px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 119 ฉงเฉวียน


ชายวัยกลางคนชักสีหน้าโกรธแค้นและไม่พอใจออกมาอย่างรุนแรง ราวกับเขาจะลุกขึ้นมาต่อต้านและฟาดหลิงเทียนให้ตกตาย น่าเสียดายแต่เขาไม่อาจทำเช่นนั้นได้ เพราะรางกายถูกฝ่าเท้าหลิงเทียนสะกดไว้เสียหมดสภาพ

"เจ้าไม่เต็มใจจะยอมรับเช่นนั้นรึ?" สายตาของหลิงเทียนค่อยๆเย็นชาลงในขณะที่จ้องมองเขา อีกทั้งยังเพิ่มแรงเหยียบที่ขามากขึ้นเรื่อยๆ

สีหน้าของชายวัยกลางคนเริ่มซีดลงเรื่อยๆและสุดท้ายมันก็ซีดเซียวจนแทบไร้สีเลือด ร่างกายของเขาเริ่มสั่นสะท้านจากการขาดอาการหายใจ

และทันใดนั้นเองหลิงเทียนก็ยกเท้าออก

ชายวัยกลางคนได้พยายามสูดหายใจเข้าอย่างหนักเป็นเวลานานก่อนที่เขาจะค่อยๆฟื้นตัว เขาหันมาจ้องหลิงเทียนด้วยอำมหิต

ต้วนหลิงเทียนไม่ใส่ใจสายตาดุร้าย เพียงกล่าวไปไม่แยแส "หากเจ้ายอมรับว่าข้าเป็นนาย ข้าจะช่วยกำจัดปรสิตกลืนกำเนิดที่ฝังอยู่ในร่างของเจ้าออกเสีย"

"เจ้ารู้เรื่องปรสิตกลืนกำเนิดด้วยงั้นรึ?" ร่างชายวัยกลางคนหดลงเล็กน้อย สีหน้าไม่เชื่อถือพรั่งพรูออกมา

จากความรู้ของเขา เป็นไปไม่ได้ที่อาณาจักรเล็กกระจ้อยร่อยและอ่อนแอเช่นนี้จะรู้เรื่องเกี่ยวกับปรสิตกลืนกำเนิด

ทว่าชายหนุ่มในชุดสีม่วงตรงหน้าเขา ชักสีหน้าออกมาราวกับจะรู้จักปรสิตกลืนกำเนิดนี้เป็นอย่างดี และเรื่องที่สำคัญที่สุด ...ชายตรงหน้ามีแหวนมิติ ของประมุขน้อยแห่งนิกายไรสิ้นสุด...

"เจ้าสามารถกำจัดพิษของปรสิตกลืนกำเนิดในร่างข้าได้จริงๆเช่นนั้นรึ?" ชายวัยกลางคนสูดหายใจเข้าลึก ดวงตาทอประกายออกมา

"อะไร เจ้าสงสัยข้างั้นรึ?"

ต้วนหลิงเทียนเพียงมองชายวัยกลางคนด้วยสายตาเย็นชาและกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส "เอาล่ะ ตอนนี้บอกกล่าวเรื่องราวที่เจ้าถูกปรสิตกลืนกำเนิด รวมทั้งความเป็นมาของตัวเจ้าให้ชัดเจน แล้วยังเรื่องที่เจ้ามาอยู่ในอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้ได้ยังไงออกมาให้หมด"

ชายวัยกลางคนสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อยก่อนที่จะค่อยๆกล่าวออกมา "ข้าชื่อฉงเฉวียนเป็นหน่วยองค์รักษ์ของนิกายไร้สิ้นสุด ข้าได้นำประมุขน้อยหลบหนีออกมาจากนิกาย ในยามที่นิกายไร้สิ้นสุดเผชิญกับภัยพิบัติที่รุนแรงถึงขั้นล่มสลาย ในระหว่างทางข้าเองเพื่อช่วยเหลือประมุขน้อยจึงทำการล่อลวงคนร้ายบางส่วนไปอีกทาง ถึงแม้ว่าข้าจะล่อลวงพวกมันไปได้สำเร็จ และหาทางสลัดพวกมันหลุดมาได้ ทว่าข้าโชคร้ายถูกพิษของปรสิตกลืนกำเนิด เมื่อข้าติดเชื้อเรี่ยวแรงและพลังงานต้นกำเนิดของข้าก็ค่อยๆถดถอยลงเรื่อยๆ สุดท้ายข้าก็ได้แต่เดินทางด้วยสองเท้า และในที่สุดเรี่ยวแรงข้าก็หมดสิ้นจนล้มลงหมดสติ และเมื่อข้าได้สติอีกครั้งข้าก็พบว่าตัวเองถูกขังอยู่ในกรงและถูกตีตราเป็นทาสไปเรียบร้อยแล้ว" หลังจากที่กล่าวจบฉงเฉวียนขบเคี้ยวฟันด้วยความโกรธแค้น

