คำตอบก็คือไม่
ต้วนหลิงเทียนเพียงยืนนิ่งสงบไม่ไหวติงดั่งภูผา
พลังเคลื่อนย้ายจักรวาล!
ทันใดนั้นเองพลังงานต้นกำเนิดของหลิงเทียนก็แปรเปลี่ยนเป็นเกราะพลังงานต้นกำเนิดสีเงิน ครอบคลุมไปทั่วร่างกายอย่างเข้มแข็ง ทั่วทั้งร่างกายของหลิงเทียนพลันเรืองแสงจางๆออกมา
ปัง!!
นักโทษระดับก่อกำเนิดขั้นแรกคนหนึ่งซัดการโจมตีที่เต็มไปด้วยพลังทั้งหมดของช้างแมมมอธโบราณ 2 ตัวไปที่หลิงเทียน และเมื่อกำปั้นที่อัดแน่นไปด้วยพลังงานต้นกำเนิดของมันกระทบถูกตัวหลิงเทียนนั้น
แคร่กกก!
เสียงกระดูกแตกหักพลันบังเกิดขึ้น
"อ๊าคคคคคคค!"
นักโทษคนนั้นพลันส่งเสียงร้องออกมาก่อนที่จะใช้มืออีกข้างกุมแขนข้างที่ใช้จู่โจมหลิงเทียนเมื่อครู่ ยามนี้แขนข้างนั้นห้อยตกลงราวกับไร้กระดูก มันได้แต่กลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความเจ็บปวด
และพริบตาเดียวกันนั้นการโจมตีของนักโทษเดนตายอีก 3 คนก็พลันบรรลุถึงตัวหลิงเทียน
และพวกมันล้วนพบจุดจบเดียวกันกับนักโทษคนแรกที่จู่โจมหลิงเทียนอย่างไร้ขอยกเว้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักโทษที่มีระดับบ่มเพาะก่อกำเนิดขั้นที่ 2 มันได้ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมด จู่โจมมาเต็มกำลังด้วยพลังของช้างแมมมอธโบราณ 3 ตัว ทั้งยังเป็นการจู่โจมที่ใช้ฝ่ามือรวมศูนย์อีกด้วย ...
เป็นผลให้วิความแรงในการสะท้อนกลับการจู่โจมด้วยพลังเคลื่อนย้ายจักรวาลครานี้น่าหวาดกลัวนัก แขนของมันที่ใช้วิชาจู่โจมมาถึงกับแตกระเบิดออก ก่อนที่ตัวมันจะลอยกระเด็นไปไกลอย่างหมดสภาพ
"ย้ายดารา?"
ใบหน้าของรองแม่ทัพเฉียวชิงจ่างปรากฏความตกตะลึงขึ้นมา เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะนึกถึงวิชาป้องกันระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงที่มีความยากลำบากในการฝึกฝนอย่างมาก วิชานี้ขึ้นมาได้
ตอนนี้บริเวณรอบเวทีไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ
ฉากนี้นับว่าน่าตื่นใจยิ่งกว่ายามหยูเซี่ยงขึ้นไปบนเวทีเสียอีก
หยูเซี่ยงนั้นใช้วิชาป้องกันของตนเองเพื่อป้องกันการโจมตีของศัตรู...
แต่ทว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้หาได้ทำเพียงป้องกันตัวเท่านั้น แต่วิชาป้องกันของเขายังมีความสามารถในการสะท้อนกลับพลังจู่โจมทั้งหมดของศัตรูอีกด้วย
"เป็นวิชาป้องกันตัวที่น่าหวาดกลัวอะไรเช่นนี้!"
"นั่นสิ วิชาป้องกันนี้ใยมิใช่แข็งแกร่งเกินไปหรอกหรือ"
ฝูงชนกำลังตกอยู่ในความวุ่นวาย อดไม่ได้ที่พวกเขาจะหันไปมองหลิงเทียนที่อยู่บนเวทีด้วยความยอมรับนับถือ พวกมันล้วนยอมรับว่าไม่สามารถเทียบกับหลิงเทียนได้
แต่ทว่าก็มีเยาวชนส่วนน้อยที่คิดประลองวัดฝีมือกับหลิงเทียนสักครา
"ฮึ่ม!"
