px

เรื่อง : โปรดเรียกผมว่า “วีรบุรุษรีไซเคิล”
RC:บทที่ 15 ไก่กลายพันธ์


RC:บทที่ 15 ไก่กลายพันธ์

“พระเจ้าองุ่นนี้มันช่างอร่อยเหลือเกิน! มันช่างหวานและอร่อย!”

หลังจากที่ได้กินไปหนึ่งลูก แม่ของเขาก็ประทับใจกับรสชาติขององุ่น เธอกินเข้าไปอีกหลายลูกกว่าจะหยุด

“แกจะเอาองุ่นไปขายวันนี้งั้นหรือ?” แม่ของเขาถาม

“ใช่ครับ!” หลินเฟิงพยักหน้า

“แล้วคนอื่นว่าไงบ้าง?” แม่มองเขาอย่างคาดคะนและดูเหมือนจะต้องการที่จะรู้คำตอบเร็วๆ

“องุ่นนี้มันช่างหอม แน่นอนว่าต้องมีคนถามซื้ออยู่แล้ว เจ้าของร้านผลไม้มาหาผมและเราก็เซ็นสัญญากัน เพื่อให้ส่งองุ่นให้เขาวันละ 200 จิน!”

หลินเฟิงพูดอย่างมีความสุขและเขาเชื่อว่าแม่ของเขาจะต้องมีความสุขที่ได้ยินข่าวนี้

“พระเจ้า ฉันจะขายได้วันละ 200 จินๆ ละ 3 หยวน ก็เท่ากับว่าวันหนึ่งฉันจะหาเงินได้วันละ 600 หยวน!” แม่ของเขาคิดอย่างมีความสุข

หลินเฟิงไม่ได้บอกแม่ของเขาว่าจริงๆ แล้ว นั้นเขาขายได้จินละสิบหยวน เขากลัวว่าแม่ของเขาจะไม่เชื่อ

“แกต้องตั้งใจมากๆ นะ อย่าให้ใครดูถูกได้!” แม่ของเขากังวลราวกับเขายังเป็นเด็กน้อย

“ไม่ต้องห่วงหรอกแม่ ลูกชายแม่อายุยี่สิบแล้วนะ ไม่โดนหลอกง่ายๆ หรอกน่า!” หลินเฟิงตบอกและพูดออกมา

“ก็ได้ งั้นแม่ต้องไปทำอย่างอื่นแล้วล่ะ!”

พอพูดจบ แม่ของเขาก็กำลังจะจากไป

“อ่อ อ่อ แม่ยุ่งอย่างนั้นหรือ! แม่กับพ่อเนี่ยนะ? ทำไมผมถึงไม่เห็นใครเลยนะอาทิตย์นี้!” หลินเฟิงถาม

สองวันแล้วตั้งแต่เขากลับมา เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของพ่อซึ่งทำให้เขารู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย

พ่อของเขากำลังต่อเติมบ้านให้กับคนอื่น

ปกติแล้วถ้าเขาไม่ยุ่งกับงานของเขาเกินไป เขาก็จะกลับมาที่นี่สักสองสามวัน แต่นี่หลินเฟิงกลับมาเกือบจะครบสัปดาห์แต่เขาก็ยังไม่เห็นพ่อของเขาเลย

“พ่อแกอยู่ที่บ้านคุณย่า!”

“ไปที่บ้านคุณย่างั้นหรือ? พ่อไปทำอะไรที่บ้านคุณย่า?” หลินเฟิงถามด้วยความสงสัย

“ใครจะไปรู้ล่ะ! ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ แต่เขาไม่ยอมบอกฉัน!” จากนั้นแม่เขาก็เดินจากไป

หลังจากที่แม่กลับไปแล้ว หลินเฟิงก็ไปดูเสี่ยวเฮ่ย หลังจากที่หลับไปถึงห้าวัน เสี่ยวเฮ่ยก็ยังคงไม่ตื่นขึ้นมา

แต่เสี่ยวเฮ่ยนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ขนเก่าของมันได้ร่วงออกไปจนหมดและมีขนใหม่ขึ้นมาแทนที่ซึ่งเป็นสีดำเป็นประกาย ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของมันก็ใหญ่โตขึ้น