หน่วยองค์รักษ์อันเป็นผู้พิทักษ์ที่มีเกียรติของนิกายไร้สิ้นสุด กลับต้องกลายมาเป็นข้าทาสต่ำต้อยคนหนึ่ง ...

ตอนแรกนั้นเขาคิดที่จะตายๆไปเสียดีกว่าต้องทนอยู่อย่างอัปยศ อย่างไรก็ตามสุดท้าย เขาก็เลือกที่จะอดทน

เขาเชื่อว่าสักวันหนึ่งเขาจะสามารถกำจัดปรสิตกลืนกำเนิดและฟื้นคืนระดับบ่มเพาะของตัวเองกลับมาได้

และเมื่อเวลานั้นมาถึงเขาจะทำลายกลุ่มคนที่กล้าจับเขามาเป็นทาสให้หมด

"อ้อที่แท้เรื่องราวเป็นเช่นนี้ ... หืม แหวนมิติของเจ้าไม่ได้ถูกพวกเขายึดไปหรือไร" ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองไปที่มือขวาของฉงเฉวียน

นิ้วกลางด้านขวาของฉงเฉียนนั้นมีแหวนเก่าๆวงหนึ่งที่เต็มไปด้วยสนิมเกราะกรังแลดูไร้ราคา แต่หลิงเทียนกลับสามารถมองออกได้ว่ามันเป็นแหวนมิติวงหนึ่ง ... นี่คงเป็นเพราะแหวนมิติวงนี้ของเฉียวฉงมีสภาพโกโรโกโสมันจึงยังไม่ถูกช่วงชิงไป

ฉงเฉวียนมีทีท่าตื่นตัวเล็กน้อยในขณะที่ถอดแหวนมิติออก

ต้วนหลิงเทียนมองแหวนมิติครู่หนึ่ง "ยกเลิกความเป็นเจ้าของซะ แล้วมอบมันให้ข้า!"

ใบหน้าของฉงเฉวียนเปลี่ยนเป็นเป็นบิดเบี้ยวราวกับกินยาขม สุดท้ายเขาก็ยกเลิกความเป็นเจ้าของและยื่นส่งมันให้แก่ต้วนหลิงเทียนอย่างขมขื่น

ต้วนหลิงเทียนก็ทำการหยดเลือดเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของทันที ก่อนที่จะมองลงไปตรวจสอบสิ่งของด้านใน และสิ่งที่เขาเห็นก็มีเพียงโอสถระดับ 7 แล้วก็ดาบใบแคบ ที่เป็นอาวุธระดับ 7 อีกเล่ม เท่านั้น

"มีแค่ขยะพวกนี้งั้นรึ?" ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะยกเลิกความเป็นเจ้าของแบบเบื่อหน่าย และโยนมันกลับไปให้ฉงเฉวียนอย่างไม่แยแส

แค่ขยะ?

มุมปากของฉงเฉวียนกระตุกด้วยความหงุดหงิด ดาบระดับ 7 แถมโอสถระดับ 7 ยังเป็นได้เพียงขยะสำหรับเขางั้นหรือ? "

"น้อง... น้องชายตัวน้อย ... "

ฉงเฉวียนมองไปยังหลิงเทียนก่อนทีจะพยายามเริ่มต้นบทสนทนา แต่ทว่าเขากลับถูกหลิงเทียนตอบกลับมาอย่างดุร้ายก่อนว่า “น้องชายลุงเจ้าสิ ผู้ใดเป็นน้องชายคนเล็กของเจ้า? ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายแก่เจ้า ถ้าเจ้ายังดื้อรั้นไม่ยอมรับข้าเป็นนายเหนือหัวอีกล่ะก็ข้าจะปลิดชีวิตเจ้าเสียตอนนี้”

เมื่อหลิงเทียนกล่าวจบเขาก็เร่งเร้าจิตสังหารออกมา

ฉงเฉวียนตกตะลึงกับจิตฆ่าฟันที่อำมหิตและหนาวเหน็บอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างเรียบๆ "ข้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับประมุขน้อยของข้า ถ้าประมุขน้อยของข้าถูกเจ้าฆ่าตาย! ข้าก็ขอตกตายไม่อยู่เป็นขี้ข้าเจ้าให้อัปยศ!"

