px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 122 กลับบ้าน!


หลังจากที่แยกทางกับเซี่ยวหยูและลั่วเฉียนแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็โยนเงินให้แก่ฉงเฉวียนจำนวนหนึ่ง เพื่อให้มันไปหาที่พักในโรงเตี๊ยมของเมืองออโรร่า หลังจากนั้นหลิงเทียนก็เดินทางกลับเขตที่พักของตระกูลลี่

"นั่น! ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่หรือไร!!?" ในระหว่างที่เดินทางกลับเหล่าสาวกตระกูลลี่ที่เห็นหลิงเทียน ก็มีอาการตกตะลึงราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น

“ต้วนหลิงเทียนได้กลับมาแล้ว?”

“โอ้สวรรค์! เขากลับมาจากค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะ ปีศาจนั่นได้จริงๆ!”

ตอนนี้ทั้งตระกูลลี่ได้แต่อื้ออึงเรื่องราวนี้อย่างฮือฮา

เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนนั้นเดินทางออกจากตระกูลลี่ เพื่อไปเข้าร่วมการทดสอบบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็กนั้น เป็นเรื่องที่ทั้งตระกูลลี่ล่วงรู้กันดีอยู่แล้วก่อนหน้านี้

แต่อย่างไรก็ตามพวกเขานั้นกลับคาดไม่ถึง และไม่เคยคิดฝันสักครั้งว่าต้วนหลิงเทียนจะรอดกลับมาจากค่ายบ่มเพาะที่น่าสะพรึ่งกลัวราวปีศาจนั่น...อย่างมีชีวิต

และทุกคนก็ตระหนักได้ถึงการกลับมาอย่างมีชีวิตนี้ดี ... นี่ย่อมหมายความว่ายามนี้ต้วนหลิงเทียนได้รับสิทธิ์ในการเข้าศึกษาต่อยังสถาบันบ่มเพาะขุนพลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

สถาบันบ่มเพาะขุนพลสำหรับสาวกของตระกูลลี่แล้ว มันไม่ต่างอะไรไปจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรนภาล่อง และเป็นสถานที่ๆพวกมันไม่อาจเอื้อมแม้กระทั่งคิดฝันก็ยังไม่เคย

ทว่าตอนนี้ในตระกูลลี่ของพวกเขา บังเกิดผู้ที่มีคุณสมบัติเข้าศึกษาในสถาบันบ่มเพาะขุมพลนี้แล้วจริงๆ ...นี่นับว่าเป็นข่าวที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชนและผู้คนในตระกูลลี่เป็นอย่างมาก!

ในลานบ้านที่เงียบสงบ มีเพียงเสียงของสายลมหวีดหวิว ปรากฏร่างหญิงสาวงดงามกำลังร่ายรำเพลงกระบี่อัศจรรย์อยู่ชุดหนึ่ง ทุกคราที่กระบี่ถูกวาด จะบังเกิดไอยะเยือกทิ้งรอยไว้กลางอากาศ จนบังเกิดเป็นเกล็ดน้ำแข็ง...

หลังจากร่ายรำเพลงกระบี่อยู่ครู่หนึ่ง สาวน้อยนางนั้นพลันหยุดมือลง ก่อนที่จะหันไปมองงูตัวน้อยสีขาวดำที่รัดพันอยู่บนข้อมือทั้งสองข้างของนาง ก่อนที่จะกล่าวออกมาพร้อมถอนหายใจ "นายน้อยจากไปเป็นเวลา 1 ปีกับอีก 1 เดือนแล้ว เหตุใดเขายังไม่กลับมากันล่ะ? เสี่ยวเฮย, เสี่ยวไป๋ พวกเจ้าคิดถึงนายน้อยหรือไม่?"

"พวกมันคงไม่คิดถึงข้า อย่างที่เค่อเอ๋อของข้าคิดถึงหรอก" ทันใดนั้นเองน้ำเสียงอบอุ่นคุ้นเคยที่เฝ้ารอทุกคืนวันพลันดังขึ้นให้สาวน้อยได้รับรู้ รางบางสั่นสะท้านเล็กน้อยก่อนที่จะค่อยๆหันร่างมาอย่างช้าๆ

"เค่อเอ๋อของข้านับว่าเติบโตขึ้นมาทีเดียว" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังร่างของสาวน้อยตรงหน้าที่งดงามและอ่อนโยน ตอนนี้นางนับว่าเติบโตขึ้นไม่น้อย และความไร้เดียงสาที่ดูราวกับเด็กน้อยบนใบหน้าของนางค่อยๆหายไปกลับกลายเป็นความงดงามบริสุทธิ์ไร้มลทินมาแทนที่...ไม่มีอะไรจะอัศจรรย์ไปมากกว่าความเร็วในการเปลี่ยนแปลงในแง่ความงามของเด็กสาวอีกแล้ว...ยามนี้นางหาใช่เด็กหญิงตัวน้อยเหมือนกาลก่อน นางเติบโตเป็นสาวน้อยคนหนึ่งเต็มตัว!

