px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 117 วิธีการเลิศล้ำของต้วนหลิงเทียน!!


ณ หอพิรุณเย้าวาโย

ในห้องที่ไร้ซึ่งสรรพเสียงสำเนียงอื่น มีเพียงเสียงกระเส่าหอบหายใจถี่ยิบและเนื้อหนังกระทบกัน ดังเป็นจังหวะ...ที่ดูเหมือนจะเร่งระรัวขึ้นเรื่อยๆเท่านั้น....

และทันใดนั้นเอง

"อาาห์!" เหลียนเค่อพลันคำรามออกมาราวกับสัตว์ป่า ก่อนที่มันจะทิ้งร่างลงไปทับหญิงคณิกาด้านใต้ด้วยความอ่อนแรง...หญิงคณิกาเองก็แลดูอ่อนล้าและตัวสั่นระริกไม่น้อยเช่นกัน

"เหลียนเค่อ..." ทว่าทันใดนั้นเองในขณะที่เหลียนเค่อกำลังอิ่มเอมกับอารมณ์สุขสม พลันมีเสียงลึกลับดังขึ้นมา

"ผู้ใด?" เหลียนเค่อพลันเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว ร่างกายของมันแข็งเกร็งขึ้นเล็กน้อย แน่นอนอิสตรีที่มันโอบกอดอยู่ก็หวาดกลัวไม่แพ้กัน เพราะน้ำเสียงนี้มันฟังแลดูลึกลับและน่าหวาดกลัวอย่างมาก

ต้วนหลิงเทียนที่เอนหลังพิงอยู่ด้านนอกหน้าต่าง ค่อยๆกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆทว่าเต็มไปด้วยความเย็นชา "เหลียนเค่อ นี่เจ้ายังไม่รู้ตัว ว่ายามนี้เจ้าพึ่งถูกคนที่เจ้าเรียกว่าพี่น้องทรยศใช่หรือไม่?"

"เจ้าเป็นผู้ใดกัน? แล้วเจ้าหมายถึงอะไร?" ใบหน้าของเหลียนเค่อค่อยๆบิดเบี้ยวขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่จะรวบรวมความกล้าเดินไปทางหน้าต่าง

“หึหึ หากเจ้าอยากรู้ ใยไม่รีบกลับบ้านไปดูให้เห็นด้วยตาของเจ้าเองเล่า... ตงหลินมันล่อลวงเจ้าให้มายังหอพิรุณเคล้าวาโย..ส่วนตัวมันน่ะหรือ หึหึ ป่านนี้ไม่รู้มันเริงรักกับภรรยาน้อยของเจ้าไปกี่กระบวนท่าแล้ว ... " ต้วนหลิงเทียนกล่าวจนจบประโยคแล้วก็พุ่งร่างจากไปทันที

เขายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องไปจัดการและทำด้วยตัวเอง

ปัง!

เหลียนเค่อรีบพุ่งมาเปิดหน้าต่าง และสิ่งที่มันเห็นคือหลังไวๆของเงาร่างหนึ่งที่กำลังหายลับไปพอดี

เหลียนเค่อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และรวบรวมสติก่อนที่จะวิ่งไปดูห้องด้านข้างที่เป็นห้องของตงหลิน ทว่าเขาพลันพบว่าตงหลินไม่ได้อยู่ในห้องจริงๆ...ไม่มีร่องรอยของมันแม้แต่น้อย

ความรู้สึกอัปมงคลบางอย่างก่อเกิดในหัวใจของมัน ...

"ตงหลิน!" ใบหน้าของเหลียนเค่อพลันมืดลงเล็กน้อย ถึงแม้ว่ามันจะมีความสัมพันธ์อันดีกับตงหลิน แต่ทว่ามันก็ไม่ได้ดีเด่มากมายอะไรถึงขั้นที่จะใส่เสื้อผ้าชุดเดียวกัน หรือร่วมใช้อิสตรีคนเดียวกันได้

ท้องฟ้าเหนือเขตที่พักของตระกูลเหลียนยามนี้เปิดโล่งทว่ากลับไร้ดาราส่องสว่าแม้เพียงสักดวง

เหลียนเค่อรีบมุ่งหน้าไปยังเขตที่พักเงียบสงบแห่งหนึ่ง อันเป็นเรือนของภรรยาน้อยเขา

หลังจากเหลียนเค่อเดินทางไปได้แคเพียงครู่เดียว ที่หน้าประตูที่มันอยู่เมื่อครู่กลับมีม้าศึก 3 ตัววิ่งเข้ามาเยือนที่พักของตระกูลเหลียน

