px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 125 เฉินเม่ยเอ๋อ


ต้วนหลิงเทียนนั้นตระหนักและเข้าใจดีว่า ความแค้นและความโศกเศร้าของประมุขและเหล่าผู้อาวุโสในตระกูลนั้น ไม่ได้ด้อยไปกว่าตัวเขาแม้แต่น้อย ... และตอนนี้พวกเขาเองก็มีโอกาสที่จะระบายความแค้นและความอึดอัดใจทั้งหมดออกมาด้วยการฆ่าล้างผู้คนตระกูลฟาง หลิงเทียนจึงให้พวกเขาลงมือปลดปล่อยกันอย่างเต็มที่

"ผู้อาวุโสหลัก จากนี้ขอให้ท่านหลับใหลอย่างเป็นสุขด้วยความสงบ ต่อแต่นี้ไปตระกูลฟางจะถูกลบหายไปจากโลกนี้!" ต้วนหลิงเทียนเงยหน้ามองฟ้าก่อนจะกล่าวออกมาด้วยประกายตาวาวโรจน์

และไม่นานคนของตระกูลลี่ก็กลับมารวมตัวกันเนื้อตัวของพวกเขาล้วนชโลมอาบไปด้วยโลหิต…แน่นอนว่ามันย่อมไม่ใช่โบหิตของพวกเขา หากแต่เป็นโลหิตของคนตระกูลฟาง

"ต้วนหลิงเทียน ข้าต้องขอขอบคุณเจ้ามาก" ประมุขตระกูลลี่ ลี่หนันเฟิงและเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลลี่ล้วนคารวะหลิงเทียนออกมาด้วยความตื้นตันใจ

นี่เป็นการคารวะที่ออกมาจากส่วนลึกจิตใจของพวกเขาอย่างแท้จริง!

หากไม่ได้ต้วนหลิงเทียนแล้วล่ะก็ คงเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะได้แก้แค้นให้แก่ผู้อาวุโสหลักเช่นนี้

"ท่านประมุข ตัวข้าต้วนหลิงเทียนเอง ก็เป็นคนของตระกูลลี่คนหนึ่ง" เพียงวาจานี้ประโยคเดียวของต้วนหลิงเทียนล้วนอธิบายทุกสิ่ง

"ฮ่าๆ ... ดี! ดี! ดี!อาวุโส 9 นับได้ว่ามีบุตรชายอันประเสริฐนัก นี่นับว่าเป็นพรแด่ตระกูลลี่ของเราอย่างแท้จริง” ลี่หนันเฟิงหัวเราะออกมาอย่างเต็มที่ด้วยความสบายใจ

เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลลี่เอง พลันเบนสายตามาจับจ้องยังฉงเฉวียน ที่ยืนอยู่ด้านหลังของต้วนหลิงเทียนอย่างไม่รู้ตัว

ตอนนี้พวกเขาล้วนเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า เพราะเหตุใดต้วนหลิงเทียนจึงมันใจนักในเรื่องที่จะล้างบางตระกูลฟาง ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะชายที่น่าพรั่นพรึงทว่าเป็นเพียงคนรับใช้ของต้วนหลิงเทียนผู้นี้ พวกเขานั้นมั่นใจว่าสายตาย่อมมองไม่ผิดพลาด… ยามที่ชายผู้นี้ลงมือสังหารบรรพชนของตระกูลฟางนั่น เหนือศีรษะของเขาฉายชัดออกมาถึงเงาร่างช้างแมมมอธโบราณจำนวน 40 ตัว และนั่นทำให้พวกเขาถึงกับสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 3!

นี่หากพวกเขาล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วฉงเฉวียนที่ยืนอยู่ตรงนี้ มีระดับบ่มเพาะถึงระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9 และเมื่อครู่เขาใช้ความแข็งแกร่งเพียงแค่ 1 ใน 3 ของความแข็งแกร่งที่เขามีอยู่เท่านั้นในช่วงที่ลงมือสังหารบรรพชนของตระกูลฟาง ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าพวกเขาจะมีท่าทางอย่างไร ...

