px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
ตอนที่ 257 : เซี่ยโต้ว


บทที่ 257 : เซี่ยโต้ว

"เค่อเอ๋อ เจ้าอย่าได้เสียเวลาเสวนากับพวกกลับกลอกเหยียบเรือ 2 แคมเช่นนี้เลย" ลี่เฟยยื่นมือที่ขาวนวลดั่งหยกพิสุทธิ์ ตบเบาๆไปที่แผ่นหลังของเค่อเอ๋อ

คำที่ลี่เฟยกล่าว แน่นอนย่อมทำให้ผู้คนทั้งหมดเหมือนถูกหยามหน้า

"นังหนู เจ้ากล่าวเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไร!"

"เจ้ากล่าวกระไร กลับกลอกรึ? เจ้าว่าผู้ใดกลับกลอก?  หรือเรื่องนี้เจ้าคิดว่า เป็นศิษย์ของนิกายกระบี่ 7 ดาว ที่มีเจตนาใสร้ายป้ายสีพวกเจ้าอย่างไร้ความเป็นธรรม?"

"แล้วศิษย์สายในของนิกายกระบี่ 7 ดาว ใยต้องไปใส่ร้ายหรือเอาเปรียบ ไม่ให้ความเป็นธรรมพวกเจ้ากัน? เจ้าละเมออยู่หรือไรนังหนู"

...

เหล่าลูกค้าในเหลาอาหารล้วนหันไปมองลี่เฟย ด้วยสายตาดูแคลน

แล้วลี่เฟยน่ะหรือจะเคยถูกผู้คนรุมจ้องอย่างดูแคลน ราวกับว่านางโกหกอย่างนี้?  เพียงครู่เดียวนางก็โมโหหน้าแดงก่ำ  มือขาวนิ่มกำหมัดแน่นขึ้นมาจนสั่นระริก

ปัง!! ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังกึกก้องสยบทุกสรรพเสียงในร้านจนเงียบกริบ

และนั่นเป็นต้วนหลิงเทียนที่ตบโต๊ะดังปัง พร้อมกล่าววาจาเสียงดัง “หุบปาก!”

ตอนนี้ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างมาก  ผู้คนสามารถกล่าวนินทาว่าร้ายอะไรก็ได้ เขาไม่คิดแยแสเสียงนกเสียงกา ซ้ำยังเป็นเรื่องชวนหัวด้วยซ้ำ

แต่ผู้คนเหล่านี้ มันกล้ากล่าววาจาดูแคลนลี่เฟย  กล้าลามปามสตรีของเขา!

นี่คือสิ่งที่เขาไม่คิดทน!

ในขณะนี้เอง ทุกสายตาของเหล่าผู้คนในเหลาอาหารก็หันมาจับจ้องต้วนหลิงเทียน  และพวกมันส่วนใหญ่ก็เผยท่าทีเยาะเย้ยออกมา ราวกับกำลังรอให้ศิษย์ของนิกายกระบี่ 7 ดาวสั่งสอนบทเรียนให้ต้วนหลิงเทียนสักบทสองบท

"อะไร? เด็กน้อยเจ้าคิดแสร้งโมโห กลบเกลื่อนความละอายหรือไม่?" ศิษย์สายในของนิกายกระบี่ 7 ดาวยิ้มกริ่มออกมา มันไม่คิดเลยว่าสถานการณ์ที่มันคาดเอาหวังไว้จะมาถึงรวดเร็วเช่นนี้

มันรู้ดีว่าเวลาที่รอคอยมาถึงแล้ว

ตอนนี้ถึงแม้มันจะลงมือจัดการอีกฝ่าย ก็จะไม่มีผู้ใดกล่าวโทษมันว่าใช้อำนาจของนิกายกระบี่ 7 ดาว หรือใช้ความเข้มแข็ง กลั่นแกล้งรังแกผู้อ่อนแอกว่า

ต้วนหลิงเทียนหันไปจ้องศิษย์สายในด้วยแววตาเย็นชา  ตอนนี้ความอดทนของเขาได้หมดลงแล้ว เขาไม่คิดเสียเวลาต่อปากต่อคำกับพวกสวะนี่อีกต่อไป "ฉงเฉวียน  โยนพวกมันออกไปให้หมด!"