ขวยคนหนึ่งหนวดเคราเฟิ้มสวมเกราะเบาแลดูมีสภาวะเกรี้ยวกราดดุดันเดินนำหน้ามา โดยมีพลทหารสองนายตามประกบอยู่ด้านหลัง กำลังเดินอย่างองอาจเข้าเขตที่พักของตระกูลเหลียน

"ท่านแม่ทัพ!" คนรับใช้ของตระกูลเหลียนรีบทำความเคารพชายหนวดเฟิ้มคนนั้นทันที

ที่แท้ชายในชุดเกราะเบาท่วงท่าองอาจพร้อมมีนายทหารติดตามคนนี้ กลับเป็นถึงแม่ทัพเกราะทมิฬแห่งเมืองเกราะทมิฬ ... และเขายังเป็นถึงพี่น้องร่วมสาบานของประมุขตระกูลเหลียนอีกด้วย

"เรือนภรรยาน้อยของประมุขน้อยพวกเจ้าตั้งอยู่ที่ใดกัน?" เสียงกล่าวถามของชายหนวดเฟิ้มดังกังวานราวท้องฟ้าพิโรธยามมรสุม

คนรับใช้ที่หน้าตาละม้ายคล้ายหลิงเทียนพลันทำท่าหวาดกลัวก่อนที่จะลนลานชี้ทางออกมาทันที

"นำทางไป!" ชายหนวดเฟิ้มยังคงกล่าววาจาดุดัน อดไม่ได้ที่เขาต้องแสร้งทำสะดุ้งหวาดกลัวออกมาอีกรอบ

เขาพึ่งได้รับข่าวร้ายที่ไม่ค่อยสู้ดีนักว่าบุตรชายของเขากำลังถูกวางแผนการร้ายโดยใครบางคน และอาจจะมีอันตรายจนถึงชีวิต เรื่องนี้เขาเองก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อถือสักเท่าไร แต่บุตรชายคนนี้เป็นแก้วตาดวงใจของเขา เขายอมให้มีความเสี่ยงเช่นนั้นไม่ได้ จึงรีบนำพารองแม่ทัพทั้ง 2 คนมาพิสูจน์ทันที

อีก..ด้านหนึ่ง ในห้องที่มืดมิด

ร่างเงาคนหนึ่งลักลอบเข้าประตูทางหลังบ้าน ก่อนที่จะแอบเข้าเรือนมาโดยไม่ให้ผู้ใดรู้ตัว

ปัง!!

ประตูห้องถูกเตะอย่างแรงจนพังพินาศ เสียงที่ดังสนั่นปลุกชายโฉดหญิงชั่วที่นอนนัวเนียอยู่บนเตียงให้สะดุ้งตื่น

"ผู้ใดกล้ารบกวนเวลาหลับนอนของข้า?"

น้ำเสียงที่คุ้นเคยพลันดังขึ้นบีบหัวใจชายหนุ่มที่เตะประตูเมื่อครู่จนแทบแหลกลาญ...เหลียนเค่อ บุตรชายคนเดียวของประมุขตระกูลเหลียน! ยืนร่างสั่นเทิ้มราวกับโดนอัสนีบาตรยามแล้ง...สองหมัดกำแน่นแทบจิกเนื้อหนังจนปอกเปิด

เมื่อเขาจุดเทียนให้ให้ส่องแสงขับไล่ความมืดมิดในห้องหับจนหมดสิ้น ดวงตาของเขาพลันแดงก่ำราวกับเส้นโลหิตในดวงตาแตกสะบั้น ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดุร้ายไม่ต่างอะไรกับสัตว์ป่าคุ้มคลั่ง "ตงหลิน เจ้ามันอุบาทว์ชาติชั่ว น่าขยะแขยงนัก สารเลว!"

