px

เรื่อง : The Strongest System จบแล้ว!!!
ตอนที่ 260 : ชิคกี้มะได้ขี้ขลาดน๊า ป๊ะป๋ามะให้ชิคกี้บู๊เองง!


บทที่ 260 : ชิคกี้มะได้ขี้ขลาดน๊า ป๊ะป๋ามะให้ชิคกี้บู๊เองง!

หลินฟ่านคิดร่ำไห้แต่กลับไร้น้ำตา สถานที่ผีสางบัดซบนี่ ไม่ควรมีผู้ใดเสล่อลงมาจริงๆ!

ตอนนี้เขาทำได้เพียงใช้ขวานนิรันดร์ออกมาสับฟันมือทมิฬเป็นพัลวัน  แต่เรื่องของเรื่องก็คือมือทมิฬพวกนี้กลับมากมายมหาศาลราวกับภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ ปิดกั้นครอบคลุมไปทั่วบริเวณ แออัดไปทั่วพื้นที่ใต้ดินอันลึกลับแห่งนี้

"โว้ย! ไอลูกโสเภณีสาธารณะ ... เป็นเอ็งที่บีบคั้น ให้พี่ลงมือเองนะ" ตอนนี้หลินฟ่านเริ่มบังเกิดความตื่นเต้นคึกคักขึ้นมาเพราะความหงุดหงิด  ยามต้องเผชิญอันตรายเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย มีแต่ต้องสู้ตายแสดงพลังอำนาจออกมาเพื่อฝ่าทางตัน

“กระบี่ดารานภากาศ”

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ลงมือเต็มกำลังอย่างไม่ตั้งใจที่มณฑลเขาเขียว หลินฟ่านก็สามารถบรรลุ กระบี่ดารานภากาศ ในอีกขีดขั้นระดับหนึ่ง

และจากความทรงจำในตอนนั้น เขายังจำได้ดีถึงห้วงจิตที่ทำให้เขาบรรลุเพลงกระบี่นี้  เขาจึงตั้งชื่อมันว่า..กระบี่คุณธรรม 

ตอนนี้วิชาจิตมารนภาไร้ลักษณ์เองก็ถูกใช้ออกมาเต็มพลัง ร่างพญามาร 3 เศียร 6 ปรากฏก่อตัวแข็งแกร่งด้านหลังหลินฟ่าน ด้วยพลังจิตตานุภาพที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ร่างพญามารยิ่งชัดเจน และตอนนี้ในมือทั้ง 6 ของมันก็เต็มไปด้วยกระบี่มวลอากาศจากวิชากระบี่ดารานภากาศ และ กระบี่คุณธรรม ซ้ำยังวิชาจิตสำนึกอย่างเจตกระบี่เอง ก็ถูกใช้งาน ทำให้รอบๆ ร่างของหลินฟ่านบังเกิดเป็นเขตแดนกระบี่   พลังงานรอบๆหลอมรวมควบแน่น จากไม่มีสู่มีก่อร่างเป็นกระบี่ไร้สภาพขึ้นมาอย่างไร้จำกัด

ในที่สุดเมื่อลงมือเต็มกำลัง มือสีดำก็ถูกหลินฟ่านจัดการได้อย่างรวดเร็ว สถานการณ์เริ่มคลี่คลายลงมาบ้าง

"ชิคกี้ ออกมา!"

'กุ๊ก กุ๊ก กู !!!'

เมื่อชิคกี้มันได้ออกมา สิ่งแรกที่มันทำก็คือกู่ร้องเพื่อประกาศศักดา แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของมัน  แต่ทว่าเมื่อมันหันมองรอบๆบริเวณที่มืดๆสลัวๆ  ซ้ำยังมีมือทมิฬสีดำอันตรายน่ากลัวที่พุ่งมาหมายจับร่างมัน  ปีกที่แผ่อยู่ก็ลู่ตกลงมาด้วยความหวาดกลัว  มันเริ่มร้องเสียงหลงดังกุ๊กๆ วิ่งไปเกาะขาหลินฟ่านทันที

