px

เรื่อง : ระบบเจ้าสำนัก***(จบแล้ว)***
ตอนที่  30 : ภารกิจย่อย ---- เพิ่มชื่อเสียง


ตอนที่  30 : ภารกิจย่อย ---- เพิ่มชื่อเสียง

กลางดึกคืนนั้น หลินไห่หยากับลัวเยว่ซานก็ไปที่จวนตระกูลอู่และอยู่ที่นั่นกว่า 15 นาที ก่อนที่จะออกมา

 

หลังจากนั้นก็เห็นอู่เฉินรีบร้อนไปที่สำนักคังเฉียงด้วยสีหน้ากังวล พร้อมกับคิ้วที่ขมวดแน่น

 

3 นาทีต่อมา อู่เฉินก็มาถึงสำนักคังเฉียง ซึ่งในตอนนั้นศิษย์ทุกคนได้ออกจากสำนักกันหมดแล้ว ทำให้สำนักคังเฉียงในตอนนี้ดูเหมือนสำนักร้าง

 

อู่เฉินมองเห็นแสงสว่างจากหอตำราแต่ไกลๆ แทบไม่ต้องคิด เขารีบเดินตรงไปที่หอตำราทันที

 

เมื่อมาถึงหน้าประตูหอตำรา อู่เฉินก็หยุดฝีเท้า แล้วตะโกนออกมาว่า “ เจ้าสำนัก !”

 

เขาเห็นเงาที่หน้าต่างสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเสียงของจางหยูก็ดังขึ้นมาว่า “เข้ามาสิ ข้าอยู่ชั้น 2”

 

หลังจากที่ได้ยินดังนั้น อู่เฉินก็ตรงเข้าไปในหอตำรา และเดินขึ้นบันไดไปยังชั้น 2

 

เมื่อเห็นจางหยู  อู่เฉินก็รีบเดินเข้าไปหาและแสดงความเคารพ “ท่านเจ้าสำนัก หลินไห่หยาและลัวเยว่ซานเพิ่งจะมาพบข้า” ต่อหน้าจางหยู ท่าทีของอู่เฉินนั้นอ่อนน้อมถ่อมตนมาก เขารู้สึกได้ว่า บนร่างของจางหยูนั้นเริ่มฉายอำนาจมากขึ้น และมีกลิ่นอายที่โดดเด่นเหนือใคร มันเป็นกลิ่นอายที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเลื่อมใสเขา

 

เทียบกับครั้งแรกที่พวกเขาเจอกันแล้ว จางหยูในตอนนี้สามารถจัดการพวกเขาได้ง่ายๆ

 

อู่เฉินไม่รู้ว่ามันคือภาพลวงตาหรือไม่ แต่นี่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความเคารพที่เขามีต่อจางหยูเลย !

 

เมื่อได้ยินคำพูดของอู่เฉิน  จางหยูที่กำลังอ่านตำราในมืออยู่ก็พลันชะงัก เขาเงยหน้าขึ้นมามองอู่เฉิน แล้วกล่าวเหมือนไม่ใส่ใจว่า “โอ้ ? พวกเขากลับมาแล้วรึ ?

 

อู่เฉินพยักหน้าและพูดว่า “ตลอดสองสามวันที่ผ่านมาข้าได้ส่งคนไปตรวจสอบร่องรอยของพวกเขา และคนที่ส่งไปสืบข่าวก็กลับมาในช่วงบ่าย ข้าถึงได้ทราบว่าพวกเขาได้กลับมาแล้ว เดิมทีก็คิดจะแจ้งให้เจ้าสำนักทราบในวันพรุ่งนี้ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะมาหาข้าคืนนี้ พร้อมทั้งเอ่ยถึงเรื่องการทดสอบหวงหยวน ดังนั้นข้าจึงรีบมาที่นี่เพื่อบอกท่าน”

 

“ การทดสอบหวงหยวน?จางหยูแปลกใจเล็กน้อย

 

การทดสอบหวงหยวนไม่ใช่เรื่องแปลกหน้าสำหรับจางหยู เพราะสำนักคังเฉียงเองก็เคยเข้าร่วมการทดสอบนี้เช่นกัน ทว่าในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยได้เข้าร่วมมันอีกเลย

 

จางหยูคิ้วขมวด พร้อมกับปิดตำราในมืออย่างช้าๆแล้วถามขึ้นมาว่า “พวกนั้นว่ายังไง ?

