px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 102 ซูหลี่


แต่การกระจายตัวปิดล้อม และรุมจู่โจมในตอนนี้จะมีประโยชน์หรือไม่?

คำตอบก็คือไม่

ต้วนหลิงเทียนเพียงยืนนิ่งสงบไม่ไหวติงดั่งภูผา

พลังเคลื่อนย้ายจักรวาล!

ทันใดนั้นเองพลังงานต้นกำเนิดของหลิงเทียนก็แปรเปลี่ยนเป็นเกราะพลังงานต้นกำเนิดสีเงิน ครอบคลุมไปทั่วร่างกายอย่างเข้มแข็ง ทั่วทั้งร่างกายของหลิงเทียนพลันเรืองแสงจางๆออกมา

ปัง!!

นักโทษระดับก่อกำเนิดขั้นแรกคนหนึ่งซัดการโจมตีที่เต็มไปด้วยพลังทั้งหมดของช้างแมมมอธโบราณ 2 ตัวไปที่หลิงเทียน และเมื่อกำปั้นที่อัดแน่นไปด้วยพลังงานต้นกำเนิดของมันกระทบถูกตัวหลิงเทียนนั้น

แคร่กกก!

เสียงกระดูกแตกหักพลันบังเกิดขึ้น

"อ๊าคคคคคคค!"

นักโทษคนนั้นพลันส่งเสียงร้องออกมาก่อนที่จะใช้มืออีกข้างกุมแขนข้างที่ใช้จู่โจมหลิงเทียนเมื่อครู่ ยามนี้แขนข้างนั้นห้อยตกลงราวกับไร้กระดูก มันได้แต่กลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความเจ็บปวด

และพริบตาเดียวกันนั้นการโจมตีของนักโทษเดนตายอีก 3 คนก็พลันบรรลุถึงตัวหลิงเทียน

และพวกมันล้วนพบจุดจบเดียวกันกับนักโทษคนแรกที่จู่โจมหลิงเทียนอย่างไร้ขอยกเว้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักโทษที่มีระดับบ่มเพาะก่อกำเนิดขั้นที่ 2 มันได้ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมด จู่โจมมาเต็มกำลังด้วยพลังของช้างแมมมอธโบราณ 3 ตัว ทั้งยังเป็นการจู่โจมที่ใช้ฝ่ามือรวมศูนย์อีกด้วย ...

เป็นผลให้วิความแรงในการสะท้อนกลับการจู่โจมด้วยพลังเคลื่อนย้ายจักรวาลครานี้น่าหวาดกลัวนัก แขนของมันที่ใช้วิชาจู่โจมมาถึงกับแตกระเบิดออก ก่อนที่ตัวมันจะลอยกระเด็นไปไกลอย่างหมดสภาพ

"ย้ายดารา?"

ใบหน้าของรองแม่ทัพเฉียวชิงจ่างปรากฏความตกตะลึงขึ้นมา เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะนึกถึงวิชาป้องกันระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงที่มีความยากลำบากในการฝึกฝนอย่างมาก วิชานี้ขึ้นมาได้

ตอนนี้บริเวณรอบเวทีไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ

ฉากนี้นับว่าน่าตื่นใจยิ่งกว่ายามหยูเซี่ยงขึ้นไปบนเวทีเสียอีก

หยูเซี่ยงนั้นใช้วิชาป้องกันของตนเองเพื่อป้องกันการโจมตีของศัตรู...

แต่ทว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้หาได้ทำเพียงป้องกันตัวเท่านั้น แต่วิชาป้องกันของเขายังมีความสามารถในการสะท้อนกลับพลังจู่โจมทั้งหมดของศัตรูอีกด้วย

"เป็นวิชาป้องกันตัวที่น่าหวาดกลัวอะไรเช่นนี้!"

"นั่นสิ วิชาป้องกันนี้ใยมิใช่แข็งแกร่งเกินไปหรอกหรือ"

ฝูงชนกำลังตกอยู่ในความวุ่นวาย อดไม่ได้ที่พวกเขาจะหันไปมองหลิงเทียนที่อยู่บนเวทีด้วยความยอมรับนับถือ พวกมันล้วนยอมรับว่าไม่สามารถเทียบกับหลิงเทียนได้

แต่ทว่าก็มีเยาวชนส่วนน้อยที่คิดประลองวัดฝีมือกับหลิงเทียนสักครา

"ฮึ่ม!"

