px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 121 ต้วนหลิงเทียน อหังการ!!


ด้วยการตะโกนขึ้นอย่างฉับพลันของฉงเฉวียน ทำให้คนสองคนที่หลบซ่อนอยู่ในมุมเสา ที่อยู่ด้านนอกลานบ้านตรงบริเวณประตูทางเข้าที่พัก ไม่อาจหลบซ่อนตัวได้อีกต่อไป พวกเขาจึงปรากฏตัวและเดินเข้ามาภายในลานบ้าน

คิ้วของเซี่ยวหยูพลันขมวดขึ้นเล็กน้อย

ส่วนท่าทางของหลิงเทียนยังคงสงบนิ่ง ราวกับเป็นเรื่องที่เขารู้อยู่แล้ว...

"ลั่วหู่,ลั่วเจี้ยน, พวกเจ้าแอบติดตามข้า!" เมื่อเห็นทั้ง 2 คนเผยตัวเองมาลั่วเฉียน โกรธจนสีหน้าเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มทันที

"ลั่วเฉียน นี่เป็นคำสั่งของท่านประมุข" เยาวชนทั้ง 2 ของตระกูลลั่วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

ลั่วเฉียนหายใจเข้าลึกๆและเลิกสนใจทั้งสองคน ก่อนที่จะหันมาทางหลิงเทียนและเซี่ยวหยู "พวกท่านทั้ง 2 เป็นสหายของพี่ชายข้าหรือ? แต่พี่ชายของข้าเดินทางไปยังเมืองโลหิตเหล็ก...จนป่านนี้ยังไม่กลับมาเลย"

ต้วนหลิงเทียนและเซี่ยวหยูได้แต่หันหน้ามองกัน ก่อนที่จะยิ้มอออกมาอย่างขื่นขม

พวกเขาไม่อาจปิดข่าวเกี่ยวกับลั่วเฉินแก่ลั่วเฉียนได้...เพราะสุดท้ายนางก็ย่อมต้องรู้อยู่ดี

"ลั่วเฉียน นี่เป็นจดหมายที่พี่ชายของเจ้า...ทิ้งไว้ให้เจ้า" ต้วนหลิงเทียนหยิบจดหมายสั่งเสียของลั่วเฉินออกมาก่อนที่จะยื่นมอบให้ลั่วเฉียน

ใบหน้าของลั่วเฉียนพลันเปลี่ยนเป็นซีดกลัว ก่อนที่จะเอื้อมมือที่สั่นเทาออกไปรับจดหมายมา ดูเหมือนนางจะตระหนักได้ถึงบางสิ่ง ก่อนที่จะเริ่มเปิดจดหมายขึ้นมาอ่าน

หยาดน้ำเริ่มหลั่งรินร้อยเรียงเป็นสาย ออกจากดวงตากลมโตที่หมองหม่นราวกับน้ำตก "พี่ใหญ่ ... ข้าบอกท่านแล้วว่าค่ายบ่มเพาะโลหิตเหล็กมีแต่อันตราย เหตุใดท่านไม่ยอมฟังข้า ...จากนี้... ข้าจะอยู่อย่างไรหากไม่มีท่าน ... ?"

"ลั่วเฉินตายแล้วหรือ?" สาวกตระกูลหยูทั้ง 2 คนด้านข้างกล่าวขึ้นมาหลังจากจับใจความได้

"พวกเราเสียใจกับเจ้าด้วย" ต้วนหลิงเทียนและเซี่ยวหยูเข้ามาปลอบนาง

ร่างที่บอบบางของลั่วเฉียนสั่นสะท้านขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาว่า "ท่านเป็นพี่ชายต้วนหลิงเทียน ที่พี่ใหญ่เขียนถึงในจดหมายหรือ?"