 

อู่เฉินสูดหายใจเข้าลึกๆและพูดอย่างช้าๆ “พวกนั้นต้องการเชิญศิษย์สำนักคังเฉียงเข้าร่วมการทดสอบหวงหยวนในปีนี้”

 

“ แค่นี่เหรอ?จางหยูถามด้วยความสงสัย

 

มาหาอู่เฉินอย่างเอิกเกริก ก็เพื่อที่จะบอกอู่เฉินแค่นี้ ?

 

“พวกนั้นต้องการให้ข้ารับปาก แต่ว่าข้าก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป” เมื่อนึกถึงท่าทีที่ไร้ยางอายของสองคนนั้น อู่เฉินก็อดดูแคลนไม่ได้

 

จางหยูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสนุกขึ้นมา “ ฮี่ฮี่ น่าสนใจจริงๆ พวกเขาต้องการเชิญสำนักคังเฉียงเข้าร่วมการทดสอบหวงหยวน แต่ไม่มาหาข้าด้วยตัวเอง กลับใช้เจ้ามาบอกข้าแทน”

 

“สองคนนั่นรักชีวิตตัวเองจะตาย แล้วจะกล้ามาพบท่านได้ยังไง” อู่เฉินหัวเราะขึ้นมา

 

จางหยูส่ายหน้า ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วบิดขี้เกียจ “ข้านึกว่าพวกนั้นจะไม่โผล่มาซะอีก แต่ในเมื่อกลับมาแล้ว ข้าก็ควรไปทวงหนี้แค้นเสียที”

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น อู่เฉินก็นึกถึงข่าวที่ได้รับมาเมื่อช่วงบ่าย ก่อนจะรีบตะโกนออกมาว่า “ช้าก่อนเจ้าสำนัก”

 

จางหยูหันกลับหน้ามาและถามว่า  “ มีอะไรรึ?

 

“เจ้าสำนัก ตามข่าวที่ข้าได้มา ครั้งนี้ นอกจากหลินไห่หยากับลัวเยว่ซานแล้ว เขายังพาคนกลับมาด้วยอีกคนหนึ่ง” ใบหน้าของอู่เฉินเผยสีหน้าที่หาได้ยากออกมา เขากล่าวเสียงเครียดว่า “หลินไห่หยาและลัวเยว่ซานดูจะเคารพชายคนนั้นมาก แถมยังคอยประจบเอาใจเขาอีกด้วย ข้าเดาว่าชายผู้นั้นคงไม่ใช่คนทั่วไป บางที...บางทีเขาอาจจะเป็นนักสู้ระดับว่อซวนก็ได้ “

 

อู่เฉินรู้สึกว่าเมืองทะเลทรายแห่งนี้เริ่มวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่เงียบสงบมากว่า 7 ปี เกรงว่าอีกไม่นานจะต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่ๆ

 

“ขอบเขตว่อซวน .....พวกนั้นเชิญชายคนนั้นมาจัดการกับข้างั้นรึ ? ในดวงตาของจางหยูทอประกายเย็นเยียบออกมา “โอ้ สองคนนั้นประเมินข้าสูงจริงๆ”

 

แม้ว่าเขาจะมั่นใจในตัวเอง แต่ก็ไม่คิดที่จะประมาท จนกว่าจะรู้ถึงข้อมูลของชายคนนั้น

 

“อู่เฉิน เจ้าส่งคนไปตรวจสอบชายคนนั้นซะ ถ้ามีข่าวอะไรก็แจ้งให้ข้ารู้ทันที” จางหยูนั่งลงไปอีกครั้ง เขาคิดสินใจล้มเลิกความคิดที่จะไปยังสำนักเฉินกวงหลังจากที่พูดคุยกับอู่เฉิน จางหยูลังเลเล็กน้อยและพูดขึ้นมาว่า “ สำหรับการทดสอบหวงหยวน....”

