RC:บทที่ 11 หยุนเหล่า
“ทุกคนเงียบๆ หน่อย พวกคุณจะซื้อองุ่นนี้ไม่ได้นะ” ในขณะที่ผู้คนต่างพากันเบียดเสียดแย่งกันซื้อองุ่นของหลินเฟิง อยู่ๆ ก็มีเสียงแหลมดังขึ้น
“ฉันสงสัยว่าองุ่นพวกนี้ใส่สารพิษและสารเคมีที่มีอันตราย มันยังไม่ได้รับอนุญาตให้ขายในตอนนี้นะ ช่วยเอากลับมาให้ฉันทดสอบเสียก่อน!” ในขณะที่ผู้คนกำลังเบียดเสียดซื้อองุ่นของหลินเฟิงนั้น หยวนฮง ผู้ตรวจการเมืองอยู่ๆ ก็กระโดดออกมาและพูด
“ทำไมคุณถึงได้บอกว่าองุ่นนี้มีพิษและเป็นอันตรายกันล่ะ? ไม่เห็นหรือว่าแม่เฒ่าและขอทานชรา รวมไปถึงคุณครูและครอบครัวตระกูลฟู่ก็เพิ่งจะกินเข้าไป พวกเขาไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยแต่กลับมีพละกำลังและสดชื่น!” คุณป้าที่อยู่ในตลาดซึ่งเป็นคนที่น่าเกรงขามที่สุดกล่าวกับหยวนฮง
ไม่เพียงแค่นั้น เสียงของคุณป้ายิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ และน้ำลายของเธอก็กระเด็น เวลาที่เธอพูดเธอเดินเข้าไปหาหยวนฮง ผู้ตรวจการเมือง น้ำลายของเธอก็พ่นใส่หน้าของเขา
หลินเฟิงรีบห้ามคุณป้า เขาไม่ต้องการที่จะออกไปจากที่นี่ การต่อต้านสำนักจัดการเมืองเป็นการทำลายธุรกิจของเขา
“เตี้ยวปิน คุณนี่ช่างกล้าดีเสียจริง ถ้าคุณต้องการที่ต่อต้านสำนักบริหารเมือง คุณทำไม่ได้หรอกนะ!” หยวนฮงเช็ดน้ำลายบนหน้าด้วยมือของเขาและพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
เมื่อหลินเฟิงต้องการพูดอะไรบางอย่างทันใดนั้นขอทานชราก็ลุกขึ้นไปอย่างช้าๆ และเงียบ ๆ
ใบหน้าเขาดูใจดีมากเช่นเดียวกับคุณปู่ในละแวกบ้านที่เป็นคนใจดีและเป็นมิตรกับผู้คน
เพียงเห็นเขาเดินไปที่หยวนฮง เขาหยุด และค่อยๆ ยื่นมือของเขาอย่างช้าๆ ไปที่ไหล่ของหยวนฮง
“แก นี่แกจะทำอะไร?” ไม่นานนักหยวนฮง ต้องการที่จะหนีแต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไม ร่างกายของหยวนฮงเหมือนจะโดนมนต์สะกดตรึงไว้ เขาไม่สามารถขยับขเยื้อนได้
“พ่อหนุ่มไม่ต้องกังวลไป...” ดูเหมือนว่าชายชราจะพูดอะไรบางอย่างกับหยวนฮง แต่เสียงนั้นเบามาก หลินเฟิงและคนอื่นๆ ที่ยื่นอยู่ด้านหลังไม่อาจจะได้ยินได้
แต่พวกเขาเห็นมือของขอทานชราวางอย่างแผ่วเบาอยู่บนไหล่ของหยวนฮง เพียงครู่เดียวต่อมา ใบหน้าของหยวนฮงก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง และร่างทั้งร่างก็เริ่มสั่นเทิ้ม ราวกับว่าเขากำลังเจอกับสัตว์ร้าย
ในเวลานี้ หยวนฮง ผู้ตรวจการเมืองดูเหมือนจะตระหนักได้ถึงบางสิ่ง ใบหน้าของเขานั้นตกตะลึง และเหงื่อก็หยดลงมาบนพื้นดินที่แห้งผาก เกิดเป็นดวงบนพื้นฝุ่นนั้น
“เข้าใจหรือยัง?” ขอทานชราถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว ดึงมือของเขาออกและพูดกับหยวนฮงด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
