1251 วันที่แล้ว
ข้าบอกให้เจ้าต่อต้านไม่ใช่เข้าร่วม
1425 วันที่แล้ว
สนุกดี
1641 วันที่แล้ว
5555 ฮาดี
ตอนที่ 5 : ศิษย์คนที่สอง
“ใบสมัครของอู่ซินซินอยู่นี่แล้ว ถ้าเจ้ามีความสามารถพอ ก็มาเอามันไปด้วยตัวเอง” จางหยูเอาใบสมัครของอู่ซินซินขึ้นมาโชว์ พลางยิ้มน้อยๆอย่างท้าทาย ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนตัวร้ายในละครทีวีไม่มีผิด
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น อู่โม่ก็คิ้วกระตุกขึ้นมา “เจ้าแน่ใจรึว่าจะให้ข้าไปเอาด้วยตัวเอง ?”
หวังเทาหัวเราะออกมา “เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ คู่ควรให้คุณชายลงมือด้วยหรือ?”
สำหรับความแข็งแกร่งของอู่โม่นั้น หวังเทาเชื่อมั่นอย่างไม่ต้องสงสัย
จางหยูมองไปที่อู่โม่ด้วยรอยยิ้ม “ทำไม หรือเจ้าไม่กล้า?”
“งั้นคงต้องขอรบกวนเจ้าแล้ว !“
อู่โม่ผ่ายมือตอบตกลง ทันทีที่พูดจบ เขาก็ทะยานออกไปประหนึ่งลูกศรที่หลุดจากคันธนู เสียง ‘ฟิ้ว’ ดังขึ้น ร่างของเขาได้กลายเป็นเงาอันเลือนราง พุ่งใส่จางหยู
ในฐานะบุตรชายของหัวหน้าตระกูลอันดับหนึ่งแห่งเมืองทะเลทราย อู่โม่นั้นเป็นรุ่นเยาว์ที่ดีที่สุดในเมือง มีแค่ไม่กี่คนในรุ่นเดียวกันที่สามารถประมือกับเขาได้
ในสายตาของทุกคน เขาคือหนึ่งในอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของเมือง และเป็นที่หมายตาของสาวๆในเมืองนับไม่ถ้วน !
อย่างไรเสีย ตระกูลของเขาก็ไม่ธรรมดา ตัวเขาเองก็มีความสามารถที่โดดเด่น มันคงเป็นเรื่องยากที่จะไม่ชอบเขา
อู่โม่ในตอนนี้ รู้สึกมั่นใจตัวเองเป็นอย่างมาก เขาคิดจะเอาใบสมัครกลับมา โดยไม่ทำให้จางหยูได้รับบาดเจ็บ!
แต่เมื่อเข้าใกล้จางหยูได้ 3 ฟุต เขาก็รู้สึกได้ว่าภาพตรงหน้าพลันพล่ามัวขึ้นมา จากนั้นจางหยูที่อยู่ตรงหน้าเขาก็หายตัวไป “ เป็นไปได้ยังไงกัน !”
ไม่ทันได้ตั้งตัว เขาก็รู้สึกได้ถึงเสียงตัดสายลมดังมาจากทางด้านหลัง และกลิ่นอายอันตรายบางอย่าง
ไม่ไกลกันนัก เสียงร้องอย่างตกใจของอู่ซินซินก็ดังขึ้นมา “ ท่านพี่ ระวัง !”
“คุณชาย ระวัง !” หวังเทาเองก็ดูตกตะลึง ก่อนตะโกนเสียงดังอย่างตกใจ
อู่โม่ไม่มีเวลาหลบ เขาต้องพึ่งสัญชาตญาณของตัวเอง เขาหันหลังกลับและตบฝ่ามือออกไป “ฝ่ามือปารมิตา!”