 

ตอนที่จางหยูกำลังลังเลอยู่นั้น ระบบที่หายสาบสูญไปจากหัวของเขา ราวกับถูกปลุกขึ้นมา เสียงโมโนโทนอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นมาว่า “การทดสอบหวงหยวนประสบความสำเร็จในการกระตุ้นภารกิจ ภารกิจย่อย ---- เพิ่มชื่อเสียง

 

[ภารกิจย่อย : เพิ่มชื่อเสียง(เงื่อนไขบรรลุค่าชื่อเสียง 300,000 หน่วย ค่าชื่อเสียงในปัจจุบัน 156 หน่วย)]

 

[สำนักที่ยิ่งใหญ่ควรจะเพรียบพร้อมไปด้วยอำนาจและอิทธิพลอันทรงพลัง หากมีอิทธิพลที่แข็งแกร่ง ก็สามารถดึงดูดลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก และกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในใจของผู้คน สำนักคังเฉียงนั้นตกต่ำมานาน จนผู้คนลืมเลือนการคงอยู่ของสำนักคังเฉียงไปแล้ว ดังนั้นโฮสต์จำเป็นต้องเพิ่มชื่อเสียงให้กับสำนัก]

 

 [รางวัล : ทักษะหลอกลวง]

 

[เวลาจำกัด : คำนวณจากวันแรกของการทดสอบหวงหยวน เวลาจำกัดคือ 3 วัน 0 นาที 0 วินาที]

 

[ภารกิจล้มเหลว : ไม่มีบทลงโทษ]

 

“เอิ่ม...ดูเหมือนว่าคงจะปฏิเสธไม่ได้สินะ ทักษะหลอกลวง ชื่อนี้ฟังดูไม่ดีเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าจะเอามาใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง แต่ก็ช่างเถอะ อย่างไรเสียทักษะที่ระบบให้มาย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว” จางหยูส่ายหน้าและบอกกับอู่เฉินว่า “เจ้าช่วยไปบอกพวกเขาแทนข้าว่า ข้าตกลง”

 

อู่เฉินลังเลเล็กน้อย และพูดขึ้นมาด้วยความกังวลว่า “เจ้าสำนัก ข้าเกรงว่ามันจะเป็นแผนการร้าย”

 

“ไม่ใช่เกรงว่า แต่มันคือใช่เลยต่างหาก!” จางหยูยิ้มจางๆ “นิสัยของหลินไห่หยาเป็นยังไง?เจ้ารู้จักเขามาตั้งหลายปี แค่นี้ดูไม่ออกหรือ? แต่ว่า จะแผนการร้ายก็ดี อุบายชั่วก็ช่าง อย่างไรเสีย การทดสอบหวงหยวนนี้ สำนักคังเฉียงของเราจะเข้าร่วมด้วย!” เขาไม่กังวลเรื่องชายลึกลับที่หลินไห่หยาและลัวเยว่ซานพามา ถึงแม้ว่าชายคนนั้นจะอยู่ขอบเขตว่อซวนจริงๆ แต่จางหยูก็ไม่คิดถอยหนี

 

พอดีเลย จางหยูเองก็เพิ่งปรับปรุงเคล็ดวิชาตัวเบามา

 

หากปรับปรุงเคล็ดวิชาตัวเบานี้สำเร็จ ต่อให้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย จางหยูก็สามารถหลบหนีไปได้

 

เมื่อเห็นท่าทีที่เด็ดขาดของจางหยู อู่เฉินก็ไม่กล้าที่จะคัดค้าน สุดท้ายเขาก็ตอบกลับไปว่า “ได้ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ข้าจะเป็นตัวแทนของเจ้าสำนักไปตอบตกลงกับพวกเขา”

...

