ตอนที่ 29 : การทดสอบหวงหยวน
“ ได้ ท่านรอสักครู่” หลินไห่หยาพยักหน้าตอบกลับอย่างนอบน้อม
ก่อนจะหันกลับมาก็พูดกับจางยู่ที่อยู่ข้างๆว่า “จางยู่ เจ้ารีบไปที่ตึกพัก เลือกห้องที่ใหญ่ที่สุดและทำควาสะอาดมันซะ ใต้เท้าโจวเดินทางมาเหนื่อยๆจำต้องพักผ่อน”
โจวซุนโบกมือ “ไม่ต้องยุ่งยากแบบนั้นหรอก แค่พาข้าไปที่ห้องก็พอ”
“ นั่นมัน....” หลินไห่หยาลังเลสักพัก ก่อนจะพยักหน้า “ได้ จางยู่เจ้านำทางใต้เท้าโจวไปที่ตึกพักเถอะ”
จางยู่โค้งคำนับโจวซุนอย่างนอบน้อม แล้วพูดขึ้นมาว่า “ใต้เท้าโจว เชิญทางนี้”
โจวซุนจัดเสื้อผ้า แล้วก้าวเท้าออกไป แต่เดินได้เพียง 3 ก้าว เขาก็หยุดและหันกลับมามองหลินไห่หยาและลัวเยว่ซาน ก่อนจะพูดกึ่งบอกกึ่งเตือนว่า “ข้าไม่ชอบความวุ่นวาย หากเป็นเรื่องเล็กน้อยก็อย่ามารบกวนข้า” หลังจากที่พูดจบ เขาก็เดินหน้าต่อ
หลังจากนั้นสักพัก ทั้งสองคนก็เดินหายไปจากสายตาของทุกคน
หลังจากมองส่งโจวซุนและจางยู่เดินจากไป หลินไห่หยาก็หันกลับมามองรอบๆ แล้วกล่าวเสียงขรึมว่า “ไปที่ห้องประชุมกับข้า”
...
ในห้องประชุม หลินไห่หยาและลัวเยว่ซานนั่งอยู่ด้านบน โดยมีครูฝึกคนอื่นๆนั่งประจำอยู่ด้านล่าง
“เรื่องใต้เท้าโจวและสิ่งที่จะพูดต่อไปนี้ ทุกคนต้องปิดเป็นความลับและห้ามใครหลุดปากพูดออกไปเป็นอันขาด” สีหน้าของหลินไห่หยาเคร่งขรึม ขณะจ้องมองไปที่เหล่าครูฝึกแต่ละคนด้วยสายตาอันคมกริบ
ทุกคนต่างนั่งนิ่ง ก่อนจะรีบพยักหน้าตอบรับ “ขอรับ!”
หลินไห่หยาหันกลับมามองลัวเยว่ซาน “น้องลัว คำพูดของใต้เท้าโจวชัดเจนดีอยู่แล้ว เขาจะไม่จัดการกับจางหยู นอกซะว่าเราจะล่อเขาเข้าไปในที่แคบ แต่เราจะล่อไปยังไงและไปที่ไหนนั้น เจ้ามีความคิดยังไงบ้าง?” จากนั้นหลินไห่หยาก็มองไปที่ครูฝึกคนอื่นๆแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าก็ลองคิดดู ใครมีความเห็นดีๆบ้าง ?”
หลังจากได้ยินแบบนั้น ลัวเยว่ซานก็กุมขมับแล้วพูดว่า “สมองข้าในตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมด ข้าคิดอะไรไม่ออกเลย พี่หลิน ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว !”
เหล่าครูฝึกสำนักเฉินกวงเองก็ครุ่นคิดอยู่สักพัก แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
หลินไห่หยาขมวดคิ้วและไม่พอใจเล็กน้อย “ในยามปกติ พวกเจ้าแต่ละคนก็ใช้ชีวิตอยู่กันอย่างสุขสบาย แต่ตอนนี้ข้าต้องการให้พวกเจ้าคิดหาทาง กลับไม่มีสักคนที่พูดออกมา หึ พวกไร้ประโยชน์!”
เหล่าครูฝึกพากันก้มหน้า แม้จะรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมาต่อหน้าหลินไห่หยา
หลังจากที่มองดูเหล่าครูฝึกได้สักพัก หลินไห่หยาก็ถอนหายใจออกมาอย่างสิ้นหวัง “ช่างเถอะ เรื่องแบบนี้ข้าไม่ควรคาดหวังกับพวกเจ้าเลยจริงๆ แทนที่จะให้พวกเจ้าคิด ข้าควรคิดเองจะดีกว่า”
หลังจากที่นิ่งเงียบอยู่นาน จู่ๆเขาก็หันมาถามลัวเยว่ซาน “ น้องลัว การทดสอบหวงหยวนใกล้จะมาถึงรึยัง?”
