px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 112 ต้วนหลิงเทียนระเบิดโทสะ


อรุณรุ่งมาเยือน..ต้วนหลิงเทียนที่ตื่นขึ้นมาแต่เช้า หันไปมองเมิ่งฉวนที่กำลังหลับใหลบนพื้นอย่างมีความสุข ..อดไม่ได้ที่เขาจะยิ้มขึ้นมา

หลังจากนั่นเขาก็นั่งขัดสมาธิและเริ่มบ่มเพาะพลังตามเคล็ดวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม!

เขาตั้งสมาธิและใช้จิตวิญญาณของเขาโคจรพลังงานต้นกำเนิดไปมาในร่างอย่างราบรื่น ก่อนที่เขาจะกำหนดจิตเปลี่ยนเส้นทางโคจรของพลังงานต้นกำเนิด เพื่อโคจรมันในรูปแบบบ่มเพาะ งูเหลือมคลั่ง...

เมื่อคืนเขารู้สึกว่าคอขวดของเขาเริ่มที่จะกรุยทางไปบ้างเล็กน้อย และดังคำกล่าวที่ว่าตีเหล็กต้องตีตอนร้อน เขาจึงคิดโคจรพลังงานต้นกำเนิดสั่งสมให้เต็มที่และทำลายคอขวดนั่นในครั้งเดียว!

ต้วนหลิงเทียนได้บ่มเพาะพลังจนลืมเลือนเวลา

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร

ปัง!!

ในที่สุดหลิงเทียนก็ทะลวงผ่านทะเลพลังงานที่อยู่ในจุดชีพจรสำคัญได้สำเร็จ ... และในเวลาต่อมาปริมาณพลังงานต้นกำเนิดในร่างกายของหลิงเทียนก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป

เขาตัดผ่านสำเร็จ!

ต้วนหลิงเทียนเปิดตาออกมาด้วยความดีใจ ราวกับตาของเขามีประกายสว่างไสวอย่างไรอย่างนั้น

เขาได้ตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3 แล้ว นั่นหมายความว่าเขาสามารถใช้พลังงานต้นกำเนิดไปบ่มเพาะร่างกายของเขาได้อีกครั้ง

ปัจจุบันแม้เขาจะไม่ได้ใช้อาวุธวิญญาณเขาก็สามารถใช้ความแข็งแกร่งได้สูงถึง 8 ช้างแมมมอธโบราณ ซึ่งมันเป็นความแข็งแกร่งที่ก่อนหน้านี้ เขาต้องพึ่งพาอาวุธวิญญาณเท่านั้นถึงจะมีได้...

แต่ตอนนี้หากเขาใช้อาวุธวิญญาณด้วยล่ะก็ ความแข็งแกร่งของเขาจะสูงถึง 9 ช้างแมมมอธโบราณ!

และเมื่อเขาเสร็จสิ้นการบ่มเพาะร่างกายด้วยพลังงานต้นกำเนิดในระดับขั้นที่ 3 ก่อกำเนิด นี่ด้วยล่ะก็ ...

ความแข็งแกร่งของเขาจะยิ่งน่าเกรงขามมากขึ้น!

เมื่อถึงตอนนั้นเขาสามารถบดขยี้ศัตรูได้ด้วยความแข็งแกร่งระดับ 10 ช้างแมมอธโบราณเมื่อถืออาวุธวิญญาณในมือ นอกจากนี้มันยังเป็นระดับที่ใกล้เคียงความแข็งแกร่ง 11 ช้างแมมมอธโบราณมากอีกด้วย...

กล่าวได้ว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 7 และด้อยกวาระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 8 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แต่แน่นอนว่านี้ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ศัตรูไร้ซึ่งอาวุธวิญญาณ

"แม้ตอนนี้ข้าจะไม่ได้ถืออาวุธวิญญาณไว้ในมือ แต่ความแข็งแกร่งของข้าตอนนี้ก็เท่าเทียมกับต้วนหลิงซิ่งในยามนั้น" ดวงตาของหลิงเทียนเรืองวูบออกมาด้วยประกายตาเย็นชา