"นายน้อย!" ดวงตาของสาวน้อยแดงระเรื่อพร้อมเจือไปด้วยหยาดน้ำใสๆ ตอนนี้นางลืมเรื่องจริยธรรมหรือใดๆไปหมดสิ้น โผร่างบอบบางเข้าสู่อ้อมกอดของนายน้อยที่นางถวิลหาทุกคืนวันทันที

ต้วนหลิงเทียนอ้าแขนรอรับสาวน้อยที่โผร่างเข้ามา ก่อนที่จะรับรางบางไว้อย่างนุ่มนวลไว้แล้วดึงนางเข้าหาอ้อมกอด เขาสูดกลิ่นหอมจากเรือนผมของนางอย่างชื่นใจ ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "เค่อเอ๋อ ข้ากลับมาแล้ว!"

สาวน้อยพยักหน้ารับอย่างมีความสุข นางไม่อยากคลายจากกอดนี้ แม้เวลาจะไหลผ่านไปเนิ่นนาน

หากเป็นไปได้นางหวังเพียงสามารถหยุดห้วงเวลานี้ให้คงอยู่ชั่วนิรันดร์...

แอ๊ด!

ทันใดนั้นเสียงประตูเปิดพลันดังขึ้นจากตัวบ้านที่อยู่ไม่ไกล

"ลูกเทียน เจ้ากลับมาแล้ว?"สตรีที่สวยงามคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขจนล้นเอ่อ ทั้งยังมีความคิดถึงห่วงหาในแววตาวูบวาบไม่น้อย บ่งบอกว่านางคิดถึงบุตรชายของนางถึงเพียงไหน...

"ท่านแม่ข้ากลับมาแล้ว!" เมื่อต้วนหลิงเทียนมองมารดาของเขา ประกายตาคิดถึงก็เผยออกมาอย่างปิดไม่มิด

ส่วนหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมอกของหลิงเทียนพลันผละออกจากอ้อมอกเขาอย่างเร่งร้อน ด้วยความเขินอายอย่างถึงขีดสุด "นะ... นายหญิง!"

"สาวโง่ เจ้ายังจะอายอะไรอีก?" ลี่หลัวส่ายหัวไปมาพร้อมรอยยิ้ม

"ใช่แล้วเค่อเอ๋อ เจ้าเองก็เป็นคู่หมั้นของข้า แล้วเจ้าจะอายอันใดกันอีก?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมา

หนึ่งปีผ่านไปแล้ว แต่มารดาของเขายังคงเหมือนเดิม นางดูไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย ความงดงามยังคงอยู่ไม่เสื่อมคลาย ยากนักที่จะเชื่อว่านางเป็นมารดาคนหนึ่งที่มีบุตรชายเติบใหญ่จนอายุ 17 ปีแล้ว เพราะนางไม่มีริ้วรอยหรือเค้าความโรยราแม้แต่น้อย

"ตัวเลวร้าย!" ทันใดนั้นเองน้ำเสียงดีใจเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นจากด้านนอกลาน

เมื่อต้วนหลิงเทียนหันกลับมาเขาก็เห็นรูปร่างที่เร่าร้อน ยั่วยวนบุรุษเพศถึงขีดสุดกำลังพุ่งมาหาเขาด้วยความเร็ว ก่อนที่จะโผบินเข้าอ้อมอกเขาอย่างหวงหา ทั้งยังเริ่มทุบตีหน้าอกเขา "ตัวเลวร้าย เจ้ากลับมาแล้ว แต่ไม่ยอมไปหาข้า ถ้าข้าไม่ได้ยินเรื่องที่เจ้ากลับมาจากปากผู้อื่น ข้าคงไม่รู้ว่าเจ้ากลับมาแล้ว"