หยูเซี่ยงตอนนี้กำลังมีโทสะอย่างมาก ความโดดเด่นยามขึ้นเวทีของมัน กลับถูกต้วนหลิงเทียนกลบจนมิดไม่มีเหลือ ทำให้แววตาของมันตอนนี้เต็มไปด้วยจิตสังหารมากกว่าตอนแรกเสียอีก

หลังจากหลิงเทียนผ่านการทดสอบ เขาก็ค่อยๆเดินกลับมายังที่ๆเขายืนอยู่ตอนแรก

ส่วนเหล่านักโทษทั้งหมดล้วนตกตายลงไปหมดเสียสิ้น...น่าประหลาดใจตรงที่พวกมันที่เหลือตกตายตอนไหนกลับไม่มีใครทราบ เพราะทุกคนมัวแต่ตกตะลึงกับวิชาป้องกันของหลิงเทียนอยู่

คงเป็นช่วงที่พวกมันถูกสะท้อนพลังโจมตี หลิงเทียนพลันอาศัยจังหวะเสี้ยวพริบตาสังหารพวกมันกระมัง

"หมายเลข 138!"

หลังจากต้วนหลิงเทียนแล้วคนต่อไปก็คือเซี่ยวหยู

เซี่ยวหยูและต้วนหลิงเทียนก็ได้เดินสวนกันคนหนึ่งกลับอีกคนหนึ่งกำลังไปขึ้นเวที เซี่ยวหยูพลันส่งรอยยิ้มให้แก่หลิงเทียนก่อนที่จะขึ้นเวทีประลองไป ...

จากที่เขาสังเกตนั้นวิชาป้องกันที่หลิงเทียนใช้เมื่อครู่ต้องเป็นวิชาย้ายดาราของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะรูปแบบของมันเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน

เขาค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อยว่าหลิงเทียนไปเรียนรู้วิชาย้ายดารานี้มาได้อย่างไร

และนอกจากนี้ดูเหมือนหลิงเทียนจะฝึกฝนมันจนมีความสำเร็จในขั้นตอนแก่นแท้แล้วด้วย

"ต้วนหลิงเทียน เจ้าใช้วิชาย้ายดาราได้ด้วยอย่างนั้นหรือ?" เมิ่งฉวนกล่าวถามออกมาด้วยความตกตะลึง

เพราะครึ่งปีก่อนยามที่เขาสู้กับเซี่ยวหยูนั้น เขาก็ต้องพลาดท่าและบาดเจ็บกับวิชาย้ายดารานี้นั่นเอง เขาจึงจดจำมันได้อย่างแม่นยำ

ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าและกล่าวว่า "เมิ่งฉวน วิชาที่ข้าใช้นั้น หาใช่วิชาย้ายดาราไม่ ลักษณะเฉพาะของวิชาที่ข้าใช้แตกต่างจากวิชาย้ายดาราเล็กน้อย"

"อ้อ เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้าก็นึกสงสัยอยู่ตั้งนาน ว่าเจ้าเป็นคนของตระกูลลี่แล้วไปร่ำเรียนวิชาของตระกูลเซี่ยวได้อย่างไร"

เมิ่งฉวนพยักหน้า

สายตาของหลิงเทียนพลันมองลงไปยังเวทีประลอง

เซี่ยวหยูที่ยืนอยู่บนเวทีนั้น ด้วยท่าทางที่เย็นชาของเขากอปรกับการยืนสงบนิ่งราวกับภูเขา ทำให้ผู้อื่นรู้สึกว่าเขาเป็นตัวตนที่ไม่อาจแตะต้องได้

นักโทษเดนตายทั้ง 10 คนที่พึ่งขึ้นมาบนเวทีไม่รอช้าต่างแยกย้ายกันไปปิดล้อมเซี่ยวหยูทันที และพลันจู่โจมออกมาพร้อมเพรียงกัน

ย้ายดารา!

กำแพงพลังงานต้นกำเนิดบังเกิดมาเคลือบร่างของเซี่ยวหยูเอาไว้คล้ายคลึงกับหลิงเทียน

เหนือศีรษะของเขาปรากฏงาร่างช้างแมมมอธโบราณออกมา 4 ตัว!

วิชาท่าร่าง ประกายแสงไร้เงา!

เซี่ยวหยูพลันเคลื่อนร่างราวกับเส้นแสงไปปรากฏตรงหน้าของนักโทษที่มีระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2 ในเสี้ยวพริบตา

อีกทั้งเขายังเริ่มสะบัดข้อมือใช้ที่เต็มไปด้วยพลังงานต้นกำเนิดจู่โจมออกไปทันที

ฝ่ามือเอกะ!