“รู้แล้ว รู้แล้ว ขอบคุณครับ ไปกันเถอะ!” สิ้นเสียงนั้นเขาก็รีบดึงจ้าวชิงให้รีบจากไป
ต่อมาไม่นานนัก ในมุมแห่งหนึ่ง
“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกับท่านอย่างนั้นหรือ? มันไม่ใช่แบบที่ท่านเคยเป็นเลย พวกเรายังไม่ได้สั่งสอนหลินเฟิงหรือแม้แต่ยังไม่ได้เอาแผงขายของของผมคืนมาเลยนะ! ท่านรีบกลับมาได้ยังไงกันนี่?” จ้าวชิงสงสัย
แต่จ้าวชิงนั้นพบว่าหยวนฮงดูเหมือนจะหวาดกลัวชายชราในชุดผ้าขี้ริ้วคนนั้น
“ท่านพี่ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงได้กลัวชายชราขนาดนั้น เขาพูดอะไรกับท่านแล้วทำให้ท่านกลัวอย่างนั้นหรือ?” จ้าวชิงมองดูหยวนฮง ญาติของเขาที่กำลังสติแตกและถามขึ้นมาว่า
“แกรู้อะไรไหม? อย่าไปยุ่งกับหลินเฟิงอีกนะ ครั้งหน้าแกก็ไปตั้งแผงขายของที่อื่นเลย ฉันจะจัดการให้แกเอง แล้วก็ไม่ต้องไปที่ตรงนั้นอีกนะ” หยวนฮงไม่ได้ตอบคำถามของจ้าวชิงแต่กลับสั่งเขาเช่นนั้น
“อ้าว? ทำไมล่ะ?”
“ไม่ต้องถามว่าทำไม ถ้าแกไม่ยอมฟังคำของฉัน ก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก...”
ส่วนอีกด้านนั้น
หลังจากที่หยวนฮงและจ้าวชิงได้จากไปแล้ว หลินเฟิงก็กลับเข้ามาสู่การขายองุ่นอย่างดุเดือดอีกครั้ง ภายในเวลาเพียงสิบนาที องุ่นทั้งก็ถูกขายออกไปจนหมด
“ผมต้องขอโทษทุกคนด้วยนะครับ วันนี้องุ่นขายหมดแล้ว เหลืออีกเพียงสองพวงเท่านั้น ผมจะไม่ขายองุ่นทั้งสองพวงนี้ ผมจะแจกให้กับคนที่ไม่ได้ซื้อองุ่นวันนี้แล้วกันนะครับ!”
หลังจากนั้นหลินเฟิงก็แจกองุ่นสองพวงนั้นให้แก่คนที่อยู่รอบๆ ซึ่งมันก็ไม่แย่นัก เพราะว่าพวกเขาชื่นชอบในรสชาติขององุ่น พวกเขาแทบจะไม่อยากจากไปไหนเลย
ในตอนนี้ ขอทานชรานั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์เก่าๆ ของหลินเฟิงและกำลังกินองุ่นพวงองุ่นในมือของเขา
ซึ่งเขาเพิ่งจะคว้าไปจากมือของหลินเฟิงเมื่อสักครู่นี้ แต่วันนี้นั้นขอทานชราได้ช่วยเขาไว้มากเลยทีเดียว
ตามหลักแล้วหลินเฟิงควรจะต้องขอบคุณเขา ดังนั้นเขาได้ทำโดยไม่รีรอ
“ขอบคุณนะครับท่านผู้เฒ่า!” หลังจากที่ขายองุ่นหมดแล้ว หลินเฟิงก็ดึงตะกร้าออกไปทางอื่นและเดินตรงมาหาขอทานชรา
ในตอนนี้ ทัศนคติของหลินเฟิงได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาดูจริงจังและรู้สึกเคารพเพราะหลินเฟิงได้เห็นแล้วว่าขอทานชรานั้นต้องเป็นคนที่มีภูมิหลังหรือมีความสามารถที่โดดเด่นมากคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าขอทานชราจะไม่ได้พูดอะไรแต่จากสิ่งที่เห็นในวันนี้นั้น ชายชราคนนี้จะต้องไม่ใช่แค่ขอทานชราอย่างแน่นอน เขาอาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง
“ขอบคุณฉันงั้นหรือ? ขอบคุณฉันทำไม?” ขอทานชรากล่าวขณะที่กำลังกินองุ่น ในเวลานี้นั้นขอทานชราที่กำลังกินองุ่นของหลินเฟิงอย่างเอร็ดอร่อยซึ่งบัดนี้เขาได้กินไปเกือบครึ่งและเหลือเพียงแค่ไม่กี่ลูกเท่านั้น