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองฉงเฉวียนด้วยสายตาประเมินอีกครั้ง "โฮ่ ข้าไม่ทันเห็นเลยสักนิดก่อนหน้านี้ ไม่ยักรู้ว่าเจ้าเองก็เป็นบุรุษที่สัตย์ซื่อคนหนึ่ง"

ฉงเฉวียนทำเพียงโยนอารมณ์ขุ่นเคืองกลับมา

"ตอนที่ข้าพบประมุขน้อยของเจ้า เขาเองก็มีอาการสาหัสจนแทบหมดลมอยู่แล้ว ข้าไม่อาจจะช่วยเหลืออะไรได้นอกจากทำให้เขาหายจากการทรมานและมีเวลากล่าวสั่งเสีย ทั้งข้ายังสัญญาและตบปากรับคำสั่งเสียสุดท้ายของเขาและก็ได้รับฝากหยกบันทึกเสียงเอาไว้ เพื่อส่งนำไปส่งมอบชายที่มีนามว่าช่างกวนหยาง ข้าจะมอบหยกบันทึกเสียงให้แก่เจ้าเพื่อตรวจสอบความถูกต้องดูก็ได้ แต่ต้องเป็นหลังจากที่ข้าขจัดพิษปรสิตกลืนกำเนิดของเจ้าจนเจ้ากลับมาใช้พลังงานต้นกำเนิดได้เสียก่อน" หลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างเอาใจใส่

"ท่านประมุขน้อย!" ฉงเฉวียนร้องไห้ออกมาน้ำตานองหน้าด้วยความเศร้าโศก

ในที่สุดเขาก็เช็ดน้ำตาของเขาก่อนที่จะหันไปโค้งเคารพหลิงเทียน “นายท่าน”

ต้วนหลิงเทียนมองอย่างไร้อารมณ์ไปที่ฉงเฉวียน "ข้าไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไรเรื่องที่จะช่วยเหลือเจ้ารักษาพิษฟื้นพลัง แต่จะอย่างไรข้าก็ต้อง ให้เจ้ากินยาพิษอีกชุดหนึ่งเผื่อเอาไว้ด้วย"

ใบหน้าของฉงเฉวียนกลับมาหน้าเกลียด

“ไม่ต้องกังวลยาพิษที่ข้าจะให้เจ้ากินนั้นมันจะแสดงผลทุกๆ 6 เดือน ขอเพียงเจ้ากินยาถอนพิษที่ข้าให้ทุกๆ 6 เดือน เจ้าก็จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสบายใจ นี่เป็นการป้องกันไม่ให้เจ้าทรยศและทำร้ายข้าหลังจากที่เจ้าฟื้นฟูพลังงานต้นกำเนิดเรียบร้อยแล้ว” ต้วนหลิงเทียนกล่าวเพิ่ม

ดวงตาของฉงเฉวียนทอประกายสว่างวูบหนึ่ง ก่อนที่จะมีใบหน้าขื่นขม

เขาไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะฉลาดเฉลียวและมองการณ์ไกลขนาดนี้ เขาย่อมรับว่าเขาเองก็บังเกิดความคิดดังกล่าวอยู่เหมือนกัน

"อย่าได้หวังจะมีโชคอะไรล่ะ เพราะข้าเองก็เป็นผู้หลอมโอสถเช่นกัน" ต้วนหลิงเทียนแสดงตรายืนยันสถานะผู้หลอมโอสถระดับ 9 ให้แก่ฉงเฉวียนดู ก่อนที่จะเก็บมันกลับไป

"ผู้หลอมโอสถระดับ 9 ... " ใบหน้าของฉงเฉวียนสับสนเล็กน้อย ‘ชายหนุ่มอายุราวๆ 17 ปีคนนี้เป็นถึงผู้หลอมโอสถระดับ 9 แล้วหรือ? แม้แต่จะเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรพนาครามเองก็ตามแต่ยังไม่เคยมีผู้หลอมโอสถที่อายุน้อยถึงเพียงนี้ปรากฏขึ้นมาก่อน’