"ข้าเอง" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

"พี่ชายข้ากล่าวว่า หลังจากนี้ต่อไปให้ข้าเชื่อฟังท่าน" ลั่วเฉียนกล่าวออกมาพร้อมหยาดน้ำตาที่เริ่มหลั่งรินอีกครั้ง

"พวกเรามาที่นี่วันนี้ เพื่อพาเจ้าไปจากตระกูลลั่ว...นี่เป็นความปรารถนาสุดท้ายของพี่ชายเจ้า" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ

“ฮึ่ม ตามข้อตกลงระหว่างตระกูลลั่วกับลั่วเฉิน! ยามนี้ลั่วเฉินก็ตกตายไปแล้ว นั่นย่อมหมายความว่าเขาไม่อาจได้รับสิทธิ์ในการเข้าสู่สถาบันบ่มเพาะขุนพล เช่นนั้นลั่วเฉียนก็ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงของตระกูลลั่ว! นางต้องแต่งกับประมุขน้อยของตระกูลเจี้ยน เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ของสองตระกูลผ่านการแต่งงานครั้งนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็นำตัวนางไปไหนไม่ได้!” ชายหนุ่มของตระกูลลั่วก้าวออกมาพร้อมทั้งมองกลุ่มของหลิงเทียนทั้ง 3 คนด้วยแววตามุ่งร้าย

"ไม่มีใครขวางข้า จากการนำตัวนางไปได้!!" หลิงเทียนเพียงเย้ยหยันพวกมันด้วยท่าทางอหังการอย่างถึงขีดสุด

ครืน!

เซี่ยวหยูพลันจู่โจมออกมาโดยตรง ไม่คิดกล่าววาจาใดกับตัวไร้ค่า เขาก้าวไปข้างหน้าก่อนที่จะขยับร่างเล็กน้อย

ฝ่ามือเอกะ!

เซี่ยวหยูสะบัดแขนเสื้อของเขา ก่อนที่จะระเบิดพลังงานต้นกำเนิดออกมา แล้วควบแน่นหลอมผสานไปกับแขนเสื้อส่งชายแขนเสื้อพุ่งไปปะทะร่างชายหนุ่มทั้งสองของตระกูลลั่ว ส่งพวกมันกระเด็นกระดอนไปราวกับสุนัข “ไสหัวไปให้พ้นทางข้า!”

ระหว่างทางเซี่ยวหยูเองก็ได้รับรู้ความปรารถนาสุดท้ายของลั่วเฉินจากปากของหลิงเทียน ...

ลั่วเฉินไม่ต้องการให้น้องสาวที่รักของเขาลั่วเฉียน ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของตระกูลลั่ว...โดยการจับนางแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลเจี้ยน! และนี่ยังเป็นเหตุผลว่าทำไมลั่วเฉินที่ขี้กลัว...จึงเดินทางมายังค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะเพื่อเข้าร่วมการทดสอบ

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ลั่วเฉินกระทำ...เขาล้วนทำมันเพื่อน้องสาวคนเดียวของเขาทั้งสิ้น

เขาเขียนคำสั่งเสียสุดท้ายถึงต้วนหลิงเทียน โดยหวังว่าต้วนหลิงเทียนจะพานางออกจากตระกูลลั่วและให้นางใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุขตลอดรอดฝั่ง

"ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4!" ท่าทางของชายหนุ่มตระกูลลั่วเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว เมื่อเห็นถึงเงาร่างช้างแมมมอธโบราณถึง 6 ตัวลอยเด่นอยู่เหนือหัวเซี่ยวหยู

พวกเขาเหลือบมองหน้ากันเล็กน้อยและเผยสีหน้าเสียใจออกมา...

"เจ้าไปเก็บของก่อนเถิด แล้วไปจากที่นี่พร้อมพวกเรา" ต้วนหลิงเทียนยิ้มให้ลั่วเฉียน

ลั่วเฉียนพยักหน้ารับคำก่อนที่หยาดน้ำตาจะเริ่มหลั่งรินออกมาอีกครั้งอย่างควบคุมไม่ได้ แต่เมื่อนางคิดถึงความปรารถนาสุดท้ายของพี่ชายที่รัก นางก็เช็ดน้ำตาก่อนที่จะฉายแววตาเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวออกมา...นางต้องแข็งแกร่งขึ้นและยืนหยัดต่อไป ไม่ให้พี่ชายของนางต้องผิดหวัง!