จากการมองอย่างคร่าวๆ หลินเฟิงก็มองไปรอบๆ และเตรียมตัวที่จะกลับไป

ในตอนนี้ หลินเฟิงพบว่า ที่กรงไก่มีไก่ร้องระงมเหมือนกับว่ามันติดอะไรบางอย่างอยู่

เมื่อหลินเฟิงมองดูดีๆ เขาก็พบว่าสุ่มไก่ที่อยู่ไม่ห่างจากเขานั้น มีไก่อยู่จำนวนมากเพราะพื้นที่นั้นเล็กดังนั้นพวกมันจึงร้องออกมา

“ฉันจะปิดเล้าไก่ที่มีไก่ตัวใหญ่ขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ? หรือฉันจะบีบคอให้พวกมันตายไปเลย? จริงๆ เล้ย!”

หลินเฟิงพูดเชิงบ่น เมื่อเขาไปที่ถึงที่เล้าไก่ เขาก็พร้อมที่จะปล่อยไก่พวกนั้น

แต่เมื่อหลินเฟิงมาถึงเล้าไก่เขาก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ

“เอ..ไม่นะ เมื่อวานนี้ดูเหมือนว่าไก่ทั้งหมดในแถวนี้ ทำไมตัวมันถึงได้ใหญ่กว่าประตูได้ล่ะวันนี้?”

เมื่อวานนี้ หลินเฟิงได้มาให้อาหารไก่ เขาเห็นว่ามีไก่ที่อยู่ในนั้นที่เพิ่งจะฟักออกมาได้ไม่เกินสิบวัน ตอนนี้ลูกไก่พวกนั้นกลายเป็นไก่ตัวใหญ่เสียแล้ว

“แล้วทำไมไก่พวกนี้ถึงได้ดูแปลกๆ ขนไก่พวกนี้ไม่เหมือนกับไก่ตัวอื่นในเล้าเลย ขนของไก่ในกรงนี้นั้นดูช่างสดใส สวยงามและมีเสน่ห์

ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้โตขึ้นมาเป็นไก่ แต่มันก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก มันมีหางยาว และมีสีสันหลากหลาย มันดูเหมือนไก่ฟ้าบนภูเขา แต่มันก็ไม่ใช่ และแต่ละตัวก็ตัวเล็กแต่แข็งแรง

“นี่มันไก่พันธ์อะไรกันนี่? ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”

ยิ่งหลินเฟิงมองดูมันมากเท่าไร ก็ยิ่งดูแปลกตา เมื่อเขามองไปที่กรงไก่ทั้งหลาย ไก่พวกนั้นทั้งหมดก็ยังคงเป็นไก่เหมือนเมื่อวาน มีเพียงแค่ไก่ในกรงนี้เท่านั้นที่แตกต่างออกไป

หลินเฟิงมั่นใจว่าไก่ในกรงนี้เป็นไก่ที่เขาเห็นเมื่อวานจริงๆ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมพวกมันจึงโตขึ้นมากและเปลี่ยนแปลงไปได้หลากหลายเช่นนี้ ซึ่งทำให้หลินเฟิงฉงนเป็นอย่างมาก

ขณะที่หลินเฟิงกำลังสงสัย ทันใดนั้นเขาก็เห็นขนไก่จำนวนมากที่อยู่ด้านล่างเล้าไก่ ดูเหมือนกับว่ามันเพิ่งจะผลัดขนไป

“อะไรกันนี่? ผลัดขนอย่างนั้นหรือ?”

เมื่อหลินเฟิงเห็นขนไก่เหล่านี้ทันใดนั้นเขาก็คิดถึงการผลัดขนของเจ้าดำน้อยเสี่ยวเฮ่ย ทั้งสองเหตุการณืนี้คงจะไม่เหมือนกันใช่ไหม?

ไก่พวกนี้ได้กินน้ำยาขวดสีแดงเข้าไปหรือไม่จึงได้กลายเป็นเช่นนี้?

