px

เรื่อง : Realms In The Firmament
ตอนที่ 115 : มันเป็นเรื่องบังเอิญ ที่ท่านอยู่ที่นี่


เย่เซี่ยวกำลังจดจ่ออยู่กับการโคจรลมปราณม่วงบูรพาซึ่งกำลังหมุนเวียนอยู่ในเส้นชีพจรเพื่อดูดซับปราณเย็นยะเยียบ

เย่เซี่ยวได้ยินเสียงของมันจากจุดชีพจร

ด้านในจุดตันเถียนของเขา ปราณเย็นยะเยียบกำลังรวมตัวกันอยู่ด้วยความเร็วที่น่าตื่นตระหนก

ในขณะเดียวกันปราณเย็นยะเยียบก็เปลี่ยนไปเป็นพลังงานหยางภายในตัวของเย่เซี่ยว โชคดีที่พวกมันเปลี่ยนแปลงในอัตราเดียวกัน ไม่เช่นนั้นเขาอาจระเบิดหรือแช่แข็งก็ได้เนื่องจากมีปราณเย็นยะเยียบจำนวนมาก

ลมปราณม่วงบูรพาเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ในการแปลงพลังของหยินและหยาง มันสร้างวงจรภายในจุดตันเถียนของเย่เซี่ยวและย่อยสลายปราณเย็นเยียบเป็นจำนวนมาก มันลดความเสียหายลงและเปลี่ยนแปลงให้เป็นข้อได้เปรียบ

เย่เซี่ยวจดจ่อกับการโคจรลมปราณเป็นอย่างมาก เขาไม่กล้าที่จะประมาท

ร่างกายของเขาปกคลุมด้วยน้ำแข็งจำนวนมาก

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นช่วงฤดูร้อน

นั่นเป็นฉากที่น่ากลัวอย่างแท้จริง

ขณะที่เขากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อแปลงปราณเย็นยะเยียบที่อยู่ภายในห้วงมิติทั้งเก้า บางส่วนของปราณเย็นยะเยียบก็ไหลออกไปข้างนอกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากกระแสลมเย็นไหลผ่านภูเขา

และกระแสอากาศที่เย็นนี้ก็ยังคงไหลออกไป ...

เย่เซี่ยวนั่งอยู่ที่นั่นตลอดทั้งวัน

เมื่อเขายืนขึ้นเขาก็ยังคงรู้สึกกลัว  กระดูกของเขาส่งเสียงลั่นกราวเมื่อเขาลุกขึ้นยืน อย่าลืมว่าวิกฤตที่นำมาโดยหยกจิตวิญญาณไม่ได้นำไปสู่ความเสียหายที่แท้จริงใด ๆ กับเขา ปราณเย็นยะเยียบภายในห้วงมิติทั้งเก้าถูกยับยั้งในที่สุดภายใต้การทำงานหนักของเขา หินอุกกาบาตพญายมได้กลับไปยังห้วงมิติสวรรค์ในตอนท้ายที่สุด

ห้วงมิติทั้งเก้าได้กลับคืนสู่สภาพที่มั่นคง

มันมีโอกาสอยู่ตลอดเวลาในช่วงเวลาที่วิกฤต เย่เซี่ยวรู้สึกว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้น ลมปราณม่วงบูรพาของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เขาตรวจสอบให้แน่ใจว่าวิกฤติที่เกิดขึ้นได้สิ้นสุดลงแล้วและได้เข้ามาตรวจสอบห้วงมิติทั้งเก้า น้ำแข็งในห้วงมิติทั้งเก้าได้หายไปเหลือเพียงความเสียหายไม่กี่แห่งบนห้วงมิติทั้งเก้า  ตัวอย่างเช่นใบของพืชในห้วงมิติธาตุไม้ได้ถูกความเย็นกัด ในการฟื้นฟูมันคงต้องใช้เวลาที่ยาวนาน ถึงอย่างนั้นเย่เซี่ยวก็ดีใจที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ถ้าเขาหยุดปราณเย็นยะเยียบช้าไปสักเล็กน้อยต่อมา สมุนไพรเหล่านั้นก็คงถึงแก่ความตาย ขณะนี้อัตราการเติบโตของพวกมันถูกชะลอลงเท่านั้น มันไม่ใช่โชคดีใช่มั้ย?

