั้น 1 ชั้นต้น....

 

ระดับการบ่มเพาะของจางหยูลดลงเรื่อยๆ ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด

 

ผ่านไปสักพัก ในที่สุดการบ่มเพาะของเขาก็มาถึงจุดต่ำสุด ลมปราณที่เคยหนาแน่น พริบตาเดียวก็กลายเป็นบางเบาราวกับเส้นผม

 

พลังลึกลับที่บางยิ่งกว่าเส้นผมนี้ คือการฝึกฝนตลอดสิบปีที่ผ่านมาของเขา !

 

แม้ว่าจะดูเบาบางจนน่าสงสาร แต่กลับอัดแน่นไปด้วยพลังที่น่าเกรงขาม!

 

แต่ตอนนี้เอง จู่ๆการบ่มเพาะของเขาก็ราวกับลูกบอลที่เด้งขึ้น หลิงชี่ที่อยู่รอบๆต่างมารวมตัวกันที่หอตำราอย่างบ้าคลั่ง หลิงชี่ที่หนาแน่นเหล่านั้นแทรกซึมเข้ามาในร่างกายของเขา เปลี่ยนพลังลึกลับนั่นให้กลายเป็นบริสุทธ์ แล้วไหลเข้าสู่ตันเถียนของเขา ทำให้การบ่มเพาะก็เริ่มพุ่งพรวดขึ้นมา

 

ฉีซวนขั้น 1 ชั้นต้น, ฉีซวนขั้น 1 ชั้นกลาง.....ฉีซวนขั้น 1สูงสุด!

 

“นี่มัน....เร็วเกินไปแล้ว !” ตาของจางหยูเบิกกว้างอย่างตกใจ

 

เขาบ่มเพาะพลังมาหลายสิบปี ก็ได้แค่พลังลึกลับที่บางยิ่งกว่าเส้นผม แต่ตอนนี้เพียงแค่โคจรลมปราณไม่กี่วงจรสวรรค์ ตาม ‘ทักษะจี๋อู่’ ร่างกายของเขาก็ดูดซับลมปราณแบบเดียวกันเข้ามาได้มากกว่า

 

มันผ่านไปนานแค่ไหนกันนะ?

 

5 นาที ?

 

3 นาที ?

 

ผลลัพธ์การบ่มเพาะพลังเพียงแค่ไม่กี่นาที ก็เหนือกว่าผลลัพธ์การบ่มเพาะพลังตลอดสิบปีที่ผ่านมาหลายเท่า!

 

“นี่แหละคือ‘ทักษะจี๋อู่’!” จางหยูกำหมัดแน่น

 

ดูเหมือนว่าเขาจะสร้างทักษะที่สุดยอดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

จุดแข็งของทักษะนี้ ไม่อาจอธิบายออกมาด้วยคำพูดได้

 

แต่น่าเสียดาย ที่‘ทักษะจี๋อู่’ในตอนนี้ สามารถฝึกฝนถึงแค่ ฉีซวนขั้น 1 ด้วยเหตุนี้การบ่มเพาะของจางหยูจึงหยุดอยู่ที่ฉีซวนขั้น 1 สูงสุด ถ้าอยากจะทะลวงฉีซวนขั้น 2  เขาจะต้องพัฒนา‘ทักษะจี๋อู่’ ขั้นที่สอง

 

“ถึงแม้ว่าการบ่มเพาะจะลดเหลือฉีซวนขั้น 1 แต่ก็แลกมากับพลังลึกลับที่แข็งแกร่งนี้! ไม่ขาดทุน ไม่ขาดทุนเลยสักนิด!”

 

แม้ว่าจางหยูจะไม่รู้ว่านี่คือพลังอะไร แต่เขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ความแข็งแกร่งของพลังลึกลับนี้ เหนือกว่าพลังเดิมนับร้อยเท่า บางทีแม้แต่ผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งที่สุดในฉีซวนขั้น 9 ก็อาจจะสู้เขาไม่ได้

 

แข็งแกร่งจริงๆ !

