เรื่อง : โปรดเรียกผมว่า “วีรบุรุษรีไซเคิล”
RC:บทที่ 10 สรรพคุณวิเศษ
RC:บทที่ 10 สรรพคุณวิเศษ
จากนั้นไม่นานผู้คนที่อยู่รอบตัวเขาต่างพากันพูดไม่ออกซึ่งทำให้หยวนฮงรู้สึกละอายใจ
“ถ้าคุณมีข้อโต้แย้งใดๆ ในเวลาเดียวกันหรือคุณจะถูกกล่าวหาว่าขัดขวางการบังคับใช้กฎหมาย!”
หากแต่ว่าหยวนฮงนั้นช่างไร้เหตุผล เขายังคงเย่อหยิ่งและตะโกนใส่หน้าทุกคน พร้อมกับเดินเข้าไปหาหลินเฟิง
“ใช่เลยล่ะ พวกแก พวกแกต้องไม่ใจเย็นภายใต้พระอาทิตย์ดวงโตที่ร้อนขนาดนี้ พวกแกควรที่จะใส่ใจกับธุรกิจของพวกแกมากกว่า ระวังไว้ว่าพวกแกจะตายภายใต้พระอาทิตย์!” จ้าวชิงเข้าข้างญาติของเขา
“ยาย ยาย? เกิดอะไรขึ้นกับยาย?”
สิ้นเสียงของจ้าวชิง หลินเฟิงก็เห็นหญิงชราล้มลงบนพื้นด้านหลังของจ้าวชิง เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปหา
“คุณ ทำอะไรน่ะ!” หลินเฟิงรีบวิ่งเข้าไปหา ในขณะที่จ้างชิงรู้สึกช๊อคและเหงื่อออก เขาคิดว่าหลินเฟิงจะวิ่งเข้าไปทำอันตรายเขา
แต่หลินเฟิงกลับวิ่งเข้าไปหาและผลักเขาออกไปจากนั้นเขาก็ช่วยหญิงชราที่อยู่ด้านหลังของเขา
เมื่อมองดูจากท่าทางของหลินเฟิงแล้ว พวกเขาเห็นว่าหญิงชราที่อยู่ตรงหน้าของหลินเฟิงนั้นได้ทรุดตัวลง แลดูซีดเซียว เหงื่อออกและอยู่ในอาการโคม่า
ด้วยเหตุนี้มันขัดขวางสถานการณ์ของหลินเฟิงกับผู้อื่นโดยตรง พวกเขาวิ่งไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อหลินเฟิงไปถึงที่นั่นเขาก็ได้ช่วยยายคนนั้น
จากนั้นมือข้างหนึ่งจับตัวเธอและพยายามปลุกเธอ แต่หลังจากความพยายามถึงสองครั้งก็ไม่มีการเคลื่อนไหว ผู้คนก็หวาดกลัวเช่นกัน บางคนก็ช่วยพัดอยู่ใกล้ๆ บางคนกำลังต่อสู้และคนอื่นๆ ก็สงสัยว่าจะทำอย่างไร
จากระยะไกลชายชราคนหนึ่งที่ใส่เสื้อผ้าขาดๆ ดูเหมือนว่าเขาจะมองหาบางสิ่ง เขากำลังเหงื่อออกและอ้าปากพะงาบๆ
“ชายคนนั้นไม่ได้กลับไปใช่ไหม อนิจจา มันช่างน่าเสียดายที่องุ่นนั้นช่างอร่อยเสียเหลือเกิน มันจะดีสักแค่ไหนถ้าเขาได้ชิมสักคำในวันที่ร้อนเช่นนี้!”