"อย่างไรก็ตามนั่นคือความแข็งแกร่งของต้วนหลิงซิ่งเมื่อปีที่แล้ว ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงซิ่งในปัจจุบันมันน่าจะเพิ่มพูนขึ้นไม่เบา ซ้ำมันยังอาจตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 7 ได้แล้วก็เป็นได้... ในฐานะสาวกของตระกูลใหญ่อย่างตระกูลต้วน ทรัพยากรบ่มเพาะและผลไม้จิตวิญญาณต่างๆคงไม่ได้หายากเย็นอะไรนัก”

"เมื่อข้าเสร็จสิ้นการบ่มเพาะร่างกายด้วยพลังงานต้นกำเนิดในระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3 นี่แล้วล่ะก็ ความแข็งแกร่งของข้าควรจะมากกว่ามันเล็กน้อย หรืออย่างน้อยที่สุดก็ยังเท่าเทียมกับมัน"

ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ "ข้าต้องตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4 และบ่มเพาะร่างกายให้เรียบร้อยก่อนที่จะไปเข้าเรียนที่สถาบันบ่มเพาะขุนพล... ถึงเวลานั้นข้าจะระบายโทสะทั้งหมดรวมถึงความแค้นที่ฝังอยู่ในใจของข้า ข้าจะทำให้ต้วนหลิงซิ่งต้องเสียใจกับสิ่งที่มันทำในวันนั้น มันจะต้องไปเสียใจกับเรื่องทั้งหมดในนรก! "

จิตสังหารแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของหลิงเทียนอย่างลืมตัว!

"ต้วนหลิงเทียน!"

ทันใดนั้นเองน้ำเสียงร้อนรนของลั่วเฉินก็ดังขึ้น ก่อนที่ร่างของมันจะพุ่งเข้ามาในกระโจม

และทันใดนั้นเองลั่วเฉินที่เข้ามาในกระโจมถึงกับขาอ่อนล้มลงไป ใบหน้าของมันซีดเซียวอีกทั้งทั่วทั้งร่างยังสั่นระริกอย่างควบคุมไม่อยู่ นี่เป็นผลลัพธ์จากการถูกจิตสังหารของหลิงเทียนกดดัน...ใบหน้าของลั่วเฉินยามนี้ซีดราวกับศพ ...

หลังจากที่หลิงเทียนระงับจิตสังหารออกไป ลั่วเฉินก็สามารถที่จะหายใจหายคอได้อย่างทั่วท้องอีกครั้ง

"เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?"

และในขณะนั้นเองหลิงเทียนก็หันมองไปรอบๆ และเขาก็ไม่เห็นทั้งเมิ่งฉวนและเซี่ยวหยู แสดงว่าเขาบ่มเพาะพลังจนเวลาล่วงเลยผ่านไปนานพอสมควร

"ตอนนี้เซี่ยวหยูกับเมิ่งฉวนกำลังถูกพวกตระกูลหยู ที่นำมาโดยหยูเซี่ยงล้อมกรอบอยู่ เซี่ยวหยูเห็นว่าเรื่องราวชักจะท่าไม่ดีเขาเลยให้ข้ารีบกลับมาหาเจ้า" ลั่วเฉินแสดงท่าทีร้อนรนออกมาในยามที่กล่าวบอกเรื่องราวต่อหลิงเทียน

"อะไรนะ?" ใบหน้าของหลิงเทียนแข็งขึ้นทันที ประกายตาของเขาเย็นชาลงเล็กน้อย

หยูเซี่ยงนี่มันคิดจริงๆหรือว่าเขาเป็นคนที่มันคิดจะล้อเล่นด้วยได้?

"ไปกันเถอะ!" ต้วนหลิงเทียนรีบเดินนำลั่วเฉินออกไปด้วยความเร่งรีบ

พื้นที่ว่างด้านหนึ่งของค่ายที่พักของกองกำลังบ่มเพาะโลหิตเหล็ก

เยาวชนหลายคนกำลังยืนล้อมคนกลุ่มหนึ่งและเฝ้าดูเหตุการณ์อย่างสนุกสนาน

ตรงกลางกลุ่มคนที่ว่านั้น ปรากฏร่างเมิ่งฉวนกำลังล้มลงชันเข่าอยู่ที่พื้น สภาพของเขาดูไม่ค่อยดีนัก

นอกจากนั้นด้านข้างเมิ่งฉวนยังมีขนมปังชิ้นหนึ่งที่ตกเปื้อนโคลนอยู่ข้างๆ ...

นี่คืออาหารเช้าที่เขาคิดจะนำมันไปเผื่อหลิงเทียน!