 

“ข้าอยากไปหานักสู้ฉีซวนขั้น 9 มาประมือจริงๆ!”  จางหยูเริ่มคันไม้คันมือขึ้นมา

 

แต่พอลองคิดดูอีกที เขาคงทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะพลังลึกลับในตัวเขามันเล็กเกินไป มันมีโอกาสแค่ครั้งเดียวในการลงมือ ถ้าหากไม่สามารถจัดการกับอีกฝ่ายในกระบวนท่าเดียวได้ คนที่จะซวยก็คือเขา

 

ถูกต้อง ตอนนี้จางหยูได้กลายเป็นวีรบุรุษ 3 วิในตำนานแล้ว

 

“ต้องรีบพัฒนา ‘ทักษะจี๋อู่’ ขั้นที่สองให้เร็วที่สุด”

 

จางหยูเชื่อว่า ตราบใดที่เขาฝึก ‘ทักษะจี๋อู่’ ขั้นที่สอง การบ่มเพาะของเขาจะต้องพุ่งพรวด ถึงฉีซวนขั้น 2 สูงสุด เมื่อถึงตอนนั้น เขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องพลังลึกลับในตัวที่จะถูกใช้งานหมดในครั้งเดียว

.....

 

“โฮ่ง...โฮ่ง..”

 

ทันใดนั้น จางหยูก็ได้ยินเสียงเห่าของเสี่ยวเฉียงดังเข้ามา

 

เสียงเห่าของเสี่ยวเฉียงค่อยๆเบาลง เมื่อมีเสียงตะโกนสะเทือนแก้วหูดังก้องไปทั่วสำนักคังเฉียงแทน “ จางหยู ออกมา  ! จางหยู ออกมา...จางหยู ออกมา....”

 

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนจากด้านนอก จางหยูก็คิ้วขมวด ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมาจากหอตำรา

 

หลังจากนั้น จางหยูก็เดินมาถึงด้านหน้าของสำนัก

 

“ เจ้าคือจางหยูรึ ?”

 

แม้ว่าเขาจะเคยได้ยินชื่อของจางหยูมากกว่าหนึ่งครั้งจากคนอื่น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่อู่โม่ได้พบกับจางหยูตัวเป็นๆ เขามองจางหยูอยู่ครู่หนึ่ง แ และพูดขึ้นมา “จัดการเรื่องลาออกจากสำนักให้น้องสาวของข้าซะ หรือไม่ก็เอาใบลงทะเบียนที่น้องสาวเซ็นเมื่อวานส่งมาให้ข้า”

 

“ลาออก ?”

 

จางหยูคิ้วกระตุกขึ้นมา ก่อนจะมองไปที่อู่โม่อย่างแปลกใจ “ เจ้าเป็นพี่ชายของอู่ซินซินงั้นรึ ?”

***

[อู่โม่]

 

[เพศ : ชาย]

 

[อายุ :  26 ปี]

 

[พรสวรรค์ทางกายภาพ : สายเลือดทั่วไป สองดาวขั้นต่ำ]

 

[พรสวรรค์การรับรู้ : สองดาวขั้นกลาง]

 

[พรสวรรค์พิเศษ : ปรุงยา(3 ดาว)]

 

[การบ่มเพาะ: ฉีซวนขั้น 6]

***

อู่โม่ 1 ใน 3 อัจฉริยะของเมืองทะเลทราย จางหยูเคยได้ยินชื่ออีกฝ่ายมาก่อน แต่เขาคิคไม่ถึงเลยว่าชายคนนี้จะมีพรสวรรค์พิเศษด้วย!

 

การปรุงยา  !

 

นี่เป็นครั้งแรกที่จางหยูได้พบกับคนที่มีพรสวรรค์พิเศษหลังจากที่ได้รับความสามารถมองทะลุมา !