“โอ๊ย ไอชิคกี้ อย่าป๊อด! ช่วยๆ กันทำมาหากินหน่อยเว้ย!” หลินฟ่านกล่าวออกมา สองมือของเขายังคงเหวี่ยงขวานนิรันดร์ถี่ยิบ บ้างสะบัดควบคุมกระบี่ไร้สภาพหมุนวนรอบๆทำลายมือสีดำ  ร่างพญามาร 3 เศียร 6 กรเองก็เคลื่อนไหววูบวาบสับฟันมือทมิฬที่พุ่งเข้ามาไม่หยุดหย่อน   กล่าวได้ว่านอกจากช่องว่างรอบๆ ตัวหลินฟ่านแล้วยามนี้ ทุกที่เต็มไปด้วยมือทมิฬที่ปิดกั้นอยู่

“กุ๊ก กุ๊ก !!”

ชิคกี้มองไปรอบๆ ก่อนที่จะร่ำร้องออกมา ปีกขนโกร๋นของมันสั่นพั่บๆ มันเริ่มทำใจได้ ก่อนที่จะพยายามโบกปีก ใช้กรงเล็บน้อยๆข่วนไปมารอบๆบริเวณ  ตีปีกพั่บๆหมุนตัวเพิ่มพลังทำลายจัดการมือทมิฬรอบๆอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนที่มันจะตัดสินใจกระโดดพุ่งขึ้นไปในอากาศด้วยแววตาตั้งมั่น

“กุ๊ก กู้ !!”

พริบตานั้นเองแสงสีแดงลึกลับพลันแผ่ซ่านออกมาจากร่างชิคกี้อย่างอัศจรรย์  ยามนี้พื้นที่อันมืดมัวสลัวใต้ดินบังเกิดภาพลี้ลับไก่ไร้ขน ห้อมล้อมไปด้วยพลังงานลึกลับสีแดง  ทั้งร่างส่องประกายแดงฉานราวเป็นไก่เทพยาดา   ก่อนที่จะบังเกิด ลำแสงพวยพุ่งออกจากร่างมันทุกทิศทางกวาดผ่านสลายมือทมิฬไปอย่างง่ายดาย

หลินฟ่านที่อยู่ข้างๆ ถึงกับต้องยกมือขึ้นมาบังสายตา  ลำแสงสีแดงของเจ้าชิคกี้นี้นับว่า อลังการงานสร้างอย่างแท้จริง เจิดจรัสนัก!

ไม่นาน หลินฟ่านพลันต้องระบายลมหายใจออกมาอย่างเหน็บหนาว เพราะตอนนี้เหล่ามือทมิฬที่หนาแน่นราวภูษาฟ้าไร้ตะเข็บได้สลายหายไปหมดสิ้น

“โห! เจ๋งโคตเลย ชิคกี้ ให้มันได้งี้สิวะ” หลินฟ่านอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและชื่นชมเจ้าชิคกี้  หากชิคกี้ไม่สำแดงเดชกวาดเรียบแบบนี้ ตัวหลินฟ่านเองก็ไม่มั่นใจว่าจะทำลายมือทมิฬนั่นได้หมดสิ้น

“กุ๊ก กุ๊ก กุ๊ก กุ๊กกู” ชิคกี้ที่แสดงอิทธิฤทธิ์เสร็จสิ้นก็ลงมายืนบนพื้น มันเชิดหน้าชูคออย่างองอาจ หันมามองหลินฟ่านพร้อมพยักหน้าราวกับจะบอกว่า ‘ไงล่ะป๊ะป๋า  บอกแล้วอย่าให้ถึงมือหนู’

มันค่อยๆเดินมาหาหลินฟ่านด้วยท่าทางภาคภูมิใจ ก่อนที่จะกระโดดปราดเดียวขึ้นไปเกาะบนไหล่ของหลินฟ่าน แล้วเริ่มเอาหัวถูแก้มของหลินฟ่านอย่างน่าเอ็นดู

"เจ๋งมาก! พี่จะจำความสุโค่ยของเอ็งวันนี้เอาไว้" อารมณ์ที่ตึงเครียดในใจของหลินฟ่านเริ่มผ่อนคลายลงบ้าง ตอนนี้เขาเริ่มใจชื้นขึ้นมาบ้างแล้ว

ทันใดนั้นเอง เจ้าชิคกี้ก็ได้ใจโดดไปนั่งบนหัวของหลินฟ่านพร้อมกางปีก กู่ร้องออกมา ราวกับมันจะแสดงว่า สถานะของมันยกระดับขึ้นมาแล้วนะ

หลินฟ่านกลอกตาขึ้นไปมองมัน “เจริญ เอากับมันสิ! ไอชิคกี้เอ๊ย ไม่ค่อยเลยนะเอ็ง?”

