บทที่ 258 : นิกายกระบี่ 7 ดาว
นิกายกระบี่ 7 ดาวนั้น มีขุนเขาตั้งตระหง่านอยู่ 7 ขุนเขา
ทั้ง 7 ขุนเขานี้เสมือนกระบี่ตั้งตรง หมายแทงทะลุชั้นฟ้า
นิกายกระบี่ 7 ดาวนี้ ยังรู้จักกันในนาม 7 ยอดขุนเขากระบี่
และขุนเขาทั้ง 7 นี้ถูกตั้งตามชื่อของกลุ่มดาวหมีใหญ่
ทั้ง 7 ขุนเขามีนามว่า ขุนเขาเทียนชู ,ขุนเขาเทียนเชวียน , ขุนเขาเทียนจี , ขุนเขาเทียนเฉวียน,ขุนเขา อวี้เหิง, ขุนเขาไท่หยาง และ ขุนเขาเหยากวง
ในบรรดา 7 ยอดขุนเขานี้ ขุนเขาเทียนชูจะเป็นขุนเขาหลักตั้งอยู่ตรงกลาง มันเป็นขุนเขากระบี่ที่สูงที่สุด กลิ่นอายบรรยากาศแลดูทรงพลังดั่งกระบี่เล่มหนึ่งที่สามารถต่อต้านสวรรค์
ส่วนอีก 6 ขุนเขาที่เหลือนั้น กระจายไปรอบๆ ห้อมล้อมขุนเขาเทียนชูเอาไว้ ดั่งดาวล้อมเดือน ขับให้ขุนเขาเทียนชูที่อยู่ตรงกลางแลมีสภาวะทรงพลังและยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกขีดขั้น ...
"เท่าที่ดู แค่ความสูง ก็แลจะเทียมเมฆเข้าไปแล้ว... " ต้วนหลิงเทียนได้ฟังคำอธิบายนิกายกระบี่ 7 ดาวจากฉงเฉวียนคร่าวๆ ก็หันไปมองดู ไกลลับตายามนี้เขาเห็นภาพขุนเขาตั้งตระหง่านสูงเทียมเมฆ หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
นี่น่ะหรือนิกายกระบี่ 7 ดาว?
"นายน้อย ท่านดูสิเจ้าคะ ดูเหมือนตามยอดเขาทั้ง 6 จะมีอันใด สักอย่างเชื่อมไปยังขุนเขาเทียนชู ... "สายตาคมกล้าของเค่อเอ๋อมองทะลุผ่านม่านเมฆสังเกตเห็นบางสิ่ง ในยามที่สายลมพัดเมฆจางลง
ต้วนหลิงเทียนเมื่อได้ฟังก็แหงนมองตามนิ้วเค่อเอ๋อ
เมื่อเมฆถูกสายลมพัดพาไป เผยให้เห็นยอดเขากระจ่างขึ้นมาเล็กน้อย เขาก็เห็นได้ว่าบริเวณยอดของขุนเขาทั้ง 6 ที่ล้อมขุนเขาเทียนชูอยู่นั้น มีสายสีดำเชื่อมต่อ แลดูแล้วมันน่าจะเป็นสายโซ่อะไรสักอย่าง
"นายน้อยขอรับ กล่าวกันว่านิกายกระบี่ 7 ดาวนี้ มีหนทางขึ้นยอดเขาแค่เพียงขุนเขาเทียนชู ที่อยู่ตรงกลางเพียงลูกเดียวเท่านั้น ...และการจะไป 6 ขุนเขาที่เหลือจะอย่างไรก็ต้องผ่านขุนเขาเทียนชูเท่านั้น หากมิใช่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ เกรงว่าจะมิมีทางขึ้นขุนเขาทั้ง 6 รอบๆ ได้”
ฉงเฉวียนกล่าวทุกอย่างที่รู้ออกมา "หากนายน้อยอยากจะเดินทางไปยังขุนเขาทั้ง 6 ท่านจะต้องเดินขึ้นไปยังขุนเขาหลัก ก่อนที่จะเดินผ่านสะพานแขวนที่ทำจากโซ่ไปเท่านั้น"
สะพานโซ่? ต้วนหลิงเทียนเข้าใจได้ในทันที "เช่นนั้นกล่าวได้ว่า หนทางในการเข้าสู่นิกายกระบี่ 7 ดาวล้วนมีเพียงหนทางสายเดียว และอยู่ที่ขุนเขาเทียนชูลูกเดียวเท่านั้น ... นับได้ว่าปราการป้องกันนิกายนี้น่าทึ่งไม่เลว!"