"หยูเซี่ยง!"

น้ำเสียงเย็นชาและไม่แยแสของเซี่ยวหยูดังขึ้น ร่างของเขาแลดูบันดาลโทสะไม่น้อยก่อนที่จะเคลื่อนวูบมาในพริบตา

เขาใช้วิชาท่าร่างด้วยกำลังทั้งหมด 4 ช้างแมมมอธโบราณของเขา...

ประกายแสงไร้เงา!

ฝ่ามือเอกะ!

ร่างของเซี่ยวหยูเคลื่อนที่รวดเร็วราวกับเส้นแสง อีกทั้งพลังงานต้นกำเนิดยังถูกควบรวมไปที่ฝ่ามือ เขาพุ่งไปหาหยูเซี่ยงด้วยโทสะ

"ความสามารถในการตอสู้ของเจ้าก็ไม่เลว แต่โชคของเจ้านับว่าไม่ค่อยดีสักเท่าไร พวกเรามีความแข็งแกร่งต่างกันมากเกินไป เจ้าไม่อาจกลบความต่าง 2 ช้างแมมมอธโบราณนี้ได้! เจ้าไม่คู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ของข้า" หยูเซี่ยงจ้องมองเซี่ยวหยูด้วยสายตาดูแคลน

พริบตาต่อมาร่างหยูเซี่ยงพลันระเบิดออกด้วยความแข็งแกร่งระดับช้างแมมมอธโบราณ 6 ตัว....ช้างแมมอธโบราณลอยเด่นอยู่เหนือหัวเขาเมากกว่าเซี่ยวหยูถึง 2 ตัวเป็นการตอกย้ำความจริงที่เลวร้ายที่สุด

วูบบบ!

หยูเซี่ยงพลันก้าวด้วยความเร็วสูงในจังหวะเดียวกันกับที่เซียวหยูโจมตี เขาวูบไหวร่างไปอยู่ด้านหลังของเซี่ยวหยูด้วยความเร็วสูง ..ความเร็วของเขานับว่าเหนือกว่าเซี่ยวหยูนัก

ปัง!

เขาซัดกำปั้นออกมาโดยไม่ได้ใช้วิชายุทธ์อะไรเพียงอาศัยพลังความแข็งแกร่งที่ห่างชั้นก็เท่านั้น เซี่ยวหยูถูกแรงอัดกระแทกลอยละลิ่วออกไป

แม้ว่าหยูเซี่ยงจะไม่ได้ใช้วิชายุทธ์ใดๆก็ตาม แต่หมัดของเขาก็มีความแข็งแกร่งสูงถึง 6 ช้างแมมมอธโบราณ แน่นอนว่ามันสามารถฉีกทำลายเกราะที่เกิดจากพลังงานต้นกำเนิดที่ปกคลุมร่างของเซี่ยวหยูได้ง่ายดาย และส่งพลังทำลายปะทะร่างกายเซี่ยวหยูโดยตรง

เซี่ยวหยูตกกระแทกพื้นอย่างแรงก่อนที่จะหมดสติไป

"เหอะ แค่หมัดเดียวก็ทานทนไม่ได้แล้ว สวะชัดๆ!" หยูเซี่ยงแสดงความเหยียดหยามออกมา

ระดับขั้นก่อกำเนิดนั้น มี 9 ขั้นก็จริง ทว่ามันแบ่งออกเป็นช่วงใหญ่ๆ 2 ช่วง

ช่วงแรกนั้นคือจุดเปลี่ยนในยามที่ตัดผ่านจากระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3 ไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4 ส่วนช่วงที่สองนั้นอยู่ที่การตัดผ่านจากระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 6 ไปยังขั้นที่ 7 ...

ช่วงดังกล่าวที่พูดถึงนั้นจะมีความแตกต่างกันถึง 2 ช้างแมมมอธโบราณ!

สำหรับระดับบ่มเพาะก่อกำเนิดในขั้นอื่นๆ ทุกๆครั้งที่ตัดผ่านระดับ จะได้รับความแข็งแกร่งเพียง 1 ช้างแมมมอธโบราณเท่านั้น ...

เฉพาะสองช่วงนี้เท่านั้นที่เป็นพิเศษ!