"ข้าช่วยเจ้าเอง" เซี่ยวหยูตามลั่วเฉียนเข้าไปยังห้องของนาง

ด้วยความช่วยเหลือของเซี่ยวหยูไม่นานลั่วเฉียนก็เก็บข้าวของทั้งหมดเสร็จสิ้น

ต้วนหลิงเทียนพลันออกเดินนำไปทันที โดยมีฉงเฉวียนติดตามประกบอยู่ด้านหลัง ส่วนเซี่ยวหยูและลั่วเฉียนก็ติดตามมาด้านหลังอีกที

ทั้งสี่เดินไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงประตูหน้าอันเป็นประตูทางออกหลักของตระกูลลั่ว ก็มีร่างของชาย 3 คนยืนขวางทางเอาไว้ 1 ในนั้นเป็นชายวัยกลางคน ส่วนอีก 2 เป็นเป็นชายชราที่มีอายุมากแล้ว

"ท่านประมุข" เมื่อเห็นหน้าชายวัยกลางคน สีหน้าของลั่วเฉียนพลันเปลี่ยนเป็นซีดเซียว

"ลั่วเฉียนข้าจะให้โอกาสสุดท้ายแก่เจ้า เจ้าอยู่ที่นี่ แล้วข้าจะปล่อยพวกมันไปทั้งๆมีชีวิต...แต่หากเจ้าคิดที่จะขัดคำสั่งของข้า พวกมันต้องตายอย่างแน่นอน!" แววตาของชายวัยกลางคนวูบวาบขึ้นมาด้วยความเย็นชา

ใบหน้าของลั่วเฉียนเปลี่ยนเป็นซีดเซียวไร้เลือดฝาด ก่อนที่จะมองไปยังหลิงเทียนและเซี่ยวหยูด้วยสายตายอมจำนนต่อชะตา "ข้าขอขอบคุณที่พวกท่านคอยดูแลพี่ใหญ่ของข้ามาตลอด ...พวกท่านไปเถิด อย่าได้สนใจข้า"

หลังจากที่ท่านประมุขปรากฏตัวออกมาพร้อมกับผู้อาวุโส นางเองก็รู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะจากไป พร้อมกับพวกของต้วนหลิงเทียน...

เพราะจากที่นางรู้ต้วนหลิงเทียนและเซี่ยวหยูต้องเป็นสหายที่ดีงามของพี่ใหญ่ นางไม่เต็มใจที่จะให้ทั้ง 2 คนต้องมาเผชิญเคราะห์กรรมเพราะนาง ไม่งั้นต่อไปนางจะสู้หน้าพี่ใหญ่ในปรโลกได้อย่างไร

ภายในใจของนางได้เลือกหนทางแห่งความตายเอาไว้แล้ว เมื่อต้วนหลิงเทียนและเซี่ยวหยูจากไปอย่างปลอดภัย นางคิดก้าวเดินไปยังหนทางแห่งความตาย เพื่อปลดเปลื้องจากพันธนาการทั้งหลาย

พี่ชายที่แสนดีของนางจากไปแล้ว เช่นนั้นนางก็ไร้อาลัยใดๆในโลกใบนี้อีกต่อไป ...