"เสี่ยวเฟย" มันเป็นเพียงปีเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้พบกัน ทว่าลี่เฟยกับเติบโตเป็นสตรีที่งดงามสมบูรณ์พร้อม เสน่ห์ของนางกล่าวได้ว่าเพิ่มพูนไปมากล้นจน...น้องชาย ของหลิงเทียนที่หลับใหลมาตลอดปีเริ่มตอบสนองโดยการพองตัวขึ้นในทันใด

ลี่เฟยที่กอดหลิงเทียนอยู่ย่อมสัมผัสได้ถึงสิ่งนั้นเป็นอย่างดีใบหน้าของนางร้อนผ่าวขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่นางจะรีบผละออกจากอ้อมกอดของหลิงเทียน เพราะสังเกตได้ว่ายามนี้ทั้งมารดาของเขาและเค่อเอ๋อเองก็อยู่ตรงนี้เช่นกัน

"ป้าลี่หลัว น้องหญิงเค่อเอ๋อ" ลี่เฟยหันไปกล่าวทักทายลี่หลัวและเค่อเอ๋อ ตอนนี้นางรู้สึกอายจนอยากขุดดินเพื่อมุดลงไปให้รู้แล้วรู้รอด

"ลูกเทียนเจ้าคงหิวแล้ว หลังจากเดินทางมาเหนื่อยทั้งวัน แม่จะเข้าไปเตรียมอาหารให้เจ้าเอง" ลี่หลัวเข้าครัวไปเพื่อเริ่มเตรียมอาหารทันที

เค่อเอ๋อเองก็ตามเข้าครัวไปช่วยอีกคน

ตอนนั้นเองลี่เฟยพลันหันมามองหลิงเทียนก่อนที่จะกล่าวว่า "ตัวเลวร้าย ... "

"ไปหาปู่ของเจ้าใช่หรือไม่?"ต้วนหลิงเทียนที่จับจ้องลี่เฟยอยู่แค่เห็นท่าทางของนางเขาก็ล่วงรู้ความคิดของนางแล้ว ไม่ต้องรอให้นางบอกเขาก็กล่าวขึ้นมาทันที

ลี่เฟยพยักหน้าเบาๆ

"แน่นอนล่ะว่าข้าต้องไปหาเขา ข้าไม่ได้กลับมา 1 ปีแล้วข้าเองก็คิดถึงปู่เจ้าไม่น้อย นอกจากนี้เจ้าก็เป็นของข้าแล้ว ข้าย่อมคิดถึงและห่วงใยปู่เจ้าเช่นกัน" ต้วนหลิงเทียนคว้ามือของลี่เฟยขึ้นมาก่อนที่จะบีบมันเบาๆ

.....

...ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่มั่นใจว่าเขามองถูกหรือไม่ แต่ในตอนที่ลี่เต๋อเห็นเขา เขาสัมผัสได้ว่าลี่เต๋อถอนหายใจออกมาราวกับหมดห่วงแล้ว ราวกับเขาได้วางภาระในใจบางอย่างออกไป...แปลก

หรือว่านี่เพราะเขากังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับต้วนหลิงเทียนในระหว่างเข้าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะ?

แต่สุดท้ายหลิงเทียนก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย

"ท่านปู่"ต้วนหลิงเทียนยิ้มให้กับชายชรา

"ดียิ่งนักที่เจ้ากลับมาเช่นนี้ แล้วเจ้าวางแผนอย่างไรต่อไปในอนาคต?" ลี่เต๋อกล่าวถามทันที

ตอนนี้หลิงเทียนก็สังเกตได้ว่าสายตาของลี่เต๋อเองก็เริ่มกลับมามีความสุขและอารมณ์ดีขึ้น

"ท่านปู่ข้าเองก็เตรียมการเดินทางออกจากเมืองนี้ในอีกไม่กี่วัน ข้าได้วางแผนเอาไว้ว่าจะนำแม่ของข้า เค่อเอ๋อ ลี่เฟย ไปยังเมืองหลวงด้วย ท่านปู่ทำไมท่านไม่ไปพร้อมกับข้าด้วยเล่า?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถึงแผนการในอนาคตเขาออกมา

นี่เพราะมันก็เป็นอย่างที่แม่ทัพเติ้งหยุนไห่กล่าว หากคิดนำครอบครัวไปด้วย นั่นหมายความว่าต้องใช้เกวียนเดินทาง และการเดินทางจากเมืองออโรร่าไปเมืองหลวงด้วยเกวียนนั่นย่อมต้องใช้เวลาถึง 1 ปี หากเขาหยุดพักที่ตระกูลนานเกินไปเวลามันอาจจะล่าช้าและไม่ทันการณ์ได้

