px

เรื่อง : The Strongest System จบแล้ว!!!
ตอนที่ 250 : ผายลมอำมหิต! พิษอันร้ายกาจ!!


บทที่ 250 : ผายลมอำมหิต! พิษอันร้ายกาจ!!

ณ นิกายเม้งก่า ...

ขุนเขาไร้นาม ...

หลินฟ่านได้ออกเดินทางไปผจญภัยนอกนิกายได้ 2 เดือนกว่าแล้ว ...ทว่าขุนเขาไร้นามที่เคยเงียบเหงาสงบสุข มายามนี้กลับกลายเป็นครื้นเครง คึกคักผิดหูผิดตานัก เหล่าศิษย์สาวกทั้งหลายต่างเดินสวนกันไปมา พร้อมใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

"ดียิ่ง! มิคิดเลยว่าในพื้นที่นิกายเช่นนี้ยังจักมีของสิ่งนี้อยู่อีก! สวรรค์นี่ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก" ศิษย์นิกายคนหนึ่งยืนมองสิ่งของหน้าแผงลอยแผงหนึ่ง ก่อนที่จะหยิบมันขึ้นมาและส่งมอบเงินออกไปทำการค้าพร้อมใจที่สุขสันต์

"พี่หญิงกง! ข้าขายปิงถังหูหลู* ของข้าหมดแล้ว!" ไช่ฉิเฉียวเดินแบกกระเป๋าใบเล็กมาพร้อมๆกับลูกสิงโตหิมะตัวน้อย  รอบปากของหนึ่งสาวน้อยหนึ่งสัตว์อสูรมีคราบน้ำเชื่อมติดเลอะเปรอะเปื้อน  (*ผลไม้เคลือบน้ำเชื่อมเข้มข้น)

"ที่พี่ใหญ่ซั่งของเจ้ายังมีอีกไม่น้อย เจ้าไปเอาที่เขาก่อนนะ  พี่หญิงยุ่งนักยามนี้ ฮิฮิ" สตรีที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก กงปิงเยว่  ตอนนี้นางกำลังแนะนำเครื่องประทินโฉมต่างๆให้แก่ศิษย์สตรีจากขุนเขาเจี่ยหลัน

"โอ้!" ไช่ฉิเฉียวเลียคราบน้ำเชื่อมรอบปาก ก่อนที่จะวิ่งกระโดดไปหาซั่งเอ้อกั๋ว  แล้วดึงแขนเสื้อซั่งเอ้อกั๋วทันที "ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าขอปิงถังหูหลูเพิ่ม ของเก่าข้าขายหมดแล้ว!"

"เอ้า เจ้าเอานี่ไป!" ซั่งเอ้อกั๋วเองตอนนี้ก็ยุ่งวุ่นวายไม่แพ้กัน เขาหยิบย่ามเก็บของใบหนึ่งออกมา ก่อนที่จะส่งให้ศิษย์น้องจอมซนของเขา

เมื่อได้แล้วไช่ฉิเฉียวก็วิ่งกระโดกลับไปแผงลอยขายของแผงเล็กๆของนางอีกครั้ง  นางหยิบปิงถังหูหลูในย่ามมิติออกมา 2 ไม้ พร้อมหยิบป้ายเล็กๆป้ายหนึ่งขึ้นมาด้วย

<ปิงถังหูหลู จำหน่ายหมด>

หลังจากนั้นนางก็ไปหาม้าหินตัวเล็กๆนั่ง  และเริ่มกินปิงถังหูหลูที่จะเอามาขาย??... อย่างมีความสุข หนึ่งไม้สำหรับนาง หนึ่งไม้สำหรับลูกสิงโตหิมะตัวน้อยของนาง หวานฉ่ำเอร็ดอร่อย

...