มีเพียงหนทางสายเดียวเท่านั้น ที่มีไว้ให้ศัตรูที่คิดจะบุกรุกนิกาย!
ด้วยพลังของนิกายกระบี่ 7 ดาวและปราการป้องกันธรรมชาตินี้ ต่อให้เป็นตระกูลราชวงศ์ของอาณาจักรพนาคราม หากคิดจะบุกรุก ก็เกรงว่าจะไม่อาจทำอะไรได้
หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มของต้วนหลิงเทียนทั้ง 4 คนก็เดินทางมาถึง ตีนเขาของ 1 ในขุนเขากระบี่
ขุนเขาตั้งตระหง่านบนพื้น เป็นผาสูงชันยากปีนป่าย แหงนมองขึ้นไปมีเพียงหน้าผาราบเรียบ ไม่อาจมองเห็นยอดเขาได้
"หน้าผาสูงชันขนาดนี้ ต่อให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับครึ่งก้าวธรรมชาติก็ไม่อาจปีนขึ้นไปได้ง่ายๆ" ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์ทึ่งในใจ
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ได้เห็นว่า ไม่ใช่แค่เขากับสองสาว ที่มาถึงที่นี่ รอบๆ ยังมีชายหนุ่มหญิงสาวอีกจำนวนมากที่เดินทางมา และดูท่าทางแล้วจุดหมายปลายทางของทั้งหมดคงเป็นที่เดียวกัน ทั้งหมดล้วนกล่าววาจาสนทนากันด้วยความตื่นเต้น
ต้วนหลิงเทียนมองแล้วก็รู้ว่า ไม่พ้นคนกลุ่มนี้คือเหล่าผู้ที่จะมาเข้าร่วมการทดสอบคัดเลือกศิษย์ของนิกายกระบี่ 7 ดาว
เมื่อเดินไปใกล้ถึงขุนเขาหลัก เขาก็ได้เห็นว่ามีผู้คนมารวมกันอยู่จำนวนมาก
ชายหนุ่มหญิงสาวมากมายจากทั่วทุกสารทิศยืนกันเต็มไปหมด ด้านหลังของพวกมันมีเหล่าผู้ติดตาม และผู้อาวุโสต่างๆ ติดตามมาส่ง และดูท่าพวกมันกำลังรอให้ถึงเวลาที่ประตูทางเข้านิกายกระบี่ 7ดาว ที่มีเพียงที่เดียวและตั้งอยู่บนขุนเขาเทียนชูนี้ เปิดออก
ประตูทางเข้านิกายกระบี่ 7 ดาวนี้ สูงกว่า 10 เมตร ตัวประตูมีอักษรแกะสลักไว้อย่างน่าเกรงขาม ...
นิกายกระบี่ 7 ดาว!