“การทดสอบหวงหยวน?” ลัวเยว่ซานชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา “หากข้าจำไม่ผิด มันน่าจะอีกครึ่งเดือน ท่านหมายความว่า....”
การทดสอบหวงหยวนคือกิจกรรมที่สำนักเฉินกวงและสำนักหยุนซานร่วมกันจัดขึ้นมา และถูกจัดขึ้นปีละครั้ง เพื่อพัฒนาความสามารถในการต่อสู้และการเอาตัวรอดของลูกศิษย์ แน่นอนว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการแข่งขัน ในการการทดสอบหวงหยวนนั้น คนที่ทำได้ดี จะได้รับรางวัลและการชื่นชมจากหลายขุมกำลัง ดังนั้นพวกลูกศิษย์จึงกระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมการทดสอบหวงหยวน เพื่ออนาคตที่สดใสของตัวเอง
จนถึงตอนนี้ การทดสอบหวงหยวนก็ถูกจัดขึ้นมาหลายร้อยครั้งแล้ว
7 ปีก่อน ก่อนที่จางเฮ่าหลันจะหายตัวไป สำนักคังเฉียงเองก็เคยเข้าร่วมการทดสอบนี้ และทุกครั้งศิษย์ของสำนักคังเฉียงก็ทำได้ดีเสมอ ทั้งยังโดดเด่นเกินหน้าเกินตาสำนักเฉินกวงและสำนักหยุนซาน
“ข้าเดาว่า จางหยู เจ้าเด็กนั่นต้องอยากจะฟื้นฟูสำนักคังเฉียงขึ้นมาใหม่ ดังนั้นการทดสอบหวงหยวนสำหรับเขาแล้ว มันคือโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ ขอเพียงแค่พวกเราส่งคนไปเชิญเขา ข้าเชื่อว่าเขาคงไม่ปฏิเสธ” ดวงตาของหลินไห่หยาฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมา เรื่องวางอุบายเล่นลูกไม้ ทั่วทั้งเมืองทะเลทรายแห่งนี้ไม่มีใครเก่งเกินหน้าเขาแน่ “เมื่อถึงตอนนั้น ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะยังซ่อนตัวอยู่ในสำนักคังเฉียงอีก !”
การทดสอบหวงหยวนนั้นอันตรายไม่น้อย และทุกครั้งที่พวกเขาจัดมัน สำนักเฉินกวงและสำนักหยุนซานจะต้องส่งครูฝึกเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงรองเจ้าสำนักติดตามเข้าไป เพื่อคอยคุ้มครองความปลอดภัยของเหล่าลูกศิษย์
แน่นอนว่า พวกเขาไม่ได้ห่วงเรื่องความปลอดภัยของลูกศิษย์จริงๆ แต่กลัวว่าถ้าหากลูกศิษย์ตายไปเป็นจำนวนมาก จะทำให้ชื่อเสียงของสำนักเสียหาย
“ตามข้อมูลที่พวกเราได้มา สำนักคังเฉียงยังไม่มีครูฝึก เจ้าเด็กนั่นก็เป็นทั้งเจ้าสำนักและครูฝึก ถ้าหากเขาตกลงที่จะเข้าร่วมการทดสอบ ก็ต้องส่งคนไปรักษาความปลอดภัยให้ลูกศิษย์” หลินไห่หยาแสยะยิ้มอย่างเย็นชา “ในหวงหยานมีที่แคบอยู่มากมาย เมื่อถึงเวลานั้นเราก็หาเหตุผลอะไรสักอย่าง เพื่อหลอกล่อให้เขาเข้าไปในที่ที่เราต้องการ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเหล่าครูฝึกที่อยู่ด้านล่าง ก็กลืนน้ำลายลงคออย่างเงียบ ๆ “สมแล้วที่เป็นเจ้าสำนัก ประเดี๋ยวเดียวก็สามารถคิดแผนดีๆออกมาได้!”