หากหลินฟ่านกลับมาตอนนี้มีหวังได้เบิกตาโพล่ง มองเรื่องราวตรงหน้าด้วยความตกตะลึงและเต็มไปด้วยความยากจะเชื่อเป็นแน่  นี่มันขุนเขาไร้นามของเขาเช่นนั้นหรือ? ไม่ใช่ว่ามันกลายเป็นตลาดสดไปแล้วหรือไร?!?

ย้อนกลับไปวันนั้น...เมื่อปรมาจารย์อู่หยา พากงปิงเยว่มาสอบปากคำที่ขุนเขาไร้นาม 

ภายใต้สายตาคมกล้าทรงอำนาจของเขา แน่นอนว่ากงปิงเยว่ย่อมไม่กล้าเอื้อนเอ่ยวาจาโกหกแม้เพียงครึ่งคำ นางกล่าวเรื่องราวทั้งหมดออกมา

หลังจากที่ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ปรมาจารย์อู่หยาก็นิ่งไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยอมปล่อยให้กงปิงเยว่เข้าพักที่ขุนเขาไร้นาม  แต่ว่านางไม่อาจป่าวประกาศบอกผู้อื่นได้ว่า นางเป็นภรรยาของหลินฟ่าน  เพราะเรื่องราวยังไม่มีอะไรกระจ่างชัด ....เรื่องเช่นนี้ต้องรอให้หลินฟ่านกลับมายืนยันเสียก่อน

แต่ความเห็นของปรมาจารย์อู่หยา  แน่นอนว่าหลินฟ่านย่อมบอกว่าสตรีที่งดงามผู้นี้เป็นของมันแล้วแน่แท้

แต่จะอย่างไรเรื่องราวทั้งหมดก็ล้วนแต่ต้องรอเจ้าตัวมายืนยันทั้งสิ้น  ...ยามนี้ปรมาจารย์อู่หยาเพียงสงสัยอยู่เรื่องเดียว ...ว่าเจ้าตัวแสบนั้นไปวิ่งเล่นถึงที่ใดแล้ว

ส่วนทางด้านกงปิงเยว่นั้น เมื่อนางมาถึงขุนเขาไร้นามที่เงียบสงบ...โล่งไปหมด ความคิดของนางพลันแล่นพล่านอย่างคึกคัก นางเรียบเรียงเรื่องราวก่อนที่จะกล่าวบอกแผนการค้าของนางต่อทุกคน

ในบรรดาศิษย์ทั้งหมด ซั่งเอ้อกั๋วย่อมมีหัวด้านนี้ไวที่สุด มันย่อมมองเรื่องราวได้แตกฉานกระจ่าง และเห็นด้วยเป็นคนแรก และด้วยอำนาจในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ แน่นอนว่าทุกคนย่อมต้องเห็นด้วยตามมันโดยปริยาย

เพราะเมื่ออาจารย์ไม่อยู่ ศิษย์พี่ใหญ่ก็มีอำนาจสูงสุด

หลังจากนั้นกงปิงเยว่ก็เริ่มให้เมี่ยเฉิงฉีพานางไปกลับเมืองโม่กับนิกายเม้งก่า ...นี่เพื่อที่นางจะได้ไปรวบรวมสินค้ามากมายหลายอย่างที่ยากจะหาได้ในนิกาย!  และด้วยความที่เมี่ยเฉิงฉีนั้นแข็งแกร่งเหนือล้ำไร้ผู้ต่อต้านในรุ่นเดียวกัน  กงปิงเยว่จึงไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของตัวนางเลยระหว่างเดินทาง

สุดท้ายขุนเขาไร้นามก็เริ่มคึกคักเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เหล่าศิษย์สาวกหลายต่อหลายคนเริ่มมาเยือนขุนเขาไร้นามเป็นประจำ เพื่อซื้อหาสิ่งของที่พบได้แต่ในโลกภายนอก กระทั่งมีบ้าง..เป็นของที่พวกมันฝากสั่งเอาไว้  ทางด้านการแลกเปลี่ยนนั้นก็มีราคาเหมาะสมยุติธรรม