หยูเซี่ยงตอนนี้กำลังมีโทสะอย่างมาก ความโดดเด่นยามขึ้นเวทีของมัน กลับถูกต้วนหลิงเทียนกลบจนมิดไม่มีเหลือ ทำให้แววตาของมันตอนนี้เต็มไปด้วยจิตสังหารมากกว่าตอนแรกเสียอีก
หลังจากหลิงเทียนผ่านการทดสอบ เขาก็ค่อยๆเดินกลับมายังที่ๆเขายืนอยู่ตอนแรก
ส่วนเหล่านักโทษทั้งหมดล้วนตกตายลงไปหมดเสียสิ้น...น่าประหลาดใจตรงที่พวกมันที่เหลือตกตายตอนไหนกลับไม่มีใครทราบ เพราะทุกคนมัวแต่ตกตะลึงกับวิชาป้องกันของหลิงเทียนอยู่
คงเป็นช่วงที่พวกมันถูกสะท้อนพลังโจมตี หลิงเทียนพลันอาศัยจังหวะเสี้ยวพริบตาสังหารพวกมันกระมัง
"หมายเลข 138!"
หลังจากต้วนหลิงเทียนแล้วคนต่อไปก็คือเซี่ยวหยู
เซี่ยวหยูและต้วนหลิงเทียนก็ได้เดินสวนกันคนหนึ่งกลับอีกคนหนึ่งกำลังไปขึ้นเวที เซี่ยวหยูพลันส่งรอยยิ้มให้แก่หลิงเทียนก่อนที่จะขึ้นเวทีประลองไป ...
จากที่เขาสังเกตนั้นวิชาป้องกันที่หลิงเทียนใช้เมื่อครู่ต้องเป็นวิชาย้ายดาราของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะรูปแบบของมันเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน
เขาค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อยว่าหลิงเทียนไปเรียนรู้วิชาย้ายดารานี้มาได้อย่างไร
และนอกจากนี้ดูเหมือนหลิงเทียนจะฝึกฝนมันจนมีความสำเร็จในขั้นตอนแก่นแท้แล้วด้วย
"ต้วนหลิงเทียน เจ้าใช้วิชาย้ายดาราได้ด้วยอย่างนั้นหรือ?" เมิ่งฉวนกล่าวถามออกมาด้วยความตกตะลึง
เพราะครึ่งปีก่อนยามที่เขาสู้กับเซี่ยวหยูนั้น เขาก็ต้องพลาดท่าและบาดเจ็บกับวิชาย้ายดารานี้นั่นเอง เขาจึงจดจำมันได้อย่างแม่นยำ
ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าและกล่าวว่า "เมิ่งฉวน วิชาที่ข้าใช้นั้น หาใช่วิชาย้ายดาราไม่ ลักษณะเฉพาะของวิชาที่ข้าใช้แตกต่างจากวิชาย้ายดาราเล็กน้อย"
"อ้อ เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้าก็นึกสงสัยอยู่ตั้งนาน ว่าเจ้าเป็นคนของตระกูลลี่แล้วไปร่ำเรียนวิชาของตระกูลเซี่ยวได้อย่างไร"
เมิ่งฉวนพยักหน้า
สายตาของหลิงเทียนพลันมองลงไปยังเวทีประลอง
เซี่ยวหยูที่ยืนอยู่บนเวทีนั้น ด้วยท่าทางที่เย็นชาของเขากอปรกับการยืนสงบนิ่งราวกับภูเขา ทำให้ผู้อื่นรู้สึกว่าเขาเป็นตัวตนที่ไม่อาจแตะต้องได้
นักโทษเดนตายทั้ง 10 คนที่พึ่งขึ้นมาบนเวทีไม่รอช้าต่างแยกย้ายกันไปปิดล้อมเซี่ยวหยูทันที และพลันจู่โจมออกมาพร้อมเพรียงกัน
ย้ายดารา!
กำแพงพลังงานต้นกำเนิดบังเกิดมาเคลือบร่างของเซี่ยวหยูเอาไว้คล้ายคลึงกับหลิงเทียน
เหนือศีรษะของเขาปรากฏงาร่างช้างแมมมอธโบราณออกมา 4 ตัว!
วิชาท่าร่าง ประกายแสงไร้เงา!
เซี่ยวหยูพลันเคลื่อนร่างราวกับเส้นแสงไปปรากฏตรงหน้าของนักโทษที่มีระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2 ในเสี้ยวพริบตา
อีกทั้งเขายังเริ่มสะบัดข้อมือใช้ที่เต็มไปด้วยพลังงานต้นกำเนิดจู่โจมออกไปทันที
ฝ่ามือเอกะ!