เหล่าศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวทั้ง 3 คนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังลั่น หลังจากได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน

แม้แต่ลูกค้าส่วนมากในเหลาอาหารก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เบิ่งตากว้าง

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวมีระดับบ่มเพาะที่สูงล้ำไปหกว่าคนทั่วไปเลยด้วยซ้ำ ปกติคนธรรมดาก็ไม่มีใครกล้าล่วงเกินนิกายใหญ่อยู่แล้ว อีกทั้งถึงแม้จะมีระดับบ่มเพาะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่อีกฝ่ายก็เป็นถึงศิษย์สายในของนิกายกระบี่ 7 ดาว ความสามารถย่อมคนละชั้นกันอยู่แล้ว... ..

นี่เพราะนิกายกระบี่ 7 ดาวเป็นนิกายใหญ่อันดับต้นๆของอาณาจักรพนาคราม

ใครจะมาล่วงเกินได้ง่ายๆกัน?

อย่างไรก็ตามรอยยิ้มของพวกเขาก็ต้องแข็งค้างในทันใด

เพราะพวกเขาได้ประจักษ์

"ขอรับนายน้อย!" ฉงเฉวียนกล่าวตอบรับคำต้วนหลิงเทียน ก่อนที่ร่างของเขาจะแปรเปลี่ยนเป็นวายุโหมกระหน่ำ

ทันใดนั้นรอยยิ้มของศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวก็ต้องชะงักงัน เมื่อฉงเฉวียนได้ลงมือด้วยพลังอันเหนือชั้น กวาดร่างของพวกมันทั้ง 3 คนด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า เหวี่ยงร่างพวกมันกระเด็นออกไปนอกร้านอย่างไร้หนทางต่อต้าน ...

โครมมม ปังงง ตึงงง

บังเกิดเสียงวัตถุตกกระแทกพื้น 3 เสียงดังขึ้น แทบจะเป็นเวลาเดียวกันนอกเหลาอาหาร

ทั้งเหลาอาหารเงียบกริบ ใบหน้าทุกคนเป๋อเหรอราวกับคนเสียสติ

พวกเขาไม่ได้ตกตะลึงกับระดับบ่มเพาะ วิญญาณแรกก่อตั้งที่ฉงเฉวียนเปิดเผยออกมา แต่พวกเขาตกตะลึงที่มีคนกล้าทำร้ายศิษย์สาวกนิกายกระบี่ 7 ดาว ...

นิกายกระบี่ 7 ดาวนั้นขึ้นชื่อในการปกป้องดูแลคนในนัก!

พวกเขาคิดว่าชายวัยกลางคนนี้คงต้องประสบหายนะใหญ่หลวงแล้ว เนื่องจากกล้าล่วงเกินศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาว

แต่...พวกเขาจะรู้ได้ไงว่า  เหล่าศิษย์นิกายที่ถูกซัดนั้น  ไม่กล้าเอาเรื่องราวเหล่านี้ไปรายงานผู้อาวุโสเด็ดขาด! ...

พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ...ได้เลือกข้างฝ่ายที่ผิดซะแล้ว

ผู้อาวุโสของนิกายกระบี่ 7 ดาวไมใช่คนโง่!  ย่อมไม่มีทางถูก 3 คนนี้กล่าววาจาหลอกได้ง่ายๆ!

จะซื้อ ทารกหนูขนทองด้วยราคา 100,000 เหรียญเงินหรือ?

แค่ฟังดูก็รู้ว่าเป็นการใช้อำนาจของนิกายรังแกผู้อื่นชัดๆ!

ดังนั้นเหล่าศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวทั้ง 3 จึงทำได้เพียงถลึงตามองต้วนหลิงเทียนเท่านั้น ก่อนที่จะรีบหนีออกไปไม่กล้าสู้หน้าผู้คน

"ศิษย์พี่ พวกเราจะปล่อยมันไปเช่นนี้หรือ?" หนึ่งในศิษย์สายนอก กล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม

"แล้วเจ้าคิดจะไปทำอะไรมันกันเล่า! ไม่เห็นหรือไร ว่ามันมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งติดตามคุ้มครองอยู่  เจ้ามีปัญญาเอาชนะมันหรือ?" ยามนี้ยิ่งมาใบหน้าศิษย์สายในยิ่งบิดเบี้ยว  มันคิดว่าวันนี้จะพานพบโชคลาภครั้งใหญ่ และได้รับหนูขนทองวัยทารกแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าจะต้องมาเจอตอเช่นนี้