 

“ระบบตรวจพบว่าอู่โม่มีพรสวรรค์พิเศษ และกำลังจะให้ภารกิจ “

***

[ภารกิจ 2 : รับอู่โม่เป็นศิษย์สำนักคังเฉียง]

 

[เพื่อสร้างสำนักที่ยิ่งใหญ่ จะต้องรู้จักประนีประนอมและใจกว้างดุจมหาสมุทร ในฐานะเจ้าสำนักแล้ว โฮสต์มีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบ ด้วยการรับสมัครอัจฉริยะเข้าสำนัก]

 

[รางวัล : ทักษะปรุงยาหนึ่งดาว]

 

[เวลาจำกัด : 12 ชม.]

 

[ภารกิจล้มเหลว : ไม่มีบทลงโทษ]

***

“ทักษะปรุงยาหนึ่งดาวงั้นรึ ?” จางหยูหวั่นไหวขึ้นมา “ถ้าข้าจำไม่ผิด ไม่ใช่ว่าข้าไม่มีพรสวรรค์พิเศษรึไง ?”

 

ไม่มีพรสวรรค์พิเศษ แต่สามารถปรุงยาได้?

 

ระบบนี้จะดีเกินไปแล้ว !

 

จางหยูมองไปที่อู่โม่ พร้อมคิ้วขมวดเล็กน้อย  “ แต่ภารกิจนี้...เกรงว่าคงทำได้ยาก!”

 

ข้างกายของอู่โม่ ยังมีคนมาด้วยอีกสองคน คนหนึ่งคืออู่ซินซิน ส่วนอีกคนเป็นชายวัยกลางคน

 

จางหยูมองไปที่ชายวัยกลางคนแวบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ตามข้อมูลที่ได้มาจากการมองทะลุ ชายวัยกลางผู้นี้มีนามว่าหวังเทา เขาน่าจะเป็นพ่อบ้านของตระกูลอู่ ส่วนการบ่มเพาะต่ำกว่าอู่โม่เล็กน้อย นั่นก็คือฉีซวนขั้น 5

 

“คิดไม่ถึงเลยว่านางจะเป็นคนของตระกูลอู่” จางหยูรู้สึกตกใจเล็กน้อย

 

ตระกูลอู่ คือตระกูลใหญ่ในเมืองทะเลทราย จางหยูเองก็เคยได้ยินเรื่องราวของพวกเขามาบ้าง

 

เพียงแต่เขาไม่คาดว่าอู่ซินซินกับตระกูลอู่จะเกี่ยวข้องกัน จนกระทั่งได้เห็นอู่โม่ เขาจึงปะติดปะต่อเรื่องราวได้

 

แค่หลอกรับศิษย์มาคนหนึ่ง ใครจะรู้ว่าจะหลอกได้คนของตระกูลอู่เข้า จางหยูคิดว่าตัวเขาเองก็โชคดีอยู่บ้าง

 

“ท่านพี่ ให้ข้าจัดการเอง” ตอนนั้นเอง อู่ซินซินที่อยู่ข้างๆก็กัดปากตัวเอง แล้วก้าวมาข้างหน้าเพื่อเผชิญหน้ากับ จางหยู  “ครูฝึกจาง ข้าจะลาออกจากสำนัก !”

 

เสียงของนางเบาและนุ่มนวล แต่แฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยว

 

“เพิ่งจะรับเป็นลูกศิษย์เมื่อวาน วันนี้ก็มาขอลาออกแล้ว มันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอ” จางหยูรู้สึกสลดเล็กน้อย

 

จางหยูส่ายหน้าและถอนหายใจออกมา ก่อนจะพูดกับอู่ซินซินว่า  “ เจ้าเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า ? “

 

เด็กสาวผู้นี้เป็นศิษย์เพียงคนเดียวของสำนักคังเฉียง ถ้าหากนางออกจากสำนักไป เขาจะไม่เสียรางวัลไปเหรอ?