เมื่อตงหลินเห็นรูปลักษณ์เหลียนเค่อที่บันดาลโทสะถึงเพียงนี้อดไม่ได้ที่มันจะประหลาดใจขึ้นมา

ทว่าตอนนี้มันพลันสังเกตได้อย่างรวดเร็วว่า เคหะสถานแห่งนี้หาใช้หอพิรุณเย้าวาโยที่มันใช้เป็นรังรักในคืนนี้ไม่

และเมื่อมันก้มศีรษะมองลงไปยังสตรีในอ้อมอกที่พึ่งผ่านการทำรักอย่างเผ็ดร้อนและหฤหรรษ์ สีหน้าของมันก็พลันเปลี่ยนเป็นวุ่นวาย สตรีแสนงดงามที่ยามนี้ถอยร่นไปที่ขอบเตียงพร้อมทั้งยกผ้าห่มมาปิดบังร่างกายที่สั่นสะท้าน...มิหนำซ้ำยังใช้สายตาหวาดกลัวจับจ้องมาทางมันนางนี้ หาใช่ภรรยาน้อยที่เหลียนเค่อพึ่งรับตัวมาหรอกหรือ?

แล้วตัวมันเองเล่าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? แล้วนี่มันพึ่งร่วมรักกับนางมาเช่นนั้นหรือ?

ตอนนี้เองราวกับในหัวของมันฉุกคิดถึงเรื่องพิกลขึ้นมา "นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?"

ตงหลินรีบหันไปมองเหลียนเค่อด้วยสายตาสับสน "พี่น้อง เรื่องนี้หาได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด มันเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด เพียงเรื่องราวเข้าใจผิดเท่านั้น ... แม้แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามาอยู่ในห้องของภรรยาน้อยเจ้าได้อย่างไร"

"เข้าใจผิดเช่นนั้นรึ?" ใบหน้าของเหลียนเค่อเกรี้ยวกราดขึ้นอย่างถึงขีดสุดในขณะที่เดินขึ้นบันไดมาอย่างช้าๆ 2 ขั้นด้วยอารมณ์พิโรธ เมื่อมาถึงเตียงเขาพลันกระชากร่างตงหลินขึ้นมา

ปัง!!

เหลียนเค่อไม่คิดอันใดยิงหมัดขวาปะทะกรามหน้าของตงหลินจนฟันแตกหัก ถ่มน้ำลายเลือดไปเบ่งบานราวบุปผาโลหิตบนพื้น

ตงหลินเองก็บังเกิดโทสะอารม์ขึ้นมาไม่แตกต่าง มันสวนหมัดผลักดันร่างเหลียนเค่อออกไป อย่างไม่ยินยอม

"เหลียนเค่อ เจ้ากลับกล้าจู่โจมข้าเช่นนี้จริงๆ! ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องราวเข้าใจผิด ถึงแม้มันจะไม่ใช่ ข้าก็เพียงแค่หลับนอนกับภรรยาน้อยของเจ้า เจ้าควรรู้สึกเป็นเกียรติด้วยซ้ำ หากไม่ใช่เพราะกองทัพเกราะทมิฬของพวกข้า ตระกูลเหลียนของเจ้าจะยิ่งใหญ่และกลับกลายเป็นตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งแห่งเมืองเกราะทมิฬนี้ได้รึ? " น้ำเสียงของตงหลินพลันเย็นชา อีกทั้งมันยังผสานไปด้วยความไม่แยแสและเลือดเย็นออกมา

"ดี... เจ้าดีทำมาก ตงหลิน วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้า" เหลียนเค่อพุ่งร่างไปข้างหน้าอีกครั้งและเริ่มต่อสู้กับตงหลินด้วยพลังงานต้นกำเนิดที่กราดเกรี้ยว

อย่างไรก็ตามฝีไม้ลายมือของทั้งคู่นั้นสูสีใกล้เคียงกันอย่างยิ่ง เพียงเวลาอันสั้นไม่อาจหาผู้มีชัยโดยเด็ดขาดได้...

"นายน้อยรับนี่ไปเร็วขอรับ" ทว่าในจังหวะที่เหลียนเค่อพลันถูกตงหลินกดดันจนต้องถอยร่นนั้นมีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา

คนที่ร้องเรียกความสนใจเมื่อครู่สวมชุดอันเป็นเอกลักษณ์ของข้ารับใช้ทั่วไปของตระกูลเหลียน กำลังยื่นส่งไม้กวาดด้ามหนึ่งออกมาด้วยความรวดเร็ว มันโยนมาเข้ามือของเขาได้อย่างพอดีพอดี

เหลียนเค่อเองก็หาได้มีเวลาคิดอันใดให้มากความมันถ่ายเทพลังงานต้นกำเนิดลงสู่ไม้กวาด หมายใช้เป็นอาวุธยาวทุบตีตงหลินเพื่อไม่ให้เข้ามากดดันมันโดยง่าย ไม้กวาดถูกฟาดออกไปทันที