วิชาจู่โจมและวิชาท่าร่างของเซี่ยวหยูนั้นแน่นอนว่าย่อมเป็นวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงที่หาได้ยากยิ่ง อีกทั้งความสำเร็จของเขายังสูงถึงขั้นตอนแก่นแท้ นี่ย่อมหมายความว่าความสามารถในการสำนึกรู้ของเขาก็หาได้ธรรมดาไม่ แต่น่าเสียดายที่ระดับบ่มเพาะของเขาต่ำต้อยกว่าหยูเซี่ยง ความต่างระหว่าง 2 ช้างแมมมอธโบราณมันมากเกินไป ... "

"เฮ่อ ก็อย่างว่าล่ะนะ ความแตกต่างของผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3 และ ขั้นที่ 4 มันต่างกันเกินไป พลังของพวกเขาเรียกได้ว่าต่างกันมาก ราวกับพวกเขาอยู่ในโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!"

"หากเซี่ยวหยูมีระดับบ่มเพาะถึงขั้นที่ 4 ก่อกำเนิดแล้วล่ะก็ ด้วยความสามารถในวิชายุทธ์โจมตีและวิชาท่าร่างระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงนั่นล่ะก็ หยูเซี่ยงจะเป็นฝ่ายไม่คู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ของเขา"

...

เยาวชนที่เฝ้าดูทั้งหมดล้วนแสดงความเสียใจต่อเซี่ยวหยู

"เจ้ายังต้องการอะไรอีก?" เมิ่งฉวนที่กินโอสถรักษาเข้าไปแล้ว รู้สึกดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นหยูเซี่ยงเดินมาก่อนที่จะผ่านหน้าเขาไป สีหน้าของเมิ่งฉวนพลันเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวเล็กน้อย

แผละ!

หยูเซี่ยงกระทืบเท้าของเขาลงไปยังขนมปังที่ตกหล่นอยู่ข้างๆเมิ่งฉวน และขยี้เท้าจนมันแทบจะแบนติดดิน ตอนนี้ขนมปังนั้นเละยับเยินทั้งยังเป็นรอยรองเท้าชัดเจน

"กินมันลงไป!" รอยยิ้มอันตรายปรากฏขึ้นบนใบหน้าหยูเซี่ยงขณะที่จับจ้องไปยังเมิ่งฉวน

"เจ้า ... เจ้ามันจะมากเกินไปแล้ว!" สีหน้าของเมิ่งฉวนบิดเบี้ยว เขาไม่คิดเลยว่าหยูเซี่ยงจะหักหน้าเขาด้วยการทำเช่นนี้

เหล่าเยาวชนที่อยู่รอบๆมีบางคนไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไปพวกมันจึงเดินออกไปช้าๆ แต่ว่าไม่มีใครกล้าออกมาช่วยเหลือเมิ่งฉวน เพราะจะเป็นการสร้างปัญหาให้แก่ตระกูลหยู

"อะไรเมิ่งฉวน เจ้าหูหนวกหรือไร? พี่ชายหยูเซี่ยงของข้ากำลังมีเมตตาอนุญาตให้เจ้ากินขนมปังแสนอร่อย แต่เจ้ากลับกล้าปฏิเสธน้ำใจดีงามของพี่ข้าเช่นนั้นรึ มารดาเจ้าไม่เคยสั่งสอนหรือไรว่าให้ปฏิบัติตัวต่อผู้ที่มีเมตตาเช่นไร เจ้าคิดให้ดีๆนะ...ว่าจะยอมกินมันลงไปดีๆ หรือจะให้พวกข้าป้อนเจ้า?" หยูเซี่ยวก้าวเข้ามาอย่างช้าๆโดยมีคนตระกูลหยูทั้งหมดเดินตามหลังมาด้วย มันหมายใช้พลังอำนาจของตระกูลสะกดข่มเมิ่งฉวนให้ทำตามคำสั่งราวกับสุนัข

"พี่ชายเซี่ยงหากท่านต้องการเพียงเอ่ยออกมาคำเดียว ข้าจะป้อนขนมปังที่พี่ท่านเมตตาให้มันกินอย่างอร่อยเดี๋ยวนี้" ชายหนุ่มจากตระกูลหยูเดินออกมาก่อนที่จะเหยียบย่ำขนมปัง ที่เละอยู่บนพื้นแล้วให้เละมากขึ้นอีกครั้ง ..และสุดท้ายพวกมันทุกคน ก็เดินมาเหยียบย่ำขนมปังจนเปรอะเปื้อนรอยรองเท้าของพวกมันทุกคน

"เอาสิ... " หยูเซี่ยงหัวเราะออกมา

อย่างไรก็ตามรอยยิ้มของเขาก็อยู่ได้ครู่เดียวเท่านั้นก่อนที่มันจะหยุดชะงักค้างไป ...