เพราะเหตุนี้เขาจึงไม่ได้วางแผนที่จะกลับมาอยู่ที่ตระกูลนานสักเท่าไร

"ข้าคงไม่ไปกับเจ้าหรอก ข้าคิดที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายที่ตระกูลลี่แห่งนี้นี่ล่ะ" ชายชราส่ายหัว

ลี่เฟยลุกขึ้นมาก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างดื้อดึง "ท่านปู่ ถ้าท่านไม่ไปข้าเองก็ไม่ไป"

"เฟย เอ๊ย บัดนี้เจ้าเติบโตขึ้นมากแล้ว หาใช่เด็กสาวงอแงเหมือนกาลก่อนแล้วไม่ ข้าเชื่อว่าหลิงเทียนนั้นจะดีต่อเจ้า ถึงแม้เจ้าจะจากไปวันนี้ แต่ต่อไปเจ้าก็สามารถกลับมาเยี่ยมข้าได้ทุกเวลา ปู่ไม่ได้ไปไหน เจ้าคิดถึงเมื่อไหร่ก็แค่มาหาปู่เท่านั้นเอง เจ้าอย่าได้กังวลปู่หาใช่ชราจนต้องมีผู้ใดดูแลเสียเมื่อไหร่" ใบหน้าของชายชราฉายชัดออกมาถึงความรักที่มากล้น

"ท่านปู่" ดวงตาสวยดั่งอัญมณีเริ่มมีสีแดงพร้อมน้ำตาคลอเล็กน้อย

ตาของหลิงเทียนยังคงจับจ้องไปยังชายชราไม่วางสายตา เขามีความรู้สึกบางอย่างแปลกๆ เหมือนมีอะไรสักอย่าง แต่เขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไรกันแน่

"ท่านปู่ เช่นนั้นมาทานอาหารค่ำด้วยกันสิ" ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับชายชราหลังจากที่แหงนมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้มแล้ว

"เอาสิ ค่ำนี้ข้าจะไปกินอาหารที่บ้านเจ้า"

.....

ณ โต๊ะอาหาร บ้านหลิงเทียน

ชายชราหัวเราะออกมาอย่างปลอดโปร่ง "เอาล่ะเช่นนั้นก็ได้เวลาเหมาะสมที่ข้าจะถามเจ้าเรื่องการเข้าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็กแล้ว ข้าอยากรู้เรื่องนี้นัก"

ค่ำคืนนี้กล่าวได้ว่าบ้านหลังนี้คึกครื้นนัก มันเต็มไปด้วยเสียงตกใจและตื่นเต้น ไม่ใช่แค่ชายชราเท่านั้นที่สนใจเรื่องค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะ ทั้งลี่หลัว เค่อเอ๋อ และลี่เฟยเองก็สนใจมากเช่กัน

นอกเหนือจากเหตุการณ์ที่อันตรายถึงชีวิต หลิงเทียนก็ได้กล่าวถึงเรื่องราวต่างๆในค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะจนหมดสิ้น

และต้วนหลิงเทียนเองก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเล็กน้อย ยามกล่าวถึงเมิ่งฉวนและลั่วเฉิน

“มนุษย์เราจะอย่างไรก็ต้องตาย ทว่าเรื่องราวและความทรงจำต่างๆล้วนคงอยู่ไปตลอดไม่ได้สูญสลายไปไหน เจ้าทำได้เพียงเก็บมันเอาไว้อย่าได้ลืมเลือนเรื่องราวดีๆ ... ทั้งนอกจากนี้เจ้าเองก็ช่วยเหลือลั่วเฉินและบรรลุในความปรารถนาสุดท้ายของเขาแล้ว เขาที่ล่วงหน้าไปก่อนก็คงพบความสงบสุขแล้วล่ะ " ชายชรากล่าวปลอบประโลมออกมา ลี่เต๋อผ่านโลกมามาก เขาผ่านเรื่องราวและความสูญเสียมาไม่น้อย เขาย่อมเป็นผู้ที่เข้าใจเรื่องราวนี้ได้ดีที่สุด

"ท่านปู่อย่าได้กังวลข้ายอมรับและผ่านมันมาได้แล้ว"ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

