px

เรื่อง : โปรดเรียกผมว่า “วีรบุรุษรีไซเคิล”
RC:บทที่ 9 สำนักบริหารเมือง


RC:บทที่ 9 สำนักบริหารเมือง

“โอ้ องุ่นอะไรกันนี้ถึงขายได้ราคาตั้งจินละสิบหยวน?” หลังจากที่คู่สามีภรรยาได้จากไปแล้ว ชายชราอายุประมาณหกสิบได้ถามขึ้น

“แน่นอนสิครับ มันเป็นองุ่นที่อร่อยครับ ถ้าจะให้ดีลองชิมดูก่อนครับ!” เมื่อหลินเฟิงเห็นชายคนนี้กำลังเดินมา เขาจึงได้ยื่นองุ่นสองสามลูกให้ในทันที

“เอาล่ะ ขอบใจนะพ่อหนุ่ม เอ๊ องุ่นนี่มันอร่อยจริงๆ เนื้อมันแน่นมากเลยนะ!”

ฉันมองดูเขาหยิบองุ่นและกัดเข้าไป เขาถึงกับชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นเขาจึงกัดเข้าไปอีกสองสามคำด้วยความรวดเร็วก่อนที่จะกินองุ่นนั้นจนหมด จากนั้นเขาก็กินองุ่นที่เหลือโดยทันที

“อ้า ท่านครับ กรุณาทานช้าๆ เดี๋ยวจะติดคอ!” เมื่อหลินเฟิงเห็นว่าเขารีบกลืนมันลงไปจึงรีบเตือนชายคนนั้น

“พระเจ้า ตั้งแต่ฉันเกิดมาเกือบตลอดชีวิตนี้ฉันไม่เคยกินองุ่นที่ไหนอร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย เอามาให้ฉันสักสองจินนะพ่อหนุ่ม!”

ฉันรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เขารีบส่งเงินจำนวนยี่สิบหยวนให้แก่หลินเฟิงทันที

“โอเคครับ!”

หลังจากที่หลินเฟิงได้ขายไปแล้วสองชุด

ซึ่งเป็นผลมาจากผู้คนมากมายที่มายืนอออยู่ตรงหน้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่คู่สามีภรรยามาซื้อองุ่น หลินเฟิงก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากและยิ่งมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาดู

“องุ่นอะไรนี่ช่างใหญ่เหลือเกิน พ่อหนุ่ม เอามาให้ฉันลองชิมดูหน่อย!”

“ฉันขอชิมด้วย!”

“ฉันก็ด้วย!”

“เอาล่ะครับ ช้าๆ นะครับ ได้ทุกคนครับ!”

ในเวลานี้ ผู้คนมากมายกว่าสิบสองคนต่างพากันล้อมอยู่รอบตัวของหลินเฟิง หลินเฟิงจึงหยิบองุ่นขึ้นมาหนึ่งพวงและแบ่งให้พวกเขาได้ชิมคนละลูก สองลูก และทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องขึ้น

“พระเจ้า มันช่างอร่อยมาก เอามาให้ฉันห้าจินนะ!”

“ฉันด้วย ฉันเอาสองจิน!”

“ฉันก็ด้วย ฉันเอาสามจิน!”

“...”

ไม่นานนัก หลินเฟิงก็ถึงกับต้องวุ่นวาย ผู้คนมากต่างพากันมาล้อมรอบตัวเขาซึ่งมีจำนวนมากกว่า 20 คน

ในตะกร้าใบนี้คงไม่พอเป็นแน่ แต่ก็ไม่มีทางเลือกแล้ว องุ่นที่เก็บมาได้นั้นมีจำนวนมากกว่า 200 จินและหลินเฟิงก็ได้ขายจนหมดเกลี้ยง

หลินเฟิงรู้ดีว่าองุ่นของเขานั้นอร่อยมากแต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นที่นิยมขนาดนี้ ซึ่งมันทำให้ผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ในตอนนี้

“เอาล่ะ พ่อหนุ่ม เร็วๆ เข้า ฉันรอไม่ไหวแล้ว!” ป้าคนหนึ่งร้องออกมา

“จะรีบไปไหนกัน? พวกเราก็ซื้อไม่นานนักหรอก คุณก็แค่อยากจะลัดคิวล่ะสิ!” คุณลุงที่มีหนวดที่อยู่ถัดไปทำเสียงฮึดฮัดใส่

“ก็ ก็ คุณจะไปรู้อะไร?”

“อย่าคิดว่าจะมาลัดคิดได้เพียงเพราะว่าเป็นคนแก่นะ!”

