px

เรื่อง : Realms In The Firmament
ตอนที่ 105 : ปรมาจารย์ตุลาการ!


บทที่ 105 - ปรมาจารย์ตุลาการ!

กู่จินหลงเพิ่งถึงขั้นที่ 3 ของระดับเต๋าหยวน เขาเป็นผู้ฝึกตนระดับแนวหน้าในอาณาจักรฉิงหวิน และเขาก็ยังเป็นแกนนำในการไล่ล่าราชันเซี่ยว

ตอนแรกเขาบอกราชันเซี่ยวว่าเขาอยากจะขอโทษและขอให้มีการเจรจาต่อรอง ในความเป็นจริงเขาเพียงพยายามที่จะให้ได้เข้าใกล้ราชันเซี่ยวและทำให้เขาลดความระมัดระวังของเขาลง  เขาค่อย ๆ ทำทีละขั้น ๆ เพื่อที่จะทำให้โลกตื่นตะลึงเมื่อราชันเซี่ยวตกอยู่ในกับดัก

ในการต่อสู้ครั้งนี้คนส่วนใหญ่ที่แข็งแกร่งกว่ากู่จินหลงได้เสียชีวิตลง แต่ตัวเขาเองกลับรอดชีวิตมาได้โดยไม่มีบาดแผลเลยแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขา มันแสดงให้เห็นได้ว่าเขาเป็นคนที่เห็นแก่ตัวและใจดำ

ถ้าเขาต่อสู้อย่างมีเกียรติโดยแท้จริง เขาจะต้องยืนอยู่ด้านหน้าและเสียชีวิตภายใต้กระบี่ของราชันเซี่ยว!

อย่างไรก็ตามเมื่อราชันเซี่ยวอ่อนแอและพยายามหลบหนีการไล่ล่า เขาได้แทงกระบี่ของเขาไปที่อกของราชันเซี่ยวจนทิ้งรูเลือดไว้

เขาถูกโจมตีเพียงครั้งเดียวในระหว่างการต่อสู้ทั้งหมด

แต่การโจมตีเพียงครั้งเดียวนั้นทำให้ราชันเซี่ยวได้รับบาดเจ็บสาหัสและทำให้ตัวเขาเองปลอดภัยจากการสู้รบ เขามีดวงตาที่คมชัดอย่างแท้จริงเกี่ยวกับการที่จะคว้าโอกาสที่สมบูรณ์แบบ!

คนที่ไม่เคยมีอะไร เป็นแค่มดในสายตาของเย่เซี่ยวกลับทำให้เกิดการล่มสลายของราชันเซี่ยว  

เย่เซี่ยวไม่สามารถลดความระมัดระวังของเขาต่อคนที่เป็นเหมือนสุนัขจิ้งจอก ซึ่งเป็นคนที่มุ่งร้ายและเสแสร้งทำดีได้  

เย่เซี่ยวเป็นคนที่น่าเกรงขามซึ่งได้เผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนที่ยอดเยี่ยมหลายคนในทั้งสามนิกายโดยไม่รู้สึกกลัว ถึงกระนั้นในขณะที่เขาได้ยินกู่จินหลงกล่าวเกี่ยวกับ "บางสิ่งบางอย่าง" ที่ไม่คาดคิด จริง ๆ แล้วเขารู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย นั่นคือสิ่งที่เขาไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน!  

เขายังคงอ่อนแออยู่ในขณะนี้!  

"โอ้?   มีเรื่องอื่นอีกหรือ? ข้าขอถามได้ไหม? " เย่เซี่ยวสับสน  

"นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการประมูล ... " กู่จินหลงพูดอย่างสบาย ๆ "น้องเฟิง เจ้าได้ซื้อสมบัติบางอย่างไปจากที่นี่... และในความเป็นจริงนี่เป็นสมบัติที่ข้าเก็บไว้ที่นี่ อันที่จริงแล้วข้าก็ช่วยในการลงทุนและสนับสนุนว่านเจิงฮ่าว "  

"เรามีข้อตกลงกันมานานแล้ว  เมื่อโรงประมูลหลิงเปาประสบความสำเร็จ ข้าก็จะกลับมาเพื่อรับมันคืนกลับไป ... เยี่ยม และมันก็นานมากแล้ว ว่านเจิงฮ่าวได้เข้าใจผิดเกี่ยวกับความตั้งใจของข้าและบังเอิญขายมันออกไป ข้ารู้ว่ามันไม่เหมาะสมที่จะพูดเช่นนั้น แต่มันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับข้า ... "  

เย่เซี่ยวเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดถึงในทันที  

หินอุกกาบาตพญายม  

เย่เซี่ยวพยักหน้าเพื่อแสดงความเข้าใจในสิ่งที่กู่จินหลงกำลังพูดอยู่ แต่ในใจของเขาเขาได้สาปแช่งนับล้านครั้ง 'บัดซบ'!  