"ศิษย์พี่! แล้วตั๋วเงิน 100,000 เหรียญเงินของท่านล่ะ มิใช่ยังตั้งอยู่บนโต๊ะของมันหรอกหรือ? พวกเรากลับไปเอาก่อนดีหรือไม่?” ศิษย์สายนอกอีกคนก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ รีบกล่าวออกมาทันที

"เหอๆ แล้วใยเจ้าไม่ไปเอาเองเล่า  หากเจ้าไปเอามาได้ ข้าจะให้เจ้าครึ่งนึง"ศิษย์สายในได้แต่หัวเราะออกมาอย่างขื่นขม มันไม่กล้ากลับไปเสี่ยงขายขี้หน้าอีกครั้ง

"บัดซบเถอะ! หากมิใช่เพราะผู้ฝึกยุทธ์วิญญาณแรกก่อตั้งนั่น ไอเด็กเปรตชุดสีม่วง มันต้องถูกข้าทุบตีจนตาย!" หลังจากนั้นสีหน้าของศิษย์สายในก็เริ่มหมองลง มันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟันด้วยความแค้น

ทันใดนั้นเอง ศิษย์สายนอกคนหนึ่งก็ผงกหัวเบิกตากว้างราวกับคิดอะไรออก  "ศิษย์พี่ การทดสอบคัดเลือกศิษย์เข้านิกายของพวกเรา มิใช่เหลือเวลาอีก 5 วันหรอกเหรอ ... ท่านคิดว่า ที่พวกมันมาที่เมืองนี้ เพราะเรื่องนี้หรือไม่? เพราะดูจากสำเนียงการกล่าววาจาของพวกมันแล้ว ไม่คล้ายว่ามาจากเมืองไผ่ดำ "

"จริงด้วยศิษย์พี่ เรื่องนี้ข้าว่าเป็นไปได้หลายส่วน!" ศิษย์สายนอกอีกคนหนึ่งก็กล่าวเสริมขึ้นมาด้วยตาเป็นประกาย

"อืม..เรื่องที่เจ้าพูดนี้ ... จริงๆแล้วก็มีความเป็นไปได้สูง ฮึ่ม! หากมันกล้าเข้าร่วมนิกายกระบี่ 7 ดาวของเราจริงๆ ก็มิต่างอันใดจากมันมาวางหัวบนเขียงส่งให้ข้า  ข้าจะเล่นงานมันให้ตาย!" แววตาศิษย์สายในเย็นชาลงอย่างมาก  ดูเหมือนมันต้องการจับต้วนหลิงเทียนมากินอย่างไรอย่างนั้น น้ำเสียงเย็นชาของมันราวกับหล่มน้ำแข็งเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน

"หากมันเข้าร่วมนิกายเราจริง ผู้ติดตามที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งนั่น ก็มิอาจติดตามมาคุ้มครองมันได้อีก" ศิษย์สายนอกทั้ง 2 คนเริ่มหัวเราะออกมา

ภายในเหลาอาหารตอนนี้นั้น หลังจากที่ฉงเฉวียนเพียงแสดงความแข็งแกร่งระดับวิญญาณแรกก่อตั้งออกมา ทั้งหมดก็เงียบกริบไม่กล้ากล่าววาจาอะไรอีก เพราะกลัวจะไปล่วงเกินชายหนุ่มชุดสีม่วง

พวกเขาไม่สงสัยเลยว่า หากยังรั้นที่จะกล่าววาจามากความ ด้วยอารมณ์ที่ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมของชายหนุ่มชุดสีม่วง พวกมันไม่น่าจะรอดชีวิตกลับบ้านไปได้

เพราะชายหนุ่มชุดสีม่วงคนนี้ เหตุผลที่เขาไม่ฆ่าศิษย์นิกายกระบี่ เพราะอาจจะกริ่งเกรงเบื้องหลังของศิษย์เหล่านั้น  แต่สำหรับพวกมันที่เป็นคนธรรมดา..เกรงว่าอาจจะถูกฆ่าอย่างไร้ปรานี

"เอาล่ะ เสี่ยวเฟยอย่าได้โกรธแล้ว" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังลี่เฟยด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนที่จะหันไปใช้สายตาเย็นชาไม่แยแสกราดมองผู้คนในเหลาอาหาร  "หากยังมีผู้ใดคิดกล่าววาจาบัดซบอีก ข้าจะให้ฉงเฉวียนโยนมันออกไปให้หมด!"