ตึงงง! ตึงงงง!

ในขณะที่หลินฟ่านและชิคกี้กำลังหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานนั้นเอง เสียงดังโครมครางราวกับอะไรบางอย่างกำลังพังทลายก็ดังขึ้น  1 คน 1 ไก่ ต่างหันไปมองตามเสียงอย่างพร้อมเพรียง หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ทำได้เพียงกระพริบตาปริบๆ...

ทีละปล้อง ทีละข้อ... ยามนี้อักขระสีทองที่ตราอยู่บนโซ่เริ่มจากหายไป...นี่เพราะสายโซ่เส้น 1 ได้ขาดลงมาแล้วทำให้พลังสะกดของเขตแดนอาคมที่ก่อร่างไว้เริ่มไม่เสถียร

“ชิบหายแล้ว! เอ็งทำไรลงไปวะเนี่ย ชิคกี้?!” หลินฟ่านกล่าวออกมาอย่างด้วยอาการตกตะลึง พร้อมหันไปมองชิคกี้

“กุ๊ก กู?” ชิคกี้เองก็หันมามองหลินฟ่านด้วยสองตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก มันส่ายหัวน้อยๆ ราวกับบอกว่า ‘หนูไม่รู้ หนูไม่ได้ตั้งใจ’

หลินฟ่านกลืนน้ำลายดังเอื๊อก เพราะยามนี้สังหรณ์อันตรายมันดังลั่นอยู่ในใจ เขารีบกล่าวออกมาด้วยความร้อนรน

"ชิคกี้!  รีบหนีออกจากที่บัดซบเร็วเข้า!" หลินฟ่านกล่าวจบก็จับชิคกี้ด้วยมือข้างเดียว พร้อมพุ่งร่างออกไปเต็มกำลังทันที  จากประสบการณ์ของเขา เขารู้ดีว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น ฉากแบบนี้มันชัดเจนแจ่มแจ้ง...

BOSS ใหญ่กำลังจะโผล่ออกมาแล้ว!!

โดยปกติแล้วหลินฟ่านนั้นก็มักจะตื่นเต้นไม่น้อย ในยามที่ BOSSใหญ่ประจำสถานที่จะปรากฏกายออกมา  แต่สำหรับ BOSSใหญ่ของสถานที่แห่งนี้ เขาไม่คิดอยากจะเจอกับมันเลยสักนิด...ความหวาดหวั่นที่มากกว่าครั้งใดเริ่มบังเกิดขึ้นมา

‘ไอชิคกี้ ไอชิบหาย! เวรเอ๊ย ...ทำลายไอมือดำนั่นมันก็ดีอยู่หรอก  แต่ทำไมเอ็งต้องคึกไปทำลายโซ่ คลายผนึกให้ไอเปรตนั่นด้วยวะ!  แบบนี้มันเรียกวอนหาตีน ไม่ใช่ไง?’

ตึงงงงงงงงง!  ครืนนนนนน!! ฮูววววววว

เมื่อไร้โซ่คอยขึงเอาไว้ ตัววิหารก็เริ่มร่วงหล่นลงมา  ในขณะเดียวกันนั้นโลหิตที่ชโลมไปทั่วทั้งวิหารก็เหมือนจะฟื้นคืนพลัง มันเริ่มเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต กลิ่นอายน่าพรั่นพรึงแผ่ซ่านออกมา

หลินฟ่านนั้นแน่นอนไม่คิดจะหันไปเหลียวแลด้านหลัง ต้อนนี้เขาโกยหน้าตั้ง มองไปยังทางออกเบื้องหน้า ...ที่เหลือ อีกแค่ ไม่กี่ก้าวเท่านั้น

แต่ในขณะที่หลินฟ่านกำลังจะก้าวออกไปนั้น ก็พบว่ามีมือมือขนาดมหึมาตบฟาดเข้ามาจากด้านนอก โดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว

ใจของหลินฟ่านหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม  มือขนาดมหึมานั่น ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงสีดำทมิฬ แลดูน่าหวาดหวั่นและทรงพลังอย่างมาก

ปังงงงง!