ในตอนนั้น ทุกคนพากันตำหนิป้าคนนั้น

“เอาล่ะ เลิกเถียงกันได้แล้ว ต่อแถวสิ! ครั้งหน้าฉันจะไม่ขายให้แล้ว!” หลินเฟิงกำลังขายองุ่นที่เหลือในตะกร้าให้แก่คนพวกนี้

“หลีกทางไป หลีกทางไปให้พ้น!”

แต่ในตอนนี้ ชายในชุดเครื่องแบบตำรวจพร้อมถือไม้เท้าเพื่อแยกกลุ่มคนที่ล้อมรอบหลินเฟิงอยู่ออกเป็นสองด้าน และจากนั้นก็เดินเข้าไปหาหลินเฟิงทีละก้าว

ทุกคนรู้ได้ทันทีหลังจากที่ได้เห็นเขาใกล้ๆ ว่าเขาคือผู้ตรวจการเมือง นั่นเอง ยิ่งไปกว่านั้นเขามีผู้ติดตามเป็นชายหนุ่มผิวคล้ำซึ่งดำราวกับถ่าน

เมื่อได้เห็นชายหนุ่มผิวดำทางด้านหลังของเฉิงกวน หลินเฟิงก็รู้สึกแย่ในทันทีและคิดกับตัวเองว่า “แม่งเอ้ย เขานั่นเอง นี่มันถึงกับไปตามผู้ตรวจการเมืองมาเลยงั้นหรือ?”

ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังของผู้ตรวจการเมืองคือชายหนุ่มที่ต้องการที่จะแย่งแผงขายของของหลินเฟิงในตอนที่เขามาตั้งแผงในตอนแรก และเขาเองก็ต้องการที่จะสั่งสอนบทเรียนให้แก่หลินเฟิง แต่หลินเฟิงกลับเป็นคนสั่งสอนเขาแทน

ในเวลานี้ เขาไปตามผู้ตรวจการเมืองมาและหลินเฟิงก็รู้ดีว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่

แน่นอนว่า เมื่อผู้ตรวจการเมืองมาหาหลินเฟิง มันมองดูเขาอย่างเหยียดหยาม

“มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ?” หลินเฟิงถาม

“โอ้ อากาศร้อนมากเลย จ้าวชิง ชายคนนี้งั้นหรือที่แย่งแผงขายของของนาย?” ผู้ตรวจการเมืองไม่ได้ให้ความสนใจกับหลินเฟิงแต่ถามไปยังชายหนุ่มที่ดำเหมือนถ่านที่อยู่ด้านหลังเขา

มันกลายเป็นว่าชายหนุ่มที่ดูราวกับถ่านนั้นชื่อว่า จ้าวชิง และผู้ตรวจการเมืองที่ยืนอยู่ข้างกันเป็นญาติของเขา ชื่อว่า หยวนฮง ซึ่งเป็นคนที่จะมาสั่งสอนบทเรียนให้แก่หลินเฟิง

“ใช่ครับ ไอ้คนนี้แหละ เขาไม่เพียงแต่ขโมยแผงขายของของผมแต่ยังทำร้ายผมด้วย! คุณเห็นไหม รอยเท้าบนหน้าอกของผมนี่!” จ้าวชิงชี้นิ้วไปที่รอยเท้าขนาดใหญ่บนหน้าอกของเขาและฟ้องหยวยฮง

“ไอ้หนุ่มนี่ต้องตายแน่ๆ จ้าวชิงเป็นญาติของหยวนฮง และหยวนฮงเองก็เป็นถึงผู้ตรวจการเมืองที่บริหารดูแลในพื้นที่นี้ เขามีชื่อเสียงในด้านลบและมักจะรังแกคนอื่น ชายหนุ่มคนที่ขายองุ่นคนนี้โชคไม่ดีเลย” หญิงคนหนึ่งกระซิบ

“ใช่ ใช่ ฉันจำได้เมื่อสองเดือนก่อน หยวนฮงก็เคยจัดการกับคนที่ถูกจ้าวชิงข่มเหง มันไม่มีเหตุผลเลย!” อีกเสียงเริ่มดังขึ้น

“เอาล่ะ ใครคือผู้ตรวจการเมือง? ชายหนุ่มคนนี้เพิ่งจะมาถึงเดี๋ยวนี้เอง เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตลาดนี้เลย!”