ในเวลาเดียวกัน ทักษะและเคล็ดวิชาที่อู่โม่ฝึกฝน ก็เผยออกมาให้จางหยูได้รู้
[ทักษะ : เมฆาล่องลอย (ระดับวิญญาณขั้นต่ำ มีทั้งหมด 10 ขั้น สามารถฝึกฝนถึงขอบเขตว่อซวน มีข้อผิดพลาดเฉลี่ยขั้นละ 32 จุด)]
[เคล็ดวิชา : ฝ่ามือปารมิตา (ระดับธรรมดาขั้นสูง มีข้อผิดพลาด 488 จุด)]
“สมกับเป็นอัจฉริยะที่ผู้คนพูดถึงกัน ความเร็วในการตอบสนองนี่ดีจริงๆ” จางหยูแสดงสายตาชื่นชมออกมา
แม้ว่าอู่โม่จะโจมตีสวนกลับมา แต่จางหยูกลับไม่แสดงท่าทางลังเล
ทันใดนั้น ——
“ปัง!”
“แกร๊ก !”
วินาทีที่จางหยูหลบฝ่ามือของอู่โม่ พลังลึกลับได้ก่อตัวขึ้นบนหมัด จากนั้นก็ชกไปที่หัวไหล่ของอู่โม่ เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะไม่ฆ่าอู่โม่ จางหยูได้หลีกเลี่ยงจุดสำคัญเอาไว้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เสียงกระแทกที่รุนแรงและเสียงกระดูกแตกหักก็ดังสนั่นขึ้นมา อู่โม่ราวกับถูกรถไฟพุ่งเข้าชน ร่างของเขากระเด็นออกไปประหนึ่งว่าวขาดสายป่าน...
“ตูม!”
ไม่กี่วินาทีต่อมา ร่างของอู่โม่ก็ตกลงสู่พื้น ก่อนจะกลิ้งไปหลายตลบ แล้วค่อยหยุดลง
“ อึก”
อู่โม่กระอักเลือดออกมาจากปาก สีหน้าของเขาค่อยๆขาวซีดขึ้นมา
ตอนนี้ความรู้สึกประหลาดใจได้ลอยเข้ามาปกคลุมพวกเขา!
“คุณชาย....คุณชายแพ้”
หวังเทามองไปที่อู่โม่ด้วยความตกตะลึง เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง
“ท่านพี่ !” อู่ซินซินตะโกนออกมาอย่างตื่นตระหนก นางวิ่งเข้ามาพร้อมกับน้ำตา “ ท่านพี่ อย่าทำให้ข้ากลัวสิ ท่านเป็นอะไรรึเปล่า?”
หวังเทาได้สติเพราะเสียงร้องของอู่ซินซิน เขารีบวิ่งเข้าไปตรวจสอบอาการบาดเจ็บของอู่โม่ทันที
ผ่านไปสักพัก หวังเทาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “ โชคดี ถึงแม้ว่ากระดูกจะร้าว แต่ก็ไม่ได้หัก ตราบใดที่รักษาอาการดีๆ มันจะไม่ส่งผลอันใด”
นี่คือโชคดีในโชคร้าย
แต่ในใจของหวังเทานั้นช็อกหนักยิ่งกว่าเดิม “มันต้องใช้พลังแค่ไหนกันนะ ถึงจะทำให้นักสู้ขั้น 6 กระดูกร้าวในหมัดเดียวได้ ?”
หวังเทามองไปที่จางหยูด้วยความหวาดกลัว !
ในความทรงจำของเขานั้น ในเมืองทะเลทรายแห่งนี้ มีคนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่สามารถทำเช่นนี้ได้
แต่หวังเทาคงนึกไม่ถึงว่า จางหยูที่แข็งแกร่งในสายตาเขา ความจริงแล้วเป็นพวกแข็งนอกอ่อนใน จางหยูอดกลั้นไม่แสดงท่าทางอ่อนแอออกมา เขายืนเต๊ะท่าอยู่กับที่ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปรกติของเขา
“สมกับเป็นวีรบุรุษ 3 วิจริงๆ ถ้าสู้นานกว่านี้สักวินาที คงไม่ไหวแน่”
ในใจของจางหยูรู้สึกจนใจขึ้นมา แค่การต่อสู้สั้นๆเพียงสองวินาที ลมปราณในร่างของเขาก็หมดลงแล้ว
ถ้าอู่โม่ข่มความเจ็บปวดและสู้ต่อ เกรงว่าคนที่แพ้จะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้ที่จางหยูจะยอมแพ้ ยิ่งเป็นเวลานี้ยิ่งยอมแพ้ไม่ได้
จางหยูเลียริมฝีปากด้วยท่าทางสบายๆ “ ว่ายังไง จะสู้ต่อรึไม่ ?”