ในตอนนี้หินอุกกาบาตพญายมได้สร้างความหายนะเช่นนี้ขึ้นมาได้อย่างไร?

มันไม่สามารถมองเห็นได้

มันเป็นเพียงเศษเสี้ยวของหยกจิตวิญญาณ ทำไมมันถึงทำให้เกิดวิกฤติอันตรายได้?

เย่เซี่ยวมองไปที่หินอุกกาบาตพญายม เขาไม่เข้าใจอะไรเลย

[มันเหมือนกับว่าข้าไม่สามารถใส่คริสตัลพลังงานนี้เข้าไปในห้วงมิติทั้งเก้า]

เขาพยายามสัมผัสกับหินอุกกาบาตพญายมและค้นพบว่าเขาสามารถสัมผัสมันได้อย่างแท้จริง

มันไม่ได้เป็นผลึกสวรรค์บริสุทธิ์ซึ่งเขาสามารถดูได้เแต่สัมผัสไม่ได้

[โอ้…]

เย่เซี่ยวพยายามจะขยับมันออกไปสักหน่อย

ตุบ...

หินอุกกาบาตพญายมปรากฏขึ้นบนภูเขา

มันออกมาจริง ๆ!

เย่เซี่ยวย้ายมันออกมาจากห้วงมิติทั้งเก้า!

มองไปที่หินอุกกาบาตพญายมซึ่งเพิ่งแคะออกมาจากหลุมบนพื้น เย่เซี่ยวรู้สึกประหลาดใจ

เขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

หยกจิตวิญญาณได้ทำให้หินอุกกาบาตพญายมเปลี่ยนเป็นราชา ...

หลังจากนั้นแล้วหินอุกกาบาตพญายมสามารถเอาออกไปจากห้วงมิติทั้งเก้าได้...

เย่เซี่ยวยังคงจมอยู่กับความคิดอยู่ชั่วขณะแต่ก็ไม่สามารถคิดอะไรที่เป็นประโยชน์ได้ เขาเลิกคิดและเดินออกจากภูเขาราวพู่กันซึ่งบัดนี้ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งแล้ว เขาต้องการที่จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ของภูเขากลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรเขาสังเกตเห็นร่างที่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ

ดูเหมือน 'สายฟ้าแลบ' มันไม่ดีพอที่จะอธิบายถึงความเร็วของเขาคนนั้น เพียงแต่พริบตาชายคนนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเย่เซี่ยว- วูบ! –

เย่เซี่ยวรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นชายคนนั้นเขาตะโกนว่า "พี่กู่?"

ผู้ชายคนนั้นคือกู่จินหลงอย่างแน่นอน

กู่จินหลงแสดงอาการเหมือนเขารู้สึกประหลาดใจมากเกินไปและกล่าวว่า“โอ้ มันเป็นเจ้า น้องเฟิงเจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

เย่เซี่ยวสาปแช่งเขาในใจหลายร้อยครั้ง [เจ้าบัดซบ!เจ้าสังเกตเห็นข้าอยู่ที่นี่ นั่นเป็นเหตุผลที่เจ้ามา!]

เขาแปลกใจว่ากู่จินหลงนั้นเร็วมาก

เขาเพิ่งถอดหินอุกกาบาตพญายมออกเป็นเวลาไม่กี่วินาที และกู่จินหลงก็รู้สึกได้และเข้ามาหาจากที่ไกลหลายร้อยลี้ ...