แขนของเขาสะบัดออกมาจู่โจม พร้อมทั้งถ่ายเทพลังงานต้นกำเนิดไปควบแน่นที่แขนเสื้อ ส่งมันปลิวสะบัดซัดฟาดไปยังนักโทษคนนั้น ทว่านักโทษผู้นั้นก็หาได้อ่อนด้อยไม่ มันรีบซัดกำปั้นสวนออกมาปะทะทันที
ทว่าในชั่วพริบตาที่ปะทะ นักโทษคนนั้นพลันรู้สึกว่าฝ่ามือของเซี่ยวหยู ช่างแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
นั่นเพราะเขารู้สึกว่ากำปั้นของเขานั้นชกอากาศหรือปุยฝ้ายอย่างไรอย่างนั้นหาได้มีแรงปะทะอะไรอย่างที่สมควรจะมีไม่
และในพริบตาต่อมาเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังงานต้นกำเนิดที่เกรี้ยวกราดกำลังถ่ายทอดมาสู่แขนของเขา อย่างน่าอัศจรรย์
แขนทั้งท่อนของนักโทษคนนั้นบิดเบี้ยวจนกระดูกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนที่เซี่ยวหยูจะสะบัดแขนอีกครั้งซัดมันปลิวกระเด็นไปราวว่าวสายป่านขาด
เพียงเสี้ยวพริบตานักโทษที่แข็งแกร่งที่สุดของฝ่ายศัตรูก็ถูกสยบลงอย่างง่ายดาย มันกลิ้งกระเด็นพร้อมร้องโอดโอยอยู่ไม่กี่รอบก่อนที่จะหมดลมหายใจตกตายไปอย่างน่าอนาถ ...
และเพียงไม่ถึงครึ่งลมหายใจต่อมาการจู่โจมของเหล่านักโทษเดนตายทั้ง 9 ก็บรรลุถึงตัวเซี่ยวหยูโดยพร้อมเพรียง พวกมันฉวยโอกาสเล่นงานเซี่ยวหยูได้เหมาะเจาะนัก
บางคนซัดฝ่ามือไปยังด้านหลังของเวี่ยวหยู บางคนซัดไปยังด้านข้าง
อย่างไรก็ตาม
"อ๊าค!"
...
เสียงกรีดร้องของเหล่านักโทษทั้ง 9 ล้วนดังขึ้นทีละคนตามลำดับการจู่โจม เนื่องจากพวกมันทุกคนถูกสะท้อนการโจมตีจนกระเด็นถอยออกไป
และเซี่ยวหยูเองก็ไม่คิดยืดเยื้อให้เสียเวลา เขาพลันจู่โจมศัตรูทีละคนโดยทีสีหน้าไม่เปลี่ยน เพื่อดับชีวิตของพวกมันจนหมด!
"หมายเลข 139!"
เมื่อเห็นเซี่ยวหยูสังหารศัตรูได้อย่างราบรื่น หัวหน้ากองพลันกล่าวขานหมายเลขถัดไปทันที
"เฮ่ เมิ่งฉวนโชคดีล่ะ"
เซี่ยวหยูพยักหน้าและกล่าวอวยพรให้กับเมิ่งฉวนยามที่เดินสวนกัน
"ไม่ต้องห่วงหน่า!"
เมิ่งฉวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ในขณะเดียวกันทางด้านเยาวชนที่อยู่รอบเวทีประลอง ทั้งหมดต่างก็สนทนากันอย่างอื้ออึง โดยที่เป้าสายตาของพวกเขาสลับกันระหว่างหลิงเทียนและเซี่ยวหยู
"หมายเลข 138 นั้นดูเหมือนว่าจะมาด้วยกันกับต้วนหลิงเทียน อีกทั้งวิชาป้องกันของพวกเขาทั้ง 2 ก็เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน!"
"ถูกต้อง ข้าล่ะสงสัยจริงๆว่าเป็นวิชาป้องกันที่มีนามเลิศล้ำว่ากระไร เพียงแค่เร่งเร้าพลังงานต้นกำเนิดแผ่ออกมาปกคลุม ก็สะท้อนการโจมตีของคู่ต่อสู้ราวกับกระจกเงาเช่นนี้”
"วิชาป้องกันระดับนี้ มองไปทั่วทั้งอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้เองก็ยังหาดูชมได้ยากนัก!"