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไม่แยแส ทว่าสำหรับผู้คนในเหลาอาหาร มันกลับดังก้องราวท้องฟ้าถล่มในรูหู

และเมื่อพวกมันเงยศีรษะขึ้นมา มองไปยังโต๊ะของต้วนหลิงเทียน ก็พบว่า ชายวัยกลางคนที่จัดการส่งร่างศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวออกไป กำลังกวาดสายตามองมาอย่างเย็นชา ...

เห็นดังนั้นเหล่าลูกค้าปากพล่อยก่อนหน้านี้ทั้งหลายก็บังเกิดความหวาดหวั่นในใจไม่น้อย  พวกมันรีบวางเงินชำระค่าอาหารและสุราไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะรีบออกจากร้านไปราวกับหนีตาย

เพียงไม่กี่ลมหายใจต่อมา ทั้งเหลาอาหารก็เหลือลูกค้านั่งอยู่แค่เพียงโต๊ะเดียว ...หากไม่นับเหล่าบริกรและผู้ดูแลที่กำลังยืนยิ้มแห้งๆ

"อุฟ !" เมื่อลี่เฟยเห็นท่าทางร้อนรนของพวกมันที่รีบหนีออกไป กับสภาพร้านโล่งโจ้งไม่เหลือใคร ก็อดไม่ได้ที่นางจะหัวเราะออกมาอย่างน่ารักน่าหลงใหล

ต้วนหลิงเทียนช่วยไม่ได้ที่จะตะลึงค้างไป เมื่อเห็นภาพนี้ ...ตอนนี้เขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าจับลี่เฟยกดลงบนโต๊ะอาหารแล้วกระทำการมอบความรักจากใจ ...

"ตัวเลวร้าย! เจ้ามองอะไร?" ลี่เฟยหันไปถลึงตามองต้วนหลิงเทียนที่กำลังมองมา พร้อมกล่าวออกมาด้วยความอาย

"แน่นอนว่าข้าต้องมองสาวน้อยน่ารักน่าเอ็นดูอย่างไรเล่า!" ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกกระสันขึ้นมา ด้านล่างร้อนรุ่มแข็งตั้งชูชันขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับอารมณ์คุกรุ่นนี้

"พี่หญิงเฟย ดูเหมือนนายน้อยคิดจัดการท่านแล้ว" เค่อเอ๋อยิ้มบางๆ ก่อนที่จะกล่าวบอกลี่เฟยพร้อมลูบเสี่ยวจินเบาๆ

ใบหน้าสวยงามของลี่เฟยแดงก่ำราวกับจะหลั่งโลหิต เมื่อได้ยินคำกล่าวของเค่อเอ๋อ นางทำได้เพียงยกมือไปข่วนหลังเค่อเอ๋อแก้เขิน "น้องหญิงเค่อเอ๋อ เจ้ากล่าวอันใด ... ?"

"อ๊า... ไม่มีใด! พี่หญิงเฟยอย่าทำข้าแล้ว ข้าไม่กล่าวแล้ว" เค่อเอ๋อรีบกล่าวขอความเมตตาออกมา

"จี๊ดๆ~" หนูขนทองตอนนี้ราวกับผู้ชม เมื่อเห็นภาพตรงหน้า  มันเฝ้าดูเค่อเอ๋อเล่นกับลี่เฟยอย่างสนุกสนาน  เนตรหยกทั้งคู่ของมันส่องประกายวูบวาบขึ้นมาแบบแปลกๆ

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมาพร้อมยิ้มกว้าง ตอนนี้อารมณ์เขาดีขึ้นมาก

"นิกายกระบี่ 7 ดาว ... เมื่อข้า เค่อเอ๋อและลี่เฟยเข้าร่วมนิกายนี้ได้สำเร็จ หวังว่า 3 คนนั่นจะไม่มาวุ่นวายอะไรกับข้าอีก ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ... ฮึ่ม!"ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา  ดวงตาของเขาทอประกายส่องแสงเย็นชา

เมืองหลวง ของอาณาจักรพนาคราม

“เจ้า! ...เจ้าว่ากระไร บุตรชายข้าตายแล้ว?" ในบ้านเดี่ยวพร้อมลานกว้างขนาดใหญ่ มีชายชราคนหนึ่ง จับจ้องไปยังชายวัยกลางคนตรงหน้า ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร

"ขอรับ" ร่างชายวัยกลางคนสั่นระริก  ชายชราคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของมันนี้ กล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่สามารถเรียกลมฝนได้ภายในกลุ่มการค้าอวี้หลัน  เพราะมันคือเซี่ยโต้ว รองหัวหน้ากลุ่มการค้าอวี้หลัน

ตัวตนระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 6!