โชคดีที่เย่เซี่ยวได้จัดตั้งค่ายกลปกคลุมดาราขึ้น มิฉะนั้นเขาจะถูกค้นพบทันที

ข้าต้องระมัดระวังให้มากขึ้นนับจากนี้เป็นต้นไป ไม่มีอะไรสามารถถือเป็นความระมัดระวังเกินไปเมื่อเผชิญหน้าเจ้าบัดซบนี้]

"ข้ามาส่งสมุนไพรบางอย่างมาให้อาจารย์ของข้า ... " เย่เซี่ยวกล่าวว่า "ข้าเพิ่งจากอาจารย์ของข้าและตอนนี้ข้าก็ได้พบกับท่าน มันเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ เรามีวาสนาต่อกันอย่างแท้จริง "

กู่จินหลงมองไปข้างหน้าและรู้สึกถึงพลังแปลก ๆ แม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์ แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่ามันคืออะไร เขาถามว่า "น้องเฟิง อาจารย์ของเจ้าอยู่ที่นี่?"

เย่เซี่ยวพยักหน้าและชี้ "ใช่ เขาอยู่บนภูเขานี้ เขาราวพู่กัน "

"เขาราวพู่กัน?" กู่จินหลงมองไปที่เย่เซี่ยวชี้ แต่ก็ไม่เห็นอะไร

มีเพียงเมฆและหมอกบางส่วนเท่านั้น

เย่เซี่ยวตระหนักและอธิบายว่า "พี่กู่ อย่าเข้าใจข้าผิด ข้าไม่รู้ว่าทำไมมันถึงกลายเป็นเช่นนั้น หลังจากปรมาจารย์ตุลาการดอกบัวม่วงมาถึง เทือกเขาก็มองไม่เห็น อย่างไรก็ตามข้ายังสามารถเข้ามาได้ ข้าเติบโตขึ้นมาที่นี่ แม้ข้าหลับตา ข้าก็สามารถหามันพบ"

"ข้าเข้าใจ" กู่จินหลงมองไปที่หมอกและพูด

ในขณะเดียวกันเขาก็คิดว่า [ความสามารถของข้าห่างไกลจากคำว่าอ่อนแอมากกว่าคนส่วนใหญ่ในอาณาจักรฉิงหวิน ปรมาจารย์ตุลาการดอกบัวม่วงกำลังจะไปถึงจุดจบของเขา แต่ด้วยค่ายกลนี้เขาสามารถหลอกข้าได้อย่างง่าย ๆ มันน่าประทับใจ

เขาเป็นคนที่สามารถต่อสู้กับราชันเซี่ยวได้จริง ๆ เขาเป็นที่น่าทึ่ง

อย่างไรก็ตามเขากำลังจะตายในเร็ว ๆ นี้ ... ฮ่าฮ่า ๆ ]

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ได้ยินเสียงเฟิงจือหลิงว่า "มา มาพี่กู่ มากับข้า ข้าจะพาท่านไปหาอาจารย์ของข้า "

กู่จินหลงกำลังวางแผนที่จะเห็นอาจารย์ของเขา ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า "ข้ากำลังจะบอกอยู่พอดี มันเป็นความสุขของข้าที่ได้เห็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งการปรุงโอสถ "

เขาก้าวเท้าไปข้างหน้าในขณะที่บอกว่า

"พี่กู่ ท่านควรทำตามข้าให้เหมือนทุกอย่าง อย่าทำผิดแม้แต่นิดเดียว" เย่เซี่ยวกำลังเดินอยู่ข้างหน้า เขาเดินเหมือนเขาหลับตา หลังจากนั้นไม่กี่ก้าวพวกเขาก็หายตัวไปในหมอก

หลังจากยี่สิบกว่าก้าว เฟิงจือหลิงผู้ซึ่งเป็นผู้นำได้ก้าวไปข้างหน้าและหายตัวไปอย่างรวดเร็วในสายตาของกู่จินหลง

กู่จินหลงคิดว่าต้องมีค่ายกลเล็ก ๆ บางอย่างที่ครอบคลุมสิ่งต่าง ๆ ดังนั้นเขาจึงเดินต่อไป

เขาคาดหวังว่าจะได้เห็นเฟิงจือหลิงหลังจากก้าวต่อไป แต่ ...