“เหลียนเค่อ เจ้าคิดว่าไม้กวาดอุบาทว์นี่จะทำให้เข้าเอาชนะข้าได้เช่... " ตงหลินพลันยกมือขึ้นมาหมายคว้าจับไม้กวาดเอาไว้และบีบมันให้แตกเป็นเสี่ยงๆ

ทว่าในขณะนั้นเองคำกล่าวของตงหลินไม่ทันจบคำ บังเกิดเรื่องราวอัศจรรย์ เสมือนมีพลังงานประหลาดสีเทาแผ่พุ่งออกมาจากตัวไม้กวาดด้วยความรุนแรง แทบไม่ต่างอันใดกับค้อนหมื่นปอนด์ฟาดทุบเข้ามา พลังงานลึกลับนั้นทำลายฝ่ามือที่หมายคว้าจับด้ามไม้กวาด รวมถึงแขนของตงหลิน ก่อนที่มันจะฟาดทะลวงไปที่ศีรษะเขาโดยตรง

แผละ!

สมองและเลือดเนื้อเลอะเลือนของศีรษะแตกกระจาย กระเด็นเข้าปะทะใบหน้าของเหลียนเค่อ จนทำให้มันตกตะลึงราวกับคนใบ้โง่งม

เขามองไม้กวาดในมือราวกับมองเห็นปีศาจอย่างไรอย่างนั้น

"นี่มัน... จารึกอาคมเช่นนั้นหรือ?" จะ...เจ้าเป็นใครกันแน่?! " มาถึงจุดนี้เหลียนเค่อพลันเอะใจอะไรบางอย่าง ทว่าเมื่อมันหันไปสำรวจรอบๆนั้นเอง

สิ่งที่สะท้อนเข้าสองตาของมันมีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น คนรับใช้ที่ส่งไม้กวาด หายตัวไปเสียแล้ว

เขาพลันตระหนักได้ทันทีว่าเรื่องราวครานี้กลับกลายเป็นพิกลแล้ว นี่ต้องเป็นหลุมพรางอะไรบางอย่างแน่นอน

"อ๊า!" ส่วนทางด้านภรรยาน้อยของเหลียนเค่อ เมื่อได้เห็นซากศพผู้คนศีรษะแตกระเบิด นางทำได้เพียงกรีดร้องออกมาสุดเสียงและสิ้นสติไปเพาะความหวาดกลัว

เหลียนเค่อพลันสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาสัมผัสได้ถึงลางมรณะและกลิ่นอายอันตรายที่ค่อยๆแผ่ซ่านออกมาจากสถานการณ์ หากเรื่องราวในค่ำคืนนี้แพร่กระจายออกไปแล้วล่ะก็ มิแคล้วตระกูลเหลียนของเขาต้องเป็นที่ระบายโทสะอารมณ์ของกองทัพเกราะดำแน่นอน...และนี่อาจกลายเป็นหายนะของตระกูลเหลียนเขา

หากกองทัพเกราะดำคิดลงมือจัดการกับตระกูลเหลียนจริงๆ เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้ว ...

เมื่อเขาเริ่มสงบสติอารมณ์และตั้งสติได้ เขาก็คิดจะจัดการกับซากศพของตงหลินอย่างลับๆ

"ลูกหลิน " เสียงคำรามที่ฟังราวกับฟ้าถล่ม ทำให้สีหน้าของเหลียนเค่อพลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือด!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เหลียนเค่อคุ้นเคยเป็นอย่างดี

ที่ไม่สมควรมากลับมา แล้วเพราะอะไรเขาถึงมาที่นี่ยามนี้กัน?

พริบตานั้นเหลียนเค่อพลันตระหนักถึงเรื่องราวร้ายแรงประการหนึ่งขึ้นมา เขากระจ่างรู้ได้ทันทีว่าเรื่องราวครานี้ต้องเป็นแผนการอะไรสักอย่างของใครบางคน และคนๆนั้นหมายขีดหนทางหายนะเส้นนี้ให้เขาเดิน ...