"อืม…." ต้วนหลิงเทียนถูกตัวอักษรแกะสลัก ดึงดูดความสนใจในทันที
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเขียนพู่กัน หรือสลักอักษร แต่เขาสามารถบอกได้ทันทีว่า ทั้ง 4 ตัวอักษร ที่ถูกสลักเอาไว้บนบานประตูนี้ เกิดขึ้นจากการที่ผู้เชี่ยวชาญกระบี่ ตวัดกระบี่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น! ทั้ง 4 อักษร เรียงร้อยต่อกันอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับมันเกิดมาเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว
"เพียงประตูทางเข้านี้ แลดูจะมีความหมายนัก" ลี่เฟยกล่าวออกมาเบาๆ ในน้ำเสียงของนางแฝงความทึ่งเอาไว้ไม่น้อย เห็นได้ชัดว่านางกำลังทึ่งกับ คำ 4 คำที่ถูกสลักไว้
"ถูกแล้วขอรับ อักษรแกะสลักบนประตูทางเข้านิกายกระบี่ 7 ดาวนี้ไม่ธรรมดา ... อักษร 4 ตัวนั้น เป็นผู้ก่อตั้งนิกายกระบี่ 7 ดาว ลงมือตวัดกระบี่สลักเอาไว้ด้วยตัวเอง" ในขณะที่กล่าวบอกออกมา ฉงเฉวียนเต็มไปด้วยท่าทางเคารพ "มีข่าวลือเล่าขานกันมาว่า ในยามที่ผู้ก่อตั้งนิกายกระบี่ 7 ดาว ทำการก่อตั้งนิกายกระบี่ 7 ดาวนั้น ตัวเขาได้บรรลุสู่ระดับหลอมรวมธรรมชาติแล้ว!”
ผู้เชี่ยวชาญหลอมรวมธรรมขาติ!
กล่าวได้ว่าผู้เชี่ยวชาญหลอมรวมธรรมชาตินี้ ได้บรรลุระดับบ่มเพาะถึงขั้น ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหลอมรวมธรรมชาติ!
"ผู้เชี่ยวชาญหลอมรวมธรรมชาติ?" ลี่เฟยอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ "ในอาณาจักรพนาครามนี้ มีผู้เชี่ยวชาญหลอมรวมธรรมชาติอยู่ด้วยงั้นหรือ?"
ฉงเฉวียนส่ายหัว "เรื่องนี้มันเป็นเรื่องเมื่อหลายพันปีที่แล้ว ...เท่าที่ข้าน้อยรู้ในอาณาจักรพนาครามแห่งนี้ มิมีผู้เชี่ยวชาญหลอมรวมธรรมชาติเหลืออยู่อีกแล้ว แม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญหยั่งรู้ธรรมชาติเอง เกรงว่าทั่วทั้งอาณาจักรพนาครามยังมีไม่ถึง 50 คน "
ในขณะที่กล่าวถึงตรงนี้ฉงเฉวียนก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย "หากยามนั้น นิกายเลิศภพจบแดนของข้ามีผู้เชี่ยวชาญหยั่งรู้ธรรมชาติสักคน คงมิถูกนิกายอสูรทมิฬทำลายล้างเช่นนี้"
ต้วนหลิงเทียนเองก็ได้รู้เรื่องราวของนิกายเลิศภพจบแดนจากฉงเฉวียนมาบ้าง
นิกายเลิศภพจบแดนของฉงเฉวียนนั้นจัดว่าเป็นนิกายระดับ 2 เท่านั้น
ในบรรดานิกายทั้งหลายของอาณาจักรพนาครามนี้ นิกายที่เรียกว่าเป็นนิกายใหญ่หรือนิกายระดับสูงสุดนั้น มักจะมีผู้เชี่ยวชาญหยั่งรู้ธรรมชาติอยู่ ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปอยู่ในนิกาย และผู้เชี่ยวชาญหยั่งรู้ธรรมชาติที่อยู่ในนิกายจะมีระดับบ่มเพาะไม่น้อยกว่าระดับหยั่งรู้ธรรมชาติขั้นที่ 4