การตกตายลงของเสาหลักตระกูลฟางรวมทั้งเหล่าผู้คนของตระกูลฟางทั้งหมด นั่นย่อมหมายความว่ายามนี้ตระกูลฟางนั้นเป็นได้เพียงอดีต…และหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของตระกูลที่ล่มสลายตระกูลแห่งเมืองวายุโปรยเท่านั้น

ในขณะที่ทางตระกูลลี่เองก็ยังคงไว้ทุกข์และอาลัยกับการจากไปของผู้อาวุโสหลักลี่หัว ข่าวที่น่าตื่นตระหนักและเขย่าขวัญสั่นประสาทผู้คนทั่วทั้งเมืองวายุโปรยก็แพร่กระจายออกไปดั่งไฟลามทุ่ง ตระกูลลี่ที่ตกอยู่ในสภาวะเสียเปรียบกลับลุกขึ้นมาเข่นฆ่าล้างบางตระกูลฟางจนหมดสิ้นไม่มีหลงเหลือแม้แต่คนรับใช้ ลบตระกูลฟางออกไปจากเมืองอย่างสมบูรณ์!!

"จุ๊ๆๆ ไม่คิดเลยว่าตระกูลฟางจะจบสิ้นลงในลักษณะนี้ นี่เป็นไปได้หรือไม่ว่าคนของตระกูลลี่ ส่งคนไปขอความช่วยเหลือจากตระกูลลี่สาขาหลักแห่งเมืองออโรร่า จนทางตระกูลหลักส่งคนลงมาช่วยเหลือ?"

"นั่นเป็นไปมิได้ เว้นเสียแต่ว่าตระกูลลี่จะเผชิญกับภัยพิบัติถึงขั้นสิ้นตระกูล หาไม่แล้วตระกูลลี่สาขาหลักคงไม่คิดสอดมือเข้ามาช่วยเหลือตระกูลลี่แห่งเมืองวายุโปรยเป็นแน่"

"นี่พวกเจ้ายังไม่รู้จริงๆเหรอว่าเรื่องนี้เป็นเพราะเหตุใด?"

"อะไร เจ้ากล่าวเช่นนี้เป็นไปได้หรือไม่ที่เจ้ารู้?"

"แน่นอนว่าข้าย่อมรู้!"

"บัดซบ แล้วจะมัวอมพะนำบิดาไปเพื่ออันใด รีบเล่ามาเร็วเข้า ... "

"ฮ่าๆ พวกเจ้าใจเย็นลงก่อน อันที่จริงข้าเองก็ทราบเรื่องราวนี้มาจาก สหายคนหนึ่งที่อยู่ในตระกูลลี่ ... เขากล่าวว่าต้วนหลิงเทียนคนนั้น ได้รีบมุ่งหน้ากลับมายังตระกูลลี่ที่เมืองวายุโปรยแห่งนี้ทันทีที่ได้รับทราบข่าวการจากไปของผู้อาวุโสหลัก ซ้ำเขายังพาคนรับใช้ผู้หนึ่งมาด้วย และคนรับใช้ผู้นี้ ก็สามารถสังหารบรรพชนรองของตระกูลฟางที่มีระดับบ่มเพาะถึงขั้น กำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 2 เพียงลมหายใจเดียวเท่านั้น "

"อะไรนะ คนรับใช้ของต้วนหลิงเทียนงั้นหรือ? นี่ ...เรื่องนี้มันเหลือเชื่อเกินไปหรือไม่!"

...

ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองวายุโปรยกำลังสนทนาถึงประเด็นร้อนนี้กันอย่างออกรสไปทั่วทุกมุมของเมือง

ยามดึกสงัดทว่าแสงเทียนในห้องโถงหลังของตระกูลลี่ยังคงส่องสว่างบ่งบอกว่ายังคงมีผู้คนไม่หลับใหล

เหล่าผู้คนของตระกูลลี่แทบทั้งหมดรวมทั้งผู้อาวุโสและประมุขของตระกูลลี่ล้วนนั่งดื่มกินอาหารค่ำ และผู้ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะหลักของตระกูลยามนี้กลับเป็นต้วนหลิงเทียน ...แน่นอนว่านี่เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนถูกกล่าวคะยั้นคะยอให้นั่งตำแหน่งนี้ ตัวเขาเอง ก็ไม่ได้อยากนั่งตำแหน่งนี้สักเท่าไร

นี่ไม่ใช่อะไร มันเป็นเพราะว่าหากต้วนหลิงเทียนไม่นั่งในตำแหน่งนี้ เกรงว่าคนของตระกูลลี่คงไม่กล้าดื่มกินและสนทนากันอย่างมีความสุข เพราะว่าคนรับใช้ของหลิงเทียนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขานั้น เป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ ...