ท่ามกลางสายตาที่จ้องมองมาของจางหยู อู่โม่พลันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กลั้นความเจ็บปวดที่ไหล่ ก่อนจะลุกขึ้นยืนและมองไปที่จางหยูด้วยความกลัว
เขาไม่คิดจะยอมแพ้ แต่ก็รู้ดีว่าช่องว่างระหว่างเขากับจางหยูนั้นห่างกันเกินไป และถ้าเขายังฝืนสู้ต่อ ตัวเองคงได้รับบาดเจ็บยิ่งกว่านี้
ครั้งนี้เป็นเพียงแค่อาการบาดเจ็บเบาๆ แต่ครั้งหน้าอาจจะไม่ใช่แค่อาการบาดเจ็บเบาๆเช่นนี้
หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง อู่โม่ก็ก้มหัวลงข่มความเจ็บปวดแล้วพูดว่า “ ข้ายอมแพ้ !”
เมื่อพูดสามคำนี้ออกมา อู่โม่ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในใจ ในการต่อสู้กับคนรุ่นเดียวกัน เขาไม่เคยพ่ายแพ้อย่างหมดรูปเช่นนี้เลย ต่อให้เป็นสองอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงพอๆกับเขา อย่างมากก็ทำได้แค่เสมอเขาเท่านั้น แต่ไม่มีทางทำให้เขาบาดเจ็บในหมัดเดียวได้ เหมือนกับจางหยู
เกียรติยศและชื่อเสียงของเขา ถูกทำลายลงในการต่อสู้เพียงสองวินาที
จางหยูยิ้มออกมา “ ดีมาก เจ้าฉลาดจริงๆ!” เขาสวมบทบาทจักรพรรดิ ทำให้คนอื่นๆมองสภาพความจริงของเขาไม่ออก
หวังเทาเห็นสีหน้าสลดของอู่โม่ ก็ไม่รู้ว่าจะพูดปลอบอย่างไรดี แต่ไหนแต่ไรมา เขาไม่เคยเห็นอู่โม่แสดงสีหน้าเช่นนี้มาก่อน “นี่ใช่คุณชายผู้เปี่ยมไปด้วยความห้าวหาญในอดีตหรือ?”
“จางหยู เจ้าทำเกินไปแล้ว !”
อู่ซินซินโกรธจัด แม้แต่คำว่า ‘ครูฝึกจาง’ ก็ยังไม่เรียก ใบหน้าของสาวน้อยผู้นี้ได้แสดงความโกรธออกมา
เมื่อได้ยินประโยคนี้ จางหยูก็เลิกคิ้วขึ้นมา “สาวน้อย พี่ชายของเจ้าเป็นฝ่ายยอมแพ้เองนะ เจ้าต้องการอะไรอีก? ถ้าหากเจ้าไม่ยอม งั้นพวกเจ้าสามคนก็เข้ามาพร้อมกันสิ” จางหยูกระดิกนิ้วชี้ ด้วยท่าทางไม่ยี่หระ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ อู่โม่ก็อยากจะทุบตีจางหยูขึ้นมา แต่สุดท้ายก็อดกลั้นมันไว้ เขาไม่มีทางทำเช่นนั้นได้
ยิ่งจางหยูแสดงท่าทางจองหองมากเท่าไร เขายิ่งหวาดกลัวอีกฝ่ายมากเท่านั้น
อู่โม่สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อกดความแค้นเคืองในใจ ก่อนจะพูดอย่างใจเย็นว่า “ช่างมันเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว แพ้ก็คือแพ้ พวกเราตระกูลอู่ไม่ใช่คนที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้”
คำพูดนี้ ทำให้จางหยูยิ่งชื่นชมอู่โม่มากกว่าเดิม
“ท่านพี่ พวกเราไปกันเถอะ” อู่ซินซินเดินเข้ามาประคองอู่โม่ เมื่อเห็นใบหน้าซีดขาวและเม็ดเหงื่อที่ซึมตามร่างของอู่โม่ นางก็สลดขึ้นมา “ รีบกลับบ้านไปรักษาแผลกันเถอะ อย่าปล่อยให้มันหลงเหลืออาการบาดเจ็บในภายหลัง”
หวังเทากลัวจางหยูมาก เขารีบพูดเสริมขึ้นมาว่า “คุณหนูพูดถูก คุณชายควรรีบกลับบ้านไปรักษาตัว”
อู่โม่จ้องจางหยูแวบหนึ่ง ก่อนจะหันและเตรียมจากไป
อยู่ๆจางหยูก็ตะโกนขึ้นมาว่า “เดี๋ยวก่อน”
อู่โม่ชะงักเท้า และหันหน้ากลับไปมองจางหยู เขารอให้อีกฝ่ายเปิดปากพูดอย่างเงียบๆ
จางหยูได้ถามขึ้นมา “ตามที่ตกลงกันไว้ อู่ซินซินไม่ต้องออกจากสำนักใช่รึไม่ ?”