“ขอบคุณที่ช่วยผมกำจัดปัญหาในวันนี้ ผมไม่รู้ว่าจะเรียกท่านว่าอย่างไรครับ ท่านผู้เฒ่า?” หลินเฟิงถามอย่างสุภาพ
“เรียกชื่ออย่างนั้นหรือ? ไม่มีใครเรียกชื่อของฉันมานานแสนนานแล้ว งั้นเธอก็เรียกฉันว่าหยุนเหล่า!” ชายชรากินองุ่นพร้อมกับตอบอย่างคลุมเครือ
“ตกลงครับ ท่านหยุน ขอบคุณครับ!” เขาขอบคุณอีกครั้ง
“เอาล่ะ เธอขายองุ่นไปจนหมดแล้ว ปัญหาก็แก้ได้แล้ว งั้นฉันไปล่ะนะ! องุ่นของเธอนี่มันไม่ธรรมดาเลย เราคงจะได้เจอกันใหม่! ไปเถอะ ลาก่อนนะ” ชายชราก็หมุนตัวกลับไปที่เงาและหายตัวไป
“หยุน หยุน หยุน?” ตอนที่ชายชราหายตัวไปต่อหน้าต่อตาทำให้หลินเฟิงถึงกับตะลึงงัน และล้มล้างมุมมองของเขาไป
หลินเฟิงหมุนรอบตัวอยู่สองสามครั้งและมองไปรอบๆ หลายครั้ง เขาไม่เห็นชายชราอีกเลยซึ่งเขาได้หายไปต่อหน้าต่อตาของหลินเฟิงจริงๆ
แต่คนอื่นๆ และผู้คนที่ผ่านไปผ่านมากลับมองไม่เห็นสิ่งนี้ มันช่างน่าประหลาดซึ่งหลินเฟิงไม่อาจจะเข้าใจได้
“มันไม่ใช่ความฝัน เขาต้องไม่ใช่คนแถวนี้เป็นแน่!” หลินเฟิงเงยหน้ามองบนท้องฟ้าและกระชิบออกมา
“ลืมมันเสียเถอะ ฉันคงจะได้พบเขาอีกครั้ง นี่มันสายแล้ว ถึงเวลากลับบ้านแล้ว!” หลินเฟิงคว้าเอาตะกร้าที่ว่างเปล่าทั้งสองใบขึ้นมาและชี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านอย่างมีความสุข
วันนี้มีองุ่นมากกว่า 200 จินซึ่งมีมูลค่าจินละ 10 หยวน ซึ่งตอนนี้องุ่นพวกนั้นได้ทำเงินให้กับหลินเฟิงถึง 2000 หยวน
เงินสองพันหยวนนี้มีค่าอย่างไรบ้าง? มันเป็นเงินจำนวนเกือบจะเท่ากับเงินเดือนของเขาหนึ่งเดือนหรือเกือบครึ่งเดือนในบริษัทรักษาสิ่งแวดล้อมนั้น ซึ่งก่อนหน้านี้หลินเฟิงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย
“แน่นอน มันดีกว่าที่จะต้องทำงานคนเดียวอย่างแต่ก่อน!”
สิ่งที่ได้รับในวันนี้ทำให้หลินเฟิงตัดสินใจที่จะเดินตามทางของเขา ทำไมเขาต้องไปทำงานให้กับคนอื่น
ไม่นานนักหลินเฟิงก็กลับมาถึงที่บ้านซึ่งเป็นเวลาบ่ายแล้ว
“เสี่ยวเฟิง วันนี้หายไปไหนมา แม่ไม่เห็นลูกเลยนะเช้านี้ แล้วมอเตอร์ไซค์ของพ่อลูกก็ไม่อยู่ด้วย ลูกต้องขี่ไปแน่ๆ เลยใช่ไหม!”
ทันทีที่หลินเฟิงเข้าบ้านมา เขาก็เห็นแม่ของเขากำลังนั่งพักผ่อนอยู่ที่ลานบ้าน คาดว่าคงจะเพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน
“ใช่ครับ วันนี้ผมเอาของออกไปขาย ฮ่าฮ่า!” หลินเฟิงตอบพร้อมกับยิ้มไปด้วย แต่เขาไม่ได้บอกแม่ของเขาว่าเขาเอาอะไรไปขายเพราะว่าเขาต้องการที่ทำให้แม่ของเขาประหลาดใจ
“ขายของงั้นหรือ? ขายอะไรล่ะ? ทำไมดูเป็นความลับจังเลย!”
เมื่อแม่ของเขาเห็นว่าหลินเฟิงดูมีลับลมคมใน
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แล้วผมจะบอกทีหลัง...”