"ท่าน เหตุใดจึงไม่นั่งลงให้สบายเล่าขอรับ?" ลี่หนันเฟิงมองไปยังฉงเฉวียนก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยความเคารพ

ถึงแม้ว่าชายคนนี้จะเป็นเพียงคนรับใช้ของต้วนหลิงเทียนเท่านั้น แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเขานั่นย่อมทำให้ลี่หนันเฟิงบังเกิดความเคารพอย่างสูง นอกจากนี้หากไม่ได้ความช่วยเหลือของชายคนนี้เกรงว่าตระกูลลี่คงไม่มีวันแก้แค้นให้แกผู้อาวุโสหลักได้อย่างสำเร็จ

ทว่าฉงเฉวียนเพียงนิ่งไม่ตอบคำอะไรทั้งสิ้นซ้ำยังไม่แยแสอีกด้วย

อดไม่ได้ที่ลี่หนันเฟิงจะหันไปมองหลิงเทียนด้วยสายตาลำบากใจ

"เอาล่ะฉงเฉวียน เจ้าก็นั่งลงดื่มกินให้สบายเถอะ" ต้วนหลงเทียนกล่าวออกมา

"ขอรับ นายท่าน" แล้วฉงเฉวียนก็นั่งลงทันที

ในระหว่างงานร่วมรับประทานอาหารค่ำคนของตระกูลลี่ทั้งหมดก็ได้รับรู้เรื่องราวของต้วนหลิงเทียนทั้งหมดหลังจากที่ออกเดินทางไปยังตระกูลลี่สาขาหลักที่เมืองออโรร่า ... และพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเคารพนับถือต้วนหลิงเทียนออกมา คำกล่าวที่ว่า เพชรนั้นแม้จะอยู่ที่ใด ก็ย่อมเปล่งประกายออกมาเสมอ

ได้รับอันดับที่ 1 ในงานชุมนุมมังกรซ่อน ผ่านการทดสอบรวมทั้งผ่านการฝึกฝนค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็ก จนได้รับคุณสมบัติในการเข้าร่วมสถาบันบ่มเพาะขุนพล เกียรติยศที่ต้วนหลิงเทียนได้ประสบความสำเร็จนั้น อดไม่ได้ที่จะทำให้ลี่หนันเฟิงและเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลลี่ตกตะลึงอย่างถึงขีดสุด!

"ฮ่าๆ!ข้าไม่คิดเลยว่าสาวกของตระกูลลี่สาขาเมืองวายุโปรยของพวกเรา จะให้กำเนิดผู้ที่มีความสำเร็จมากมายถึงเพียงนี้ได้” อาวุโส 6 นามว่าลี่ปิงกล่าวชื่นชมหลิงเทียนออกมาพร้อมทั้งยกจอกสุราคารวะหนึ่งจอก ทั้งยังกล่าวออกมาด้วยความเสียใจเล็กน้อย "ต้วนหลิงเทียน ข้าเคยสร้างความลำบากให้แก่เจ้าในกาลก่อนเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ข้าหวังว่าเจ้าจะเมตตาอภัยให้ในความผิดพลาดที่แสนโง่เขลาของข้า"

ลี่ปิงผู้นี้เคยสมคบคิดกับลี่คุนเพื่อสร้างความลำบากให้แก่ต้วนหลิงเทียน ยามนี้ในหัวใจของเขาล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ทุกครั้งที่เขาคิดถึงเรื่องราวในอดีตอดไม่ได้ที่เขาจะบังเกิดความเสียใจออกมาอย่างแสนสาหัส

"ผู้อาวุโส 6 อย่าได้กล่าวแล้ว ในยามนั้นท่านเพียงยืมมือฟางเจี้ยนผู้ดูแลตระกูลฟางให้มาเล่นงานข้าเท่านั้น และเรื่องพวกนี้ข้าก็ได้จัดการแก้ปัญหาได้อย่าง่ายดาย นอกจากนี้ท่านก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้ข้าอีก หากจะกล่าวไปตัวท่านเองก็หาได้มีเรื่องราวอะไรกับข้าโดยตรงไม่ เช่นนั้นก็ขอให้ท่านลืมมันไปเถอะ พวกเราไม่ได้มีอะไรติดค้างกันอีกแล้ว" หลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม ในขณะที่ยกจอกสุราดื่มให้แก่อาวุโส 6

"เช่นนั้นข้าขอปรับตัวเอง อีกหนึ่งจอก" ลี่ปิงรินสุราอีกจอก ก่อนที่จะยกขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมด

"ต้วนหลิงเทียน หลังจากที่เจ้าคิดจะเดินทางไปครั้งนี้ ข้าสงสัยนักว่าเจ้าจะมีโอกาสมาเยี่ยมพวกเราได้อีกครั้งเมื่อไหร่กัน” อาวุโส 5 ลี่ติง กล่าวออกมาพร้อมถอนหายใจ

ผู้อาวุโสคนอื่นๆเองก็ถอนหายใจกับเรื่องนี้ออกมาด้วยเช่นกัน

"ท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย แม้แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกครั้งเมื่อไหร่ แต่ข้าต้วนหลิงเทียนจะจดจำไว้เสมอว่าตัวข้าเองก็เป็นสาวกของตระกูลลี่แห่งเมืองวายุโปรยนี้คนหนึ่ง หลังจากที่ข้าจากไปครานี้ ข้าจะไปขอให้ประมุขของตระกูลหลัก เข้ามาดูแลตระกูลลี่แห่งเมืองวายุโปรยนี้อย่างดี " ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาช้าๆ

และคำกล่าวนี้ของเขาทำให้เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายเบิกตากว้างออกมาด้วยความดีใจ!

พวกเขาล้วนเข้าใจว่ายามนี้ต้วนหลิงเทียนนั้นได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมสถาบันบ่มเพาะขุนพลเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าเขาต้องได้รับความดีความชอบและรางวัลใหญ่หลวงจากเกียรติยศที่หลิงเทียนนำมาในครั้งนี้ และประมุขตระกูลหลักย่อมยินดีที่จะทำอะไรเพื่อเป็นการช่วยเหลือต้วนหลิงเทียนอย่างไม่ขัดข้องเขาคงไม่คิดปฏิเสธคำขอเพียงเท่านี้ของต้วนหลิงเทียน

"ต้วนหลิงเทียนตระกูลลี่แห่งเมืองวายุโปรยแห่งนี้จะเป็นบ้านของเจ้าเสมอ ยามใดที่เจ้ารู้สึกเหนื่อยล้าจากการเดินทาง เจ้าสามารถกลับมาที่แห่งนี้ได้ตลอดเวลา พวกเราจะเปิดประตูรอต้อนรับเจ้าด้วยความยินดี!" ลี่หนันเฟิงกล่าวออกมาด้วยความจริงใจ ก่อนที่จะยกสุราขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมดจอก

"ข้าจะจดจำมันเอาไว้ในใจ" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับอย่างจริงจัง

คืนนั้นต้วนหลิงเทียนก็กลับมายังบ้านพักประจำของเขา ลานกว้างและห้องหับล้วนสะอาดสะอ้าน เห็นได้ชัดว่ามันถูกทำความสะอาดอย่างดีเป็นประจำ

"ลูกพี่…นี่เป็นเพราะท่านผู้อาวุโสหลักจัดการทั้งสิ้น ท่านผู้อาวุโสกล่าวเอาไว้ว่าจะอย่างไรสักวันหนึ่งท่านก็ต้องกลับมาที่นี่ไม่ช้าก็เร็ว... น่าเสียดายนักที่ท่านผู้อาวุโสหลักไม่มีโอกาสได้เห็นท่าน ในยามที่ท่านกลับมาเช่นนี้" ไขมันน้อยลี่ซวนที่เดินตามหลังหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยความเศร้าก่อนที่จะถอนหายใจ

"ท่านผู้อาวุโสหลัก... " ตอนแรกต้วนหลิงเทียนเองก็สงสัยว่าเป็นผู้ใดที่มีน้ำใจเช่นนี้ เขาไม่คิดเลยว่าแม้กระทั่งเรื่องนี้ก็เป็นฝีมือของผู้อาวุโสหลัก

อดไม่ได้ที่หัวใจของเขจะสั่นสะท้านขึ้นมาด้วยความตื้นตัน

"ผู้อาวุโสหลัก ท่านไม่ต้องกังวลอีกต่อไป ตราบใดที่ข้าต้วนหลิงเทียนยังมีชีวิตอยู่ ตระกูลลี่ที่ท่านทุ่มเทปกป้องมันเอาไว้ด้วยชีวิต จะได้รับความเป็นอยู่ที่ดี!” ต้วนหลิงเทียนแหงนหน้าขึ้นมาท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเดือนดาราเปล่งประกายพร่างพราว พร้อมกล่าวให้คำมั่นออกมาจากส่วนลึกของใจ

ในฐานะที่เป็นถึงผู้หลอมโอสถระดับ 9 ผู้อาวุโสหลักลี่หัวนั้นมีทางเลือกมากมาย แม้กระทั่งจะเข้าไปเป็นผู้หลอมโอสถประจำของตระกูลหลักเขาก็สามารถกระทำได้โดยง่าย ... แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้กระทำเช่นนั้น!