"ลุงเล่ย ได้โปรด ท่านฟังข้าก่อน!" เหลียนเค่อรีบโยนไม้กวาดเปรอะเปื้อนสมองและเศษซากเลือดเนื้อเลอะเลือนทิ้งไป ก่อนที่จะจ้องมองไปยังชายเคราครึ้มตรงหน้าพร้อมส่งเสียงออกมาด้วยความร้อนรน

"เหลียนเค่อบุตรชายของข้าเพียงละเล่นกับภรรยาน้อยของเจ้าเท่านั้น ... แต่เจ้ากลับ..เจ้ากลับลงมือสังหารบุตรชายข้าด้วยอำมหิต เพื่ออีนังแพศยานี่!! ชดใช้ชีวิตบุตรข้า!!" ทันใดนั้นเอง ชายเคราครึ้มหรือหนวดเฟิ้มอันเป็นถึงแม่ทัพของกองทัพเกราะทมิฬ พลันระเบิดโทสะซัดกำปั้นเกี้ยวกราดที่เต็มไปด้วยพายุพลังงานต้นกำเนิดน่าพรั่นพรึงไปยังเหลียนเค่อ

"พี่เล่ย ได้โปรดยั้งมือด้วย!" รางหนึ่งกระพริบวูบวาบมาด้วยความเร็วราวกับเส้นแสง ทว่า...ช่างน่าเสียดายที่ต้องถูกนายทหารสองคนที่เป็นถึงรองแม่ทัพหยุดเอาไว้ได้ชะงัด

โผละ!!

การโจมตีของชายเคราครึ้มระเบิดศีรษะของเหลียนเค่อออกเป็นเสี่ยงๆ มันสมองกระจายไปทั่วทั้งห้องอย่างน่าสะอิดสะเอียน ลูกนัยย์ตาก้อนกลมพลันกลิ้งไปหยุดแทบเท้าชายพึ่งมา ที่ถูกรองแม่ทัพรั้งตัวเอาไว้

"ลูกชายของข้า!" คนที่เพิ่งมาถึงก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นประมุขของตระกูลเหลียนนี่เอง เมื่อต้องมาทนเห็นภาพลูกชายตกตายลงด้วยตาทั้งสองข้าง โทสะที่พุ่งทะลุขีดสุดพลันระเบิดออกมาทันที มือทั้งสองข้างพลันปะทุออกด้วยพลังงานต้นกำเนิดทั้งหมดซัดสองรองแม่ทัพให้กระเด็นเจียนตาย หมดสภาพภายใต้ครึ่งกระบวนท่า ก่อนที่จะโถมร่างไปปะทะกับแม่ทัพเกราะทมิฬด้วยความเกรี้ยวกราด

และไม่นานความสับสนอลหม่านก็บังเกิดแก่ตระกูลเหลียน ทว่าหามีผู้ใดทันสังเกตเห็นว่างมีเงาร่างหนึ่งอาศัยจังหวะชุลมุนวุ่นวายของตระกูลเหลียนเคลื่อนกายลี้หายออกไป

"หึหึ Mission Accompilshed!*"หลังจากถอดชุดข้ารับใช้ทิ้งไป หลิงเทียนก็กล่าวออกมาด้วยภาษาหนึ่งของโลกเก่า ก่อนที่จะกระพริบร่างวูบไหวหายตัวไปกับความมืดราวภูตผี *ภารกิจเสร็จสมบูรณ์

ตอนนี้เขาย่อมรู้ดีที่สุดว่าภารกิจของเขาลุล่วงไปด้วยดีด้วยความสมบูรณ์แบบ

หลังจากที่กลับไปถึงโรงเตี้ยมที่พัก หลิงเทียนก็อาบน้ำอาบท่าอย่างสบายอารมณ์ ก่อนที่จะมานั่งบ่มเพาะร่างกายด้วยพลังงานต้นกำเนิด

ทันใดนั้นเอง

"ครืนนนนน ... " พริบตาที่เริ่มโคจรพลังงานลงสู้กล้ามเนื้อทั่วร่าง หลิงเทียนพลันสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อทั่วร่างกายก่อนที่มันจะสั่นสะท้านออกมา...ไม่น่าเชื่อว่าการกลั่นพลังงานต้นกำเนิดเพื่อบ่มเพาะร่างกายที่ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3 ของเขากลับลุล่วงไปได้ง่ายดายเช่นนี้!!

"เฮ่ย นี่มัน ... " ต้วนหลิงเทียนเองก็ประหลาดใจอย่างมาก เนื่องจากแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่คิดว่าอยู่ๆจะบรรลุการเสริมกลั่นพลังงานต้นกำเนิดเพื่อบ่มเพาะร่างกาย ในระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 3 จนสำเร็จได้ง่ายดายถึงเพียงนี้

ต้วนหลิงเทียนกำหมัดของเขาแน่นขึ้นมา

วู้มมมมม!