"เอาตูดปู่เจ้าน่ะสิ!" เสียงคำรามที่ดังราวกับระเบิดดังขึ้นพร้อมร่างที่เคลื่อนที่มาด้วยความเร็วสูง กระแสอากาศถึงกับปั่นป่วนด้วยวิชาท่าร่างที่ว่องไวปานพายุ

ฝูงชนล้วนกระเด็นจากแรงอัดอากาศ กลายเป็นการเปิดทางให้ร่างนั้นพุ่งเข้าไปยืนหน้าเมิ่งฉวน และตอนนี้เหล่าเยาวชนรอบๆถึงกับต้องอาปากจนกรามแทบค้างเมื่อเห็นถึงเงาร่างช้างแมมมอธโบราณถึง 7 ตัวอยู่เหนือชายหนุ่มคนนั้น ...

"ความแข็งแกร่งระดับช้างแมมมอธโบราณ 7 ตัว! ระ..ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 5!! เยาวชนกล่าวออกมาด้วยความตื่นตระหนก

"ต้วนหลิงเทียน!" หยูเซี่ยงจ้องไปยังร่างของชายหนุ่มชุดสีม่วงที่พุ่งเข้ามารวดเร็วราวกับเหินบิน ท่าทางของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวและสีหน้าเริ่มซีดเซียวเมื่อมองไปยังช้างแมมมอธโบราณจำนวน 7 ตัวบนหัวหลิงเทียน

ทันทีที่มันเห็นสิ่งแรกที่มันคิดคือต้วนหลิงเทียนได้ตัดผ่านระดับไปอีกขั้นแล้ว!!

วิชายุทธ์ของหลิงเทียนทุกอย่างนั้นล้วนเป็นวิชายุทธ์ที่มีระดับและความลึกล้ำเหนือกว่าเขาอย่างสิ้นเชิง แค่ระดับบ่มเพาะเทียบเท่ากันเขาก็ไม่กล้าสู้กับหลิงเทียนอย่างจริงจังแล้ว มาตอนนี้ความแข็งแกร่งของหลิงเทียนยังเหนือล้ำไปกว่าเขาอีกขั้น

ขาของหยูเซี่ยงงอลงเล็กน้อย มันอาศัยจังหวะนี้พุ่งตัวหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

"เจ้าคิดจะหนีไปที่ใด? ต้วนหลิงเทียนกล่าวเย้ยหยันออกมาพร้อมแสยะยิ้ม

หยูเซี่ยงผู้นี้มันกล้าคิดหลบหนีต่อหน้าต่อตาเขา?

เพียงเสี้ยวพริบตา หยูเซี่ยงพลันสังเกตว่า ร่างของหลิงเทียนพลันเคลื่อนที่ตีวงโค้งอ้อมไปอยู่ด้านหน้าของเขาด้วยความเร็วที่เหนือล้ำกว่าวิชาท่าร่างเขาอย่างเทียบไม่ติด การเคลื่อนที่ของหลิงเทียนราวกับอสรพิษอย่างไรอย่างนั้น มันรวดเร็วและคาดเดายากเกินไป

ใบหน้าของหยูเซี่ยงหมองคล้ำลงจนน่าเกลียด มันกล่าวขมขู่ออกมาออกมาด้วยเสียงต่ำ "ต้วนหลิงเทียน พี่ชายของข้าเป็นคนของกองกำลังโลหิตเหล็ก ทั้งพี่ข้ายังมีระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 8 หากเจ้าทำอะไรข้า เขาไม่มีวันปล่อยให้เจ้ามีชีวิตรอดต่อไปแน่!

"เหอะ หุบปากอุบาทว์ของเจ้าไป ต่อให้วันนี้พี่เจ้าจะเป็นจักรพรรดิก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้!" สายตาของหลิงเทียนพลันเย็นชาลงอย่างน่ากลัว ท่าทางของเขาเหมือนกระสุนปืนที่พร้อมพุ่งทะลวงได้ทุกเวลา

วูบบบ!