[นั่นคือเรื่องตลกที่บัดซบ ...  

ถ้ามันเป็นของเจ้าจริง ๆ ข้าพนันว่าเจ้าจะได้เก็บมันไว้กับตัวและรักษามันเหมือนกับว่ามันเป็นบรรพบุรุษของเจ้า จะเป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าจะมอบมันให้กับว่านเจิงฮ่าว? ช่วย? ลงทุน?  สนับสนุน?อย่างนั้นหรือ ... เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนโง่จริง ๆ หรือ ...]  

"มันเป็นความผิดพลาดของเราในตอนแรก  เราจะไม่ยอมให้เจ้าขาดทุนใด ๆ " กู่จินหลงพูดอย่างไม่แยแส "ข้าจะคืนเงินให้เจ้าเป็น 2 เท่าของจำนวนเงินที่เจ้าได้จ่ายไป เจ้าคิดว่ายังไง?"  

[2 เท่า? เย่เซี่ยวสาปแช่งบรรพบุรุษของกู่จินหลงครั้งแล้วครั้งเล่าทันที  

ลืมราคาประมาณ 2 เท่าไปได้เลย แม้ว่าเจ้าจะต้องการคืนเงินให้ข้า 20,000 เท่าข้าก็จะไม่ยอมให้เจ้านำชิ้นส่วนแม้แต่ชิ้นเดียวไปจากข้า  

นั่นคือหินอุกกาบาตพญายม!  

มันเป็นกะหล่ำปลีสำหรับเจ้าใช่หรือไม่? ราคา 2 เท่า ฮึเจ้าเห็นว่าข้าเป็นเด็กหนุ่มบ้านนอกที่โง่เขลาอย่างแท้จริง ...]  

อย่างไรก็ตามเขาหัวเราะอย่างสดใสและพูดว่า "ในครั้งแรกที่ท่านทำให้ข้าคิดว่าท่านต้องเป็นเพื่อนที่ดีของข้า มันไม่มีอะไรนอกจากสมบัติชิ้นหนึ่ง  ไม่มีปัญหา  เยี่ยม ข้าสงสัยว่าสมบัติที่ท่านกำลังพูดถึงคืออะไร? บอกอย่างเปิดเผยเลยนะ ข้าได้ซื้อสมบัติล้ำค่ามากมายในการประมูลครั้งนั้น ข้าไม่รู้ว่าสมบัติที่ท่านกำลังพูดถึงคือชิ้นไหน เพียงแค่บอกข้าและข้าก็จะคืนมัน   ลืมเรื่องการเพิ่มราคาเป็นสองเท่าหรืออย่างอื่น  เพียงแค่เห็นมันเป็นของขวัญจากข้า ... พี่กู่อย่า ได้เห็นว่าข้าเป็นคนที่ไม่สามารถแม้แต่จะให้ของขวัญแก่เพื่อนของข้า ข้าไม่สนใจเกี่ยวกับเงินของข้าในโรงประมูลหลิงเปา ทำไมข้าต้องสนใจเพียงแค่สมบัติเพียงชิ้นเดียว. "  

กู่จินหลงหัวเราะเสียงดังและพูดว่า "น้องเฟิงเป็นคนใจกว้าง! เยี่ยม ข้าคิดว่าข้าควรจะพูดตรง ๆ มันคือหินอุกกาบาตพญายมที่ข้ากำลังพูดถึง ... "เขามองไปที่เย่เซี่ยวอย่างฉับพลันและพูดอย่างช้า ๆ ว่า" มันไม่ใช่ของที่มีค่าจริง ๆ ... อย่างไรก็ตามนี่เป็นสิ่งที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นในตระกูลของข้า ... ถูกเก็บไว้ในตระกูลของข้าเป็นเวลาหลายร้อยปี ... ได้โปรด น้องเฟิง... "  

กู่จินหลงคิดว่าเฟิงจือหลิงเป็นแค่แหล่งผลิตแหล่งเดียวของโอสถขั้นสูงสุดและอาจารย์ของเขากำลังจะตายในเร็ว ๆ นี้  มิฉะนั้นเขาจะฉีกเฟิงจือหลิงออกเป็นชิ้นหลังจากทรมานและตั้งคำถามกับเขาจนกว่าเขาจะได้รับความลับขั้นสุดยอดของโอสถขั้นสูงสุด  

กู่จินหลงต้องการหินอุกกาบาตพญายม แต่เขาก็ต้องการโอสถขั้นสูงสุดอีกด้วย ...  