 

หลังจากมองส่งอู่เฉินกลับไปแล้ว จางหยูก็ตรวจสอบภารกิจอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาดูมันอย่างละเอียดมาก

 

“ชื่อเสียง....หมายถึงชื่อเสียงของสำนักใช่ไหม? นี่มันไม่ถูกต้อง ถึงแม้ว่าสำนักคังเฉียงจะตกต่ำลง แต่ก็มีหลายคนที่รู้จักสำนักคังเฉียง แล้วมันจะมีแค่ 156 คนได้ยังไง ? จางหยูตัดสิ่งที่คิดในหัวทิ้ง จากนั้นก็มองไปยังตัวเลข 156 สักพักก็เริ่มเข้าใจขึ้นมา “มันน่าหมายถึง....รู้จักหรือ ไม่ก็ยอมรับหรือเปล่า? บางทีอาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้”

 

ถ้าพูดแบบนี้ก็แสดงว่า ในหมู่คนที่รู้จักสำนักคังเฉียง มีคนที่ยอมรับสำนักคังเฉียงจริงๆแค่ 156 คนอย่างนั้นหรือ?

 

ถ้าจางหยูเดาไม่ผิด ผลลัพธ์นี้ถือว่าโหดร้ายและน่าตกใจมาก!

 

“สิ่งที่โฮสต์เดานั้นถูกต้องแล้ว จำนวนตัวเลขชื่อเสียงนี้แทนจำนวนคนที่เคยได้ยินชื่อของสำนักคังเฉียง และยอมรับสำนักคังเฉียงจากใจจริงๆ อีกอย่างในจำนวน 156 หน่วยนั้น กว่าครึ่งก็มาจากสำนักเฉินกวงและสำนักหยุนซาง “  เสียงของระบบดังขึ้นมาในหัวของเขา

 

จางหยูตาเบิกกว้าง “ สำนักเฉินกวงและสำนักหยุนซานงั้นรึ ? นี่มันเรื่องตลกอะไรกันเนี่ย!

 

ค่าชื่อเสียงกว่าครึ่งของสำนักคังเฉียง มาจากสำนักที่เป็นศัตรูงั้นรึ ?

 

ระบบเล่นตลกเป็นด้วยรึ ?

 

“ช่างเถอะ นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องนี้ ข้าอยากรู้ว่าทักษะหลอกลวงทำอะไรได้บ้าง? ชื่อมันฟังดูน่าสนใจดี!” จางหยูส่ายหน้า และถามอย่างสงสัย

 

“หลังจากที่ทำภารกิจเสร็จสิ้น โฮสต์จะรู้เอง “

 

น้ำเสียงของระบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่เนื้อหาที่พูดนั้นกลับน้อยลงไปทุกที

 

เมื่อเห็นว่าไม่อาจได้ข้อมูลจากระบบเพิ่มเติม จางหยูก็ยอมแพ้

 

“ชื่อเสียงตั้ง 300,000 หน่วย ภารกิจนี้ใช่ว่าจะทำสำเร็จได้ง่ายๆ” จางหยูมองไปที่ตัวเลขด้านหลังของคำว่า ชื่อเสียงในปัจจุบัน แล้วรู้สึกมึนหัวขึ้นมา สุดท้ายเขาก็ต้องถอนหายใจออกมา “ข้าจำได้ว่าจำนวนคนในเมืองทะเลทรายนั้นมีมากกว่า 400,000 คน หากข้าต้องการทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ ข้าต้องให้คนกว่า 80% ยอมรับสำนักคังเฉียง ....”