หลังจากที่อยู่ในสำนักเฉินกวงมานาน พวกเขาต่างก็คุ้นเคยกับนิสัยของหลินไห่หยาดี เมื่อเคยชินไปนานๆ พวกเขาก็เรียนรู้เรื่องแย่ๆมาไม่น้อย ในมุมมองพวกเขา ยิ่งแผนการของหลินไห่หยาชั่วร้ายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น เพราะจะทำให้โอกาสสำเร็จยิ่งสูงขึ้นไปอีก
ไม่มีใครรู้สึกว่ามันไม่เหมาะหรือน่าละอายใจที่ทำแบบนี้ เพราะพวกเขาเองก็กลายเป็นคนแบบเดียวกับหลินไห่หยาไปโดยไม่รู้ตัว
ตอนนี้เอง หัวของลัวเยว่ซานเริ่มเปิดโล่ง ความคิดต่างๆก็ไหลมาในหัว เขารีบพยักหน้าตอบรับ “ ใช่ ใช่”
หลังจากที่หลินไห่หยาพูดจบ เขาก็พูดเพิ่มเติมต่อไปว่า “ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีคนคอยดูแลศิษย์กลุ่มนี้อย่างงั้นหรือ? ถ้าเป็นแบบนั้น เราก็ส่งคนไปจับลูกศิษย์ของเขามาข่มขู่ก็ได้ แน่นอนว่านั่นเป็นทางเลือกสุดท้าย หากไม่จนปัญญาจริงๆก็อย่าทำ อย่างไรเสียมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะลูกศิษย์เหล่านั้นล้วนมีฐานะที่ไม่ธรรมดา หากพวกเราทำแบบนั้นจริงๆ เกรงว่าคงยั่วโทสะขุมกำลังต่างๆอย่างแน่นอน !”
เรียกได้ว่าภูผาสูงยังมีที่สูงกว่า แผนการร้ายของลัวเยว่ซาน ไม่ได้ด้อยไปกว่าหลินไห่หยาเท่าไหร่นัก
เมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสองแล้ว เหล่าครูฝึกก็พากันเหงื่อตกและเริ่มสงสารจางหยูขึ้นมา
“ในด้านความแข็งแกร่งนั้น เราอาจจะเทียบจางหยูไม่ได้ แต่ในด้านแผนการแล้ว เราน่ะเก่งกว่า !” หลินไห่หยาเผยรอยยิ้มจางๆ ขณะแสดงสีหน้าภาคภูมิใจออกมา สำหรับเขาแล้วการใช้แผนการที่ชั่วร้าย ไม่ใช่เรื่องที่น่าละอาย แต่เป็นเกียรติยศ!
“ แต่ ....” ลัวเยว่ซานคิ้วขมวด “เราควรจะส่งใครไปบอกเขาดี?”
อันที่จริงแล้ว พวกเขาควรจะเป็นคนไปบอกจางหยูด้วยตัวเอง รวมไปถึงบอกกฎการทดสอบ แต่ในใจของพวกเขาต่างรู้ดีว่า หากพวกเขาไปปรากฏตัวต่อหน้าจางหยู เกรงว่ายังไม่ทันพูดก็ถูกจางหยูสังหารเป็นแน่ ดังนั้นพวกเขาต้องส่งคนอื่นไปแทน และคนคนนั้นต้องมีฝีมือพอตัว !
ยังไงซะ การทดสอบหวงหยวนนี้ก็ไม่ใช่สนามเด็กเล่น เรื่องสำคัญแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะมายุ่งเกี่ยวได้
หลินไห่หยากวาดสายตามองเหล่าครูฝึกที่อยู่เบื้องล่าง
เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมา เหล่าครูฝึกก็พลันเหงื่อตกพร้อมกับรีบก้มหน้า แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
“กลุ่มคนโลภมักจะกลัวตาย” หลินไห่หยาเม้มปากแน่น และกล่าวดูแคลน “วางใจเถอะ ข้าไม่ส่งพวกเจ้าไปหรอก ด้วยความแข็งแกร่งและสถานะของพวกเจ้า เดิมทีมันก็ไม่คู่ควรอยู่แล้ว!”
เมื่อได้ยินคำด่านั้น เหล่าครูฝึกก็ไม่กล้าเถียง ในใจก็คิดอย่างดูถูกว่า “กลุ่มคนโลภมักจะกลัวตาย? ถ้าเจ้าไม่กลัวตาย ทำไมไม่ไปเองล่ะ?”