เหนือศีรษะของเขาบังเกิดร่างช้างแมมมอธโบราณ 6 ตัว ...และ 6 ตัวนี้มันเป็นเพียงความแข็งแกร่งของส่วนร่างกายและกล้ามเนื้อเท่านั้น

วู้มมมม!

และเมื่อหลิงเทียนเร่งเร้าพลังงานต้นกำเนิดออกมา เงาร่างช้างแมมมอธโบราณพลันฉายออกมาอีก 3 ตัว!!

ในยามนี้เขาสามารถใช้ออกด้วยกำลังความแข็งแกร่งทั้งหมดถึง 9 ช้างแมมมอธโบราณ!!

"เฮ่ๆๆ นี่มันอะไรกันล่ะเนี่ย เรื่องแรกข้าก็สามารถผ่านภารกิจได้ ซ้ำยังมาผ่านการบ่มเพาะร่างกายได้อีก อะไรมันจะน่ายินดีติดๆกันเช่นนี้... " หลิงเทียนยิ้มแย้มออกมาอย่างลิงโลด

ดึกมากแล้ว...ท้องฟ้ายังเริ่มหลับใหล ต้วนหลิงเทียนเองก็ปิดตาลงด้วยความอ่อนเพลีย

...

เช้าวันรุ่งขึ้นเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำลายภาพฝันอันแสนหวานของหลิงเทียน

เขาเดินออกไปเปิดประตูก่อนที่จะจ้องมองหัวหน้ากองที่ยืนหลังประตูด้วยสายตาดุร้าย

หัวหน้ากองนั้นรีบพุ่งเข้ามาอย่างเร็วก่อนที่จะปิดประตูและเขาก็มองไปยังต้วนหลิงเทียน ที่ดูท่าทางยังสะลึมสะลืออยู่ไม่น้อย ด้วยสายตาประหลาดใจ “เจ้า...เจ้าทำมันได้อย่างไรกัน?”

เช้าวันนี้เมื่อหยางต้าตื่นขึ้นมา มันพลันได้ยินข่าวสะเทือนขวัญสั่นสะท้านเมืองเกราะทมิฬ เกี่ยวกับเรื่องราวนองเลือดที่ตระกูลเหลียน

สามผู้ยิ่งใหญ่ระดับแม่ทัพและรองแม่ทัพของกองทัพเกราะทมิฬแทบจะนำชีวิตไปทิ้งที่ตระกูลเหลียน พวกมันถูกผู้อาวุโสของตระกูลเหลียนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ส่วนทางด้านฝั่งตระกูลเหลียน ประมุขของตระกูลเองก็อาการสาหัสยังไม่รู้ว่าจะรักษาชีวิตที่เก็บกู้มาได้หรือไม่

หลังจากที่สอบถามเรื่องราวและหาข้อมูลจากที่ต่างๆนับไม่ถ้วนเขาก็พบเบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องนี้ เรื่องราวทั้งหมดล้วนเกิดจาก เหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างบุตรชายของประมุขตระกูลเหลียนและบุตรชายของแม่ทัพของกองทัพเกราะทมิฬ ...และสตรีงดงาม 1 นางเท่านั้น

และเท่าที่เขากังวลเรื่องราวทั้งหมดนี้มันเต็มไปด้วยจุดที่น่าสงสัยอย่างยิ่ง และอดไม่ได้ที่เขาจะคิดถึงต้วนหลิงเทียนขึ้นมาคนแรก ...

"ข้าทำอะไร แล้วจะทำไมเล่า?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามพร้อมอ้าปากหาวออกมา

“ไม่ต้องแสร้งเลอะเลือน เมื่อคืนเกิดเรื่องราวอันใดขึ้นที่ตระกูลเหลียนกันแน่ เจ้ารีบบอกไม่ต้องมาหลอกข้าเสียให้ยาก ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าไม่รู้เรื่องนี้” หยางต้ากล่าวถามออกมาอย่างกระแนะกระแหน

"มันก็..สำคัญนิดนึงล่ะมั้ง"

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวเล็กน้อยเพื่อคลายความง่วงและเรียกสติ "ก็แค่เรื่องราวเล็กๆน้อย ไม่ได้สมควรกล่าวถึงอะไร"

เรื่องเล็กเช่นนั้นหรือ?...เรื่องเล็กทวดเจ้าสิ!!