แขนของเขาพลันแกว่งไหวออกมาด้วยโทสะ แขนนี้มันถูกเหวี่ยงมาด้วยลักษณะคล้ายหางของงูเหลือมยามเกรี้ยวกราด กระแสอากาศถูกแหวกดังหวีดหวิว!

สวนทางด้านหยูเซี่ยงที่เห็นหลิงเทียนหวดแขนมาทางมันนั้น มันพลันคิดถึงพลังทำลายที่น่าสะพรึงระดับช้างแมมมอธโบราณ 7 ตัว ทำให้มันถึงกับขาตายไม่สามารถเคลื่อนร่างหลบหนีได้ทัน

ตอนนี้มันมีเวลาเพียงใช้วิชาป้องกันต้านรับอย่างสุดกำลังเท่านั้น ...

ตูมมมมม!!!

เกราะพลังงานต้นกำเนิดที่เคลือบร่างของมันไม่ต่างจากอากาศธาตุ มันถูกทำลายลงพร้อมกับแขนของหลิงเทียนหวดซัดไปที่ใบหน้าของมันอย่างจัง ก่อนที่จะส่งร่างมันปลิวกระเด็นไปราวๆ 10 เมตร

หยูเซี่ยงกระอักเลือดออกมา 2 ครั้งตอนนี้มันไร้เรี่ยวแรงเคลื่อนไหว ทำได้เพียงกล่าวออกมาอย่างเร่งร้อน "ไปตามพี่ชายข้ามาเร็วเข้า!" มันรีบตะโกนออกด้วยแรงที่เหลืออยู่ทั้งหมด

และเหล่าสมาชิกตระกูลหยู ที่ยืนอยู่อีกด้านทั้ง 3 คน รวมทั้งหยูเซี่ยวนั้นกำลังตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก

หลังจากที่เห็นต้วนหลิงเทียนระเบิดความแข็งแกร่งออกมา 7 ช้างแมมอธโบราณพวกมันก็ได้แต่ยืนขาสั่นไม่อาจทำอะไรได้สักนิด แม้แต่ขณะที่หยูเซี่ยงถูกซัดปางตายพวกมันยังหวาดกลัวจนไม่กล้าเข้าไปช่วยเหลือ ...

ทว่าตอนนี้เองพวกมันพลันได้ยินคำสั่งของหยูเซี่ยง

"รีบไปกันเถอะ!" หยูเซี่ยวรีบตะโกนบอกอีก 3 คนที่เหลือทันที เขาต้องการหนีออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด

ทว่า..

วิชาท่าร่าง วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!

ร่างกายของหลิงเทียนโยกซ้ายโยกขวาเพียงพริบตาเดียวก็มาขวางทางหนีของกลุ่มหยูเซี่ยวเอาไว้

สีหน้าของคนตระกูลหยูทั้ง 4 พลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือด

ตูมมมมม!

ต้วนหลิงเทียนแกว่งแขวนออกไปราวกับจะหวาดขยะบนโต๊ะอาหารอย่างไรอย่างนั้น ชายหนุ่มของตระกูลหยูทั้ง 4 แม้จะรวมพลังกันต้านทานแต่พวกมันก็อ่อนด้อยจนเกินไป ต่างถูกซัดกระเด็นราวกับว่าวสายป่านขาด หมดสภาพทันทีทั้ง 4 คน ...หากหลิงเทียนไม่รั้งกำลังไว้กว่าครึ่ง ร่างของพวกมันคงแหลกเหลวกระจัดกระจายไปแล้ว

ตั้งแต่ที่หลิงเทียนเคลื่อนไหวเพื่อซัดหยูเซี่ยงนอนเป็นผักจนถึงซัดตระกูลหยูอีก 4 คนเป็นผักตามไปติดๆกัน... มันเกิดขึ้นในเวลาสั้นๆเพียงแค่ไม่ถึง 10 ลมหายใจเท่านั้น

และตอนนี้เหล่าเยาวชนรอบๆเองก็พึ่งได้สติจากอาการตกตะลึงที่เห็นหลิงเทียนใช้ออกด้วยความแข็งแกร่งระดับ 7 ช้างแมมอธโบราณในการเคลื่อนที่มาปรากฏตัวครั้งแรก!

"บิดามันเถอะความแข็งแกร่งระดับ 7 ช้างแมมมอธโบราณ ต้วนหลิงเทียนตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 5 แล้ว!!"