ตอนนี้เหล่าเยาวชนต่างจับจ้องไปยังหลิงเทียนและเซี่ยวหยูด้วยแววตาอิจฉา
"เฮ่ ต้วนหลิงเทียน เจ้ารู้จักวิชาย้ายดาราได้อย่างไรหรือ?"
เซี่ยวหยูนั้นอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามหลิงเทียนออกมาให้หายสงสัย
ย้ายดาราเป็นวิชาป้องกันที่มีคุณภาพและคุณค่าสูงมาก แม้แต่ตระกูลเซี่ยวเองก็ต้องคัดเลือกผู้ที่จะสืบทอดวิชานี้กันอย่างเคร่งครัด เพราะมันเป็นวิชาที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ
วิชาป้องกันนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ตระกูลลี่และตระกูลหลินไม่สมควรที่จะมี แม้กระทั่งตระกูลใหญ่ของเมืองประจำมณฑลก็ไม่ควรมี ไม่สิกล่าวได้ว่าต่อให้เป็นตระกูลของผู้ว่าการมณฑลก็ไม่สมควรจะมีวิชานี้ด้วยซ้ำ
ดังนั้นเขาจึงสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า ต้วนหลิงเทียนไปได้วิชาย้ายดารานี้มาจากที่ไหนกันแน่
"เจ้าเข้าใจผิดแล้ว วิชาป้องกันของข้าหาใช่วิชาย้ายดาราของเจ้าไม่ มันแค่คล้ายกันเฉยๆ วิชาป้องกันของข้ามีชื่อเรียกว่า พลังเคลื่อนย้ายจักรวาล"
ต่อมาหลิงเทียนก็อธิบายแนวทางและเบื้องลึกการทำงานของวิชาพลังเคลื่อนย้ายจักรวาลให้เซี่ยวหยูฟัง
"อืม...แนวทางมันแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ทว่ากลับบรรลุถึงเป้าหมายเดียวกัน อีกทั้งวิชานี้ของเจ้า ยังเสริมพลังโจมตีลงไปได้อีก นับว่าเหนือกว่าของข้ามากนัก"
เซี่ยวหยูอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ส่วนทางด้านเมิ่งฉวนนั้น เขาก็ได้ไปเลือกไม้พลองออกมาจากชั้นวางอาวุธและเข้าโรมรันกับนักโทษเดนตายทั้ง 10 คนด้วยวิชาพลองพันเงาอย่างดุเดือด
การฟาดพลองแต่ละครั้งต้องมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 กระเด็นออกไป
ทว่าทันใดนั้นเองเหตุการณ์แปลกประหลาดพลันบังเกิดขึ้น
เมื่อ 1 ในนักโทษเดนตายที่ปะทะกับเมิงฉวนอย่างดุเดือด พลันโถมไปกอดพลองของเมิ่งฉวนเอาไว้อย่างไม่คิดชีวิต ทำให้เมิ่งฉวนไม่สามารถขยับพลองได้ตามใจชอบ อีกทั้งมันยังตะโกนออกมาดังลั่นว่า
“ไม่ต้องห่วงชีวิตของข้า รีบฆ่ามันเสีย ฟาดมันให้ตกตายพร้อมข้าได้เลย!”
นักโทษคนนั้นกอดพลองไว้ด้วยการแลกชีวิต มันกล่าวกับสหายของมันพร้อมทั้งรอยยิ้มเปื้อนเลือด
เหล่านักโทษอีก 8 คนล้วนพุ่งเข้ามาฟาดเมิ่งฉวนทั้งน้ำตานองหน้า พวกมันราวกับขาดสติหมายฟาดเมิ่งฉวนที่ไม่สามารถใช้อาวุธได้ในตอนนี้ให้ตกตาย
"เมิ่งฉวน!"
ใบหน้าของหลิงเทียนแปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว
"ย๊ากกก!"
เมื่อเมิ่งฉวนได้สติมันก็กู่คำรามออกมา มันยกไม้พลองที่มีนักโทษคนหนึ่งกอดไว้ขึ้นมาด้วยพละกำลังมหาศาล ก่อนที่จะเหวี่ยงไปขวางการโจมตีที่ใกล้ถึงตัวมันที่สุดด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด
ผัวะ!!
สองชีวิตดับสิ้นลงภายใต้การฟาดพลองเพียงครั้ง
ต้วนหลิงเทียนค่อยระบายลมหายใจโล่งอกออกมาเมื่อเห็นภาพนี้
ในที่สุดแล้วเมิ่งฉวนก็ผ่านการทดสอบไปด้วยความยากลำบาก...