"ตามข้าไปเมืองโลหิตเหล็ก พรุ่งนี้ข้าจะไปซื้อวัตถุดิบมาเพื่อหลอมโอสถกำจัดพิษของปรสิตกลืนกำเนิดให้แก่เจ้า อย่างไรก็ตามยามนี้ระดับบ่มเพาะของข้ายังมีจำกัด ข้าสามารถปรุงยอถอนพิษที่สามารถขจัดพิษร้ายของปรสิตกลืนกำเนิดออกไปได้มากที่สุดประมาณ 1 ใน 3 เท่านั้น...อ่อจริงสิ แล้วระดับการบ่มเพาะของเจ้ามีเท่าไรตอนที่เจ้าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด? หลิงเทียนกล่าวถามฉงเฉวียนหลังจากที่บอกกล่าวเรื่องราวแก่เขา

"ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ ขั้นที่ 6" ฉงเฉวียนกล่าวออกมาอย่างสุภาพ

ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ ขั้นที่ 6?

คิ้วของต้วนหลิงเขียนขมวดขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะลูบคางไปมา "ระดับการบ่มเพาะของเจ้าน่าจะฟื้นคืนมาอยู่ในช่วงระดับวิญญาณแรกก่อตั้งเป็นอย่างต่ำหลังจากที่มีการขจัดพิษออกไป 1 ใน 3 ส่วน ส่วนเรื่องที่ว่าจะเป็นระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่เท่าไรนั้น ก็แล้วแต่ดวงชะตาเจ้าแล้วกัน"

"ข้าไม่สามารถกู้คืนทั้งหมดได้หรือ?" ท่าทางของฉงเฉวียนแปรเปลี่ยนเป็นหม่นหมองลง

“ฮึ่ม! บัดซบ เจ้าแหกตาดูบ้าง ตอนนี้ข้าเป็นเพียงผู้หลอมโอสถระดับ 9 เท่านั้น พลังของเปลวเพลิงหลอมโอสถข้ายังมีจำกัด รอให้ข้าตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ก่อน ยามนั้นข้าจะสามารถใช้พลังงานต้นกำเนิดที่ยกระดับมาปรับปรุงยกระดับเปลวเพลิงหลอมโอสถของข้าจนกลายเป็นผู้หลอมโอสถระดับ 8 และยามนั้น ข้าก็จะกำจัดพิษให้เจ้าได้อีก 1 ใน 3 และเมื่อข้าสามารถตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 ได้เมื่อไรข้าก็จะสามารถยกระดับเปลวเพลิงหลอมโอสถให้กลายเป็นผู้หลอมโอสถระดับ 7 และตอนนั้นข้าก็จะสามารถล้างพิษให้แก่เจ้าได้จนหมดสิ้นไม่มีเหลือ! "

"กล่าวง่ายๆ ขอเพียงข้าตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 ได้เมื่อไหร่ ระดับบ่มเพาะเจ้าก็จะฟื้นคืนสมบูรณ์ดังเดิมเมื่อนั้น!"

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองฉงเฉวียนดวยสายตาไม่แยแสอีกครั้ง "อะไร รอไม่ได้รึไง?"

"ข้าพอใจมากสำหรับเรื่องนี้" ฉงเฉวียนรีบส่ายหัวออกมา แค่นี้ก็ดีมากมายมหาศาลแล้ว ก่อนหน้านี้ตัวเขาเองยังมืดบอดไร้หนทางกู้คืนความแข็งแกร่งด้วยซ้ำ

เช้าวันรุ่งขึ้นฉงเฉวียนก็ติดตามหลิงเทียนไปยังเมืองโลหิตเหล็ก

ตอนนี้ฉงเฉวียนเองก็ได้รับหน้ากาก 1 อันมาปกปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งตรงบริเวณรอยตีตราทาสของเขา

เมื่อเดินทางมาถึงเมืองโลหิตเหล็ก หลิงเทียนก็มอบเงินจำนวนหนึ่งให้แก่ฉงเฉวียนเพื่อให้มันไปรอที่ห้องพักของโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ก่อนที่ตัวเขาจะเดินทางกลับค่ายกองกำลังโลหิตเหล็กก่อนกับหยางต้า