ซั่งเอ้อกั๋วและไช่ฉิเฉียวเองก็กระตือรือร้นและขยันขันแข็งทำหน้าที่ต้อนรับขับสู้อย่างดี  เพราะสำหรับเขาแล้วการที่ขุนเขาไร้นามคึกคักมีชีวิตชีวาเช่นนี้มันสนุกสนานนัก  ยิ่งเด็กน้อยอย่างไช่ฉิเฉียวด้วยแล้วย่อมสามารถเพลิดเพลินกับการพบปะเพื่อนใหมๆ รวมทั้งยังมีปิงถังหูหลูให้นางกินได้ตามใจปาก

...

เมืองปีศาจชีพมลาย ...

หลินฟ่านหยุดยืนมองดูหน้าร้านค้าแห่งหนึ่ง..

นี่เป็นร้านค้าโอสถ ...และด้วยความสามารถสกิลทำยาอันแสนจะยอดเยี่ยมของหลินฟ่าน แน่นอนว่าตัวเขาย่อมมีเม็ดยาเป็นตั้งๆ หากเขาไม่เอามันมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินที่ใช้กันในเมืองปีศาจชีพมลายแล้วล่ะก็ แม้แต่เรื่องพื้นฐานอย่างที่พักหรืออาหารก็นับว่าเป็นเรื่องใหญ่หลวงขึ้นมาแล้ว

ศาลาเทียนเป่า ...

ก็เป็นชื่อที่ไม่เลวเท่าไหร่ แลดูทรงพลังอำนาจไม่น้อย ตอนนี้หลินฟ่านเองก็กล่าวได้ว่ามาต่างที่ต่างเมือง และดูท่าเมืองปีศาจชีพมลายนี้จะไม่ได้ง่ายดาย ตัวเขาจึงต้องระมัดระวังไม่น้อย ไม่กล้าทำอะไรผลีผลามบุ่มบ่าม ด้วยไม่รู้ว่าจะบังเอิญพบเจอ ปะทะผู้ฝึกยุทธ์ระดับสวรรค์อมตะที่อยู่ในเมืองนี้ตอนไหน หากเขาไม่สำรวมให้มากเข้าไว้เกรงว่าจะเจอเรื่องราวยากลำบากเอาได้

"ท่านลูกค้า มิทราบว่าต้องการซื้อหาอันใด?" เจ้าของศาลาเทียนเป่าที่กำลังพลิกสมุดบัญชี ตรวจสอบอยู่นั้น เมื่อเห็นผู้เปิดประตูเข้ามา เขาก็รีบลุกเดินออกมากล่าวต้อนรับอย่างสุภาพ พร้อมรอยยิ้ม

"ข้ามีโอสถบางอย่างจะมาขายน่ะ" หลินฟ่านกล่าวออกมา

"เรื่องนี้ต้องขออภัยด้วยท่านลูกค้า พวกเราเพียงขายมิรับซื้อ" ใบหน้าของเจ้าของร้านเปลี่ยนเป็นผิดหวังทันที เขากล่าวออกมาอย่างเศร้าๆก่อนที่จะกลับไปนั่งพลิกดูสมุดบัญชีเหมือนเดิม ซ้ำยังโบกมือไล่หลินฟ่านอีกด้วย

หลินฟ่านจึงเดินสำรวจที่ทางไปเรื่อยๆ พร้อมมองหาร้านค้าอื่นๆ

"อาแปะ ข้ามีอาวุธแจ่มๆมาขายให้ท่านน่ะ"

"ไอ้หยา ซี้เลี้ยว! อั๊วะ ขาย หยั่งเลียว อั๊วะ ม่ายระซื้อ "

...

หลังจากที่แวะเข้าร้านค้าอยู่ 2-3 ร้านหลินฟ่านก็เริ่มบังเกิดโทสะขึ้นมาแล้ว

‘เชี่ยเอ๊ย! ทำไมในนิยายหรือไอพวกเกมส์ RPG ทั้งหลายแหล่ เวลาไปเมืองใหม่ มันเอาของไปขายได้เงินกันง่ายนักวะ ตอแหลทั้งเพ!’