“ยิ่งไปกว่านี้ องุ่นพวกนั้นยังบรรจุไปด้วยพลังจิตวิญญาณซึ่งสามารถทำให้ได้ผลเป็นสองเท่าของการพยายามฝึกตนเพียงครึ่งเดียว ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ผลกับคนในระดับของฉันแต่มันต้องได้ผลดีอย่างแน่นอนกับคนอื่น ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าหนุ่มนี่ปลูกได้ยังไง!” ขอทานชราพูดพร้อมกับมองไปรอบๆ
“อ้า ลองมองหาดูอีกทีสิ ถ้ายังหาไม่เจอ!” ขอทานชรามองไปรอบๆ ในวันที่ร้อนเช่นนี้ ตรงหน้าของเขาคือกลุ่มคนที่ล้อมรอบอยู่ด้วยความที่ไม่รู้ว่าทำไมความอยากรู้อยากเห็นถึงได้พุ่งสูงขึ้น
เมื่อเขามาถึงที่ตรงนั้น เขาเห็นหลินเฟิงกำลังพยุงแขนของหญิงชราแต่มันก็ไม่เป็นผลใด
“เอ๊? นี่นายเองหรือ? ไอ้หนู ในที่สุดฉันก็เจอนายแล้ว! ฮ่าฮ่า!” ขอทานชราดีใจเป็นอย่างมากเมื่อเขาเจอหลินเฟิง
“โอ้ ใครกันนะ? คุณไม่เห็นหรือว่าเขากำลังช่วยคนอยู่?” คุณป้าที่อยู่ใกล้เคียงเห็นขอทานชราที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนเดินเข้ามาในฝูงชนและร้องออกมา
“ช่วยชีวิตคนงั้นหรือ? หลีกทางไปสิ เดี๋ยวฉันทำเอง!” เมื่อขอทานชราเห็นว่าลมหายใจของหญิงชรานั้นอ่อนและหัวใจของเธอก็เต้นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาจึงผลักหลินเฟิงออกไปอย่างรีบร้อน จนหลินเฟิงเอนไปทางด้านหลังและร่วงลงบนพื้น
“แม่งเอ้ย...อย่าผลักสิ คนกำลังจะ...” หลินเฟิงเกือบจะโมโหเสียแล้วเพราะหญิงชรานั้นเกือบจะไม่ไหวแล้ว ลมหายใจและอัตราการเต้นของหัวใจนั้นแทบจะหยุดเต้น แม้แต่ฮัวโต๋ก็ยังไม่อาจที่จะกู้โลกไว้ได้เลย
แต่เมื่อหันกลับมามอง ขอทานชราอารมณ์เสียขึ้นมาในทันที เพราะเขารู้สึกแปลกต่อหลินเฟิง ราวกับว่าเขาเชื่อว่าขอทานชรานี้จะสามารถช่วยชีวิตของหญิงชราได้
เขาเห็นขอทานชราช่วยให้หญิงชรานอนลงบนพื้นและวางมือข้างหนึ่งลงบนที่ที่หลินเฟิงเพิ่งจะบีบไปเมื่อสักครู่ท่ามกลางญาติของหญิงชรา
อย่างไรก็ตามไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามือของเขาได้ถูกวางไว้ด้านหลังยาย ซึ่งกำลังเปล่งรัศมีสีเหลืองอ่อนซึ่งมีแต่หลินเฟิงเท่านั้นที่เห็นเพราะเขานอนอยู่ที่พื้น
“พระเจ้า ขอทานชราคนนี้ช่างไม่มีใครเหมือนเสียจริง?” หลินเฟิงขยี้ตาตัวเองและพูดออกมา
แต่เมื่อหลินเฟิงลืมตาขึ้นอีกครั้ง รัศมีสีเหลืองนั้นก็ได้หายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“อ้า นี่ฉันคิดอะไรนี่? นี่ฉันตาฝาดไปใช่ไหม? อากาศคงจะร้อนเกินไป” หลินเฟิงขยี้ตาและลุกขึ้นยืน
หลังจากนั้นสักพัก หลินเฟิงก็พบว่าสีหน้าของขอทานชรานั้นดูซีดเซียวไปเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่านี่เป็นเพียงภาพลวงตาหรืออะไร
“อนิจจา มันสายเกินไปเสียแล้ว! เอ๊ ถ้างั้น กินองุ่นสักหน่อยดีกว่า!” หลินเฟิงถึงกับตกตะลึง เมื่อขอทานชราปล่อยมือของเขาและปาดเหงื่อบนหน้าฝากและพูดออกมาอย่างรีบร้อน
ครึ่งแรกของประโยคที่ขอทานชราพูดออกมานั้นช่างน่าผิดหวัง เขาคิดว่าขอทานคนนั้นจะเป็นหมอแต่สุดท้ายเขาก็ผิดหวัง
อย่างไรก็ตามคำพูดในตอนท้ายของขอทานชราก็จุดประกายความหวังของทุกคนกลับมาอีกครั้ง
“คุณจะทำอะไรกับองุ่นของผมอย่างนั้นหรือครับ?” หลินเฟิงไม่เข้าใจ