เป็นธรรมดาที่หลินไห่หยาจะไม่ได้ยินสิ่งที่เหล่าครูฝึกคิด หลังจากที่ละสายตากลับมา เขาก็ครุ่นคิดอีกรอบ
อันที่จริงแล้ววิธีที่ดีที่สุดก็คือให้โจวซุนไปที่สำนักคังเฉียงกับพวกเขา ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าจางหยูต้องการที่จะสังหารพวกเขา แต่ทว่าก็ไม่อาจลงมือได้ ซึ่งปัญหาก็คือพวกเขาไม่มีสิทธิไปสั่งโจวซุนให้ทำอะไรตามที่พวกเขาต้องการได้ ในทางกลับกัน พวกเขายังต้องคอยประจบเอาใจโจวซุน เพราะถ้าหากโจวซุนไม่พอใจขึ้นมา งั้นแผนการล้างแค้นนี้คงพังไม่เป็นท่า
“เฮ้อออ จางหยูเจ้าเด็กนั่น ช่างโหดร้ายยิ่งนัก! มันฆ่าจั่นเฟิง โม่เทียนโฉว รวมไปถึงผู้อาวุโสใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้น ข้ากลับหาคนจัดการมันไม่ได้ !” หลินไห่หยาถอนหายใจออกมา ความเกลียดชังที่เขามีต่อจางหยูนั้นเพิ่มพูนขึ้นไปอีก
ยอดฝีมือของสำนักเฉินกวง นอกจากผู้อาวุโสใหญ่ จั่นเฟิงและโม่เทียนโฉวแล้ว ก็คือตัวเขา ส่วนผู้อาวุโสทั่วไปนั้นเป็นแค่ครูฝึกระดับสูง ในด้านความแข็งแกร่งแล้ว ยังเทียบกับโม่เทียนโฉวไม่ได้
“ถ้าหากมันเป็นไปไม่ได้จริงๆ พวกเราก็ไปหาอู่เฉิน และให้เขาเป็นฝ่ายไปบอกจางหยูเอง” ลัวเยว่ซานพูดขึ้นมา
แม้ว่าพวกเขาจะกลัวตระกูลอู่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่กล้าพบอู่เฉิน ทั้งเมืองทะเลทราย คนที่สามารถทำให้พวกเขาไม่กล้าปรากฏตัวต่อหน้าได้ ก็มีแค่จางหยูเท่านั้น
ข้อเสนอของลัวเยว่ซาน ทำให้หลินไห่หยาตาเป็นประกายขึ้นมา เขาครุ่นคิดอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวชื่นชมออกมา “ความคิดดี! เรื่องนี้จะรอช้าไม่ได้ พวกเรารีบไปพบเขาคืนนี้เลย!”
ทั้งสองได้พูดคุยเรื่องรายละเอียดกันอยู่สักพัก ก่อนจะพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ความจริงแล้ว ข้าอยากจะให้จางหยูโผล่หัวมาที่สำนักเฉินกวงตอนนี้เลย เมื่อเป็นแบบนั้น ต่อให้ใต้เท้าโจวไม่อยากลงมือ ก็ต้องทำ บางทีเมื่อรอจนถึงตอนนั้น เขาอาจจะไม่เห็นแก่หน้าของตู้รั่ว...ใต้เท้าตู้ก็ได้ อย่างไรเสียใต้เท้าโจวคงไม่ยอมตายเพื่อพวกเรา” หลินไห่หยาส่ายหน้าและถอนหายใจออกมา “การทดสอบหวงหยวนจะเกิดขึ้นในครึ่งเดือน มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง....”
หากจางหยูไม่ตาย พวกเขาก็นอนหลับไม่สนิท และต้องจมอยู่กับความกลัว
ลัวเยว่ซานส่ายหน้าและพูดขึ้นมาว่า “อย่าคิดว่าจางหยูโง่ เขาสามารถซ่อนตัวจากสายตาของพวกเราได้หลายปี โดยไม่เผยหางออกมา นั่นก็แสดงให้เห็นถึงความคิดและความอดทนที่น่ากลัวของเขา ต่อให้เราจะมีใต้เท้าโจวอยู่ด้วย แต่เกรงว่าก็คงจัดการจางหยูได้ไม่ง่าย ดังนั้น ช่วงนี้พวกเราอย่าเพิ่งไปยั่วโมโหเขา ถ้าหากเขาตอบตกลงเข้าร่วมการทดสอบหวงหยานก็ดีไป แต่ถ้าไม่ พวกเราก็ต้องคิดหาทางอื่น”
การทดสอบหวงหยวนคือเหยื่อที่พวกเขาโยนออกไป มันคืออุบายอันชั่วร้ายที่เห็นได้ชัดมาก
มันขึ้นอยู่กับว่าจางหยูจะกล้ารับคำท้าหรือไม่!
หลินไห่หยาลูบเคราของตัวเอง แล้วแสยะยิ้มออกมา “การทดสอบหวงหยวนจัดขึ้นมาหลายปี และชื่อเสียงของงานนี้ก็โด่งดังไปทั่วเมือง แม้แต่หมู่บ้านที่ตีนเขาก็รู้จักมัน หากจางหยูต้องการกอบกู้ชื่อเสียงของสำนักคังเฉียง การทดสอบหวงหยวนคือทางลัดที่ดีที่สุด ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะปฏิเสธ!”
การทดสอบหวงหยวนอาจจะเรียกได้ว่าเป็นงานใหญ่ที่สุดประจำปีของเมืองทะเลทราย ไม่ว่าจะเป็นตระกูลใหญ่หรือเล็ก ในเมืองหรือนอกเมืองต่างก็มารวมตัวกันในวันนั้น แม้แต่จวนเจ้าเมืองเองก็ยังส่งทหารรักษการณ์มาดูแลงานนี้เลย
งานใหญ่แบบนี้ จางหยูไม่อาจจะปฏิเสธได้