 

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้มอบภารกิจย่อยให้ตอนที่กำลังจะเกิดการทดสอบหวงหยวน เพราะมีแค่การทดสอบหวงหยวนในช่วงนี้เท่านั้น ถึงจะมีโอกาสทำภารกิจสำเร็จ

 

เมื่อพูดถึงการทดสอบหวงหยวนแล้ว จางหยูก็นึกถึงชายลึกลับขึ้นมาอีกครั้ง ภารกิจนี้ไม่ใช่แค่ยาก แต่ยังอันตรายอีกด้วย

 

หลังจากที่พบเหตุการณ์วุ่นวายเมื่อ 7 ปีก่อน  เขาก็รู้จักโลกนี้ดีกว่าเดิม หมัดคือเหตุผลของทุกสิ่ง ทุกอย่างถูกสร้างขึ้นด้วยพลังของตัวเอง....

 

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก จางหยูก็ถอนหายใจออกมา และเลิกคิดถึงเรื่องของภารกิจและชายลึกลับคนนั้น

 

เขาเปิดตำราในมือขึ้นและพึมพำออกมาว่า “ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาแก้ไขทักษะ เรื่องเร่งด่วนที่สำคัญในตอนนี้ก็คือ การปรับปรุงเคล็ดวิชาตัวเบาระดับธรรมดาขั้นสูง ถ้าหากมีเวลาเหลือพอ ค่อยปรับปรุงเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับธรรมดาขั้นกลางสักเล่ม

 

การทดสอบหวงหยวนจะเริ่มขึ้นในอีกครึ่งเดือน จางหยูไม่มั่นใจว่าจะสามารถแก้ไขเคล็ดวิชาทั้งสองอย่างให้เสร็จสมบูรณ์ ภายในครึ่งเดือนได้รึไม่ แต่ว่าเขาจะลองทำดู

 

ความจริงแล้ว การปรับปรุงเคล็ดวิชานั้นยากกว่าการปรับปรุงทักษะหลายเท่า เพราะเนื้อหาในแต่ละขั้นของมันค่อนข้างซับซ้อนกว่ามาก

 

“บาทาเวหา ส่งปราณที่ฝ่าเท้าและแผ่ขยายไปที่เข่า จากนั้นก็ค่อยๆขยายสูงขึ้นไปอีก... จุดที่ถูกต้องนี้ สามารถนำมาใช้แทนที่ข้อผิดพลาดจุดที่ 12 ของ เงาเวหาได้”

 

“ เดินชมจันทร์ อากาศผันผวนไม่หยุดนิ่ง....จุดนี้ถูกต้องแล้ว แต่น่าเสียดายที่รูปแบบดันไม่เข้ากับเงาเวหา ไม่อาจเอามาแทนที่ได้”

 

“ สามลมหายใจ  หนึ่งลมหายใจหนึ่งปราณ....จุดนี้ผิด ข้ามมันไป”

 

“เงาทมิฬผ่านฟ้า ทำตัวให้เหมือนกับจอกแหลอยน้ำ....จุดนี้ถูกต้องแล้ว นำมาแทนที่ข้อผิดพลาดจุดที่ 13 ของ เงาเวหาได้

 

ในหอตำราอันเงียบสงบ มีเพียงเสียงพึมพำของจางหยูที่ดังขึ้นเป็นบางครั้ง

 

การแก้ไขทักษะหรือเคล็ดวิชาต่อสู้นั้นเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ แต่จางหยูกลับไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเลยแม้แต่น้อย กลับกัน เมื่อเขาเห็นว่าเคล็ดวิชาเริ่มเป็นรูปเป็นร่างและใกล้จะสมบูรณ์ขึ้นมาทีละนิดๆ เขาก็เกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ราวกับว่านี่คือภารกิจที่ทำให้เขามายังโลกใบนี้

รีวิวผู้อ่าน

thaweechat
1488 วันที่แล้ว

รอตอนต่อไป


  แสดงความคิดเห็น
zmansw100
1489 วันที่แล้ว

...


  แสดงความคิดเห็น