“บัดซบ เขาพึ่งอายุเท่าไรกัน?”

“สัตว์ประหลาดที่ราวกับอสูรกายเชนนี้ ปรากฏขึ้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของทวีปนภาล่องใช่หรือไม่”

"หยูเซี่ยงมันพลาดแล้วที่กล้ามีปัญหาและสร้างความแค้นกับต้วนหลิงเทียน”

"นั่นสิ เซี่ยวหยูและเมิ่งฉวนล้วนเป็นสหายของหลิงเทียน เรื่องครานี้ช่างหนักหนานัก ต้วนหลิงเทียนไม่มีวันปล่อย หยูเซี่ยงไปง่ายๆเด็ดขาด"

...

ภายใต้การเฝ้ามองของทุกคน ตอนนี้เซี่ยวหยูพลันได้สติขึ้นมา ลั่วเฉินที่เห็นดังนั้นก็รีบนำโอสถทองประสานกายให้เซี่ยวหยูกินลงไปทันที

ส่วนทางด้านหลิงเทียนตอนนี้เขาได้ไปริบโอสถทองประสานกายจากเหล่าคนตระกูลหยูทั้ง 5 เอาไว้เรียบร้อยแล้ว พวกมันไม่อาจรักษาตัวโดยการกินโอสถที่พกมาได้อีกต่อไป

"เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?" ต้วนหลิงเทียนยื่นมือออกก่อนที่จะฉุดเมิ่งฉวนขึ้นมา

"ก็เละน่ะสิ นี่ยังโชคดีที่เจ้ามาทันเวลา ไม่งั้นข้าคงต้องได้แต่ทนรับความอัปยศอดสูจากพวกมันแล้ว" เมิ่งฉวนแสดงท่าทางหวาดกลัวออกมาเล็กน้อย

"ตั้งแต่ที่พวกมันอยากให้เจ้ากินขนมปังชิ้นนี้มากนัก เจ้าก็ไม่ลองเอาให้พวกมันชิมสักหน่อยเล่า" ดวงตาหลิงเทียนหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปาก

"ฮ่าๆ... จริงด้วย ข้าเกือบลืมเรื่องนี้ไปสนิท ความคิดเจ้าช่างประเสริฐนัก" เมิ่งฉวนหัวเราะร่าออกมาแล้วมันก็เดินไปหยิบขนมปังเลอะโคลน หลังจากนั้นก็แบ่งออกเป็น 4 ส่วน รวมทั้งเพิ่มไส้สูตรพิเศษจากกองโคลนที่พื้นอีกด้วย ก่อนที่จะนำไปป้อนให้แก่คนของตระกูลหยูทั้ง 4 คนอย่างเท่าเทียม

ตอนนี้เขานั้นไม่ได้กลัวเรื่อง "ตระกูลหยูแห่งเมืองประจำมณฑล" อีกต่อไป ไม่ว่ามันจะเป็นตระกูลอะไร ตอนนี้เมิ่งฉวนล้วนช่างหัวมันทั้งสิ้น

เมื่อสังเกตว่าทั้ง 4 คนของตระกูลหยูไม่ยอมให้ความร่วมมือโดยการกินขนมปังเข้าไปดีๆ หลิงเทียนก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "หากพวกเจ้ายังกล้าคายมันออกมาอีกครั้ง ข้าจะเลาะฟันพวกเจ้าทุกคนให้หมดปาก!"

ร่างของพวกมันพลันสั่นสะท้านก่อนที่จะโกยเศษขนมปังเละๆที่ผ่านรองเท้าของพวกมันมาก่อนหน้านี้เข้าปากอย่างอดสู ใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความอับอายและแค้นเคืองไม่พอใจอย่างถึงที่สุด...

เยาวชนรอบๆที่ได้ชมดูอยู่ล้วนแสดงสีหน้าโง่งมออกมา

ทันใดนั้นมีชายหนุ่มคนนึงพลันเดินจากไป

"หากข้าไปแจ้งเหตุแก่พี่ชายของหยูเซี่ยงตอนนี้ ข้าต้องได้รับความดีความชอบจากตระกูลหยูอย่างแน่นอน หากข้าได้รับความโปรดปรานจากตระกูลหยู ครานี้คงได้ประโยชน์มากมายนัก !"

รีวิวผู้อ่าน