โทสะและความอำมหิตแผ่ซ่านออกมาจากร่างของเซี่ยโต้ว ทำให้ชายวัยกลางคนหายใจติดขัด

"ลูกกวง!" เซี่ยโต้วร้องตะโกนออกมาอย่างรุนแรง ดวงตาของมันแดงก่ำส่องแสงเจิดจ้าเต็มไปด้วยเจตน่าฆ่าฟัน คุกรุ่นไปด้วยจิตสังหารที่ทะลักออกมา

ใบหน้าชายวัยกลางคนยิ่งมายิ่งซีด มันถูกจิตสังหารที่ทะลักล้นออกมาของเซี่ยโต้ว กดดันจนแทบจะทานทนไม่ไหว มันเชื่อว่า หากยังคงเป็นแบบนี้สืบไปไม่แคล้วมันต้องล้มลงตรงนี้แน่

ในที่สุดแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างของเซี่ยโต้วก็หยุดลง  ความกดดันและจิตสังหารก็เริ่มหายไป ชายวัยกลางคนที่รอดมาได้หวุดหวิด ก็รีบสูดลมหายใจเข้าด้วยความโล่งอก

"พูดมา มันเกิดอะไรขึ้น ผู้ใดกล้าสังหารบุตรชายข้า?" เซี่ยโต้วมองไปยังชายวัยกลางคนด้วยสายตาเย็นชา ท่าทางเหมือนคิดกลืนกินผู้คน

ชายวัยกลางคนทำได้เพียงระบายลมหายใจออกมาด้วยความหนาวเหน็บ  ตอนนี้มันราวกับเห็นภาพหลอน ว่าเบื้องหน้าเป็นพญาอสรพิษน่าหวาดหวั่นที่อาจคร่าชีวิตมันได้ทุกเมื่อ ...

"เซี่ยโต้วต้าเหริน ผู้ที่ลงมือเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ" ชายวัยกลางคนสูดลมหายใจก่อนที่จะกล่าวต่อออกไป  "เรื่องนี้มันเกิดขึ้นหลังจากการประมูลของตระกูลหม่าเมื่อ 3 เดือนก่อน ... "

หลังจากนั้นชายวัยกลางคนก็เล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มันรู้มาจากเมืองวายุทมิฬ

"ชายหนุ่มชุดสีม่วง? มันมีโอสถเร่งพลังกำเนิดที่มีความบริสุทธิ์ 91% ?" ใบหน้าเซียโต้วลดต่ำลงอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อได้ยินเรื่องนี้

โอสถที่มีความบริสุทธิ์ 91% ....

แต่ก่อน เรื่องนี้สำหรับเขามันเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด

แต่ตอนนี้เขาอดที่จะหวาดกลัวไม่ได้  หากชายหนุ่มผู้นั้นสามารถหยิบโอสถระดับนี้ออกมาได้ นั่นย่อมหมายความว่าเบื้องหลังของมันต้องมีขุมกำลังยิ่งใหญ่อยู่เป็นแน่!

บางทีอาจเป็นเพราะชายวัยกลางคนมองเห็นความหวาดกลัวของเซี่ยโต้ว จึงกล่าวเสริมออกมา "เซี่ยโต้วต้าเหริน จากที่ตระกูลหม่ารายงานมา ดูเหมือนโอสถเร่งพลังกำเนิดนั้น จะเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มบังเอิญได้รับมาเพราะโชควาสนา ... ตัวมันหาได้มีความสัมพันธ์อันใดกับผู้หลอมโอสถที่ หลอมโอสถเม็ดนี้ออกมาไม่ "

เซี่ยโต้วพลันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินประโยคนี้  แววตาของมันกลับมาเต็มไปด้วยจิตสังหารอีกครั้ง  "ข้าจะเดินทางไปยังเมืองวายุทมิฬกับเจ้า ... ไม่ว่ามันจะเป็นผู้ใดมาจากไหน แต่กล้าสังหารบุตรชายข้า ต่อให้มันหนีไปสุดขอบโลกข้าก็จักตามล่ามัน!"

รีวิวผู้อ่าน