ส่วนรองลงมาจากนิกายระดับสูงสุดจะเป็นนิกายระดับแรก โดยนิกายระดับแรกนี้จะมีผู้เชี่ยวชาญหยั่งรู้ธรรมชาติ 1 หรือ 2 คน และผู้เชี่ยวชาญหยั่งรู้ธรรมชาตินี้จะมีระดับบ่มเพาะอยู่ที่ ระดับหยั่งรู้ธรรมชาติขั้นที่ 3
ส่วนรองลงมาก็จะเป็นนิกายระดับ 2 สำหรับนิกายระดับ 2 นี้จะไม่มีผู้เชี่ยวชาญหยั่งรู้ธรรมชาติ และความแตกต่างระหว่างนิกายระดับ 2 และระดับ 3 ก็คือความแข็งแกร่งและปริมาณผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติที่มีเท่านั้น
ส่วนนิกายที่ต่ำกว่าระดับ 3 ลงมา จะไม่ได้รับการจัดอันดับ
พวกนิกายที่ไม่ได้ถูกจัดอันดับ ส่วนมากจะเป็นนิกาย ค่าย พรรค เล็กๆ โดยที่พวกมันส่วนมากจะมีผู้เชี่ยวชาญระดับแรกสัมผัสธรรมชาติดูแลเพียงแค่ 1 -2 คนเท่านั้น นับได้ว่าความแข็งแกร่งก็ไม่ได้แตกต่างไปจากตระกูลราชวงศ์ของอาณาจักรนภาล่องแม้แต่น้อย
สำหรับนิกายอสูรทมิฬที่ทำลายนิกายเลิศภพจบแดนนั้น นับเป็นนิกายระดับแรกเท่านั้น
ต้วนหลิงเทียนมองไปยังฉงเฉวียนก่อนที่จะกล่าวถามว่า "ในหยกบันทึกเสียงที่ข้าได้รับมาจากนายน้อยคนก่อนของเจ้า ที่เขาบอกให้ข้านำมันไปส่งมอบให้ชายชราคนนามว่าช่างกวนหยางที่ยอดเขาเดียวดายนี่...ช่างกวนหยางผู้นี้ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหยั่งรู้ธรรมชาติใช่หรือไม่ "
ฉงเฉวียนค่อยๆกล่าวตอบออกมาช้า "นายน้อย ชายชราคนนั้นที่ท่านกล่าวถึงคือบรรพบุรุษของนิกายเลิศภพจบแดนของข้า ... เมื่อ 10 ปีก่อนที่เขาจะออกจากนิกายไปปิดด่านบ่มเพาะอย่างสันโดษ ตัวเขามีระดับบ่มเพาะอยู่ที่ แรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 9 สำหรับคำถามของนายน้อย กระทั่งข้าเองก็มิรู้ว่าตัวเขาจักสามารถทะลวงผ่านไปได้แล้วหรือยัง" ในขณะที่กล่าวจบ ฉงเฉวียนก็ถอนหายใจออกมา ราวกับเขาไม่ได้หวังอะไรมากแล้ว
หากจะนับความยากลำบากในการตัดผ่านจากระดับแรกสัมผัสธรรมชาติไปยังระดับหยั่งรู้ธรรมชาตินั้น ว่ามีมากขนาดไหน แน่นอนว่ามันย่อมยากเย็นยิ่งกว่าระดับครึ่งก้าวธรรมชาติทะลวงผ่านไปยังระดับแรกสัมผัสธรรมชาติหลายขุม!
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาอีกครั้ง "แล้วยอดเขาเดียวดายนี่มันอยู่ไกลจากที่นี่หรือไม่?"
ฉงเฉวียนครุ่นคิดเล็กน้อย "หากท่านคิดใช้อาชาเหงื่อโลหิตเดินทางไปยัง ยอดเขาเดียวดาย ...ข้าน้อยเกรงว่าต้องใช้เวลากว่า 5 เดือน กว่าจะไปถึง"
"อะไร! ไกลขนาดนั้นเลย?" ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วขึ้นมา เขาคิดว่าถ้าเกิดยอดเขาเดียวดายนั้นอยู่ไม่ไกลมากเท่าไร เขาจะได้ฝากหยกบันทึกเสียงให้ฉงเฉวียนนำไปส่งมอบชายชราช่างกวนหยางที่ยอดเขาเดียวดายนั่นซะให้เรียบร้อย เพื่อทำตามความปรารถนาสุดท้ายของนายน้อยนิกายเลิศภพจบแดนที่ตกตายลง
แต่ดูเหมือนว่า เรื่องนี้คงจำเป็นต้องพักไว้ก่อน
เพราะหากให้ฉงเฉวียนเดินทางไปล่ะก็มันต้องใช้เวลาไปกลับมากถึง 10 เดือน ...