“เป็นไปไม่ได้! ซินซินจะต้องออกจากสำนัก เรื่องนี้ไม่อาจรอมชอมกันได้” แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คู่มือของจางหยู แต่อู่โม่ก็ยังคงยืนกราน โดยไม่คิดจะอ่อนข้อให้ “ส่งใบสมัครของซินซินมา ไม่งั้นท่านพ่อข้าจะมาเอามันไปด้วยตัวเอง...”
อู่เฉิน ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเมืองทะเลทราย ชายผู้มีการบ่มเพาะอยู่ที่ฉีซวนขั้น 9 !
สำหรับขุมกำลังต่างๆ คำว่าอู่เฉินสองคำนี้ ล้วนทรงพลังยิ่งใหญ่!
จางหยูคิ้วขมวดขึ้นมา อู่เฉินเป็นก้างชิ้นใหญ่จริงๆ !
ขณะกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ๆจางหยูก็นึกความคิดดีๆขึ้นมาได้ เขามองไปที่อู่โม่ด้วยรอยยิ้ม “เจ้าไม่สงสัยรึไงว่า ทำไมข้าถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้ ?”
“ไร้สาระ” อู่โม่กรอกตา พลางคิดในใจว่า “แน่นอนว่าข้าต้องอยากรู้สิ แต่เจ้าจะบอกข้ารึไง ?”
อันที่จริง คำถามนี้ก็วนอยู่ในหัวมานานแล้ว แต่ทว่าเขาก็ไม่อาจเดาคำตอบได้ แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่เขาแน่ใจก็คือ มันไม่เกี่ยวข้องกับเคล็ดวิชา
เพราะตั้งแต่ต้นจนจบ จางหยูไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาในการต่อสู้เลย
ไม่ใช่แค่อู่โม่เท่านั้น แม้แต่หวังเทาก็ยังสงสัยเรื่องนี้
“มาสิ แล้วข้าจะบอกเจ้า” จางหยูกวักมือเรียกอู่โม่
“เจ้าคิดจะหลอกอะไรข้า?” อู่โม่ระวังตัวขึ้นมา
“ถ้าเจ้าอยากรู้ก็เดินมานี่สิ” จางหยูแสร้งทำท่าหมดความอดทน “ข้าจะให้เวลาเจ้าคิด 3 ลมหายใจ ถ้าเจ้าไม่มา ก็แสดงว่าเจ้าไม่อยากรู้”
“ท่านพี่อย่าไป”อู่ซินซินพลันกังวลขึ้นมา
อู่โม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางส่ายหน้าให้กับอู่ซินซิน “ต่อให้พวกเราสามคนร่วมมือกัน ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ถ้าเขาอยากจะจัดการกับข้าจริงๆ ก็ไม่มีใครขวางเขาได้” จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปหาจางหยู ทุกครั้งที่ก้าวเดิน ล้วนสะเทือนไปยังบาดแผลที่ไหล่ ทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว
เมื่อเดินเข้าไปใกล้จางหยู อู่โม่ก็พูดขึ้นมาอย่างใจเย็นว่า “ บอกมา”
จางหยูหันหน้าไปกระซิบใส่หูอีกฝ่าย
ตอนนั้นเองอู่โม่ที่มีใบหน้าสงบนิ่ง ก็พลันเบิกตากว้าง พร้อมกับแสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมา “ จริงรึ ?”