แขนของเขาสะบัดออกมาจู่โจม พร้อมทั้งถ่ายเทพลังงานต้นกำเนิดไปควบแน่นที่แขนเสื้อ ส่งมันปลิวสะบัดซัดฟาดไปยังนักโทษคนนั้น ทว่านักโทษผู้นั้นก็หาได้อ่อนด้อยไม่ มันรีบซัดกำปั้นสวนออกมาปะทะทันที

ทว่าในชั่วพริบตาที่ปะทะ นักโทษคนนั้นพลันรู้สึกว่าฝ่ามือของเซี่ยวหยู ช่างแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก

นั่นเพราะเขารู้สึกว่ากำปั้นของเขานั้นชกอากาศหรือปุยฝ้ายอย่างไรอย่างนั้นหาได้มีแรงปะทะอะไรอย่างที่สมควรจะมีไม่

และในพริบตาต่อมาเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังงานต้นกำเนิดที่เกรี้ยวกราดกำลังถ่ายทอดมาสู่แขนของเขา อย่างน่าอัศจรรย์

แคร่กกก!

แขนทั้งท่อนของนักโทษคนนั้นบิดเบี้ยวจนกระดูกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนที่เซี่ยวหยูจะสะบัดแขนอีกครั้งซัดมันปลิวกระเด็นไปราวว่าวสายป่านขาด

เพียงเสี้ยวพริบตานักโทษที่แข็งแกร่งที่สุดของฝ่ายศัตรูก็ถูกสยบลงอย่างง่ายดาย มันกลิ้งกระเด็นพร้อมร้องโอดโอยอยู่ไม่กี่รอบก่อนที่จะหมดลมหายใจตกตายไปอย่างน่าอนาถ ...

และเพียงไม่ถึงครึ่งลมหายใจต่อมาการจู่โจมของเหล่านักโทษเดนตายทั้ง 9 ก็บรรลุถึงตัวเซี่ยวหยูโดยพร้อมเพรียง พวกมันฉวยโอกาสเล่นงานเซี่ยวหยูได้เหมาะเจาะนัก

บางคนซัดฝ่ามือไปยังด้านหลังของเวี่ยวหยู บางคนซัดไปยังด้านข้าง

อย่างไรก็ตาม

"อ๊าค!"

"อ๊าค!"

...

เสียงกรีดร้องของเหล่านักโทษทั้ง 9 ล้วนดังขึ้นทีละคนตามลำดับการจู่โจม เนื่องจากพวกมันทุกคนถูกสะท้อนการโจมตีจนกระเด็นถอยออกไป

และเซี่ยวหยูเองก็ไม่คิดยืดเยื้อให้เสียเวลา เขาพลันจู่โจมศัตรูทีละคนโดยทีสีหน้าไม่เปลี่ยน เพื่อดับชีวิตของพวกมันจนหมด!

"หมายเลข 139!"

เมื่อเห็นเซี่ยวหยูสังหารศัตรูได้อย่างราบรื่น หัวหน้ากองพลันกล่าวขานหมายเลขถัดไปทันที

"เฮ่ เมิ่งฉวนโชคดีล่ะ"

เซี่ยวหยูพยักหน้าและกล่าวอวยพรให้กับเมิ่งฉวนยามที่เดินสวนกัน

"ไม่ต้องห่วงหน่า!"

เมิ่งฉวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

ในขณะเดียวกันทางด้านเยาวชนที่อยู่รอบเวทีประลอง ทั้งหมดต่างก็สนทนากันอย่างอื้ออึง โดยที่เป้าสายตาของพวกเขาสลับกันระหว่างหลิงเทียนและเซี่ยวหยู

"หมายเลข 138 นั้นดูเหมือนว่าจะมาด้วยกันกับต้วนหลิงเทียน อีกทั้งวิชาป้องกันของพวกเขาทั้ง 2 ก็เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน!"

"ถูกต้อง ข้าล่ะสงสัยจริงๆว่าเป็นวิชาป้องกันที่มีนามเลิศล้ำว่ากระไร เพียงแค่เร่งเร้าพลังงานต้นกำเนิดแผ่ออกมาปกคลุม ก็สะท้อนการโจมตีของคู่ต่อสู้ราวกับกระจกเงาเช่นนี้”

"วิชาป้องกันระดับนี้ มองไปทั่วทั้งอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้เองก็ยังหาดูชมได้ยากนัก!"

