px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
ตอนที่ 253 : ไอ้บัดซบนี่...มันต้องตาย!


บทที่ 253 : ไอบัดซบนี่...มันต้องตาย!

พริบตาที่ชายชราถูกสะบั้นหัวหลุดออกจากบ่า ม่านตาของชายวัยกลางคนและชายชราอีกหนึ่งคนด้านหลัง พลันหดแคบลงทันที สีหน้าของพวกมันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมา ราวกับถูกผู้คนบีบคอเอาไว้ แลดูอึดอัดไม่ต่างจากคนหายใจไม่ออก

ในในเวลาเดียวกันนั้นพวกมันก็บังเกิดความตื่นตระหนกจนสองตาแทบจะถลน เพราะยามนี้พวกมันเห็นร่างที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงมาปรากฏตรงหน้า

แล้วหัวใจที่แทบจะหยุดเต้นของพวกมัน ก็ได้หยุดเต้นลงอย่างสมบูรณ์

ฟั่บบ!

ฉงเฉวียนสะบัดมือด้วยความเร็วสูง กระบี่ตวัดฝ่าอากาศส่องประกายเรืองวูบด้วยแสงสีเขียวสง่างาม ซ้ำตัวกระบี่ยังเคลือบไปด้วยพลังงานลึกลับน่าสะพรึงบางอย่าง

มันคือพลังกระบี่ขั้นสูง!

ทันใดนั้นกระบี่ก็ตวัดวูบด้วยความเร็วและพลังอันน่าเกรงขาม

ชายวัยกลางคนและชายชรายังคงยืนนิ่งไม่ทันได้ขยับเขยื้อนตอบโต้อะไร ในดวงตาของมันมีเพียงความประหลาดใจเท่านั้น และสุดท้ายพวกมันก็ไม่อาจมองเห็นสิ่งไดอีก เพราะลมหายใจสุดท้ายได้หลุดลอยไปเสียแล้ว

เหลือเพียงนัยน์ตาที่เบิกกว้างอย่างไม่ยินยอม ราวกับพวกมันบังเกิดความเสียใจอย่างสุดซึ้ง

บางทีแม้แต่ในฝันพวกมันยังคงคิดไม่ถึง ว่าจะมีตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ติดตามอยู่ด้านข้างของชายหนุ่มชุดสีม่วง

"ระ ... . ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 2!" ร่างของหม่าฉินที่ซ่อนตัวห่างจากที่เกิดเหตุเริ่มสั่นระริก สีหน้าของมันกลับกลายเป็นซีดเผือด เมื่อมองไปยังเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 3,000 ตัวที่ผุดขึ้นมากลางอากาศ ยามนี้สองตาของมันฉายชัดออกมาถึงความหวาดกลัวและสิ้นหวังเสียใจอย่างถึงขีดสุด

มันไม่คิดเลยว่าผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งก้าวธรรมชาติทั้ง 3 คนจะตกตายได้ง่ายดายในพริบตาเช่นนี้

และสิ่งที่มันไม่มีวันคาดคิดได้เลยก็คือ ผู้ติดตามของชายหนุ่มชุดสีม่วงจะเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ ซ้ำยังเป็นระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 2 เช่นนี้

ยามนี้ในหัวใจของมันเต็มไปด้วยคำว่าเสียใจ

มันไม่ควรบังเกิดความละโมบ!

ยามนี้เงิน 10,000,000 เหรียญทองที่ใฝ่ฝันได้หลุดลอยไปแล้ว อีกทั้งตัวมันยังได้ล่วงเกินชายหนุ่มชุดสีม่วงที่มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 2 เป็นผู้ติดตามเช่นนี้อีก

"ข้าหวังว่าเขาคงไม่สืบสาวเอาเรื่องอันใดต่อ ... " ถึงแม้ว่าความเป็นไปได้นี้มันแทบจะไม่มี แต่ในใจของหม่าฉินก็อดไม่ได้ที่จะภาวนาให้เรื่องราวมันง่ายดายดั่งใจฝัน

หม่าฉินที่มีท่าทางกระวนกระวายและหวาดกลัว ได้พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเตรียมที่จะหลบหนีออกจากที่ตรงนี้อย่างเงียบๆ

ฟุ่บ!

อย่างไรก็ตามใบหน้าของหม่าฉินต้องซีดลงไปมากกว่าเดิม เมื่อมันเห็นร่างชายคนหนึ่งมาปรากฏตัวขวางทางเอาไว้  มันทำได้เพียงเอ่ยปากออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน "ทะ ..ท่านผู้ยิงใหญ่... ."