นั่นเป็นเหตุผลที่เขาต้องอดทนและพยายามจะหลอกเย่เซี่ยว  

เย่เซี่ยวนั่งเงียบ จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า "เอ่อ ...อ้า... คืออะไรเหรอ? หิน...หิน... หินอุกกาบาตพญายม? "  

กู่จินหลงตกตะลึงและถามอย่างระมัดระวังว่า "น้องเฟิง ... มีปัญหาอะไรไหม"  

เย่เซี่ยวก็นั่งลงบนเก้าอี้และพูดว่า "ทำไมมันต้องเป็นหินอุกกาบาตพญายม?"  

กู่จินหลงขมวดคิ้วและพูดว่า“อะไร?อะไรเกิดขึ้นในช่วงหลายวันมานี้?  

เขาฟังเหมือนเริ่มรำคาญแล้ว  

"ด้วยความสัตย์ พี่กู่ มันมีปัญหาจริง ๆ ... โอ้” เย่เซี่ยวถอนหายใจและพูดว่า "ตอนนี้มันไม่อยู่กับข้าแล้ว"  

กู่จินหลงขมวดคิ้วและใบหน้าของเขาดูเย็นชา "แล้ว ... ตอนนี้อยู่ที่ใคร?"  

"ข้าไม่รู้จักชื่อชายคนนั้น... " เย่เซี่ยวขมวดคิ้วและพูดว่า "ข้าไม่เคยต้องการหินอุกกาบาตพญายม ข้าถูกขอร้องให้ช่วยซื้อมันแทน ... นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าเสนอราคาสำหรับมัน ข้าไม่เคยเข้าร่วมการประมูล นั่นเป็นความจริง แต่ข้าก็เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับหินอุกกาบาตพญายม ข้าไม่ต้องการสิ่งที่ไร้ประโยชน์ดังกล่าว! "  

“มันคืออะไร?  กรุณาเล่ารายละเอียดให้ข้าฟัง! " กู่จินหลงตระหนักถึงเรื่องที่ไม่ดีสำหรับเขา แต่เขาก็อดทนและถามต่อไป  

“อืม มันคือ....เป็นเวลานานมาแล้วผู้ชายคนนี้มาเยี่ยมอาจารย์ของข้า เขามอบสมบัติอันล้ำค่ามากมายให้กับอาจารย์ของข้า บางอย่างเป็นของที่มาจากนอกโลกใบนี้ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงบางสิ่งบางอย่างที่สามารถพบได้โดยโชคเท่านั้น  แต่เขาดูเหมือนจะไม่ใส่ใจอะไรกับพวกมัน  สิ่งที่เขามอบให้อาจารย์ของข้าก็เพียงพอที่จะปรุงโอสถได้ถึง 10 ชุด  พวกเขาได้จัดการอย่างสมบูรณ์ ... เขากล่าวมันอย่างชัดเจนทีเดียวกับอาจารย์ของข้าว่า เขาจะเอาโอสถเพียง 1 เม็ดจากอาจารย์ของข้าและจะต้องเป็นโอสถขั้นสูงสุด.  

เย่เซี่ยวขมวดคิ้ว  เขาเริ่มแต่งเรื่องใหม่อีกครั้ง คราวนี้เขาทำมันให้มากขึ้นอย่างมากมาย "อาจารย์ของข้าไม่ยอมรับมันตั้งแต่แรกเพราะมันเป็นเรื่องที่ยากเกินไป วัสดุเหล่านั้นล้วนมีค่ามากดังนั้นมันเป็นเรื่องยากมากที่จะประสบความสำเร็จในการปรุงโอสถขั้นสูงสุดให้สำเร็จในครั้งเดียว อาจารย์ของข้าคิดว่าแม้ว่าเขาจะใช้วัสดุเหล่านี้ทั้งหมดเขาก็อาจจะล้มเหลวที่จะทำโอสถขั้นสูงสุดแม้แต่เพียงเม็ดเดียว "  

"โอสถล้ำค่า?โอสถชนิดใดที่จะทำให้อาจารย์ของเจ้ารู้สึกลำบากได้? "ว่านเจิงฮ่าวถามคำถามของเขาในช่วงเวลาที่เหมาะสมอีกครั้ง ...  

"มันคือ... เยี่ยม อืมม ... โอสถเก้าตลบเมฆม่วง" เย่เซี่ยวกลอกดวงตาเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขากำลังนึกถึงมันอย่างหนัก  

"อะไรนะ?!"  กู่จินหลงลุกขึ้นยืนทันที  

ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียว "โอสถเก้าตลบเมฆม่วง? เจ้าแน่ใจ?”  