‘พวกร้านในเมืองเชี่ยนี่ แม่งไม่รับห่าอะไรสักอย่าง แล้วพี่จะอยู่ยังไงวะเนี่ย!!’

แต่สุดท้ายแล้วเขาจะไปว่าอะไรร้านค้าพวกนี้ได้?  เพราะร้านค้าเหล่านั้นมันก็มีโอสถและสิ่งของๆตัวเองเอาไว้ขาย  หากรับซื้อของคนอื่นมาขาย ทั้งๆที่ลำพังของตัวเองยังขายไม่ค่อยจะได้ จะเอากำไรมาจากไหน? ทั้งในเรื่องคุณภาพอีกใครจะไปรับประกันได้? แล้วจะให้พวกมันรับซื้อได้อย่างไร?

'ช่างหัวแม่ง' เนื่องจากไม่มีใครคิดที่จะรับซื้อสิ่งของจากเขา เช่นนั้นหลินฟ่านคงต้องกลับไปทำการค้าไร้ต้นทุนเหมือนเดิมแล้ว... ‘ใครรวยพี่ประมุขจะปล้นแม่มให้หมด’

หลินฟ่านเดินทอดน่องไปตามถนน สองตาจับจ้องไปทั่ว มองหาเหยื่อกระเป๋าหนัก

"โอ้ แม่สาวน้อย เจ้าคิดอยากเป็นคู่ครองของข้าหรือไม่? ฮ่าๆๆ " เสียงหัวเราะชั่วร้ายหนึ่งดังขึ้นเข้าหูของหลินฟ่าน  แทบจะไม่ต้องเห็นหน้าคนพูด หลินฟ่านก็มองเห็นได้ทันทีว่าคนพูดไม่พ้นพวกไร้ยางอายแน่นอน

และเมื่อเดินไปเรื่อยๆ ก็ได้พานพบผู้กล่าววาจาเมื่อครู่ มันเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งพร้อมผู้ติดตามอีกไม่น้อยเดินตามอยู่ด้านหลัง

ดูเหมือนพวกมันจะถูกชะตากับผู้ฝึกตนหญิงคนนั้น  ซ้ำดูท่ามันจะชมชอบนางไม่น้อย

หลินฟ่านสังเกตการณ์อย่างระวัง

ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นต่ำ

‘ไม่เลวๆ’ ด้วยระดับบ่มเพาะที่มีพอสมควร หลินฟ่านคิดว่าหากได้มันมาเป็นผู้อุปถัมภ์เขาสักหน่อย คงมีผลสำเร็จไม่น้อย..

ทว่าเมื่อมองเห็นเสื้อที่ชายหนุ่มคนนั้นสวมใส่อยู่หลินฟ่านก็ลังเลไม่น้อย  เพราะพึงแม้มันจะสวมใส่เสื้อผ้าเรียบง่ายหรูหราแลดูมีเงิน ทว่าตราสัญลักษณ์ 5 กรงเล็บที่ปักไว้นั่น ย่อมสร้างปัญหาให้เขาได้ไม่น้อย

ดูเหมือนว่าชายหนุ่มคนนี้จะมาจากตระกูลเย่า

แม้หลินฟ่านจะยังไม่รู้ว่าตระกูลเย่าทำอะไรได้บ้าง หรือมีอำนาจขนาดไหน  แต่เขารู้ว่า มือขนาดใหญ่ที่แหวกผืนฟ้าลงมานั้น ต้องมาจากตระกูลเย่าเป็นแน่

เพราะเท่าที่รู้มาภายในเมืองปีศาจชีพมลายนี้ไม่มีผู้เชี่ยวชาญหรือตัวตนอื่นใดที่ทรงพลังไปกว่าตระกูลเย่าอีกแล้ว นั่นทำให้เขาคาดเดาแหล่งที่มาของมือขาดมหึมานั้นได้โดยง่าย