ชีวิตทั้งชีวิตของเขาอุทิศให้แก่ตระกูลลี่แห่งเมืองวายุโปรยที่เขารัก โดยไม่ได้มีขอเรียกร้องใดๆทั้งสิ้น

ในใจของหลิงเทียนนั้น ผู้อาวุโสหลัก ลี่หัวควรค่าแก่การเคารพอย่างสูง

"เจ้าอ้วน วิ่งไปเอาสุรามา 2 ไหเร็ว วันนี้ข้าจะดื่มกับเจ้า" ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับไขมันน้อยด้วยรอยยิ้ม

"ได้เลยลูกพี่!" ไขมันน้อยรีบพยักหน้ารับคำด้วยความยินดี ก่อนที่จะวิ่งไปด้วยอารมณ์เบิกบาน พุงกลมๆของมันกระเพื่อมไปมาแลดูน่าขบขันนัก

ทว่าต้วนหลิงเทียนเพิ่งเริ่มดื่มกับเจ้าอ้วนได้ไม่นาน ก็มีแขกที่ไม่คาดคิดปรากฏขึ้นที่ลานบ้านของเขา ...เป็นเฉินเม่ยเอ๋อ บุตรีของประมุขตระกูลเฉิน ที่เดินมาเพียงลำพัง

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว "แม่นางเฉินเม่ยเอ๋อ ท่านมาถึงที่นี่เพื่อตามหาข้าหรือ?"

"ต้วนหลิงเทียนข้ามที่นี่เพื่อขออภัยเจ้า สำหรับการกระทำของบิดาและผู้อาวุโสหลักของตระกูลข้า" ใบหน้าของเฉินเม่ยเอ๋อฉายแววเจ็บปวดเล็กน้อย

นางไม่เคยคาดฝันเลยว่าเยาวชนคนนั้นจะเติบโตจนสูงส่งถึงเพียงนี้ ... เขากลายเป็นตัวตนที่นางทำได้เพียงแหงนมองขึ้นไปชั่วชีวิต! ซ้ำเขายังเริ่มห่างไกลและอยู่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ...

"ขออภัยข้าหรือ?" ต้วนหลิงเทียนหัวเราะลั่นออกมาจะ "เจ้าจะมาขออภัยข้าเรื่องอะไรเล่า ถ้าเจ้ามาเพราะเรื่องแค่นี้ เช่นนั้นแม่นางเฉินเม่ยเอ๋อก็กลับไปเสียเถอะ ข้าไม่อยากพบเจ้า"

ตัวเขาย่อมได้รับฟังท่าทีของตระกูลเฉินมาแล้วในยามที่ตระกูลลี่ประสบภัยพิบัติ และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขารังเกียจตระกูลเฉินขนาดไหน

"เจ้า ... " เฉินเม่ยเอ๋อเองก็รู้สึกไม่พอใจและขุ่นเคือง ในขณะที่นางกำลังจะกล่าวออกไปด้วยโทสะ นางพลันเหลือบไปเห็นฉงเฉวียนที่ยืนอยู่ด้านหลังของต้วนหลิงเทียน กำลังจ้องมองนางด้วยแววตาเย็นชา นางพลันหวาดกลัวจนสีหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดทันที

ถ้านางคาดเดาไม่ผิด ชายคนนี้คือผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้อันสูงส่งที่กำลังถูกร่ำลือกันอย่างหนาหูในเมืองวายุโปรยขณะนี้ และเขาเองก็เป็นเพียงคนรับใช้ของต้วนหลิงเทียนเท่านั้น

"ต้วนหลิงเทียน ท่านพ่อและผู้อาวุโสหลักของตระกูลข้า แน่นอนว่าย่อมอยากช่วยเหลือตระกูลลี่ แต่ผู้ใดจะไปคิดฝันกันล่ะว่า บรรพชนรองของตระกูลฟางจะทรงอำนาจถึงเพียงนั้น หากตอนนั้นท่านพอและผู้อาวุโสหลักลงมือ แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมไม่พ้นหายนะ ... ท่านพ่อและผู้อาวุโสหลักเองก็ต้องเห็นแก่ตระกูลเฉินและเลือกหนทางนี้ เนื่องจากพวกเราหาได้มีตระกูลหลักที่จะคอยให้ความช่วยเหลือดั่งเช่นตระกูลลี่ของเจ้า” เฉินเม่ยเอ๋อพยายามกล่าวคำอธิบายออกมา