- วูบ! – สิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวเขากำลังเปลี่ยนไป เขารู้สึกวิงเวียนเล็กน้อยในทันที  เมื่อเขาได้สติกลับมาและลืมตาขึ้นเขาก็พบว่าตัวเองกลับไปยังที่ที่เขาได้พูดคุยกับเฟิงจือหลิงก่อนหน้านี้

เขาเพียงได้ยินเสียงเฟิงจือหลิงดังออกมาว่า "พี่กู่ ... พี่กู่?ท่าน ... ท่านอยู่ที่ไหน ทำไมท่านไม่ตามข้าเข้ามา? ท่านอยู่ไหน?”

กู่จินหลงพูดไม่ออก

[ทำไมข้าจะไม่อยากตามเจ้าไป ... แต่ ... มันคืออะไร?]

กู่จินหลงมั่นใจว่าเขาไม่ได้ทำผิดขั้นตอนใด ๆ เลย แต่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นในตอนนี้ค่ายกลถูกเปิดใช้งานและส่งเขาออกมาจากมัน

เขากำลังคิดถึงสิ่งที่ผิดพลาดที่เขาได้ทำเมื่อจู่ ๆ เขาได้เห็นเฟิงจือหลิงออกมาจากค่ายกล เฟิงจือหลิงมองไปที่กู่จินหลง และถามว่า "ทำไมท่านถึงยังคงอยู่ที่นี่?"

กู่จินหลงขมวดคิ้วและยิ้มอย่างขมขื่น "ค่ายกลนี้แปลกจริง ๆ ข้าติดตามเจ้าทุกก้าว ข้าแน่ใจว่าข้าไม่ได้ทำผิดพลาดใด ๆ แต่ ... ข้าเพิ่งถูกขับออกมาจากค่ายกล ... "

เย่เซี่ยวขมวดคิ้ว "ทำไม? ข้าเข้าและออกหลายครั้งแล้วทุกอย่างก็ปกติดี ...อืม ถ้าเช่นนั้น ท่านหลับตาและจับมือข้าไว้ ให้ข้านำท่านเข้าไป "

กู่จินหลงพยักหน้า "ความคิดที่ดี ขอบคุณ น้องเฟิง "

เขาคว้ามือของเย่เซี่ยวและหลับตาลง พวกเขากลับเข้าไปในหมอก

กู่จินหลงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ แต่เขาไม่ได้ไว้ใจเฟิงจือหลิงจริง ๆ เขารู้สึกดีกับเรื่องนี้เพราะในสายตาเขาเฟิงจือหลิงไม่ได้มีค่ามากไปกว่ามด นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่กลัวว่าเขาจะถูกลอบโจมตีโดยเฟิงจือหลิงหรืออะไรบางอย่าง

เย่เซี่ยวจับมือกู่จินหลงไว้ พวกเขากำลังก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน แต่หลังจากที่พวกเขาใช้เวลาประมาณยี่สิบก้าวในหมอก เย่เซี่ยวก้าวอีกก้าวหนึ่งและกู่จินหลงก็สับสนอีกครั้ง เขายังคงจับมือเฟิงจือหลิงอยู่ แต่เขาไม่สามารถรู้สึกถึงร่างกายของเขาได้

กู่จินหลงตัดสินใจที่จะตามเขาไปอีกก้าวหนึ่ง ทันใดนั้นสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเขาก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง  เขาได้ยินเสียงหัวเราะของเฟิงจือหลิงและครู่ต่อมาเขาก็ออกจากแถวนี้อีกครั้ง

คราวนี้เย่เซี่ยวก็ออกมาเหมือนกัน

รีวิวผู้อ่าน