“ไม่นะ มันมีน้ำยาขวดสีแดงเพียงแค่ขวดเดียว และเขาก็ได้ป้อนให้กับเสี่ยวเฮ่ยไปแล้ว!”

ทันใดนั้น หลินเฟิงก็เหลือบไปเห็นขวดน้ำยาที่ลอยอยู่ในน้ำที่ไว้ให้สำหรับไก่ที่อยู่ด้านหน้าของเล้าไก่นั้น นี่เป็นขวดน้ำยาที่เขาโยนทิ้งไปเมื่อวานนี้

“ฉันเข้าใจแล้ว มันต้องเป็นเพราะน้ำยาที่เหลือในขวดนี้นี่เอง ฉันได้โยนขวดน้ำยาวิวัฒนาการลงไปน้ำที่ไก่กิน และไก่พวกนี้ก็ดื่มน้ำนี้เข้าไป ดังนั้นไก่พวกนี้จึงได้เปลี่ยนไปเช่นนี้!”

“ใช่แล้ว มันต้องเป็นแบบนี้แหละ! โอ้ย ฉันนี่ช่างหาเหตุผลได้อัจฉริยะจริงๆ เสียดายที่ไม่ได้เป็นนักสืบ!” หลินเฟิงขี้โม้

หลินเฟิงมองไปที่ไก่ มองไปที่ขวดน้ำยาอีกครั้งและมั่นใจว่าการตัดสินใจของเขานั้นถูกต้องแล้ว

“มันต้องเป็นเช่นนี้แหละ ถ้ายังคงมีน้ำเหลืออีกสักครึ่งหนึ่งในรางนั้น ฉันก็จะนำไปให้ไก่ตัวอื่นๆ ในเล้ากินด้วย เพื่อดูว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบเดียวกันเกิดขึ้นหรือไม่ ฉันก็ไม่รู้คำตอบ! ฮ่าฮ่าฮ่า! ฉันนี่ฉลาดจริงๆ!”

หลังจากนั้นหลินเฟิงก็ย้ายรางน้ำไก่ไปอีกด้านหนึ่งของเล้าไก่และให้ไก่ตัวอื่นๆ กินน้ำนั้น แต่เมื่อไก่เห็นหลินเฟิงพวกมันกลัวจนพวกมันไม่ได้กินน้ำในทันที

“เอาล่ะ สายมากแล้ว ฉันจะวางไว้ตรงนี้ แล้วจะกลับมาใหม่พรุ่งนี้นะ!”

วันนี้เป็นวันที่ยุ่งเหยิง หลินเฟิงรู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังจะพัง เขากลับไปทานอาหารค่ำและเข้านอน

ในวันถัดมาก เพราะว่าเมื่อวานหลินเฟิงนั้นเข้านอนแต่หัวค่ำ เขาจึงตื่นเช้า หลังจากที่ล้างหน้าแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบเก็บองุ่นจำนวน 200 จินและขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่าของพ่อไปส่งองุ่นให้แก่เจ้าของร้านผลไม้!

หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง หลินเฟิงก็มาถึงในตัวเมือง

ฤดูนี้อากาศค่อนข้างแปลก อุณหภูมิในตอนรุ่งเช้าค่อนข้างเย็นและจะกลายเป็นร้อนและแห้งสุดๆ ในช่วงบ่าย

โชคดีที่หลินเฟิงนั้นเข้าใจสภาวะอากาศดี เขาจึงสวมเสื้อผ้าที่หนาซึ่งทำให้ไม่หนาว ในเวลานี้ผู้คนกระจัดกระจายเต็มถนน ส่วนมากเป็นพวกพ่อค้าแม่ขาย

เห็นเพียงคนเดินเท้าบนถนนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น หลินเฟิงจึงรีบเร่งเครื่อง ไม่นานนักเขาก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์คันเก่าของพ่อมาถึงประตูของร้านผลไม้อร่อย

ทันทีที่หลินเฟิงมาถึงประตู เขาก็เห็นชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมที่มีอารมณ์ดีกำลังเปิดร้านอยู่

“โอ้ เสี่ยวเฟิง ทำไมถึงได้มาแต่เช้าขนาดนี้!”

รีวิวผู้อ่าน