ฉงเฉวียนมองหม่าฉินด้วยสายตาเย็นชาไม่แยแส และหาได้ใส่ใจอะไรกับมันสักนิด

มุมปากของต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้มเย้ยหยันออกมา ในขณะที่เขาก้าวอาดๆเดินมาหาหม่าฉิน ก่อนที่จะจ้องมองหม่าฉินด้วยสายตาไม่แยแส "ผู้ดูแลหม่า ก่อนที่จะแยกจากกัน...ข้าก็คิดว่าท่านทำหน้าที่ได้ดี... "

ตุบ!

หม่าฉินทำท่าราวกับมองเห็นปีศาจ เมื่อเห็นสายตาของต้วนหลิงเทียนที่มองมาราวกับไม่แยแสความเป็นตาย มันรีบก้มลงคุกเข่าทั้งๆตัวสั่นระริก "นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ เป็นข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรปากพล่อยบอกที่อยู่ของนายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ... ได้โปรดนายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ช่วยละเว้นข้าน้อยด้วยเถิด"

เหอะ!" ต้วนหลิงเทียนมองหม่าฉินด้วยสายตาเย็นชา ก่อนที่จะหันไปหาหญิงสาวทั้ง 2 พร้อมนำพาพวกนางเดินย้อนกลับไปยังโรงประมูลของตระกูลหม่า

"ฉงเฉวียน ลากตัวมันมา  วันนี้ข้าต้องการคำอธิบายของตระกูลหม่า!" น้ำเสียงเด็ดขาดของต้วนหลิงเทียนดังขึ้นกล่าวสั่งฉงเฉวียน และวาจานี้ทำให้สีหน้าหม่าฉินซีเผือดไร้สีเลือด

หากเรื่องนี้ถูกรายงานต่อตระกูลแล้วล่ะก็ มันสามารถจินตนาการถึงจุดจบตัวได้เป็นอย่างดี ...

สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับโรงประมูลก็คือ ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ

และยามนี้เพียงเพราะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว  มันได้กระทำการทำลายชื่อเสียงของโรงประมูลซ้ำยังนำพาหายนะไปสู่ตระกูลหม่า

ภายในโรงประมูลตระกูลหม่า ยามนี้แขกทุกคนก็ได้เดินทางกลับกันไปหมดแล้ว เหลือเพียงสมาชิกของตระกูลหม่าบางส่วนเท่านั้นที่ยังคงอยู่

ที่ด้านหลังของโรงประมูลภายในห้องนั่งเล่นห้องหนึ่ง มีร่างชาย 4 คนกำลังนั่งสนทนากันอยู่

"ตาแก่หู ในตอนที่เจ้าเห็นโอสถเร่งพลังกำเนิดที่มีความบริสุทธิ์ 91% เจ้าตกตะลึงมากใช่หรือไม่ ข้าเดาว่าป่านนี้เจ้าเองก็ยังคงรู้สึกตกตะลึงไม่หาย?" ชายชราคนหนึ่งที่สวมชุดสีแดงมองหูจวิ้นก่อนที่จะกล่าวออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ

"เรื่องนี้เจ้ายังต้องถามอีกรึ? โอสถเร่งพลังกำเนิดที่มีความบริสุทธิ์สูงถึง 91% เช่นนี้...อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าโชคของเจ้าหนุ่มนั่นนับว่าไม่เลวนัก ถึงกับได้รับโอสถเร่งพลังกำเนิดอันเลิศล้ำเช่นนี้ ซ้ำยังได้เงินจากการประมูลไปมากถึง 8,000,000 เหรียญทอง" ชายชราสวมชุดสีฟ้าทำได้เพียงพยักหน้า และแสดงความรู้สึกอิจฉาออกมาบนใบหน้า

"ช่างน่าเสียดายนักที่เราไม่อาจเก็บค่าธรรมเนียมในการบริการจากชายหนุ่มผู้นั้น... .อ่า ตั้ง 800,000 เหรียญทอง" ชายชราสุดสีเหลืองคนหนึ่งกล่าวออกมาพร้อมถอนหายใจ ใบหน้าของมันแสดงความเสียดายออกมาไม่น้อย

“การที่พวกเราสามารถนำโอสถเร่งพลังกำเนิดที่มีความบริสุทธิ์ 91% มาออกประมูลได้ ก็นับว่าสามารถเพิ่มพูนชื่อเสียงให้โรงประมูลตระกูลหม่าของเรามากมายแล้ว เจ้ายังจะกลัวไม่ได้รับเงินแค่เพียง 800,000 เหรียญทองอีกงั้นรึ " หูจวิ้นเหลือบมองชายชราชุดสีเหลืองด้วยความดูแคลน