“แน่นอน!” เย่เซี่ยวยืนยัน "ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้ แต่ข้าจะไม่ลืมชื่อที่ข้าเคยได้ยิน อาจารย์ของข้าได้พูดพึมพำเกี่ยวกับเรื่องนี้มาหลายเดือนแล้ว ... "  

"โอสถเก้าตลบเมฆม่วง ... มันคืออะไร?" ว่านเจิงฮ่าวกำลังสับสน  

"โอสถเก้าตลบเมฆม่วงเป็นสิ่งที่พิเศษช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของจิตวิญญาณ ... มันเป็นโอสถของพระเจ้าในโลก!" ใบหน้าของกู่จินหลงหมองคล้ำและพูดว่า "มันเป็นโอสถระดับ 7 ... แม้แต่ในอาณาจักรฉิงหวินก็เป็นหนึ่งในโอสถระดับสูง มันเป็นโอสถที่สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้มีเพียงผู้ที่อยู่ในขั้นที่ 5 ของระดับเต๋าหยวนเท่านั้นที่ต้องการมันสำหรับรักษาอาการบาดเจ็บของจิตวิญญาณ สำหรับโอสถเก้าตลบเมฆม่วงถ้ามีคนที่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าขั้นที่ห้าของระดับเต๋าหยวนกินมัน พวกเขาจะตายเพราะวิญญาณของพวกเขาจะแตกสลายเป็นชิ้น ๆ แล้วก็หายไป ... "  

"ใครกันแน่ ... ใครจะต้องการของแบบนั้น?" กู่จินหลง รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดพลาดเกี่ยวกับมัน  

เขามองไปที่เฟิงจือหลิงและคิดว่าเขาดูซื่อตรงและอ่อนน้อมถ่อมตน เขาคิดว่าเฟิงจือหลิงจะไม่สามารถแต่งเรื่องโกหกที่ไร้ที่ติได้ และถึงแม้ว่าเขาจะสามารถทำมันได้เขาก็ไม่สามารถแต่งชื่อโอสถเก้าตลบเมฆม่วงได้!  

ท่าทางมันจะไม่ดีเสียแล้ว ... ข้ากลัว]  

"เจ้ารู้จักชื่อชายคนนั้นหรือไม่" กู่จินหลงขมวดคิ้ว  

“ข้าไม่รู้ เขากำลังพูดคุยกับอาจารย์ของข้าและข้าแทบจะไม่ได้อยู่ข้าง ๆ พวกเขา " เย่เซี่ยวทำตัวราวกับว่าเขากำลังพยายามอย่างหนักที่จะนึกให้ได้ว่า "โอ ... ข้าเคยได้ยินอาจารย์ของข้าคุยเรื่องนี้ครั้งนึง ... เขาเรียกผู้ชายคนนั้น ... ผู้ชายคนนั้น ... ปรจารย์ตุลาการคืออะไร[1]? ใช่ ปรมาจารย์! "  

เขาตบหน้าขาเพื่อแสดงการยืนยัน  

"ปรมาจารย์ตุลาการ ... " ใบหน้ากู่จินหลงก็เปลี่ยนเป็นสีม่วง  

ในอาณาจักรฉิงหวินนั้นมีคนไม่เกิน 6 คนที่ได้รับฉายาว่า "ปรมาจารย์ตุลาการ" พวกเขาเป็นคนที่เยี่ยมยอด!  พวกเขาเป็นคนที่ทำให้โลกตกใจ!  

พวกเขาทุกคนเป็นคนที่ไม่สามารถตอแยด้วยได้  

เขายังไม่เคยได้ยินว่าคนเหล่านี้เคยได้รับอันตราย ...  

"ปรมาจารย์ตุลาการ? เขามีลักษณะเป็นอย่างไร?  สูงแค่ไหน?  น้ำหนักของเขา?  หน้าตาของเขา? ทรงผมของเขา?เสื้อผ้าของเขา?..." กู่จินหลงถามคำถามประมาณ 20 คำถามในครั้งเดียว  

“อืม ข้าได้เห็นเขาเพียงครั้งหรือสองครั้ง เขาดูเหมือน ... "เย่เซี่ยวขมวดคิ้วและกลอกตาของเขา ดูเหมือนเขาจะคิดอย่างหนักเพื่ออธิบายว่ารูปร่างของปรมาจารย์ตุลาการทีละนิด ๆ  

…  

[1] ในภาษาจีนเป็น令主สามารถแปลเป็นปรมาจารย์ แต่มันกลับกลายเป็นว่าผู้เขียนกำลังใช้คำนี้โดยเฉพาะดังนั้นจากนี้ไปขอเปลี่ยนจากปรมาจารย์ดอกบัวม่วงเป็นปรมาจารย์ตุลาการดอกบัวม่วง

รีวิวผู้อ่าน