"พี่ใหญ่น้องหญิงจะไปอยู่กับท่านในไม่ช้า ข้ายอมตายดีกว่าที่จะต้องงานกับประมุขน้อยตระกูลเจี้ยนที่น่าขยะแขยงนั่น" หัวใจของลั่วเฉียนเต็มไปด้วยความเศร้าสิ้นหวังอับจนไร้หนทาง

ใบหน้าของเซี่ยวหยูพลันเคร่งขรึมขึ้น ก่อนที่จะใช้สายตาเย็นชาไร้อารมณ์จับจ้องไปยังประมุขตระกูลลั่ว "ข้าเป็นหลานชายของผู้อาวุโสหลักตระกูลเซี่ยวแห่งเมืองออโรร่า... หากเจ้ายังพอรู้เรื่องราวอยู่บ้าง ก็หลีกทางให้พวกข้า!"

"ตระกูลเซี่ยวแห่งเมืองออโรร่าเช่นนั้นหรือ?"

ประมุขตระกูลลั่วเริ่มหัวเราะออกมา "นี่ไม่ใช่ที่ๆคนของตระกูลใดก็ตามจากเมืองออโรร่าจะมาวางท่า และสอดมือมายุ่งเรื่องภายในของตระกูลลั่วได้ ผู้อาวุโสส่งแขก!"

"ส่งแขก!" ทันใดนั้นร่างชายชราทั้ง 2 ที่ยืนอยู่ด้านหลังของประมุขตระกูลลั่วก็พุ่งมาทางต้วนหลิงเทียน,เซี่ยวหยู,ฉงเฉวียน และลั่วเฉียน อย่างรวดเร็ว

เหนือศีรษะของชายชราทั้ง 2 ปรากฏร่างช้างแมมมอธราณ 20 ตัว ...

ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นแรก!

ใบหน้าของเซี่ยวหยูแปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว

"ฉงเฉวียน!" ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็กล่าววาจาออกมา ด้วยความเย็นชาไม่แยแส

"ฮึ่ม! เป็นแค่ตาแก่ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นแรก 2 คนกลับกล้ากำแหงต่อหน้านายท่านของข้า ไสหัวไป!!" ในขณะกล่าวคำ ฉงเฉวียนพลันก้าวออกมาด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่จะสะบัดมือออกไปเบาๆอย่างไม่แยแส ไปยังชายชราทั้งสอง ทว่ากลับตบพวกมันเสียกระเด็นกลิ้งไปกับพื้นหมดสิ้นสภาพไม่อาจลุกขึ้นยืนได้อีกต่อไป

เหนือศีรษะฉงเฉวียนปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณออกมา 40 ตัวเพียงแค่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหายไป

"ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 3!" สีหน้าของประมุขตระกูลลั่วมืดลงแปรเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ ยามนี้มันเต็มไปด้วยโทสะ เริ่มใช้สายตาดุร้ายไม่ยินยอมจับจ้องมาราวกับจะเข่นฆ่าผู้คน ก่อนที่จะพุ่งร่างมาด้วยความกราดเกรี้ยว หมายวัดฝีมือกับศัตรูเข้มแข็ง

เหนือศีรษะของมันปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 40 ตัวเช่นกัน ...

"โง่เขลา!"

สีหน้าของหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นเลือดเย็น "ฉงเฉวียนทำให้มันพิการ!"

"ขอรับนายท่าน!" ฉงเฉวียนพลันเคลื่อนไหวทันที การเคลื่อนไหวนี้อัศจรรย์นัก มันราวกับร่างของเขาย้ายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเพียง 1 ย่างก้าว...

โลกสวรรค์ผันแปร!

วู้มมม!

ดาบปรากฏกลางอากาศว่างเปล่า หนึ่งมือคว้าจับพร้อมป้อนกระบวนท่าฟันฟาดออกไปอย่างไร้ปราณี

สิ้นลำแสงดาบสีเขียวกระพริบวูบไหว เสียงร้องโหยหวนพลันกังวานออกมาอย่างสลด ร่างของประมุขตระกูลลั่วคุกเข่าลงกับพื้นดินในสภาพโลหิตท่วมตัว ก่อนที่มันจะล้มลงไปกองกับพื้นเพราะสูญเสียการบังคับร่างกาย สายธารโลหิตหลั่งออกมาจากแขนขาทั้งสี่ราวกับวารีป่าเชี่ยวกราด

เส้นเอ็นข้อมือและข้อเท้าของมันล้วนถูกสับสะบั้นไม่เหลือชิ้นดี!