'ติ๊ง!! ... กายปีศาจนิรันดร์ EXP 100,000'

ถึงแม้การตบฟาดครั้งนี้เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บมากมายอะไร แต่แรงกระแทกก็ทำให้ร่างของเขาปลิวกระเด็นไปด้านหลัง 1 คน 1 ไก่กระเด็นกระดอนล้มลุกคลุกคลาน

และเมื่อหลินฟ่านพยายามลุกขึ้นมายืนได้สำเร็จเขาก็พบว่ายามนี้ มือขนาดใหญ่ ได้ปิดช่องแคบๆ ที่เป็นทางออกเอาไว้เรียบร้อยแล้ว  มือทมิฬขนาดมหึมาค่อยๆแปรรูป มันเริ่มยวบยาบคล้ายของเหลว ก่อนที่จะแผ่ไปปกคลุมทางออกจนมิดสนิท และเริ่มที่จะแข็งตัว กลายเป็นกำแพงแกร่งยากทะลวงผ่าน

หลินฟ่านหันไปรอบๆทันที...ไม่มีทางออกอื่น

“เชี่ยเอ๊ย!  ทำไมชีวิตลำบากนักวะ!”หลินฟ่านแทบร่ำไห้แล้ว  เขารีบหันไปมองรอบๆอย่างลุกลี้ลุกลน  เขาต้องการหาทางออกไปจากที่นี่ ให้ได้ ก่อนที่  BOSSใหญ่จะปรากฏตัว!

แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ไร้ซึ่งวี่แววทางออก  เขาปาดเหงื่อเม็ดเขื่องที่ผุดซึมออกมากลางหน้าผาก  ตอนนี้เขาทำได้เพียงยืนมองภาพวิหารที่กำลังสั่นสะเทือนด้วยความสิ้นหวัง

“สวรรค์ทำไมถึงทำกับพี่แบบนี้...ไม่คิดเหรอว่าถ้า พี่ประมุขอันเป็นหนุ่มหล่อ ความสามารถเลิศล้ำ ต้องมาดับอนาถตายลงที่นี่  มันจะทำให้นิกายสูญเสียขนาดไหน ทำให้ทวีปตงหลินสูญเสียขนาดไหน จะทำให้โลกใบนี้สูญเสียขนาดไหน?”

ตอนนี้หลินฟ่านกำลังจมอยู่กับความเศร้าเพราะอับจนหนทาง  แต่ตัวเขาก็รู้ดี...หากเขาจะต้องตายที่นี่ อย่างน้อยก็ต้องไว้ลายและทิ้งอะไรบางอย่างเอาไว้บ้าง เพื่อให้โลกรู้

เขาใช้ดัชนีต่างดินสอ สลักอักษรไว้ที่พื้น

‘ในปีศักราช 6,385 แห่งทวีปตงหลิน  ปรมาจารย์แห่งขุนเขาไร้นามของเม้งก่า ประมุขนิกายปีศาจศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่ 6 หลินฟ่าน  เพื่อป้องกันไม่ให้โลกผจญกับหายนะ ได้ก้าวไปเผชิญหน้ากับภัยพิบัติน่าพรั่นพรึงจากเงื้อมมือแห่งความชั่วร้ายอย่างไม่หวาดหวั่น และเลือกหนทางแห่งความพินาศไปพร้อมกันกับเทพมารอสูร เพื่อปกปักษ์รักษาสันติภาพของโลก’

...

หลินฟ่านมองไปยังอักษรที่เขาสลักเอาไว้ด้วยความพอใจ

“กุ๊ก กุ๊ก!” ชิคกี้ เอาปีกตีไปที่หลินฟ่านเบาๆ ก่อนที่จะชี้ไปที่ อักษรพร้อมกับชี้มาที่ตัวเอง ราวกับจะถามว่า “แล้วหนูล่ะ?”