ต้วนหลิงเทียนมองไปยังเมิ่งฉวนที่กำลังซึมกะทืออยู่และถามขึ้นมาว่า "เฮ่ เมิ่งฉวน เจ้าก็ผ่านการทดสอบแล้วเหตุใดเจ้าถึงดูไม่มีความสุขเช่นนี้เล่า?"
"ต้วนหลิงเทียน เจ้าบอกข้าที การที่ข้าสังหารเหล่านักโทษพวกนั้นมันสมควรแล้วหรือ? พวกมันยินดีตกตายเพื่อรั้งอาวุธของข้าเอาไว้ เพื่อให้สหายของมันมีโอกาสได้รับอิสรภาพ มัน...เพื่อสหายแล้วมันสละชีวิตได้อย่างไม่เสียดาย เลย ... "
เมิ่งฉวนพลันถอนหายใจออกมาด้วยแววตาซับซ้อน
"ข้ายอมรับนะว่า นักโทษคนนั้นช่างน่าชื่นชมไม่น้อย"
เซี่ยวหยูพยักหน้าออกมา
"เอาน่า จะอย่างไรเจ้าก็จำเป็นต้องสังหารเขาเพื่อรักษาชีวิตของเจ้าเอง มันเป็นเพียงการป้องกันตัวเท่านั้น ... ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดใดๆ เพราะหากเจ้าไม่ทำป่านนี้เจ้าคงไม่ได้มายืนซึมเช่นนี้หรอก"
ต้วนหลิงเทียนตบไหล่ของเมิ่งฉวนเบาๆเป็นการปลอบโยนเขา
การทดสอบเข้าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะยังดำเนินต่อไปอย่างร้อนแรง ...
การทดสอบต่อมาแม้จะมีอัจฉริยะถูกฆ่าบ้างแต่ก็นับว่าน้อยลงกว่าช่วงแรกๆมากมายนัก
ตอนนี้อาจจะกล่าวได้ว่าเหล่าเยาวชนอัจฉริยะทั้งหลายเริ่มชินกับจิตสังหารรวมทั้งรังสีฆ่าฟันและแรงกดดันต่างๆขึ้นมากแล้ว
พวกเขาหาได้มีปัญหาเรื่องการถูกข่มด้วยจิตสังหารอีกต่อไปเมื่อขึ้นไปอยู่บนเวทีประลอง
"หมายเลข 163!"
เยาวชนที่ขึ้นไปบนเวทีครานี้มีอายุราวๆ 18 ปี นับเป็นชายร่างกายสมส่วนสวมใส่ชุดคลุมสีแดงสด ในมือข้างหนึ่งถือกระบี่เล่มหนึ่งเอาไว้อย่างมั่นคง
และช่วงเวลาที่เริ่มโจมตีของเขานั้นก็สะกดทุกสายตาให้หันมาสนใจเขาทันที
เพราะเหนือศีรษะของเขาบังเกิดภาพเงาร่างช้างแมมมอธโบราณถึง 6 ตัว ...
เห็นได้ชัดว่ามือกระบี่ชุดแดงผู้นี้ก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4 เช่นกัน!
และหากจะนับรวมทั้งหมด ตอนนี้เขาก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4 คนที่ 3 ที่ได้ปรากฏตัวในการทดสอบเข้าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะครั้งนี้
นักโทษเดนตาย 10 คนเมื่อขึ้นเวทีประลอง พวกมันก็ไม่ทันได้เตรียมตัวและกระจายวงล้อมอะไรทั้งสิ้น เพราะเมื่อได้รับสัญญาณการเริ่มต้นการประลอง ชายชุดแดงก็พุ่งร่างออกไปด้วยความรวดเร็ว ...
ฟึ่บ!
เพียงแค่พริบตาเดียวเงาร่างสีแดงก็พุ่งผ่านเหล่านักโทษเดนตายไปโดยที่หามีผู้ใดได้ทันตั้งตัว
เสียงตวัดกระบี่พลันดังขึ้นถี่ยิบเป็นจังหวะใกล้เคียงกันอย่างยิ่ง
แกร่ก!