...

ตอนนี้เหล่าเยาวชนต่างจับจ้องไปยังหลิงเทียนและเซี่ยวหยูด้วยแววตาอิจฉา

"เฮ่ ต้วนหลิงเทียน เจ้ารู้จักวิชาย้ายดาราได้อย่างไรหรือ?"

เซี่ยวหยูนั้นอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามหลิงเทียนออกมาให้หายสงสัย

ย้ายดาราเป็นวิชาป้องกันที่มีคุณภาพและคุณค่าสูงมาก แม้แต่ตระกูลเซี่ยวเองก็ต้องคัดเลือกผู้ที่จะสืบทอดวิชานี้กันอย่างเคร่งครัด เพราะมันเป็นวิชาที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ

วิชาป้องกันนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ตระกูลลี่และตระกูลหลินไม่สมควรที่จะมี แม้กระทั่งตระกูลใหญ่ของเมืองประจำมณฑลก็ไม่ควรมี ไม่สิกล่าวได้ว่าต่อให้เป็นตระกูลของผู้ว่าการมณฑลก็ไม่สมควรจะมีวิชานี้ด้วยซ้ำ

ดังนั้นเขาจึงสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า ต้วนหลิงเทียนไปได้วิชาย้ายดารานี้มาจากที่ไหนกันแน่

"เจ้าเข้าใจผิดแล้ว วิชาป้องกันของข้าหาใช่วิชาย้ายดาราของเจ้าไม่ มันแค่คล้ายกันเฉยๆ วิชาป้องกันของข้ามีชื่อเรียกว่า พลังเคลื่อนย้ายจักรวาล"

ต่อมาหลิงเทียนก็อธิบายแนวทางและเบื้องลึกการทำงานของวิชาพลังเคลื่อนย้ายจักรวาลให้เซี่ยวหยูฟัง

"อืม...แนวทางมันแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ทว่ากลับบรรลุถึงเป้าหมายเดียวกัน อีกทั้งวิชานี้ของเจ้า ยังเสริมพลังโจมตีลงไปได้อีก นับว่าเหนือกว่าของข้ามากนัก"

เซี่ยวหยูอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

ส่วนทางด้านเมิ่งฉวนนั้น เขาก็ได้ไปเลือกไม้พลองออกมาจากชั้นวางอาวุธและเข้าโรมรันกับนักโทษเดนตายทั้ง 10 คนด้วยวิชาพลองพันเงาอย่างดุเดือด

ปัง!!

การฟาดพลองแต่ละครั้งต้องมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 กระเด็นออกไป

ทว่าทันใดนั้นเองเหตุการณ์แปลกประหลาดพลันบังเกิดขึ้น

เมื่อ 1 ในนักโทษเดนตายที่ปะทะกับเมิงฉวนอย่างดุเดือด พลันโถมไปกอดพลองของเมิ่งฉวนเอาไว้อย่างไม่คิดชีวิต ทำให้เมิ่งฉวนไม่สามารถขยับพลองได้ตามใจชอบ อีกทั้งมันยังตะโกนออกมาดังลั่นว่า

“ไม่ต้องห่วงชีวิตของข้า รีบฆ่ามันเสีย ฟาดมันให้ตกตายพร้อมข้าได้เลย!”

นักโทษคนนั้นกอดพลองไว้ด้วยการแลกชีวิต มันกล่าวกับสหายของมันพร้อมทั้งรอยยิ้มเปื้อนเลือด

เหล่านักโทษอีก 8 คนล้วนพุ่งเข้ามาฟาดเมิ่งฉวนทั้งน้ำตานองหน้า พวกมันราวกับขาดสติหมายฟาดเมิ่งฉวนที่ไม่สามารถใช้อาวุธได้ในตอนนี้ให้ตกตาย

"เมิ่งฉวน!"

ใบหน้าของหลิงเทียนแปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว

"ย๊ากกก!"

เมื่อเมิ่งฉวนได้สติมันก็กู่คำรามออกมา มันยกไม้พลองที่มีนักโทษคนหนึ่งกอดไว้ขึ้นมาด้วยพละกำลังมหาศาล ก่อนที่จะเหวี่ยงไปขวางการโจมตีที่ใกล้ถึงตัวมันที่สุดด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด

ผัวะ!!