หลินฟ่านหันไปมองชิคกี้ ก่อนที่จะพยักหน้า พร้อมก้มลงไป เขียนคำต่อท้าย

'สัตว์เลี้ยง ชิคกี้ ก็อยู่ด้วย'

หลังจากนั้นหลินฟ่านก็วาดภาพชิคกี้ลงไป

"ไงล่ะ ตอนนี้ Ok ยัง?" หลินฟ่านใช้เรื่องนี้เพื่อบรรเทาความวิตกและความหวั่นหวั่นกังวลในใจ ใจ แม้เขาจะไม่รู้ว่าไอตัวที่อยู่ในวิหารจะน่ากลัวและแข็งแกร่งขนาดไหน แต่เขาก็เตรียมการรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้ก่อน

ถึงแม้ชิคกี้จะไม่เข้าใจความหมายของตัวอักษร แต่มันก็เงยหน้าขึ้นมามองหลินฟ่านด้วยความยินดี

หลินฟ่านมองไปที่วิหาร  ตอนนี้เองโซ่เส้นสุดท้ายก็ขาดผึงลง ทิ้งตัววิหารให้ร่วงหล่นลงมากระแทกพื้น บังเกิดแรงกระแทกอากาศแผ่ซ่าน ฝุ่นดินตลบคลุ้งฟุ้งกระจาย

เพล้งงงง!

ตอนนี้กระเบื้องหลังคาทั้งหมดได้ถล่มพังลงมา จากการที่วิหารตกกระแทกพื้น...ทว่าโลหิตที่ชโลมไปทั่ววิหารยามนี้กลับเริ่มเปล่งประกายแดงฉานอย่างน่าหวาดหวั่น ก่อนที่จะไหลเข้าไปในวิหารราวกับมีชีวิต

หลินฟ่านมองภาพตรงหน้าด้วยคิ้วที่ขมวดเป็นปม ส่วนชิคกี้ตอนนี้มันหวาดกลัวจนตัวสั่น ปีกทั้ง 2ลู่ลงไป มันไปแอบด้านหลังหลินฟ่านพร้อมเกาะขาเอาไว้

ยโสโอหังวางท่าต่อผู้อ่อนแอ  แต่ขี้ขลาดหลีกหนีเมื่อเจอผู้เข้มแข็ง... นี่คือคำขวัญประจำกายชิคกี้

กลิ่นอายลี้ลับที่แผ่ซ่านออกมาจากวิหาร ทำให้หลินฟ่านบังเกิดความประหวั่นในใจ  หลินฟ่านรู้ดีว่า อะไรก็ตามที่อยู่ด้านในนั้น ไม่ใช่อะไรที่ตัวเขาจะจัดการกับมันได้ง่าย

"ชิคกี้ แกรีบไปแอบก่อนไป" หลินฟ่านกล่าวออกมา พร้อมตบไปที่ชิคกี้เบาๆ

ชิคกี้พลันเกาะขาหลินฟ่านแน่น ราวกับจะบอกว่า ‘หนูจะสู้พร้อมกับป๊ะป๋า หนูทำได้!’

"ไม่ต้องทำเก่ง รีบไปแอบเร็ว  อยู่ไปก็เกะกะพี่เปล่าๆ" หลินฟ่านสะบัดขา เขี่ยชิคกี้ออกไป...เมื่อเจอแบบนี้ ชิคกี้ก็ทำได้เพียงหันหลัง และเดินจากไปด้วยแผ่นหลังที่เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว...

เมื่อมันเดินไปได้ 3 ก้าวมันก็หันกลับมามองหลินฟ่าน ด้วยสายตาเศร้าๆแฝงความไม่ยินยอม  ราวกับมันกำลังจะบอกว่า  "ไม่ใช่ว่าหนูขี้ขลาดไม่กล้าอยู่สู้นะ  แต่เป็นป๊ะป๋า ที่ไม่ยอมให้หนูสู้เอง... "

และเมื่อมองด้วยสายตายากยอมรับจบ ชิคกี้ก็รีบจ้ำอ้าววิ่ง จากไปด้วยความเร็วสุดชีวิต ...ทิ้งไว้เพียงฝุ่นดินที่ฟุ้งตลบจากการก้าวขาอันรวดเร็ว  หลังจากที่มันวิ่งไปห่างไกล มันก็หาที่แอบ ก่อนที่จะโผล่หัวเล็กๆของมันแอบมองออกมา เพื่อตรวจสอบสถานการณ์เป็นครั้งคราว...

...

รีวิวผู้อ่าน