เสียงเก็บกระบี่ดังขึ้น
และตอนนี้ร่างของชายชุดแดงนั้นอยู่ด้านหลังของนักโทษเดนตายทั้งหมด
ตุบ ตุบ ตุบ ๆ ๆๆ
นักโทษเดนตายทั้งสิบคนเมื่อครู่ พลันล้มลงกลายเป็นร่างที่เคยมีชีวิตอย่างพร้อมเพรียงกัน
หยาดโลหิตที่ร้อนระอุพลันไหลออกมาจากซากศพ ก่อนที่จะรวมตัวกันกลายเป็นแอ่งโลหิตแอ่งหนึ่ง ...
"ยอดเยี่ยม!"
เมื่อเห็นภาพนี้อดไม่ได้ที่รองแม่ทัพเฉียวชิงจ่างจะตะโกนส่งเสียงชื่นชมออกมา ประกายตาของเขาเรืองวูบขึ้นมาก่อนที่จะให้ความสนใจแก่เยาวชนที่ยืนอยู่บนเวทีประลอง เพราะตอนนี้เขาบังเกิดความสนใจในตัวชายหนุ่มผู้นี้ "เจ้ามีนามว่ากระไร?"
"ซูหลี่"
ชายหนุ่มในชุดแดงกล่าวตอบเฉียวชิงจ่างอย่างสุภาพ
และก็เป็นไปตามคาด เมื่อเยาวชนทั้งหลายได้เห็นฝีมืออันเลิศล้ำพวกมันก็ต่างระเบิดคำสนทนาออกมา
"บัดซบ กลับมีตัวประหลาดเพิ่มขึ้นอีกตัวแล้ว ซูหลี่เช่นนั้นรึ! ข้ายังไม่ทันมองเห็นด้วยซ้ำว่ามันเคลื่อนไหวอย่างไร นักโทษเหล่านั้นก็ตกตายกันหมดแล้ว"
"ช่างน่ากลัวนัก ข้าไม่เห็นแม้แต่เงากระบี่ของเขาด้วยซ้ำ"
"ข้าคิดว่าเขาดูแข็งแกร่งและน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าต้วนหลิงเทียนและหยูเซี่ยงเสียอีก ... "
"ข้าก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน"
เมื่อได้ยินบทสนทนารอบๆ ใบหน้าของหยูเซี่ยงยิ่งบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ
สายตาของเขาได้แต่จับจ้องไปยังร่างชุดแดงนั้นด้วยความไม่พอใจ
แต่ถึงแม้เขาจะไม่เต็มใจยอมรับสักเท่าไร แต่ความแข็งแกร่งของซูหลี่นั่นก็เหนือล้ำกว่าเขาจริงๆ
ไม่สิ ... ไม่เพียง แต่เหนือล้ำกว่าเขาเท่านั้น
เขากล้ากล่าวได้เต็มปากโดยไม่ต้องโกหกเลยว่า ชายหนุ่มชุดแดงคนนี้หากให้เทียบกับถานรุ่ย ที่เป็นอันดับ 1 แห่งเมืองประจำมณฑลผานางแอ่นเหิน ก็ยังนับว่ามันแข็งแกร่งยิ่งกว่าถานรุ่ยผู้นั้นเสียอีก
"ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอตัวประหลาด ในหมู่อัจฉริยะที่เข้าร่วมการทดสอบเข้าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะเช่นนี้อีกคนแล้ว" เมิ่งฉวนกล่าวออกมาด้วยเสียงครางต่ำ
"เป็นกระบี่ที่ว่องไวนัก!"
ท่าทางของเซี่ยวหยูเริ่มตึงเครียด
"ซูหลี่งั้นรึ"
ในขณะที่หลิงเทียนเพียงหรี่ตามองไปยังชายหนุ่มชุดแดงคนนั้นก่อนที่จะกระพริบตา
เขาลองจินตนาการ วิชาท่ารางและกระบวนท่าของซูหลี่ที่แสดงออกมาเมื่อครู่กับตัวเขาดู ...
มันบ่งบอกว่าวิชาท่าร่างของซูหลี่เองก็เป็นวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นสูง และมีความสำเร็จในขั้นตอนแก่นแท้ไปแล้ว
หากเขาต้องเผชิญหน้ากับซูหลี่จริงๆล่ะก็ เขาคงไม่อาจปิดบังความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้ได้ มีแต่ต้องทุ่มความแข็งแกร่งที่เทียบเท่าระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 5 ออกมาเท่านั้น ไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงต้องพ่ายแพ้ให้แก่ซูหลี่
รีวิวของคุณ
คุณจะให้ดาวนิยายเรื่องนี้หรือไม่