"ไม่คิดเลยว่าโรงประมูลตระกูลหม่าของพวกเจ้า ยังจะมีหน้ากล่าวถึงเรื่องนี้กันได้อีก?" ทันใดนั้นเองพลันมีน้ำเสียงเย็นชาไม่แยแสเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้สีหน้าของหูจวิ้นและทุกคนเริ่มหมองคล้ำลงทันที

ปรากฏร่างต้วนหลิงเทียนก้าวเข้ามาในห้องอย่างองอาจ

“ที่แท้เป็นเจ้านั่นเอง!”  หูจวิ้นย่อมจดจำต้วนหลิงเทียนได้ เขาหันไปมองต้วนหลิงเทียน "เจ้าช่วยอธิบายได้หรือไม่ ว่าที่เจ้ากล่าวเมื่อครู่มีความหมายอันใด?"

"ตาแก่หู เขาเป็นใครรึ?" ชายชราอีก 3 คนที่เหลือบมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง  แน่นอนว่าพวกมันย่อมไม่พอใจกับคำกล่าวและน้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่

หูจวิ้นระบายลมหายใจออกมาอีกครั้งก่อนที่จะกล่าว  "เขาเป็นแขกของโรงประมูลที่นำโอสถเร่งพลังกำเนิดที่มีความบริสุทธิ์ 91% มาเข้าร่วมประมูล "

"หืม?" ทันใดนั้นเองชายชราทั้ง 3 ล้วนหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจ

"ที่ข้ากล่าวมีความหมายอันใดงั้นหรือ?" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังหูจวิ้นก่อนที่จะกล่าวถามออกมาอย่างไม่แยแส  "เช่นนั้นข้าขอทราบเจตนาและความต้องการของโรงประมูลเจ้าบ้างจะได้หรือไม่ ... ฉงเฉวียนลากตัไอ้บัดซบนั่นเข้ามา"

ฉงเฉวียนเองก็ก้าวเข้ามาอย่างองอาจ พร้อมหอบหิ้วร่างชายคนหนึ่งในมือมาด้วย

ชายวัยกลางที่ถูกหอบหิ้วมายามนี้สีหน้ามันซีดราวกับคนตาย มันทำได้เพียงมองไปยังชายชราในห้องด้วยสายตาหวาดกลัว ...

"ผู้ดูแล หม่าฉิน?" หูจวิ้นพลันขมวดคิ้วขึ้นมาเมื่อเห็นหม่าฉินในมือของฉงเฉวียน เขาหันไปมองต้วนหลิงเทียนพร้อมกล่าวออกมา ด้วยความขุ่นเคือง"แขกผู้เกียรติทำเช่นนี้ มันจะไม่มากเกินไปหน่อยหรือ?"

"ปล่อยตัวเขาเดี๋ยวนี้!" ชายชราที่สวมชุดสีแดงเห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของมันก็ร้อนแรงไม่แพ้สีชุด มันก้าวออกมาข้างหน้า และเริ่มลงมือหมายคว้าร่างหม่าฉินจากเงื้อมมือของฉงเฉวียน

เหนือศีรษะของมัน เงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 1,500 ตัวปรากฏขึ้น

มันเป็นผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งก้าวธรรมชาติคนหนึ่งเช่นกัน

"ฮึ่ม!" สายตาของฉงเฉวียนกลอกไปมองมันวูบหนึ่ง ทันใดนั้นความแข็งแกร่งระดับ 2,000 แมมมอธโบราณก็ปะทุออกมา ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังงานต้นกำเนิด ถูกตบฟาดออกไปราวปัดแมลงวัน ซัดใส่ชายชราชุดแดงอย่างรำคาญ

ปัง!!

ชายชราสวมชุดแดงถูกซัดจนร่างลอยละลิ่วดั่งลูกธนูพ้นคันศร มันลอยไปปะทะผนังอาคารอย่างจัง ปรากฏรอยแตกร้าวบนผนังคล้ายใยแมงมุมอย่างน่าหวาดกลัว

พรวด!

ชายชราสวมชุดสีแดงทำได้เพียงกระอักเลือดออกมา ใบหน้าของมันซีดเซียว ยามมองไปที่ฉงเฉวียนและพบว่าเหนือศีรษะผู้ที่ทุบตีมัน มีเงาร่างช้างแมมมอธโบราณมากกว่า 2,000 ตัว!