ตอนนี้หลิงเทียนเองก็ได้พบว่าเขาเป็นคนแรกที่สามารถทำภารกิจได้เสร็จสิ้นของผู้ที่เข้าร่วมค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะ และกลับมาเป็นคนแรก

‘อะไรกัน เหลืออีกแค่เดือนเดียวก็จะครบกำหนดเส้นตายการทดสอบแล้ว แต่ทั้ง 28 คนที่เข้าร่วมกลับไม่มีผู้ใดกลับมาถึงเลยเช่นนั้นหรือ ดูเหมือนพวกมันก็ไปทดสอบภารกิจไกลเหมือนกันแหะ’ หลิงเทียนคาดเดาในใจ

และก็อย่างที่คาดไว้ไม่นานหลิงเทียนก็ถูกแมทัพเติ้งหยุนไห่เรียกไปพบ และการเรียกไปพบครั้งนี้ก็เป็นการเรียกไปยังงานเลี้ยงเฉลิมฉลองที่ท่านแม่ทัพจัดขึ้นเป็นพิเศษเพื่อต้อนรับการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของต้วนหลิงเทียน

ในงานเลี้ยงเฉลิมฉลองนอกจากแม่ทัพอย่างเติ้งหยุนไห่และรองแม่ทัพเฉียวชิงจ่างแล้ว หัวหน้ากองอีก 7 คนรวมหยางต้าก็ถูกเชิญมาร่วมงานเลี้ยงฉลองด้วย ที่สำคัญเหล่าทหารยศสูงๆที่อยู่ในกองกำลังโลหิคเหล็กทีว่างอยู่ล้วนถูกเรียกมาทั้งสิ้น

"ต้วนหลิงเทียน ข้าในนามของแม่ทัพกองกำลังโลหิตเหล็ก ขอดื่มสุรานี้เพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้า ด้วยผลงานที่เจ้ากระทำไว้ ต่อไปนี้กองกำลังโลหิตเหล็กของพวกเราก็ไม่ต้องเกรงกลัวอะไรกองทัพเกราะดำอีกต่อไป!" เติ้งหยุนไห่หัวเราะอย่างหนักก่อนที่จะยกสุราขึ้นมาดื่ม

คนอื่นๆเองก็ยกจอกขึ้นมาดื่มสุราเช่นกัน ทั้งหมดที่กองกำลังโลหิตรู้ก็คือ หลังจากนี้กองทัพเกราะดำไม่ต่างอะไรไปจากนกปีกหัก เพราะฝีมือของต้วนหลิงเทียนคนนี้

"ดื่ม!" ต้วนหลิงเทียนเองก็ยกจอกสุราของเขาขึ้นมาก่อนที่จะยกซดรวดเดียวหมดจอก

“มีคำกล่าวบอกไว้ว่า วีรีบุรุษถือกำเนิดตั้งแต่วัยเยาว์ คำกล่าวนี้ ตัวข้าเองก็พึ่งมาประจักษ์เอาวันนี้ล่ะ” หัวหน้ากองคนหนึ่งมองไปที่หลิงเทียนก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างชื่นชม

ต่อมาหัวหน้ากองและคนอื่นๆก็เฮโลมากล่าวชมหลิงเทียนอย่างไม่สงวนคำชมแม้แต่น้อย...

หลังจากงานเลี้ยงฉลองสิ้นสุดลงหลิงเทียนก็ติดตามหยางต้าเข้ากระโจมที่ใหญ่ที่สุดของค่ายที่พักกองกำลังโลหิตเหล็ก หรือเป็นกระโจมของแม่ทัพ เติ้งหยุนไห่นั่นเอง

"ต้วนหลิงเทียน แม้แต่ข้าเองก็ไม่คิดว่าเจ้าจะกระทำภารกิจนี้ได้สำเร็จ" เติ้งหยุนไห่ถอนหายใจ

หลิงเทียนจ้องแม่ทัพด้วยประกายตาส่องสว่าง "ท่านแม่ทัพ หากท่านเองยังไม่มั่นใจแล้วเหตุใดถึงมอบภารกิจนี้ให้แก่ข้า?"

เติ้งหยุ่นไห่กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม "ฟังจากน้ำเสียงดูเหมือนเจ้าจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไรนะ?"