"แม่นางเฉินเม่ยเอ๋อข้าคิดว่าเจ้าคงเข้าใจข้าผิดแล้ว จริงๆแล้วข้าเองก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อันใดกับตระกูลเฉินของเจ้า ไม่สิ…ตระกูลลี่เองก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลเฉินของเจ้า ตระกูลเฉินของเจ้าเพียงการค้าร่วมกันกับตระกูลลี่เพียงครั้งหนึ่งเท่านั้น! และตอนนี้ ตระกูลลี่เองก็คงไม่ต้องการความร่วมมือนี้อีกต่อไป! ฉงเฉวียน ส่งแขกให้ข้า "

ต้วนหลินเทียนละความสนใจและเมินเฉินเม่ยเอ๋ออย่างสิ้นเชิง ก่อนที่จะหันมามองเจ้าอ้วนด้วยรอยยิ้ม "เอาล่ะลี่ซวน เรามาดื่มกันต่อเถอะ!วันนี้พวกเราจะดื่มกันให้หนำใจ จากกันครั้งนี้ข้าเองก็ไม่รู้ว่าพวกเราพี่น้องจะได้เจอกันอีกทีเมื่อไหร่"

"ลูกพี่ ข้าจะขยันบ่มเพาะอย่างแข็งขันและเมื่อข้าแข็งแกร่งแล้ว ข้าจะได้ไปหาท่านถึงเมืองหลวงไงเล่า !" ลี่ซวนกล่าวออกมาอย่างตั้งใจ

"ฮ่าๆ อย่างนั้นเจ้าต้องพยายามอย่างหนักแล้วล่ะ" ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน

"แม่นางเฉิน เชิญ" ฉงเฉวียนเดินไปหาเฉินเม่ยเอ๋อก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนที่จะเดินมาหยุดตรงหน้าของนาง นั่นทำให้ใบหน้าของนางซีดลงก่อนที่จะรีบเดินจากไปเพราะความหวาดกลัว

ก่อนที่จะจากไปนางอดไม่ได้ที่จะหันไปมองต้วนหลิงเทียนเป็นครั้งสุดท้าย และนางก็สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าตั้งแต่ตอนที่หลิงเทียนกล่าวจบเขาก็ไม่เคยเหลือบมองมาที่นางอีกเลย...

"ท่านพ่อ ท่านผู้อาวุโสหลัก ... ทางเลือกของพวกท่านได้ตัดความสัมพันธ์ที่พวกเราเคยมีกับตระกุลลี่ลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว ... " เฉินเม่ยเอ๋อเดินทางมาด้วยความเสียใจ และสุดท้ายนางก็กลับไปด้วยความเสียใจอีกเช่นกัน

"เอาล่ะลี่ซวน พรุ่งนี้ข้าก็จะออกเดินทางไปจากตระกูลลี่ตั้งแต่เช้าตรู่ คงไม่ได้ไปลาท่านประมุขและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ... เจ้าก็ไปบอกให้ท่านประมุขไม่ต้องกังวลอะไร เพราะต่อจากนี้ไป จะมีคนส่งโอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 6 กระบวนมาให้เป็นประจำ " หลิงเทียนกล่าวฝากฝังลี่ซวน

จากโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับผู้อาวุโสหลัก ทำให้หลิงเทียนเข้าใจว่า ไม่อาจให้ตระกูลลี่ถือครอง สูตรโอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 6 กระบวนได้อีกต่อไป เพราะถ้ายังคงเป็นเช่นนั้น ไม่นานหายนะครั้งใหม่ต้องเกิดกับตระกูลลี่แห่งเมืองวายุโปรยนี่อีกครั้งเพราะความโลภของผู้คนอย่างแน่นอน ดังคำกล่าวที่ว่า คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก!

เขาเองก็ได้วางแผนไว้แล้วว่าเมื่อกลับไปถึงเมืองออโรร่าเขาจะไปบอกถังจิ้ง ให้ส่งมอบโอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 6 กระบวนให้แก่ตระกูลลี่สาขาเมืองวายุโปรยเป็นประจำ

ด้วยวิธีนี้ทุกปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น ก็จะได้รับการแก้ไขทันที

รีวิวผู้อ่าน