สองชีวิตดับสิ้นลงภายใต้การฟาดพลองเพียงครั้ง

ต้วนหลิงเทียนค่อยระบายลมหายใจโล่งอกออกมาเมื่อเห็นภาพนี้

ในที่สุดแล้วเมิ่งฉวนก็ผ่านการทดสอบไปด้วยความยากลำบาก...

ต้วนหลิงเทียนมองไปยังเมิ่งฉวนที่กำลังซึมกะทืออยู่และถามขึ้นมาว่า "เฮ่ เมิ่งฉวน เจ้าก็ผ่านการทดสอบแล้วเหตุใดเจ้าถึงดูไม่มีความสุขเช่นนี้เล่า?"

"ต้วนหลิงเทียน เจ้าบอกข้าที การที่ข้าสังหารเหล่านักโทษพวกนั้นมันสมควรแล้วหรือ? พวกมันยินดีตกตายเพื่อรั้งอาวุธของข้าเอาไว้ เพื่อให้สหายของมันมีโอกาสได้รับอิสรภาพ มัน...เพื่อสหายแล้วมันสละชีวิตได้อย่างไม่เสียดาย เลย ... "

เมิ่งฉวนพลันถอนหายใจออกมาด้วยแววตาซับซ้อน

"ข้ายอมรับนะว่า นักโทษคนนั้นช่างน่าชื่นชมไม่น้อย"

เซี่ยวหยูพยักหน้าออกมา

"เอาน่า จะอย่างไรเจ้าก็จำเป็นต้องสังหารเขาเพื่อรักษาชีวิตของเจ้าเอง มันเป็นเพียงการป้องกันตัวเท่านั้น ... ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดใดๆ เพราะหากเจ้าไม่ทำป่านนี้เจ้าคงไม่ได้มายืนซึมเช่นนี้หรอก"

ต้วนหลิงเทียนตบไหล่ของเมิ่งฉวนเบาๆเป็นการปลอบโยนเขา

การทดสอบเข้าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะยังดำเนินต่อไปอย่างร้อนแรง ...

การทดสอบต่อมาแม้จะมีอัจฉริยะถูกฆ่าบ้างแต่ก็นับว่าน้อยลงกว่าช่วงแรกๆมากมายนัก

ตอนนี้อาจจะกล่าวได้ว่าเหล่าเยาวชนอัจฉริยะทั้งหลายเริ่มชินกับจิตสังหารรวมทั้งรังสีฆ่าฟันและแรงกดดันต่างๆขึ้นมากแล้ว

พวกเขาหาได้มีปัญหาเรื่องการถูกข่มด้วยจิตสังหารอีกต่อไปเมื่อขึ้นไปอยู่บนเวทีประลอง

"หมายเลข 163!"

เยาวชนที่ขึ้นไปบนเวทีครานี้มีอายุราวๆ 18 ปี นับเป็นชายร่างกายสมส่วนสวมใส่ชุดคลุมสีแดงสด ในมือข้างหนึ่งถือกระบี่เล่มหนึ่งเอาไว้อย่างมั่นคง

และช่วงเวลาที่เริ่มโจมตีของเขานั้นก็สะกดทุกสายตาให้หันมาสนใจเขาทันที

เพราะเหนือศีรษะของเขาบังเกิดภาพเงาร่างช้างแมมมอธโบราณถึง 6 ตัว ...

เห็นได้ชัดว่ามือกระบี่ชุดแดงผู้นี้ก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4 เช่นกัน!

และหากจะนับรวมทั้งหมด ตอนนี้เขาก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4 คนที่ 3 ที่ได้ปรากฏตัวในการทดสอบเข้าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะครั้งนี้

นักโทษเดนตาย 10 คนเมื่อขึ้นเวทีประลอง พวกมันก็ไม่ทันได้เตรียมตัวและกระจายวงล้อมอะไรทั้งสิ้น เพราะเมื่อได้รับสัญญาณการเริ่มต้นการประลอง ชายชุดแดงก็พุ่งร่างออกไปด้วยความรวดเร็ว ...

ฟึ่บ!

เพียงแค่พริบตาเดียวเงาร่างสีแดงก็พุ่งผ่านเหล่านักโทษเดนตายไปโดยที่หามีผู้ใดได้ทันตั้งตัว

เสียงตวัดกระบี่พลันดังขึ้นถี่ยิบเป็นจังหวะใกล้เคียงกันอย่างยิ่ง

แกร่ก!

เสียงเก็บกระบี่ดังขึ้น

และตอนนี้ร่างของชายชุดแดงนั้นอยู่ด้านหลังของนักโทษเดนตายทั้งหมด

ตุบ ตุบ ตุบ ๆ ๆๆ

...