ในขณะที่ร่างของประมุขตระกูลลั่วจะล้มลงต่อหน้าคนทั้ง 4 เขาพลันแหงนหน้าขึ้นมามอง และทันได้ประจักษ์กับเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 49 ตัวที่ลอยเด่นอยู่เหนือหัวฉงเฉวียนก่อนที่มันจะค่อยๆหายไป เขาทำได้เพียงกล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน "ระดับ 7 ... อาวุธวิญญาณ ระดับ 7"

และสุดท้ายประมุขตระกูลลั่วที่สูญเสียโลหิตจำนวนมากก็สิ้นสติลง

"ท่านประมุข" ชายหนุ่มทั้ง 2 ของตระกูลลั่วที่ซมซานรีบไปแจ้งข่าวก่อนหน้านี้กำลังยืนดูอยู่ใกล้ๆ ทำได้เพียงหวาดกลัวจนแข้งขาสั่นสะท้าน สีหน้าของมันซีดเซียวราวกับถูกทำร้ายเสียเอง

สายตาเย็นชาไม่แยแสของหลิงเทียนพลันกวาดผ่านร่างของพวกมัน “ก่อนหน้านี้ข้าได้กล่าวไว้แล้วว่า ไม่มีใครขวางข้า จากการนำตัวนางไปได้!”

หลังจากที่กลุ่มของต้วนหลิงเทียนเดินออกจากตระกูลต้วนไปแล้ว ชายหนุ่มทั้ง 2 คนของตระกูลลั่วค่อยได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง

นี่เนื่องเพราะภายในหูของพวกมัน มีเพียงเสียงอหังการของชายหนุ่มชุดสีม่วงนั้น ดังก้องซ้ำไปมา "ไม่มีใครขวางข้า จากการนำตัวนางไปได้!"

ตอนที่พวกมันได้ยินวาจาโอหังครั้งนี้มันคิดเพียงว่า ชายหนุ่มคนนี้ก็แค่ชายหนุ่มหยิ่งยโสเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนชายหนุ่มคนนั้นจะมั่นใจและสามารถจริงๆ!

เมื่อพ้นเขตที่พักของตระกูลลี่ ต้วนหลิงเทียนก็ขึ้นม้าทันที

ส่วนอีกด้านเซี่ยวหยูกำลังฉุดร่างของลัวเฉียนให้ขึ้นมานั่งบนม้าตัวเดียวกันกับเขา ทั้งเขายังกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนขณะที่ควบขี่ม้าออกวิ่ง

เมื่อเห็นสิ่งนี้อดไม่ได้ที่หลิงเทียนจะมีรอยยิ้มขึ้นมาที่มุมปากแวบหนึ่ง...จากที่เขาเห็นดูเหมือนเซี่ยวหยูยังคงจับจ้องไปยังลั่วเฉียนอย่างไม่วางตาด้วยสายตาที่วูบไหวด้วยประกายแปลกๆ...ดูเหมือนเซี่ยวหยูจะบังเกิดความรู้สึกบางประการกับลั่วเฉียนแล้ว

เป็นอย่างนี้ก็ดี อย่างน้อยต่อไปนี้ลั่วเฉียนคงมีที่พึ่งพิงแล้ว

หากลั่วเฉินที่อยู่ในปรโลกรับรู้เรื่องนี้เขาก็สามารถหลับพักผ่อนได้อย่างสบายใจ

ส่วนในระหว่างการเดินทางนั้น...สายตาของเซี่ยวหยูนั้นไม่ละออกจากร่างฉงเฉวียนเลยสักครั้ง