หลังจากนั้น บางคนก็เริ่มที่จะล่าถอยออกไปเพราะไม่ต้องการที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

“เขานี่หรือ? ดี!” จากนั้นหยวนฮงก็เกินมาหาหลินเฟิงทีละก้าวทีละก้าว ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาที่ตะกร้าองุ่น เขาเหลือบตามองดูที่ตะกร้าของหลินเฟิงและดูท่าทางประหลาดใจ

แต่หยวนฮงก็ยังคงแกล้งทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทันใดนั้นหลินเฟิงก็เห็นหยวนฮงใช้เท้าถีบตะกร้าองุ่นของเขา

“ในที่สาธารณะเช่นนี้ คุณต้องการอะไร?” หลินเฟินตะโกนออกมา

“ทำไมล่ะ? ฉันก็แค่สงสัยว่าองุ่นของแกได้ใช้สารพิษที่เป็นอันตรายอะไรหรือเปล่า ไม่เช่นนั้นแล้วมันคงไม่ใหญ่ได้ขนาดนี้? เมื่อแกมองดูองุ่นก็จะเห็นว่ามันใหญ่เพียงใด องุ่นพวกนี้ใหญ่พอๆ กับลูกพีช ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันก็ยังเขียวและใสราวผลึก พวกมันต้องถูกใส่สารพิษที่ไม่รู้จักเป็นแน่!”

หยวนฮงพู และถีบตะกร้าองุ่นที่ว่างเปล่าของหลินเฟิงซึ่งนั่นทำให้หลินเฟิงโกรธมาก เขากำกำปั้นของเขาอย่างแน่น ถ้าไม่มีผู้คนมากมายที่นี่เขาก็คงจะต่อยเข้าให้สักหมัดไปแล้ว ไม่เพียงเท่านั้นหยวนฮงยังถีบตะกร้าอีกใบของหลินเฟิง แต่หลินเฟิงจะปล่อยให้เขาทำสำเร็จได้อย่างไรกัน เพราะความอดทนของทุกคนล้วนมีขีดจำกัด

หลินเฟิงลุกขึ้นยืนทันทีและหยุดอยู่ตรงด้านหน้าของตะกร้าองุ่น หยวนฮงผลักเขาให้ล้มลง แต่หลินเฟิงกลับไม่ขยับแต่เขาเพียงแค่ถอยไปด้านหลังสองสามก้าวและเกือบจะล้มลง

สิ่งนี้ทำให้เขาประหลาดใจ เมื่อผู้คนได้เห็นผู้ตรวจการเมือง มันสายเกินไปแล้วที่จะขอร้องและหลีกเลี่ยงพวกเขาแต่สำหรับพ่อค้าหนุ่มคนนี้เขากลับกล้าที่จะทำสิ่งนี้

“แกกล้าดียังไงถึงได้กล้าสู้กับผู้ตรวจการเมือง? ฉันจะแจ้งข้อหาทำร้ายเจ้าพนักงาน มีโทษขังคุกเลยนะ” หยวนฮงคำรามขณะที่กำลังเดินเข้าหาหลินเฟิงทีละก้าวและเตรียมที่จะสั่งสอนเขา

ทุกครั้งที่เขาสั่งสอนบทเรียนให้แก่พวกพ่อค้าเร่ เขาก็ใช้วิธีนี้ เขาได้พยายามครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะคนพวกนี้ไม่รู้หนังสือและกึ่งไม่รู้หนังสือ แต่เมื่อพวกเขาได้ยินคำว่า “คุก” พวกเขาก็จะหวาดกลัว

“ทำร้ายตำรวจงั้นหรือ? มีใครเห็นบ้างล่ะ? ฉันก็แค่ป้องกันตัวเอง ฉันแค่ปกป้องทรัพย์สินของฉัน คุณเองไม่ใช่หรือ? มันก็จริงที่ว่าฉันอ่านหนังสือไม่ออกสักตัว แต่คุณเป็นฝ่ายที่ทำลายข้างของของฉันก่อน ทุกคนก็เห็นแล้วยังจะมีเหตุผลอะไรมากล่าวโทษฉันอีก? ช่างน่าตลกสิ้นดี!”

หลินเฟิงไม่มีความเกรงกลัวเลย ถึงแม้ว่าจ้าวชิงจะไปตามผู้ตรวจการเมืองมา แต่หลินเฟิงก็ไม่ได้ทำผิดกฎหมายอะไร ซึ่งความจริงแล้วเขาไม่ได้กลัวชายสองคนนี้เลย

“ใช่สิ ใช่สิ ก็แกขายองุ่นอยู่ตรงนี้ มันก็เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าแกทำผิด!”

“แม้แต่ผู้ตรวจการเมืองก็ไม่อาจที่จะข่มเหงผู้คนได้นะ!”

“...”

 

รีวิวผู้อ่าน