มันนานเกินไป
"ในอนาคตหากข้ามีโอกาส ข้าจะเดินทางไปยังยอดเขาเดียวดายเพื่อตามหาช่างกวนหยางด้วยตัวเอง ... " ต้วนหลิงเทียนได้ตัดสินใจออกมา เขาไม่ต้องการให้ฉงเฉวียนเดินทางไปไหนไกลๆ หรือห่างกายเขานานขนาดนั้น หากมีเรื่องที่เขาจำเป็นต้องใช้งานฉงเฉวียนขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ?
นอกจากนี้ตามการคาดการณ์ของต้วนหลิงเทียน ถึงแม้ชายชรานามช่างกวนหยางจะรับรู้เรื่องนี้ แต่ก็คงไม่อาจทำอะไรนิกายอสูรทมิฬได้โดยง่าย
เพราะจากคำกล่าวของฉงเฉวียน ดูเหมือนนิกายอสูรทมิฬจะมีผู้เชี่ยวชาญหยั่งรู้ธรรมชาติอยู่ 2 คน
หนึ่งในนั้นยังเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีระดับบ่มเพาะ อยู่ในระดับหยั่งรู้ธรรมชาติขั้นที่ 2!
ต้วนหลิงเทียนกลับมาสนใจรอบๆ อีกครั้งหลังจากจมอยู่ในภวังค์คิดระยะหนึ่ง ตอนนี้เขาก็พบว่ารอบๆ ตัวเขานั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่มารวมตัวกันเพิ่มขึ้นมากมาย เมื่อเวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆ ผู้คนก็แน่นขนัดไปทั่วบริเวณ ทั้งหมดแลดูมีอายุไม่เกิน 25 ปีทั้งนั้น
และนี่เป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกศิษย์สาวกของนิกายกระบี่ 7 ดาว
ต้องมีอายุต่ำกว่า 25!
ด้านข้างชายหนุ่มหญิงสาวทุกคนล้วนมีผู้ติดตามมาด้วยกันทั้งสิ้น
กระทั่งมีบางคนที่ด้านข้างมันมีผู้อาวุโสระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ คอยติดตามคุ้มครอง
...
ยามอัสดงลอยเด่นกลางกระหม่อม บ่งบอกเวลาเที่ยงวัน
ก็มีร่างผู้คน 3 คนเดินออกมาจากด้านหลังประตูทางเข้านิกายกระบี่ 7 ดาว
ชายชราคนหนึ่งเดินนำหน้าคนทั้ง 3 ออกมา ชายชราคนนี้มีรูปร่างผอมแห้ง หว่างคิ้วเต็มไปด้วยพลังชีวิตและความเข้มแข็ง รูปร่างท่าทางยังคงความกระฉับกระเฉง แลดูไม่ได้ด้อยไปกว่าคนหนุ่มสาว
"ผู้อาวุโสของนิกายกระบี่ 7 ดาวงั้นรึ?" ต้วนหลิงเทียนจ้องไปยังบริเวณสัญลักษณ์ที่อกเสื้อของชายชรา
ดาวทั้ง 7 ดวงที่ล้อมรอบกระบี่อยู่เป็นสีทอง ... . หมายความว่าเป็นผู้อาวุโสของนิกายกระบี่ 7 ดาว!