และเรื่องราวก็เป็นดั่งที่คิดไว้ไม่มีผิด ถึงแม้ผู้ฝึกตนสตรีนางนั้นจะแข็งแกร่งกว่าชายหนุ่ม มาก แต่นางก็ไม่กล้าลงมืออะไร  แต่ชายหนุ่มนั้นก็ไม่ได้กระทำการไม่ดีอะไรมันเพียงกล่าวแซวเท่านั้น แล้วมันก็เดินจากไป

ส่วนผู้ฝึกตนรอบๆ ก็ทำได้เพียงเดินหลีกทางให้มันเท่านั้น เพราะกริ่งเกรงลายปีก 5 กรงเล็บของมัน

หลินฟ่านเองก็แอบเดินตามชายหนุ่มคนนี้มาด้วยเช่นกัน... ‘ไอหอกนี่มันจะไม่ เวอร์ไปหน่อยเหรอวะ  แม่งเอ๊ย! ลายปัก 5 กรงเล็บแทบจะทั้งตัว เอ็งกลัวคนอื่นมองไม่เห็นหรือไงวะ!’

"พวกเจ้ารออยู่ตรงนี้ก่อน ข้าจะไปปลดทุกข์" เย่าหวูเสียกล่าวพร้อมโบกมือ "อ่อจริงสิ พวกเจ้าถอยไปให้ห่างกว่านี้อีกนิดก็ดี ไปอีก..."

"ขอรับนายน้อย!"

ได้โอกาสแล้ว!

หลังจากติดตามชายหนุ่มมาเป็นเวลานาน หลินฟ่านก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก เพราะนี่เป็นโอกาสที่เขารอคอย  ในที่สุดชายหนุ่มคนนี้ก็อยู่คนเดียว

"ฮี่ฮี่ฮี่ ได้เวลาปลดทุกข์แล้วสิ"  เย่าหวูเสีย กล่าวออกมาพร้อมเริ่มถอดกางเกง และนั่งยองๆลงอย่างมีความสุข ศีรษะส่ายไปมาอย่างอารมณ์ดี

ถึงแม้ว่า เย่าหวูเสียผู้นี้จะเป็น ขยะไร้ค่าของตระกูลเย่าแล้วจะอย่างไร?เขายังใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขดีและมีอำนาจไม่น้อยยามที่เดินเล่นภายในเมือง

หลินฟ่านที่ใช้เร้นกายติดตามชายหนุ่มเข้าห้องสุขามาด้วย  ก็มองไปยังชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังอารมณ์ดี โดยที่ตัวเขาเองก็พลอยอารมณ์ดีไปด้วย  เป้าหมายอันดีงาม! ‘ขี้ให้สุดแล้วหยุดที่หมดตูด หมดตูดของจริง ฮ่าๆๆๆ’

ปู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!

ใบหน้าของเย่าหวูเสียแดงก่ำ เขาผายลมออกมายาวนานเสียงทุ้มต่ำ ราวกับท่วงทำนองดับเบิลเบสของวงออร์เครสต้า

ควันสีเหลืองฟุ้งตลบอบอวลแพร่กระจายปกคลุมไปทั่วห้องสุขา

"อาหหหห์ ...ดียิ่ง ... โล่งท้องนัก...อืมห์ " เย่าหวูเสียเผยสีหน้าสุขอุราออกมา เพราะมันช่างสุขีเหลือจะพรรณนา ...ดังโบราณท่านว่า สุขใดไหนเล่าเท่าปลดทุกข์

ส่วนหลินฟ่านที่กำลังจะลงมือซัดชายหนุ่มที่นั่งขี้นั้น อยู่ๆสีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นร้ายแรง สองตาเบิกโพล่งออกมาด้วยความยากจะเชื่อ

"เชี่ย ... ตด... แม่งง...เป็นพิษ "

รีวิวผู้อ่าน