ตอนนี้เขายังไม่กระจ่างถึงเบื้องหลังฉงเฉวียน ทุกอย่างที่เขารู้มีเพียงชายคนนี้ติดตามพวกเขาออกมาตั้งแต่เมืองโลหิตเหล็ก ชายวัยกลางคนสวมหน้ากากปิดบังไปครึ่งใบหน้าคนนี้ ตามประกบหลิงเทียนแทบจะตลอดเวลา และแม้กระทั่งเรียกหลิงเทียนว่าเป็นนายท่านของเขา

และในขณะที่ฉงเฉวียนลงมือกำราบอาวุโสทั้ง 2 คนของตระกูลลั่ว เซี่ยวหยูก็ตระหนักได้ว่าฉงเฉวียนนั้นหาได้ง่ายดายอย่างที่เขาคิด และเมื่อฉงเฉวียนระเบิดพลังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 3 ซ้ำยังมีแม้กระทั่งนำอาวุธวิญญาณระดับ 7 ออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่า ตัวเขาก็แทบกลายเป็นคนโง่งม...

ฉงเฉวียนผู้นี้มีแม้กระทั่งแหวนมิติ!

ส่วนอาวุธวิญญาณระดับ 7 นั้น ... แม้กระทั่งท่านปู่ของเขาที่เป็นถึงผู้อาวุโสหลักของตระกูลเซี่ยว และเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งยังไม่มีไว้ในครอบครองด้วยซ้ำ

"ต้วนหลิงเทียนเขา ... " เซี่ยวอยู่เร่งม้าขึ้นมาเคียงข้างหลิงเทียนก่อนที่จะกระซิบถามออกมา

คิ้วของหลิงเทียนขมวดขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "เขาเป็นคนรับใช้ของข้าเอง"

คนรับใช้? มุมปากของเซี่ยวหยูอดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้นมา

แม้กระทั่งลั่วเฉียนที่น้ำตายังไม่แห้งสนิทดีก็ดูเหมือนจะหลงลืมความเศร้าโศกไปครู่หนึ่งและหันมาประหลาดใจแทน ...

คนที่แข็งแกร่งและทรงอำนาจยิ่งกว่าประมุขตระกูลลั่ว...เป็นคนรับใช้ของพี่ชายต้วนหลิงเทียนอย่างนั้นหรือ?

สหายของพี่ชายนางผู้นี้เป็นใครกันแน่? ใจของนางอดไม่ได้ที่จะสั่นไหว

ต้วนหลิงเทียนค่อนข้างพึงพอใจกับความแข็งแกร่งของฉงเฉวียนที่เริ่มฟื้นคืนมาเล็กน้อยในตอนนี้ และมันค่อนข้างเพียงพอที่จะดูแลสถานการณ์ในปัจจุบัน และเมื่อผลของโอสถกวาดจิตพิสุทธิ์เม็ดที่ 2 เริ่มปรากฏออกมาในอีก 1 เดือนหลังจากนี้ ฉงเฉวียนเองก็คงสามารถฟื้นคืนความแข็งแกร่งของเขาจนไปถึงระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 เป็นอย่างต่ำ

และอีกเพียงแค่ 2 เดือนหลังจากนี้เท่านั้น โอสถกวาดจิตพิสุทธิ์ก็จะแสดงผลลัพธ์ได้ครบถ้วนกระบวนการ และนั่นเพียงพอที่จะให้ฉงเฉวียนสามารถกู้คืนความแข็งแกร่งระดับวิญญาณแรกก่อตั้งได้สมบูรณ์!

สำหรับต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ฉงเฉวียนเองก็เปรียบดั่งดาบที่แหลมคมในมือของเขา ...

ผู้ใดที่กล้าขวางทางเขาต้องตกตายภายใต้ดาบเล่มนี้!

สายตาของเซี่ยวหยูพลันฉายแววซับซ้อนออกมาอย่างช่วยไม่ได้ในขณะที่มองดูเรื่องราว เขาทำได้เพียงถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน "เหตุใดคน 2 คนจึงได้มีความแตกต่างกันมากมายถึงเพียงนี้?"