นักโทษเดนตายทั้งสิบคนเมื่อครู่ พลันล้มลงกลายเป็นร่างที่เคยมีชีวิตอย่างพร้อมเพรียงกัน

หยาดโลหิตที่ร้อนระอุพลันไหลออกมาจากซากศพ ก่อนที่จะรวมตัวกันกลายเป็นแอ่งโลหิตแอ่งหนึ่ง ...

"ยอดเยี่ยม!"

เมื่อเห็นภาพนี้อดไม่ได้ที่รองแม่ทัพเฉียวชิงจ่างจะตะโกนส่งเสียงชื่นชมออกมา ประกายตาของเขาเรืองวูบขึ้นมาก่อนที่จะให้ความสนใจแก่เยาวชนที่ยืนอยู่บนเวทีประลอง เพราะตอนนี้เขาบังเกิดความสนใจในตัวชายหนุ่มผู้นี้ "เจ้ามีนามว่ากระไร?"

"ซูหลี่"

ชายหนุ่มในชุดแดงกล่าวตอบเฉียวชิงจ่างอย่างสุภาพ

และก็เป็นไปตามคาด เมื่อเยาวชนทั้งหลายได้เห็นฝีมืออันเลิศล้ำพวกมันก็ต่างระเบิดคำสนทนาออกมา

"บัดซบ กลับมีตัวประหลาดเพิ่มขึ้นอีกตัวแล้ว ซูหลี่เช่นนั้นรึ! ข้ายังไม่ทันมองเห็นด้วยซ้ำว่ามันเคลื่อนไหวอย่างไร นักโทษเหล่านั้นก็ตกตายกันหมดแล้ว"

"ช่างน่ากลัวนัก ข้าไม่เห็นแม้แต่เงากระบี่ของเขาด้วยซ้ำ"

"ข้าคิดว่าเขาดูแข็งแกร่งและน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าต้วนหลิงเทียนและหยูเซี่ยงเสียอีก ... "

"ข้าก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน"

...

เมื่อได้ยินบทสนทนารอบๆ ใบหน้าของหยูเซี่ยงยิ่งบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ

สายตาของเขาได้แต่จับจ้องไปยังร่างชุดแดงนั้นด้วยความไม่พอใจ

แต่ถึงแม้เขาจะไม่เต็มใจยอมรับสักเท่าไร แต่ความแข็งแกร่งของซูหลี่นั่นก็เหนือล้ำกว่าเขาจริงๆ

ไม่สิ ... ไม่เพียง แต่เหนือล้ำกว่าเขาเท่านั้น

เขากล้ากล่าวได้เต็มปากโดยไม่ต้องโกหกเลยว่า ชายหนุ่มชุดแดงคนนี้หากให้เทียบกับถานรุ่ย ที่เป็นอันดับ 1 แห่งเมืองประจำมณฑลผานางแอ่นเหิน ก็ยังนับว่ามันแข็งแกร่งยิ่งกว่าถานรุ่ยผู้นั้นเสียอีก

"ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอตัวประหลาด ในหมู่อัจฉริยะที่เข้าร่วมการทดสอบเข้าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะเช่นนี้อีกคนแล้ว" เมิ่งฉวนกล่าวออกมาด้วยเสียงครางต่ำ

"เป็นกระบี่ที่ว่องไวนัก!"

ท่าทางของเซี่ยวหยูเริ่มตึงเครียด

"ซูหลี่งั้นรึ"

ในขณะที่หลิงเทียนเพียงหรี่ตามองไปยังชายหนุ่มชุดแดงคนนั้นก่อนที่จะกระพริบตา

เขาลองจินตนาการ วิชาท่ารางและกระบวนท่าของซูหลี่ที่แสดงออกมาเมื่อครู่กับตัวเขาดู ...

มันบ่งบอกว่าวิชาท่าร่างของซูหลี่เองก็เป็นวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นสูง และมีความสำเร็จในขั้นตอนแก่นแท้ไปแล้ว

หากเขาต้องเผชิญหน้ากับซูหลี่จริงๆล่ะก็ เขาคงไม่อาจปิดบังความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้ได้ มีแต่ต้องทุ่มความแข็งแกร่งที่เทียบเท่าระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 5 ออกมาเท่านั้น ไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงต้องพ่ายแพ้ให้แก่ซูหลี่

รีวิวผู้อ่าน