มุมปากของหยางต้าอดกระตุกขึ้นมาไม่ได้หลังจากได้ฟังคำพูดของหลิงเทียน เขาสงสัยว่าชายหนุ่มตรงหน้ากล่าวเช่นนั้นออกมาได้อย่างไรโดยมีทีท่าสบายๆเช่นนั้น

กองกำลังโลหิตเหล็กของพวกเขาวางแผนมาหลายปีดีดัก แต่ก็ไม่อาจยุแยงตะแคงรั่วสร้างความแตกแยกให้แก่กองทัพเกราะทมิฬและตระกูลเหลียนได้ แต่นี้อะไร!! เรื่องราวทั้งหมดกลับจบลงเพียงแค่ชั่วข้ามคืนราวกับฝันตื่นหนึ่ง ด้วยฝีมือของชายหนุ่มที่อายุยังไม่ถึง 17 ปีดีด้วยซ้ำ

ต้วนหลิงเทียนมองไปยังหยางต้า ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาว่า “แล้วนี่ ภารกิจของข้าถือว่าสำเร็จหรือยัง?”

"ย่อมสำเร็จ สำเร็จลงงดงามอย่างยิ่ง"

หยางต้าพยักหน้ารับคำก่อนที่จะกล่าวถามออกมาด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็นราวกับเด็กน้อย "เจ้าทำมันได้อย่างไรกัน?"

ต้วนหลิงเทียนจึงค่อยๆอธิบายเรื่องราวและแผนการทั้งหมดออกมาช้าๆ

หลังจากที่ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดหยางต้าเองก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความตื่นตระหนก ทั้งยังตื่นเต้นจนร่างสั่นระริก เขาไมคิดจริงๆว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะมีความสามารถในการวางแผนอันประเสริฐเช่นนี้...เขาสามารถสร้างเรื่องราวใหญ่โตได้ถึงเพียงนี้โดยอาศัยหมากนอกกระดานอย่างภรรยาน้อยเหลียนเค่อ ได้อย่างไรกัน

ที่สำคัญไปกว่านั้น คือเรื่องราวกลับถูกลิขิตให้ดำเนินไปตามแผนการของเขาอย่างแยบคาย ทั้งยังอาจกล่าวได้ว่ามันสมบูรณ์ไร้ที่ติ

แม้เหลียนเค่ออาจจะฉุกคิดและพบว่าเรื่องมันผิดท่า แต่เขาก็ไม่มีโอกาสได้เอ่ยคำอธิบายหรือแก้ตัวอะไร ต่อหน้าแม่ทัพของกองทัพเกราะดำ ที่กำลังร่ำไห้จนหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือดเพราะความเสียใจจากการจากไปของบุตรชายหัวแก้วหัวแหวน

"มีเรื่องราวบางประการที่ข้าขบคิดเท่าไรก็ไม่ออก ถึงแม้ว่าเหลียนเค่อจะโกรธที่ตงหลินลักลอบได้เสียกับภรรยาน้อยของมัน แต่เรื่องแคนี้ไม่น่าจะทำให้มันถึงขั้นสังหารตงหลินเพียงเพราะอิสตรีนางเดียว...เจาเป็นผู้ลงมือกระทำใช่หรือไม่?" หยางต้าจับจ้องไปยังหลิงเทียนด้วยประกายตาร้อนแรงราวกับจะคาดคั้น

"นั่นย่อมแน่นอนอยู่แล้ว จริงๆตอนนั้นแม้เขาจะโมโหถึงเพียงไหนแต่ก็ไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าจะแกงผู้คน แม้แต่น้อย" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

"แล้วเจ้าทำได้อย่างไรรึ?" ใบหน้าหยางต้าเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นราวกับเด็กทารกอีกครั้ง

"ความลับทางการค้า" ต้วนหลิงเทียนเพียงแบมือยักไหล่อย่างยียวน ก่อนที่จะเดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างสบายอารมณ์

"เจ้า ... " หยางต้าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดเพราะบังเกิดความรู้สึกคันในหัวใจยากจะเกา แต่มันก็เป็นเรื่องที่เขาไม่อาจต่อรองหรือทำอะไรหลิงเทียนได้ ทำให้เขาได้แต่หัวเราะลั่นออกมาอย่างครื้นเครง

รีวิวผู้อ่าน