"มีผู้ผ่านการทดสอบค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะรอบแรกถึง 98 คน แต่มีเพียง 7 คนที่รอดชีวิต ...คายบ่มเพาะอัจฉริยะนี้ สมควรแล้วที่ถูกเรียกว่าค่ายปีศาจ" ลี่เฟยถอนหายใจออกมา

"ท่านแม่ ท่านกับเค่อเอ๋อเตรียมเก็บของให้เสร็จสิ้นหลังจากนี้อีก 2 วัน ข้าตัดสินใจที่จะออกเดินทางไปยังเมืองหลวงหลังจากนี้อีก 3 วัน" ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับลี่หลัวและเค่อเอ๋อ ขึ้นมาหลังเสร็จสิ้นอาหารมื้อค่ำและไปส่งลี่เฟยและปู่ของนางกลับบ้าน

ลี่หลัวพยักหน้า นางเองก็เตรียมตัวมานนานแล้วจึงไม่ค่อยแปลกใจสักเท่าไร

หลังจากนั้นหลิงเทียนก็หันมาเล่นกับงูน้อยทั้งสองตัวที่ไม่เจอเสียนาน "เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ผ่านไปกว่า 1 ปีแล้วเจ้าแข็งแกร่งมากขึ้นหรือไม่ พวกเจ้าคงไม่ได้มีความแข็งแกร่งเท่าเดิมหรอกนะ?"

งูน้อยทั้ง 2 ตัวดูเหมือนจะเข้าใจคำกล่าวของหลิงเทียนว่าหมายถึงอะไร ทั้งสองตัวชูคอขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะผงกหัวให้หลิงเทียนดู

และเมื่อหลิงเทียนจ้องดีๆเขาก็เห็นว่า เขาน้อยๆบนหัวของงูน้อยทั้งสองตัวนั้นแสดงออกมาจนเกือบเด่นชัดแล้ว

"เฮ่ ดูเหมือนพวกเจ้า 2 ตัวเองก็พัฒนาไปไม่น้อยเลยนี่นา" ต้วนหลิงเทียนสามารถคาดเดาความแข็งแกร่งของพวกมันได้จากการสำรวจความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของพวกมัน ...

ความแข็งแกร่งของสัตว์ดุร้ายหรือสัตว์อสูรนั้นสามารถตรวจสอบได้จากความเปลี่ยนแปลงต่างๆในร่างกาย แต่นี้ต้องอาศัยประสบการณ์อย่างสูง หลิงเทียนที่มีความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด 2 ชาติภพจึงดูออกได้อย่างไม่ยาก

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น หลังจากที่หลิงเทียนรับประทานอาหารเช้าเสร็จสิ้นแล้ว แขกที่ไม่คาดคิดก็มาหาเขาถึงบ้าน

ประมุขตระกูลลี่ ลี่อู๋!

"ต้วนหลิงเทียน ข้าคงต้องขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย!" ใบหน้าของลี่อู๋เต็มไปด้วยรอยยิ้มเบิกบานในขณะที่เขาพูด

"ขอบคุณท่านประมุข" ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบออกไปพร้อมยิ้มบางๆ

"นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากตระกูลลี่ ข้าหวังว่าเมื่อเจ้าไปถึงสถาบันบ่มเพาะขุนพลแล้ว เจ้าจะไม่ลืมว่าตัวเองก็เป็นคนของตระกูลลี่คนนึง" ลี่อู๋กล่าวพร้อมกับยื่นเงินกองใหญ่ไปให้ต้วนหลิงเทียน

"เฮ่ๆ ท่านประมุข ข้าเองก็ไม่ใช่คนลืมกำพืดตนเอง เรื่องนี้ท่านไม่ต้องกังวล และก็อย่าได้เกรงใจ"

ถึงแม้หลิงเทียนจะกล่าววาจาออกมาเช่นนี้ แต่มือของเขาก็ยังคงยื่นไปคว้าเงินกองนั้นมาอยู่ดี พร้อมรอยยิ้มหวานบนใบหน้า เขาคาดการณ์คร่าวๆแล้วมันสมควรมีประมาณ 2,000,000 เหรียญเงินเห็นจะได้

ตัวเขาเองย่อมเข้าใจความคิดของลี่อู๋ ตอนนี้ตัวเขายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นตั้งเนื้อตั้งตัว ลี่อู๋ทำเช่นนี้เพราะพยายามให้เขาระลึกไว้ว่าเขายังเป็นคนของตระกูลลี่