“จริงหรือเท็จ ทำไมเจ้าไม่พิสูจน์ด้วยตัวเองล่ะ?” จางหยูหัวเราะหึๆ “เป็นยังไง เจ้าอยากจะเรียนรู้มันหรือไม่ ?”
จางหยูราวกับนักมายากล คำพูดของเขาทำให้ผู้คนสับสน “ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อนว่า ทุกคนในสำนักคังเฉียง ไม่ว่าจะเป็นศิษย์หรือครูฝึก ก็มีสิทธิได้เรียนรู้มันในอนาคต !”
อู่โม่ถามอย่างสงสัยขึ้นมา “ จริงรึ?”
หลังจากที่เห็นจางหยูพยักหน้า สีหน้าของอู่โม่ก็ดูไม่มั่นใจขึ้นมา เขาตกอยู่ในทางเลือกที่ยากลำบาก หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ตัดสินใจเงยหน้าขึ้นแล้วก็พูดว่า “ ตกลง ข้าจะเข้าร่วมสำนักคังเฉียง !”
“ ฮาฮา ! ดี !” จางหยูเอาใบสมัครออกมาจากแขนเสื้อ แล้วส่งให้กับอู่โม่ “ เซ็นซะ หลังจากที่เซ็นแล้ว เจ้าก็เป็นคนของสำนักคังเฉียง !”
อู่โม่ที่ตัดสินใจแล้วนั้น ก็เซ็นชื่อลงไปทันทีโดยไม่มีการลังเล
ด้วยวิธีนี้ อู่โม่ที่แต่เดิมแล้วจะมาลาออกให้กับอู่ซินซิน กลับเข้าร่วมสำนักคังเฉียงไปด้วยอีกคน
“เอาแบบนี้ล่ะกัน เจ้ากลับไปก่อนแล้วค่อยกลับมาพรุ่งนี้ จำไว้ว่าให้เอาค่าเรียนมาด้วย ไม่มากหรอกแค่ปีละ 10,000 เหรียญเท่านั้นเอง” จางหยูโบกมือไล่
ตอนนี้เขายังไม่ได้คิดถึงเรื่องการสอนผู้คน เลยตัดสินใจยืดเวลาไปอีกหนึ่งวัน
“ทักษะจี๋อู่”ที่สมบูรณ์นั้นมันเป็นทักษะที่ฝืนลิขิตฟ้าเกินไป เขาไม่สามารถนำมาสั่งสอนให้ลูกศิษย์ได้ง่ายๆ และถึงแม้ว่าจะสอน ก็ต้องปรับมันเล็กน้อยเพื่อให้มันมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าผลของมันจะถือว่าน่ากลัว แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่รับได้
10,000 เหรียญต่อปี แม้ว่าจะเป็นทักษะจี๋อู่ที่มีตำหนิ ก็ยังถือว่าคุ้ม !
....
1 ชม.ต่อมา
ทางใต้ของเมืองทะเลทราย ณ.จวนตระกูลอู่
“พรูดดด...”
อู่เฉินที่เพิ่งดื่มชาก็ต้องพ่นน้ำชาออกมา เขามองอู่โม่ที่นั่งอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาตกตะลึง “ อะไรนะ ? เจ้าก็ได้เข้าร่วมสำนักคังเฉียงงั้นรึ ?”
เขาบอกให้อู่โม่ไปลาออกให้กับอู่ซินซิน ไม่ใช่ไปเข้าร่วมสำนักคังเฉียงด้วยอีกคน
อู่เฉินชี้ไปที่อู่โม่ด้วยนิ้วที่สั่น ก่อนจะพูดด้วยความโกรธว่า “ เจ้า เจ้า ...ข้าบอกให้เจ้าไปพาซินซินออกจากสำนักนั่น แทนที่จะช่วยพาซินซินออกมา แต่เจ้ากลับเข้าร่วมด้วยอีกคน! เจ้าเด็กน้อยจางหยูใช้เวทย์มนต์อะไรกัน ถึงสามารถหลอกล่อพวกเจ้าสองคนพี่น้องให้เข้าสำนักของมันได้?”
ข้าบอกให้เจ้าต่อต้านไม่ใช่เข้าร่วม
สนุกดี
5555 ฮาดี