"ทานแม่ทัพ แล้วไหนหนังสือรับรองการเข้าร่วมสถาบันบ่มเพาะขุนพลของข้า?" ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะตอบคำเติ้งหยุนไห่ เขาทำเพียงยืนมือไปแบออกด้านหน้า เพื่อรับของให้จบเรื่องจบราว เขาไม่คิดอยู่ที่นี่อีกนานนัก

เติ้งหยุนไห่ยกมือขึ้นหยิบเอกสารม้วนหนึ่งก่อนที่จะยื่นส่งไปให้หลิงเทียน "ระยะเวลาที่สถาบันบ่มเพาะขุนพลจะเปิดรับสมัครและให้ลงทะเบียนนั้นจะเริ่มเปิดตั้งแต่ตอนนี้จนถึงสิ้นปี เช่นนั้นเจ้าก็มีเวลาที่จะเดินทางกลับบ้านไปก่อน อีกทั้งถ้าเจ้าต้องการนำครอบครัวไปด้วย มันคงต้องใช้เวลาประมาณ 1 ปีเต็มๆพอดี ก็น่าจะทันการลงทะเบียนในปีหน้าพอดี"

"ท่านไปสืบเรื่องราวของข้าเช่นนั้นรึ?" หลิงเทียนหงุดหงิดและไม่พอใจเล็กน้อย

"ไม่ต้องกังวล ข้าหาได้มีเจตนาร้าย" เติ้งหยุนไห่ยังคงแย้มยิ้มเหมือนเดิม

"ขอลา" ต้วนหลิงเทียนเมื่อได้รับหลักฐานแสดงตัวแล้วก็จากไปทันที

"ยังเป็นเด็กอยู่แท้ๆ กลับมีอารมณ์อ่อนโยนเช่นนี้... ต้วนหรูเฟิงเจ้ามีลูกชายที่ดีนัก" ประกายตาของเติ้งหยุนไห่เต็มไปด้วยความเอ็นดู

เมื่อต้วนหลิงเทียนได้รับการตัดสินให้ผ่านการฝึกอบรมค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะไปแล้ว กฎที่ใช้ตอนที่เขายังเป็นผู้เข้าค่ายก็ตกไป ตอนนี้เขาสามารถเข้าออกค่ายที่พักของกองกำลังโลหิตเหล็กได้อย่างอิสระ

หลังจากออกไปนอกบริเวณค่ายที่พักหลิงเทียนก็ไปเดินตระเวนซื้อวัตถุดิบสมุนไพรจากร้านขายยา จนได้สมุนไพรและวัตถุดิบที่ต้องใช้ครบถ้วน จึงมุ่งหน้าไปยังโรงเตี้ยมที่นัดกับฉงเฉวียนไว้ก่อนหน้านี้

"นายท่าน" ฉงเฉวียนเองตอนนี้ก็เรียนรู้ที่จะทำความเคารพและปฏิบัติตัวต่อหน้าหลิงเทียนอย่างดี

"เอาล่ะ เจ้าไปยืนคุ้มกันและปกป้องข้าไว้นอกห้อง ข้าจะเริ่มหลอมโอสถเพื่อถอนพิษให้เจ้า" ต้วนหลิงเทียนยกมือขึ้นรับเล็กน้อยก่อนที่จะสะบัดลง

เมื่อได้ยินคำกล่างของหลิงเทียนฉงเฉวียนเองก็รีบรับคำสั่งอย่างฮึกเหิม ก่อนที่จะออกไปยืนเฝ้าประตูราวกับเทพผู้ปกปักษ์

ภายในห้อง หลิงเทียนก็ค่อยๆจัดเรียงวัตถุดิบออกมาเป็นอย่างๆ ก่อนที่จะหยิบพวกมันขึ้นมาใส่เตาหลอมโอสถทีละชนิดช้าๆ เปลวเพลิงหลอมโอสถของเขาถูกจุดขึ้นและถูกส่งไปในเตาหลอมโอสถทันที

ฟู่มมมม!

ประกายไฟพวยพุ่งออกจากเตามาราวกับแลบลิ้นอย่างไรอย่างนั้น หลังจากนั้นเตาหลอมโอสถก็เริ่มสั่นสะเทือนเล็กน้อย

อีก 1 ชั่วยามต่อมาหลิงเทียนก็หลอมสร้างโอสถเสร็จสิ้น เม็ดยา 3 เม็ดลอยขึ้นมาจากเตาหลอมโอสถพร้อมด้วยแสงสีเขียวทอประกายเรืองรอง

รีวิวผู้อ่าน