ไม่ต้องกล่าวถึงว่าพรสวรรค์ของต้วนหลิงเทียนที่อยู่เหนือเขาไปไกลโข ตอนนี้แม้กระทั่งคนรับใช้ของหลิงเทียนเองยังมีระดับกำเนิดแก่นแท้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้อดไม่ได้ที่เซี่ยวหยูจะรู้สึกอึดอัดในหัวใจ ...

แต่อีกสักพักเขาคงทำใจยอมรับเรื่องราวพิกลเหล่านี้ได้

เพราะตั้งแต่ที่เขารู้จักต้วนหลิงเทียนมา ชายคนนี้ก็ราวกับคนประหลาดที่ไม่อาจใช้บรรทัดฐานของคนธรรมดาไปหยั่งถึงได้เสมอ

และหลังจากผ่านไปอีกครึ่งเดือน ในที่สุดเมืองออโรร่าก็ปรากฏแก่สายตาของหลิงเทียน

ข้ากลับถึงบ้านแล้ว!

หัวใจของหลิงเทียนสั่นไหวเล็กน้อย ...

ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว!

เค่อเอ๋อ ข้ากลับมาแล้ว!

เฟยน้อย ข้ากลับมาแล้ว!

ดวงตาของเซี่ยวหยูเองก็สั่นไหวและเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ...

ต้วนหลิงเทียนหันไปมองเซี่ยวหยูก่อนที่จะกล่าวออกมา "เซี่ยวหยู เจ้าจะช่วยดูแลลั่วเฉียนให้ข้าตั้งแต่นี้ต่อไปได้หรือไม่?"

"ย่อมได้ ไม่มีปัญหา" เซี่ยวหยูพยักหน้า

แล้วต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองลั่วเฉียน "เฉียนน้อยเซี่ยวหยูเป็นบุรุษที่ดีและควรค่าแก่การพึ่งพาอย่างยิ่ง ข้าเชื่อมั่นว่าเขาต้องดูแลเจ้าได้อย่างดีและทำให้เจ้ามีชีวิตที่ปลอดภัยไร้กังวล "

หลังจากที่ผ่านไปครึ่งเดือนลั่วเฉียนก็เริ่มหายจากอาการเศร้าโศกเล็กน้อย และนางเองก็ย่อมฟังความหมายในวาจาของหลิงเทียนออก ทำให้พวงแก้มของนางเจือสีแดงระเรื่อขึ้นมา ก่อนที่นางจะกล่าวออกมาด้วยความเขินอายพร้อมพยักหน้า "เจ้าค่ะ พี่หลิงเทียน"

"เซี่ยวหยู!"

ต้วนหลิงเทียนพลันมองไปที่เซี่ยวหยูด้วยสายตาจริงจัง "ตั้งแต่ลั่วเฉินฝากฝังลั่วเฉียนไว้ให้อยู่ภายใต้การดูแลของข้า ข้าเองก็มองนางไม่ต่างอะไรกับน้องสาวแท้ๆของข้าคนนึง ตอนนี้ข้ามอบนางให้อยู่ในความดูแลของเจ้า! ข้าจะไม่มีวันละเว้นเจ้าแน่ หากเจ้าทำให้นางต้องทนทุกข์หรือต้องเจอกับเรื่องราวร้ายๆอะไร! "

"เจ้าอย่าได้กังวล!" เซี่ยวหยูพยักหน้ารับคำอย่างหนักแน่น แววตาของเขาเต็มไปด้วยความขอบคุณต่อหลิงเทียน

เขาย่อมรู้ว่าต้วนหลิงเทียนล่วงรู้ความในใจของเขาเนิ่นนานแล้ว และยามนี้หลิงเทียนเองก็กำลังช่วยเหลือเขาอยู่

รีวิวผู้อ่าน