"ระ ... แรกสัมผัสธรรมชาติ!" ไม่เพียงแต่ชายชราสวมชุดสีแดงเท่านั้นที่ตื่นตระหนก ยามนี้ชายชราในห้องอีก 3 คนเองก็มีสีหน้าซีดลงไม่แตกต่างกัน

"สามผู้ฝึกยุทธ์ ครึ่งก้าวธรรมชาติงั้นรึ ... ก็ไม่เลวเท่าไร" สายตาของต้วนหลิงเทียนกวาดไปมองชายชราทั้ง 3 ที่นอกเหนือจากหูจวิ้น ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส

หลังจากได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียนพร้อมทั้งท่าทางที่เขาแสดงออก ชายชราทั้งหมดบังเกิดความขุ่นเคืองจนใบหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว

อย่างไรก็ตามยามพวกมันมองไปยังฉงเฉวียน พวกมันก็ทำได้เพียงระงับความไม่พอใจเอาไว้

อดทน!

พวกเขาสามารถทำได้เพียงอดทนเท่านั้น

ไม่ต้องเอ่ยถึงพวกเขาเลย กระทั่งตระกูลหม่าทั้งตระกูลก็ไม่อาจต้านทานผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติได้!

ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่แปลกใจสักเท่าไรที่เห็นชายชราที่แลดูก้าวร้าวจะเงียบปากไป  เพราะอาศัยฉงเฉวียนลำพังก็เพียงพอที่จะกำราบทั้งตระกูลหม่าได้แล้ว  สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็หันกลับไปมองหูจวิ้นพร้อมกล่าวออกมา  "เมื่อครู่เจ้าถามข้าใช่หรือไม่ ว่ามากเกินไป?"

สีหน้าของหูจวิ้นกลับกลายเป็นน่าเกลียด แต่เขาก็พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะกล่าวถามออกมา "แขกผู้มีเกียรติ ข้าอยากรู้นัก เหตุใดท่านจึงต้องกระทำเช่นนี้"

"ทำไมข้าต้องทำเช่นนี้งั้นรึ?" ต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังเขาด้วยความไม่แยแส ก่อนที่จะเบนไปจ้องหม่าฉินพร้อมจิตสังหาร กล่าวคำออกมาด้วยความไม่พอใจ "ทำไมเจ้าไม่ลองถามมันดูเองเล่า?"

ทันใดนั้นหูจวิ้นก็หันไปมองหม่าฉิน "ผู้ผู้ดูแลฉิน นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?"

ใบหน้าของหม่าฉินกลับกลายเป็นน่าเกลียด เรื่องนี้จะให้เขาพูดได้อย่างไร?

จะให้เขาบอกไปตามตรงว่า ชายหนุ่มชุดสีม่วงนี้มีความมั่งคั่งมหาศาล และตัวเขาเองคิดรวยทางลัดจึงร่วมมือกับ ผู้อื่นหมายสังหารชายหนุ่มชุดสีม่วงเพื่อชิงทรัพย์ทั้งหมดของมันงั้นหรือ?

"หม่าฉิน!" ชายชราที่เหลืออีก 3 คนอันเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับครึ่งก้าวธรรมชาติและเป็นสมาชิกของตระกูลหม่า ล้วนจับจ้องมายังหม่าฉินเช่นกัน

หม่าฉินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จะอย่างไรเขารู้ดีว่าไม่อาจไม่กล่าวคำ  “ท่านผู้อาวุโสสูงสุด , หูจวิ้นต้าเหริน เรื่องทั้งหมดมันเป็นเช่นนี้... ในระหว่างการประมูลยามค่ำนี้ เซี่ยกวงต้าเหรินแห่งกลุ่มการค้าอวี้หลัน อันเป็นแขกในห้องส่วนตัวหมายเลข 7 นั้น  คิดอยากได้หนูขนทองที่ยังอยู่ในวัยทารกที่ นายท่านผู้นี้ชนะการประมูลได้ไป...”

"และเมื่อการประมูลทั้งหมดเสร็จสิ้นลง เซี่ยกวงต้าเหรินก็มาหาข้าพร้อมทั้งสัญญากับข้าว่า ตราบใดที่ข้าระบุตัวตนและบอกเขาว่านายท่านผู้นี้อยู่ที่ไหน เขาจะฆ่านายท่านผู้นี้และนำหนูขนทองวัยทารกนั่นไป... ส่วนทรัพย์สมบัติอื่นๆของนายท่านผู้นี้ จะตกเป็น....ของข้าทั้งหมด " เมื่อกล่าวถึงตรงนี้รอยยิ้มขมขื่นพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าหม่าฉิน

หูจวิ้นและชายชราอีก 3 คนที่เหลือล้วนมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักระหว่างได้ฟังคำของหม่าฉิน