 

“ระบบ หากอู่ซินซินออกจากสำนักไป ข้าจะใช้การมองทะลุได้อีกรึไม่ ?” จางหยูถามระบบในหัวตัวเองอย่างกังวล ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือเรื่องที่สำคัญที่สุด

 

“รางวัลที่ให้ไปนั้นสามารถใช้ได้ถาวร โฮสต์ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ “

 

เมื่อเสียงนั้นตอบกลับมา จางหยูก็รู้สึกโล่งอก

 

“ท่านโกหกข้า เจ้าคนหลอกลวง...”  เสียงเศร้าสร้อยของอู่ซินซิน ดึงสติจางหยูให้กลับสู่โลกของความจริง

 

“ซินซิน หยุดพูดไร้สาระกับเจ้าเด็กนี่ได้แล้ว”

 

อู่ซินซินโดนอู่โม่ขัดขึ้น เขามองไปที่จางหยูอย่างสงบ พลางใช้น้ำเสียงที่ราบเรียบกล่าวว่า “จางหยูใช่รึเปล่า? ไม่ว่าเจ้าจะเห็นด้วยรึไม่ แต่เราก็จะลาออกในวันนี้ !”

 

ในเมืองทะเลทรายแห่งนี้ จะมีใครกล้าขัดใจหรือห้ามตระกูลอู่ได้ ?

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของจางหยูก็บิดเบี้ยวขึ้นมา “ช่างพูดจาใหญ่โตนัก! คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป เจ้าคิดว่าสำนักคังเฉียงเป็นบ้านเจ้ารึไง ?”

 

ฉีซวนขั้น 6 นึกว่าเจ๋งมากนักเหรอ?

 

ตระกูลอู่ของเจ้าใหญ่คับฟ้า เลยคิดจะข่มเหงข้าจางหยูผู้นี้?

 

จางหยูส่ายหน้าและพูดขึ้นมาเบาๆ “เจ้าอยากให้อู่ซินซินลาออกงั้นรึ ? ได้ งั้นมาสู้กับข้า หากเจ้าชนะ ข้าจะยอมปล่อยนางไป!”

 

“ฉีซวนขั้น 4 ...”

 

อู่โม่มองจางหยูด้วยสีหน้าประหลาดใจและรู้สึกตลกขึ้นมา “การบ่มเพาะแค่นี้ ยังกล้ามาท้าสู้กับข้า?”

 

แม้จะไม่รู้ระดับการบ่มเพาะของจางหยู แต่ก็เคยได้ยินมาว่าจางหยูมีการบ่มเพาะอยู่ที่ฉีซวนขั้น 4 และมันเป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะสามารถทะลวงขอบเขตฉีซวนขั้น 5 ได้เร็วขนาดนั้น

 

การบ่มเพาะฉีซวนขั้น 4 แต่กลับมาท้าทายฉีซวนขั้น 6 เจ้าหมอนี่มันบ้าไปแล้วรึเปล่า?

 

พ่อบ้านหวังเทาที่อยู่ข้างๆก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าแล้วหัวเราะออกมา พลังของนายน้อยเป็นอย่างไร ตัวเขาย่อมเข้าใจดีที่สุด  

 

ในรุ่นเดียวกัน มีไม่มีกี่คนที่สามารถต้านทานนายน้อยได้ และในบรรดาคนเหล่านั้น ไม่มีจางหยูอย่างแน่นอน

 

ไม่รอให้จางหยูพูด อู่โม่ก็คิ้วขมวดแล้วพูดขึ้นมาว่า “ ช่างมันเถอะ รีบจัดการเรื่องลาออกเร็วๆซะ ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้า”

 

ไม่เห็นอยู่ในสายตา!

 

จางหยูรู้สึกจนใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าถ้าหากไม่แสดงฝีมือออกมาบ้าง อีกฝ่ายคงไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแน่!

 

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น.....

 

รีวิวผู้อ่าน

cnblue789
1667 วันที่แล้ว

5


  แสดงความคิดเห็น