“ทำไมต้องทำตัวไร้สาระแบบนี้ด้วย? ฉันจะเอามันก็ต่อเมื่อฉันขอจากนาย ไม่เช่นนั้นแล้วหญิงแก่นี่ไม่รอดแน่!” ชายชราดูเหมือนจะเลือดขึ้นหน้า
“โอ้ งั้นหรือ!” จากนั้นหลินเฟิงจึงหยิบองุ่นสองพวงออกมาจากตะกร้าบนรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งมันช่างกลม เนื้อแน่ ใสราวคริสตัลเหมือนคริสตัลสีฟ้า
ผู้คนที่อยู่ถัดไปจากหลินเฟิงพากันน้ำลายไหลเมื่อเห็นองุ่นนั้น พวกเขาตะกละมากซึ่งพวกเขาแทบจะทนไม่ได้ที่จะขโมยองุ่นของหลินเฟิง
แต่ถ้าหากพวกเขาต้องการที่จะกลับบ้านอย่างปลอดภัย ทุกคนรู้ดีว่ามันจะถูกใช้เพื่อช่วยชีวิตของคุณยายดังนั้นจึงไม่มีใครโง่พอที่จะขโมยองุ่นนั้น
หลินเฟิงส่งองุ่นสองพวงให้กับขอทานชรา เขารับมันไป และชิมไปสองสามลูก จากนั้นหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ จากนั้นเขาก็ถือองุ่นไว้อีกมือหนึ่ง และขยี้มันและปล่อยให้หยดของน้ำองุ่นหยดลงไปที่ริมฝีปากของคุณยาย
แน่นอนว่าเพียงครึ่งนาทีต่อมา คุณยายก็ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ และอาการของเธอก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้ หน้าอันซีดเซียวของเธอก็แลดูมีเลือดฝาดอย่างรวดเร็วและเธอยังสามารถที่จะเดินได้ด้วยตัวเอง
“พระเจ้า ชายแก่นี่ช่างเก่งกาจเสียจริง เขาสามารถรักษาคุณยายได้ในเวลาเพียงครู่เดียว มันช่างเป็นความจริงที่ว่าคนเราไม่สามารถมองได้จากเพียงแค่เปลือกนอก!” ไม่รวมคนที่มุงดูอยู่ เมื่อผู้คนเห็นเขาในตอนนี้ พวกเขารู้สึกรังเกียจเพราะว่าชายแก่นั้นมองดูเหมือนขอทาน
“เอาล่ะ นี่เป็นผลจากองุ่นของเด็กน้อยคนนี้ ถ้าไม่มีองุ่นนี้แล้ว ฮัวโต๋ก็ไม่สามารถที่จะช่วยชีวิตของหญิงแก่คนนี้ไว้ได้” ขอทานชรากล่าวอย่างสุภาพ
อย่างไรก็ตามหลินเฟิงยังคงสงสัยกับคำพูดของขอทานชราเพราะในตอนนั้นหลินเฟิงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหญิงชรานั้นเกือบจะสิ้นหวังเสียแล้ว และมันต้องเป็นเพราะอะไรสักอย่างที่ชายชราทำ
“อะไรนะ? องุ่นนี่มีผลทางการรักษาอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อได้ฟังคำของขอทานชรา คุณแม่ร่างใหญ่ท่านหนึ่งก็ถามออกมาเป็นครั้งแรก
“ฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะใช้รักษาโรคอื่นๆ ได้ด้วยหรือไม่ แต่มันก็น่าจะเพียงพอในการรักษาอาการโรคลมแดดได้ ถ้าไม่เชื่อก็ลองชิมดูสิ!” ขอทานชราส่งองุ่นสองพวงให้กับทุกคน
เพียงแค่ขอทานชรายื่นมือออกไป ภายในเสี้ยววินาทีองุ่นสองพวงนั้นก็หายไปแม้แต่เปลือกองุ่นก็ไม่เหลือให้เห็นและพวกเขาบางคนก็ยังคงเลียน้ำองุ่นที่ติดอยู่บนมืออีกด้วย
คนพวกนี้ลืมสรรพคุณขององุ่นไปเลยเพราะรสชาติขององุ่นนั้นช่างแสนอร่อย
เมื่อหลินเฟิงเห็นว่าขอทานชรานั้นไม่ได้ยกย่องตัวเขาเองเลยซึ่งทำให้เขาประหลาดใจมากแต่มันก็เติมเต็มเขาไปด้วยความรู้สึกดีและขอบคุณ
“องุ่นนี้ช่างหอมนักแล้วยังมีสรรพคุณในการรักษาโรคอีก เอาให้ฉันสักสองจินนะ โอ้ ไม่สิ เอาห้าจิน!”
“ฉันด้วยนะ ฉันเอาสามจิน!”
“ฉันด้วย ห้าจิน!”
“ฉัน ฉัน ฉัน...”
ไม่นานนักผู้คนต่างพากันล้อมหน้าล้อมหลังเพื่อซื้อองุ่นของหลินเฟิง
“เงียบ เงียบ! พวกคุณจะตะโกนอะไรกัน เงียบๆ ครับ!”