และเมื่อพวกเขาได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดของหม่าฉินจบ  ทั้งหมดก็ล้วนมีสีหน้าหมองคล้ำและบิดเบี้ยวอย่างถึงขีดสุด พวกเขาจับจ้องไปยังหม่าฉินอย่างโกรธแค้น "หม่าฉิน เจ้าเป็นถึงผู้ดูแลโรงประมูลของตระกูลหม่าเรา  ตัวเจ้าไม่เพียงต้องกระทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น  แต่นี่เจ้ากลับกล้าสมคบคิดกับผู้อื่นเพื่อขายแขกของเจ้า!! ..นี่เจ้าเอาโรงประมูลของพวกเราไปไว้ที่ใด?  เจ้าเอาหน้าตาของตระกูลไปไว้ที่ใด? "

ถึงแม้ว่าหม่าฉินจะไม่ได้กล่าวเรื่องราวที่เหลืออีกต่อไป แต่ทั้งหมดก็รู้ดูว่า เซี่ยกวงต้าเหรินจากกลุ่มการค้าอวี้หลันคงถูกสังหารไปแล้ว

หม่าฉินเริ่มหดหู่ มันกำลังเสียใจอย่างหนัก ร่างของมันแลดูอ่อนแอราวกับไร้เรี่ยวแรง

มันรู้ดีว่าถึงแม้ยามนี้ชายหนุ่มในชุดสีม่วงจะไม่ได้ลงมือสังหารมันและถึงแม้ว่ามันจะสามารถรอดพ้นความตายไปได้ แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากที่มันจะหนีรอดบทลงโทษของตระกูล

กล่าวได้ว่า ชีวิตของมันหลังจากนี้ได้จบสิ้นลงแล้ว

มันถูกทำลายด้วยคำๆ เดียว  ความโลภ!

หากสวรรค์ยินดีให้โอกาสแก่มันเป็นครั้งที่ 2 มันจะไม่กล้าคิดละโมบโลภมากเช่นนี้ ต่อให้ต้องถูกทุบตีจนตาย

แต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างเป็นแค่เรื่องราวเพ้อฝัน คืนวันไม่อาจย้อน และโลกใบนี้ก็มิมียาแก้อาการเสียใจ

"ตอนนี้พวกเจ้าเข้าใจแล้วใช่หรือไม่"ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวออกมาอีกครั้ง รอยยิ้มแสยะเริ่มปรากฏขึ้นที่มุมปาก "แล้วตอนนี้พวกเจ้ายังคิดว่าข้า ทำมากเกินไปอยู่หรือไม่?"

ชายชราทั้ง 4 ล้วนพยายามฉีกยิ้มออกมาอย่างเจื่อนๆ "ท่านแขกผู้มีเกียรติ ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของโรงประมูลตระกูลหม่าเราทั้งสิ้น หากท่านแขกผู้มีเกียรติยินดีละวางความแค้นและให้อภัยในความผิดพลาดนี้ของพวกเรา พวกเราจักจ่ายราคาชดใช้ให้ท่านอย่างงาม"

"ถูกแล้ว" ชายชราอีก 3 คนรีบพยักหน้ารับทันที

มันคงไม่มีอะไรมากหากชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนธรรมดา  แต่ชายหนุ่มคนนี้ดันมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ อันน่าเกรงขามอยู่ข้างกาย

หากพวกเขาคิดใช้กำลังหักหาญเพื่อแก้ไขเรื่องราวความบาดหมาง ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องจริงที่พวกเขาต้องตกตายกันหมด แต่กระทั่งตระกูลหม่าของพวกเขาก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงหายนะการถูกฆ่าล้างตระกูล

"ค่าชดใช้งั้นรึ" ต้วนหลิงเทียนเริ่มหัวเราะร่าออกมา "อ่า...ถ้ามีค่าชดใช้ ... ไม่ว่าเรื่องอะไรล้วนพูดคุยกันได้!  ทว่าข้าขอกล่าวอะไรสักนิด แน่นอนว่าข้าสามารถปล่อยและละวางเรื่องราวปัญหาทั้งหลายได้  แต่ ...ไอบัดซบนี่ มันต้องตาย!" ในขณะที่กล่าวจบคำต้วนหลิงเทียนก็ชี้ไปยังร่างของหม่าฉิน

น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย็นชาของต้วนหลิงเทียน ดั่งคำพิพากษาของสวรรค์ สามารถลิขิตชีวิตความเป็นตายของหม่าฉินได้

สีหน้าของหม่าฉินกลับกลายเป็นซีดเผือดน่าเวทนา  "นายท่านผู้สูงส่ง ได้โปรดละเว้นชีวิตต่ำต้อยของข้าน้อยด้วย!"

รีวิวผู้อ่าน