ด้วยวิธีนี้ต่อไปในอนาคตเขาประสบความสำเร็จมากมายขนาดไหน ตระกูลลี่เองก็ย่อมได้รับผลประโยชน์ไปด้วย

"เงินจำนวนนี้มันคงมีประโยชน์สำหรับเจ้าแค่ช่วงแรกๆนี้เท่านั้นล่ะ แต่ต่อไปมันคงไม่ได้มีค่าอะไรกับเจ้ามากนัก" ลี่อู๋กลาวออกมาพร้อมถอนหายใจ

ผู้ที่จบมาจากสถาบันบ่มเพาะขุนพลนั้นหามีผู้ใดธรรมดาไม่ ทุกคนนั้นล้วนเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ทั้งนั้น และถึงแม้วาจะไม่ได้ประสบความสำเร็จอันใด แต่ก็ยังคงมีตำแหน่งสูงล้ำอยู่ดี

และเมื่อเวลานั้นมาถึง สถานะของต้วนหลิงเทียน จะอยู่สูงเกินกว่าที่เขาจะอาจเอื้อมถึง

"เอาล่ะไม่ว่าจะอย่างไรข้าก็คงต้องขอขอบคุณท่านประมุขอย่างยิ่ง จริงสิข้าเองก็มีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือท่านเช่นกัน เกี่ยวกับการเดินทางของข้า" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม

"แล้วนี่เจ้าคิดที่จะเดินทางไปยังเมืองหลวงเมื่อไหร่กันหรือ?"ลี่อู๋กล่าวถามออกมา

"ข้าวางแผนที่จะออกเดินทางตั้งแต่พรุ่งนี้" หลิงเทียนกล่าวออกมา

"ใยรีบร้อนถึงเพียงนั้นเล่า?" ลี่อูรู้สึกสงสัย

"หากเป็นเพียงข้าควบม้าไปก็คงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไรขนาดนี้ ทว่าข้าจะพาท่านแม่ไปด้วย เช่นนั้นจึงต้องเดินทางด้วยเกวียนแล้ว" หลิงเทียนกล่าวออกมา

"เช่นนั้นปล่อยเรื่องเกวียนให้เป็นหน้าที่ข้าแล้วกัน" ลี่อู๋กล่าว

"โอ้! ข้าต้องขอบคุณท่านมากแล้ว ท่านประมุข" รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลิงเทียน เขารู้สึกขอบคุณจากใจจริงๆ

หลังจากที่ลี่อู๋จากไปแล้วหลิงเทียนก็ออกจากเขตที่พักตระกูลลี่ ก่อนที่จะเดินทางไปยังร้านค้าโอสถของถังจิ้ง

"เด็กน้อย นี่เจ้ารอดชีวิตกลับมาได้จริงๆ" ถังจิ้งกล่าวหยอกล้อออกมา

"อะไร นี่ท่านคิดว่าข้าจะไม่รอดกลับมาเช่นนั้นหรือ?" ต้วนหลิงเทียนถลึงตามองถังจิ้งอย่างสนุกสนาน

"แล้วนี่เจ้าคิดที่จะเดินทางอีกครั้งเมื่อไหร่เล่า?" ถึงจิ้งเองก็ถามคำเดียวเดียวกันกับลี่อู๋

ต้วนหลิงเทียนยิ้มก่อนที่จะกล่าวออกมา "อันที่จริงที่ข้ามาหาท่านเพราะจะกล่าวบอกท่านถึงเรื่องนี้อย่างละเอียดนั่นล่ะ ตัวข้าคิดที่จะออกเดินทางวันพรุ่งนี้"

"เช่นนั้นถ้าเจ้าคิดที่จะจากไปพร้อมกับเด็กสาวคนนั้น ... แล้วเรื่อง...โอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 6 กระบวนเล่า?"

ถังจิ้งมองไปยังหลิงเทียนด้วยสายตาร้อนแรงเต็มไปด้วยความปรารถนา "เจ้าคิดจะขายสูตรโอสถน้ำให้ข้าอย่างไร?"

"ข้าไม่คิดที่จะขาย!" ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบออกไปอย่างตรงไปตรงมา

ถึงแม้ว่าถังจิ้งเองจะคาดเดาคำตอบในลักษณะนี้เอาไว้นานแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ เขาก็อดที่จะขมขื่นขึ้นมาไม่ได้

รีวิวผู้อ่าน