ส่วนด้านหลังชายชราเป็นชายหนุ่ม 2 คนแลดูมีอายุราวๆ 30 ปี และจากสีลายปัก พวกมันเป็นศิษย์สายในของนิกาย
"ผู้ที่ยังมีอายุต่ำกว่า 25 ปี และคิดเข้าร่วมทดสอบ มารวมกันตรงนี้" ชายชราท่าทางเฉยชากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสงบเรียบๆแลดูไม่ดัง ทว่าด้วยพลังงานต้นกำเนิดที่บีบอัดผสานไปกับคลื่นเสียงทำให้ เสียงกล่าวคำดังก้องในหูของผู้คนอย่างชัดเจน
"เอาล่ะ ฉงเฉวียนยามนี้เจ้าก็กลับไปก่อนเถิด หากข้าต้องการอะไร ข้าจะไปหาเจ้าที่เมืองไผ่ดำด้วยตัวเอง"ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกฉงเฉวียน พร้อมพยักหน้าให้เล็กน้อย ก่อนที่จะพาสตรีทั้ง 2 เดินไปช้าๆ
ไม่นานเหล่าชายหนุ่มหญิงสาว ก็มายืนรวมตัวกัน
ชายหนุ่มหลายคนได้สังเกตเห็นลี่เฟยและเค่อเอ๋อ แน่นอนว่าพวกมันทั้งหมดล้วนตกตะลึงในความงามของทั้ง 2 คน กว่าที่พวกมันจะหายจากอาการตกตะลึงก็ใช้เวลาไม่น้อย หลังจากนั้นพวกมันก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอิจฉาอย่างถึงขีดสุด เพราะยามนี้ต้วนหลิงเทียนยืนอยู่ตรงกลางระหว่างสตรีทั้ง 2!
"ผู้คนเยอะแยะเลยเจ้าค่ะ" เค่อเอ๋อพยายามเขย่งตัวมองไปรอบๆ นางรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำ ...ยามนี้รอบๆ สมควรมีชายหนุ่มหญิงสาวที่มารวมตัวกันอยู่ไม่ต่ำกว่าพันคน
ทันใดนั้นเอง ชายชราพลันกล่าวคำขึ้นมาอีกครั้ง "ตอนนี้ผู้ใดที่ยังไม่อาจตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 ได้ก่อนอายุ 20 ปี ให้เดินออกไป!"
หลังจบคำก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินจากไป
"คนที่ยังไม่ได้ตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 1 ที่มีอายุ 22 ปีขึ้นไปแล้วออกไป!"ชายชรากล่าวต่อไป
คราวนี้มีผู้คนเดินออกไปมากกว่าเดิม
คนที่ยังไม่ตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ ด้วยวัย 22 ปี?
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
ภายในอาณาจักรนภาล่องนั้น กวาดตามองทั่วทั้งอาณาจักรตั้งแต่อดีตยันปัจจุบัน สามารถนับคนที่ตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ด้วยวัยที่น้อยกว่า 22 ได้ ด้วยมือเพียงข้างเดียว
นิกายกระบี่ 7 ดาวนี่ สมแล้วนิกายใหญ่ระดับสูงสุดของอาณาจักรพนาคราม
การทดสอบยังไม่ทันได้เริ่มต้นด้วยซ้ำ เพียงแค่การคัดเลือกคนเข้าร่วมก็ยากลำบากถึงเพียงนี้แล้ว
"คนที่ยังไม่ได้ตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 2 โดยที่ยังมีอายุในช่วง 22-23 ปี ก้าวออกไป!" น้ำเสียงของชายชรายังดังต่อมา
คราวนี้ใบหน้าของชายหนุ่มหญิงสาวมากมายล้วนแปรเปลี่ยนเป็นซีดเซียวแล้ว บางคนฉายความไม่ยินยอมออกมาเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่อาจทำอะไรได้ จำต้องจากไป
"ผู้ที่ยังไม่ได้ตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 3 และมีอายุอยู่ในช่วง 23-25 ปี ก้าวออกไป!" เสียงของชายชราดังขึ้นอีกครั้ง และยามนี้มีผู้คนหลายต่อหลายคนรู้สึกหน้าชา
รีวิวของคุณ
คุณจะให้ดาวนิยายเรื่องนี้หรือไม่